คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าหญิงแคทเธอรีน เจ้าหญิงกรีกองค์สุดท้าย (ที่มีอำนาจนะ)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
![](http://www.corbisimages.com/images/Corbis-U306846ACME.jpg?size=67&uid=9bef624f-78bd-43de-a110-f82293344ff6)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
![](http://www.corbisimages.com/Images/spacer.gif)
เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งกรีซและเดนมาร์ก (Princess Katherine of Greece and Denmark) หรือว่า เลดี้ แคทเธอรีน แบรนด์แรม (Lady Katherine Brandram; 4 พฤษภาคมพ.ศ. 2456 - 2 ตุลาคมพ.ศ. 2550) ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่สามและองค์เล็กในสมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 1 แห่งกรีซ (พ.ศ. 2411 - พ.ศ. 2466) และ เจ้าหญิงโซฟีแห่งปรัสเซีย (พ.ศ. 2413 - พ.ศ. 2475) และทรงเป็นพระราชปนัดดาหญิงซึ่งทรงพระชนม์ชีพอยู่พระองค์สุดท้ายในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (โดยพระราชปนัดดาชายพระองค์สุดท้ายที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ขณะนี้คือ เค้านท์ คาร์ล โยฮัน เบอร์นาด็อต (พระชนมายุ 91 ชันษา)
[แก้] ชีวิตในวัยเยาว์
เจ้าหญิงแคทเธอรีนประสูติในวันที่ 4 พฤษภาคมพ.ศ. 2456 ณ พระราชวังหลวง กรุงเอเธนส์ ไม่กี่สับดาห์หลังจากสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 1 แห่งกรีซ พระอัยกาทรงถูกลอบปลงพระชนม์ที่เมืองซาโลนิกา พระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาองค์ที่สามและองค์สุดท้ายในสมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 1 แห่งกรีซ พระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 1 แห่งกรีซ และ แกรนด์ดัชเชสโอลกา คอนสแตนตินอฟนาแห่งรัสเซีย กับ เจ้าหญิงโซฟีแห่งปรัสเซีย พระราชธิดาพระองค์ที่สามในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3 แห่งเยอรมนีและเจ้าหญิงวิกตอเรีย พระวรราชกุมารี เป็นพระราชธิดาองค์ใหญ่ในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียและเจ้าชายอัลเบิร์ตแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา
เจ้าหญิงทรงมีพระเชษฐาสามพระองค์คือ สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 สมเด็จพระราชาธิบดีอเล็กซานเดอร์ที่ 1 และสมเด็จพระราชาธิบดีพอลที่ 1 ซึ่งได้ทรงเป็นพระราชาธิบดีแห่งกรีซทุกพระองค์ และมีพระภคินีสองพระองค์คือ เจ้าหญิงเฮเลน ซึ่งอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชาธิบดีคาโรลที่ 2 แห่งโรมาเนีย และ เจ้าหญิงไอรีน นอกจากนั้นยังทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งของเจ้าฟ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินเบอระอีกด้วย เมื่อตอนทรงรับศีลล้างบาป พระองค์ทรงมีเหล่าทหารในกองทัพบกและกองทัพเรือกรีก ทั้งหมดเป็นพ่อและแม่ทูนหัว
