ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประวัติบุคคลสำคัญ

    ลำดับตอนที่ #10 : จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีหนุ่มไฟแรงแห่งสหรัฐอเมริกา

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 55


     

    ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John Kennedy) แห่งสหรัฐอเมริกา เจ้าของวาทะ "จงอย่าถาม ว่าประเทศชาติ จะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่า ท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ" เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2460

    จอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ เคนเนดี (John Fitzgerald Kennedy) หรือ จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy) ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2460 ณ เมืองบรู๊คลิน รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นลูกชายคนที่ 2 ของ โจเซฟ พี. เคนเนดี อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกัน ประจำราชสำนักเซนต์เจมส์แห่งอังกฤษ เมื่ออายุ 10 ขวบได้ย้ายมาอยู่ที่นิวยอร์ค และเรียนโรงเรียนมัธยมในคอนเนตทิคัต จนกระทั่งจบการศึกษาปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อปี พ.ศ.2483

    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขารับใช้ชาติอยู่ในหน่วยนาวิกโยธิน โดยในปี พ.ศ.2486 หลังจากที่อ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ถูกญี่ปุ่นโจมตี

    เคนเนดีซึ่งในขณะนั้น ติดยศเรือโท ได้รับมอบหมาย ให้ไปประจำการ ที่เกาะโซโลมอน ซึ่งเป็นศูนย์กลาง ของการรบในสงครามแปซิฟิก โดยเขาได้รับ เหรียญกล้าหาญ ในฐานะวีรบุรุษ ผู้บังคับการเรือลาดตะเวนสหรัฐอเมริกา

    หลังจากสงครามสงบ เขาทำงานเป็น ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์อยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเคนเนดี เริ่มต้นเข้าสู้เส้นทางการเมือง โดยดำรงตำแหน่งวุฒิสภา รัฐแมสซาชูเซตส์ สังกัดพรรคเดโมแครต หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2503 เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทน เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี คู่กับริชาร์ด เอ็ม นิกสัน
    (Richard M. Nixon) จากพรรครีพับลิกัน ระหว่างการหาเสียง เคนเนดีถูกฝ่ายตรงข้าม โจมตีด้วยเรื่อง ขาดประสบการณ์ทางการเมือง

    แต่ด้วยบุคลิกภาพ และการพูดจาคล่องแคล่ว ชัดเจนและถูกต้อง รวมทั้งความมั่นใจในตัวเอง ทำให้สามารถลบข้ออ้างเรื่องอายุไปได้ โดยสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ ขึ้นรับตำแหน่ง เป็นประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกาด้วยวัยเพียง 43 ปี ชาวอเมริกันต่างชื่นชมเขา ในภาพลักษณ์หนุ่มไฟแรง และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ซึ่งมาจากสกุลมหาเศรษฐี และมีแนวความคิดเป็นเสรีนิยม นอกจากนี้แจ็กลีน เคนเนดี (Jacqueline Kennedy) ภรรยาของเขาในฐานะ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ยังสามารถทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้เป็นอย่างดี

    \
    \

    ในการบริหารประเทศ เคนเนดี แถลงการต่อสภาคองเกรสในปี พ.ศ.2504 ว่าชาวอเมริกันกำลังพบกับความท้าทาย โดยให้สภาอนุมัติงบประมาณ ในการส่งมนุษย์ ไปลงบนดวงจันทร์และเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย

    นอกจากนี้ เขายังมีนโยบายด้านการต่างประเทศ เพื่อยุติปัญหาทางการเมือง ในสมัยนั้น ด้วยการยื่นคำขาดให้โซเวียต ถอนฐานยิงขีปนาวุธ ในประเทศคิวบา รวมทั้งการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ในการห้ามทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ แต่นโยบายให้ความช่วยเหลือทางทหาร แก่เวียดนามใต้ กลับทำให้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของสงครามเวียดนามอันโหดร้าย ด้วยความเชื่อว่าแสนยานุภาพ และกองกำลังทหาร ที่อเมริกามีอยู่จะสามารถชนะ กองกำลังคอมมิวนิสต์ในเวียดนามได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงใกล้สิ้นวาระของการดำรงตำแหน่ง และเตรียมตัวเข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี เป็นสมัยที่ 2 เขาจึงตัดสินใจ ใช้การเจรจาทางการทูต เพื่อยุติสงคราม

    จนกระทั่งในวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2506 ขณะที่เคนเนดีและภรรยา กำลังพบประชาชน อยู่ในขบวนรถบนถนนดีเลย์พลาซ่า เมืองดัลลัส

    นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ (Lee Harvey Oswald) ได้ใช้ปืนไรเฟิล ยิงใส่ร่างของเคนเนดี 2 นัด


    โดยนัดแรกถูกบริเวณลำคอ ส่วนอีกนัดนั้นโดนเข้าที่ศีรษะ
    ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิต ที่โรงพยาบาลพาร์คแลนด์ เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว โดยลินดอน จอห์นสัน (Lyndon Johnson) รองประธานาธิบดีในขณะนั้น จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน

    ภายหลังจากจับออสวอลด์ได้ 2 วันต่อมา เขาก็ถูกยิงระหว่างนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ โดยคนลงมือคือ แจ็ก รูบี้ (Jack Ruby) เจ้าของกิจการไนท์คลับแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกจับได้ทันทีหลังก่อเหตุ โดยเขาให้เหตุผลว่า เพื่อแก้แค้นให้กับเคนเนดี และไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง

    อย่างไรก็ตาม เคนเนดีจบชีวิตลงโดยหลงเหลือไว้ แต่เพียงมีสุนทรพจน์อันคมคายว่า "Are you a politician asking what your country can do for you or a sealous one asking what you can do for your country" (จงอย่าถาม ว่าประเทศชาติ จะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวเองว่า ท่านจะให้อะไรแก่ประเทศชาติได้บ้าง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×