ชีวิตในวัยเยาว์ของพระองค์เป็นแบบผสมระหว่างการเป็นเจ้าหญิงและคนเร่ร่อน เนื่องจากพระราชวงศ์กรีกต้องลี้ภัยเข้าและออกนอกประเทศ ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 พระชนกและชนนีของเจ้าหญิงทรงถูกกล่าวหาว่าฝักใฝ่ฝ่ายเยอรมัน และความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและกรีซตึงเครียดมากขึ้น พระชนม์ชีพของทั้งสองพระองค์ตกอยู่ในอันตราย อันที่จริงแล้วเจ้าหญิงแคทเธอรีนต้องทรงได้รับการปกป้องจากการถูกลักพาตัว ขณะที่ความทรงจำระยะแรกมีแต่ปืนกลและปืนไรเฟิล เมื่อปี พ.ศ. 2459 พระองค์ทรงอยู่ในอ้อมพระกรของพระชนนีที่วิ่งเป็นระยะทางสองไมล์จากพระราชวังตาตอย ซึ่งเป็นพระราชฐานของพระราชวงศ์กรีก ที่ส่วนหนึ่งถูกเผาโดยกลุ่มตำรวจลับ อีกหนึ่งปีต่อมาเมื่อพระชนมายุ 4 ชันษา เจ้าหญิงได้เสด็จลี้ภัยออกนอกประเทศพร้อมกับพระชนกและพระชนนีไปประทับยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์
[แก้] การลี้ภัยนอกประเทศ
สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 1 ทรงเป็นกษัตริย์แห่งกรีซต่ออีกเป็นเวลาสองปีในระหว่าง พ.ศ. 2463 และ พ.ศ. 2465 ก่อนการสละราชสมบัติและเสด็จลี้ภัยออกนอกประเทศอีกครั้งหนึ่ง พระองค์เสด็จออกจากกรุงเอเธนส์ในตอนกลางคืนของวันที่ 30 กันยายน และแล่นเรือไปยังเมืองปาเลร์โม เมืองหลวงของเกาะซิซิลี พร้อมกับสมเด็จพระราชินีโซฟี เจ้าหญิงแคทเธอรีน และเจ้าชายนิโคลาส เมื่อวันที่ 11 มกราคมพ.ศ. 2465 เจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่รีบไปเฝ้าพระบิดายังข้างพระแท่นบรรทมเมื่อพระองค์ทรงหมดสติในโรงแรมวิลลาอิกียาและเสด็จสวรรคตโดยไม่ทรงฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกเลย
หลังจากนั้นครอบครัวก็ได้ลี้ภัยเป็นระยะเวลาหลายปีในเมืองฟลอเรนซ์ โดยอาศัยอยู่ที่ตำหนักวิลลาสปาร์ตา ซึ่งเจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงเป็นช่างสียอดฝีมือ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์มาก พระองค์ทรงมีพระอาจารย์ชาวอังกฤษและเสด็จไปเรียนในเมืองบรอดสแตร์และในเมืองนอร์ธฟอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ พระชนนีของเจ้าหญิงเสด็จสวรรคตในเดือนมกราคม พ.ศ. 2475 และนับแต่นั้นทรงไปประทับอยู่กับสมเด็จพระราชินีเฮเลน พระภคินีที่ยังคงประทับอยู่ในตำหนักวิลลาสปาร์ตา เมืองฟลอเรนซ์
เมื่อปี พ.ศ. 2477 พระองค์ทรงเป็นเพื่อนเจ้าสาว (ร่วมกับสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษองค์ปัจจุบัน) ของเจ้าหญิงมารีนา เมื่ออภิเษกสมรสกับดยุคแห่งเคนต์ที่มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ ในปี พ.ศ. 2478 พระองค์ทรงเดินทางรอบโลก โดยเสด็จเยือนฮอลลีวูดในฐานะนักท่องเที่ยวคนหนึ่ง แต่ต้องรีบเสด็จออกจากฮอลลีวูดด้วยความเร่งรีบเมื่อมีคนในวงการบันเทิงพยายามที่จะทำให้พระองค์ทรงรับการเสนอให้เล่นภาพยนตร์
เมื่อเดือนพฤศจิกายนพ.ศ. 2478 ระบอบราชาธิปไตยในประเทศกรีซได้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 พระเชษฐาพระองค์ใหญ่เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ ในปีต่อมาพระองค์และเจ้าหญิงไอรีน พระภคินีเสด็จกลับกรุงเอเธนส์ ซึ่งได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านสังคมและสวัสดิการมากมาย ชาวกรีกมองว่าพระองค์ทรง"เปิดเผย มีชีวิตชีวาและไม่เสแสร้ง" ช่วงการเกิดสงครามในปี พ.ศ. 2482 พระองค์ทรงเข้าร่วมกับกาชาดกรีก โดยทรงปฏิบัติงานอยู่ในโรงละครที่เปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติการและคุ้นเคยกับการดูแลผู้บาดเจ็บจากสงคราม อีกทั้งพระองค์ทรงรักษาพยาบาลเหล่าทหารอากาศที่ทรงได้รู้จักทางสังคมในช่วงสงครามสงบอยู่บ่อยครั้งด้วย
ในเดือนเมษายนพ.ศ. 2484 เจ้าหญิงแคทเธอรีนโดยเสด็จพร้อมกับมกุฎราชกุมารพอล พระเชษฐา มกุฎราชกุมารีเฟรเดริกา พระชายา พระโอรสและธิดา เจ้าหญิงแอสปาเซียและเจ้าหญิงอเล็กซานดรา พระธิดาบนเรือซันเดอร์แลนด์ในการเสด็จออกจากประเทศกรีซ ทุกพระองค์เสด็จยังที่เกาะครีตและประเทศอียิปต์ และในที่สุดเจ้าหญิงแคทเธอรีนและมกุฎราชกุมารีเฟรเดริกา พร้อมด้วยพระโอรสและธิดาประทับลี้ภัยอยู่ที่ประเทศแอฟริกาใต้ เจ้าหญิงไม่ทรงทรงทราบข่าวของสมเด็จพระราชินีเฮเลน พระภคินีเลยเป็นเวลาสี่ปี
ทุกพระองค์ประทับอยู่ในบังกะโลเล็กหลังหนึ่งซึ่งมีห้าห้องและปรุงอาหารเสวยกันเอง เจ้าหญิงแคทเธอรีนทรงรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บอยู่เป็นเวลาหกเดือนที่โรงพยาบาลทหารไวน์เบิร์กในเมืองเคปทาวน์ และหลังจากนั้นทรงเป็นปฏิบัติงานด้านสงครามอาสาสมัครเป็นเวลาสองปีครึ่งในบ้านทอมบานีของนักบุญดันสแตน ซึ่งพระองค์ทรงดูแลผู้ตายที่ตาบอดจากทะเลทรายตะวันตก โดยทั้งนี้พระองค์ทรงงานในนามแม่ชีแคทเธอรีน
[แก้] อภิเษกสมรส
หลังจากสงครามสิ้นสุดลง เจ้าหญิงแคทเธอรีนเสด็จกลับประเทศอียิปต์และแล่นเรือไปยังกรุงลอนดอนด้วยเรืออาสกาเนียเมื่อปี พ.ศ. 2489 เพื่อไปพบกับสมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 พระเชษฐา และได้ทรงพบกับนายทหารปืนใหญ่หลวงที่มีเหรียญกางเขนทหารชื่อ พันตรี ริชาร์ด แคมป์เบลล์ แอนดรูว์ แบรนด์แรม (5 สิงหาคมพ.ศ. 2454 - 28 มีนาคมพ.ศ. 2537) บุตรชายของอธิการบดีที่เกษียณแล้วของโรงเรียนเตรียมแห่งหนึ่งในเมืองบิคลีย์ มณฑลเคนต์ เจ้าหญิงทรงเมาคลื่นขณะประทับอยู่บนเรือแต่ได้ทรงพบกับเขาคนนั้นอีกครั้งหนึ่งเมื่อเรือจอดเทียบท่าที่เมืองลิเวอร์พูลและทั้งสองตกลงที่จะไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน อีกสามสัปดาห์ต่อมาทั้งสองก็ได้หมั้นกันอย่างลับๆ เมื่อมาถึงเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2490 สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 ทรงประกาศการหมั้นของทั้งสองคนด้วย "ความพอพระทัยเป็นพิเศษ"
พิธีอภิเษกสมรสมีกำหนดจะจัดขึ้นในเดือนเมษายนพ.ศ. 2490 แต่สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 เสด็จสวรรคตด้วยอาการพระหทัยวายเฉียบพลันในสามสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เจ้าหญิงแคทเธอรีนประทับอยู่ในพระราชวังเมื่อพระองค์ทรงประชวร ดังนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีพอลที่ 1 กษัตริย์พระองค์ใหม่จึงทรงทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวแทน โดยทรงฉลองแว่นข้างเดียวเป็นแบบแผนและแถบไว้ทุกข์ในวันอภิเษกสมรสเมื่อ 21 เมษายนพ.ศ. 2497 ณ พระราชวังหลวง กรุงเอเธนส์ หลังจากนั้นทั้งสองได้ออกเดินทางไปยังกรุงแบกแดด ที่ซึ่งเจ้าหญิงทรงเริ่มเตินชีวิตการเดินทางในฐานะภริยานายทหารแห่งกองทัพบกอังกฤษ
เมื่อทั้งสองคนกลับมาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เจ้าหญิงแคทเธอรีนได้ทรงสละฐานันดรศักดิ์เจ้าหญิงแห่งกรีซและเดนมาร์กเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมพ.ศ. 2490 และต่อมาสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชทานพระอิสริยยศให้กับเจ้าหญิงเป็นเลดี้ แคทเธอรีน แบรนด์แรม โดยมีลำดับโปเจียมเทียบเท่ากับบุตรีของดยุคเมื่อในวันที่ 9 กันยายนพ.ศ. 2490 อีกทั้งยังได้ทรงเป็นแขกในงานพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเอลิซาเบธ กับ ร้อยโท ฟิลิป เมานท์แบ็ตเต็น ในเดือนพฤศจิกายนด้วย
เลดี้ แคทเธอรีน แบรนด์แรม และ พันตรี ริชาร์ด แบรนด์แรม มีบุตรชายหนึ่งคน คือ
- พอล แบรนด์แรม (ริชาร์ด พอล จอร์จ แอนดรูว์ แบรนด์แรม; เกิด 1 เมษายนพ.ศ. 2491)
- สมรสวันที่ 12 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2518 ณ กรุงลอนดอน หย่าร้างวันที่ 16 มิถุนายนพ.ศ. 2536 กับ เจนนิเฟอร์ ไดแอน สตีล (เกิด 23 สิงหาคมพ.ศ. 2494) มีบุตรธิดาสามคน
[แก้] ปลายพระชนม์ชีพ
เลดี้ แคทเธอรีน แบรนด์แรมและพันตรี ริชาร์ด แบรนด์แรมอาศัยอยู่ในจัตุรัสอีตันในช่วงแรก แต่ต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมาร์โลว์ มณฑลบัคกิงแฮมไชร์ พันตรีแบรนด์แรมถึงแก่กรรมด้วยโรคร้ายแรงชนิดหนึ่งในปี พ.ศ. 2537 ขณะมีอายุ 82 ปี การปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งสุดท้ายครังหนึ่งของเลดี้แคทเธอรีน คือการมาร่วมงานอภิเษกสมรสของมกุฎราชกุมารพอลแห่งกรีซในฤดูร้อนของปี พ.ศ. 2538 ซึ่งได้นั่งอยู่บนรถเข็น นอกจากนี้เลดี้ก็ยังเข้าร่วมพิธีทางศาสนาครบรอบ 80 พรรษาของดยุคแห่งเอดินเบอระที่โบสถ์เซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2544 อีกด้วย
นับจากการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงเบียทริซแห่งสเปนเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนพ.ศ. 2545 เลดี้ แคทเธอรีนจึงเป็นพระราชปนัดดาหญิงที่มีพระชนม์ชีพอยู่เป็นพระองค์สุดท้ายของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย อีกทั้งยังทรงเป็นพระราชนัดดาหญิงพระองค์สุดท้ายในสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนีด้วย การสิ้นพระชนม์ในวันที่ 2 ตุลาคมพ.ศ. 2550 ณ เมืองมาร์โลว์ มณฑลบัคกิงแฮมไชร์ (94 ชันษา 4 เดือน 28 วัน) ทำให้มีพระราชปนัดดาที่ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียเพียงพระองค์เดียวคือ เค้านท์ คาร์ล โยฮัน เบอร์นาด็อต อดีตเจ้าชายแห่งสวีเดน (ประสูติ 31 ตุลาคมพ.ศ. 2459)
ความคิดเห็น