คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : พระสัมพันธวงศ์เธอ
เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินประพาสเยาวราชในวันตรุษจีน ได้ยินว่าวัดสัมพันธวงศ์เดิมชื่อวัดเกาะแก้ว หรือเรียกสั้นๆ ว่า วัดเกาะ เปลี่ยนชื่อเป็น วัดสัมพันธวงศ์ ตามพระนามพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี ผู้ทรงบูรณ์ปฏิสังขรณ์ในรัชกาลที่ ๑
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ (ในรัชกาลที่ ๕) |
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย (ในรัชกาลที่ ๕) |
พระสัมพันธวงศ์เธอนั้น เคยได้ยินแต่ในรัชกาลที่ ๕ ไม่เคยทราบว่าในรัชกาลที่ ๑ ก็มีพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้านายชั้นไหนระดับใดจึงจะมีคำนำพระนามว่า ‘พระสัมพันธวงศ์เธอ’-
ในรัชกาลที่ ๑ พระโอรสธิดาในพระเชษฐภราดาในพระเชษฐภคินีในพระราชอนุชาและในพระกนิษฐภคินี ที่เป็นชั้นเจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า มีคำนำพระนามว่า พระเจ้าหลานเธอ (หลานน้า หลานอา และหลานลุง) ทุกพระองค์ (เว้นแต่กรมพระราชวังหลัง หลานน้าพระองค์ใหญ่ ซึ่งโปรดเกล้าฯสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข)
ในรัชกาลที่ ๒ เจ้านายพระบรมวงศ์ชั้นนี้ ทรงอยู่ในฐานะ ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ
ไม่ปรากฏว่าทรงมีคำนำพระนามอย่างใดในหมายรับสั่ง และในพระราชพงศาวดาร ก็เรียกแต่เจ้าฟ้ากรมหลวง เจ้าฟ้ากรมขุน ที่ทรงอิสริยยศเป็นพระองค์เจ้ารับกรม ก็ออกพระนามกรมว่า กรมหมื่นนั้น กรมหมื่นนี้ เช่น กรมหมื่นนรินทรเทพ (พระโอรสพระองค์ใหญ่ในพระองค์เจ้ากุ-กรมหลวงนรินทรเทวี พระเจ้าน้องนางเธอในรัชกาลที่ ๑)
ถึงรัชกาลที่ ๓ ก็เช่นกัน ไม่ปรากฏว่ามีคำนำพระนามแสดงพระราชสัมพันธ์ คำนำพระนามเจ้านายพระบรมวงศ์ มีแต่ที่มีพระราชสัมพันธ์โดยตรง เช่น สมเด็จพระพันปีหลวง (แม่) พระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ (หลานปู่ที่เป็นพระองค์เจ้า ซึ่งมีเพียงพระองค์เดียว คือ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี) และพระหลานเธอ (หม่อมเจ้า หลานปู่หรือพระราชนัดดาโดยตรงลงมา)
จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๔ จึงได้โปรดฯให้ใช้คำนำพระนามเจ้านายที่เป็นพระเชษฐาและพระอนุชา ส่วนพระชนกชนนีของพระราชมารดา (สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี) และรวมทั้งที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพระราชมารดาด้วยว่า ‘พระสัมพันธวงศ์เธอ’
เจ้านายพระบรมวงศ์ หลานน้า หลานอา หลานลุง ในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งเป็นลุง เป็นน้า ในรัชกาลที่ ๔ ที่เป็น ‘พระสัมพันธวงศ์เธอ’ ปรากฏพระนามมีอยู่ ๑๐ พระองค์ คือ
๑. พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมขุนรามินทรสุดา เป็นพระธิดาองค์เดียวของ พระเจ้ารามณรงค์ (ขุนรามณรงค์ แต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา) พระเจ้ารามณรงค์ เป็น พระเชษฐาของรัชกาลที่ ๑ รองลงมาจาก สมเด็จพระพี่นาง พระองค์ใหญ่ (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า
กรมพระยาเทพสุดาวดี) พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมขุนรามินทรสุดา นี้ คนทั้งหลายเรียกกันว่า ‘เจ้าครอกชี’
‘เจ้าครอกชี’ นี้ เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาแตก พม่าได้กวาดต้อนไปพร้อมเชลยอื่นๆ ไปตกอยู่เมืองทวายถึง ๒๕ ปี ผนวชเป็นรูปชีอยู่
จนกระทั่งพระยาทวายขอสามิภักดิ์ และกราบบังคมทูลมาว่ามีพระราชภาคิไนยมาอยู่ที่เมืองทวายองค์หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯจึงโปรดฯให้เจ้าพระยายมราช (นามเดิมว่าทองอิน เป็นเจ้าพระยายมราชท่านแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ไม่ปรากฏว่ามีบุตรหลานสืบสายลงมา) ขึ้นไปทวาย
เจ้าพระยายมราช (ทองอิน) ได้จัดการส่งพระองค์เจ้าชีเสด็จโดยทางเรือจากเมืองทวาย มาถึงแม่น้ำน้อย เมืองกาญจนบุรี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ และ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล เสด็จออกไปรับพระองค์เจ้าชี ทั้งสองพระองค์
ความในพงศาวดาร กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า
‘เจ้าพระยายมราชก็ส่งพระองค์เจ้าชีมากับพระราชาพิมลแลข้าไทชาวกรุงตามเสด็จพระองค์เจ้าชีลงมาเป็นอันมาก...สมเดจพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ทรงไต่ถามทุกขศุขตั้งแต่ตกไปอยู่เมืองอังวะแล้ว หลบหลีกลงมาได้จนถึงเมืองทวาย พระองค์เจ้าชีเล่าถวายถึงความทุกขยากลำบาก แล้วก็ทรงพระกันแสง สมเดจพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ก็กลั้นน้ำพระเนตรมิได้ รับสั่งให้พระองค์เจ้าชีลงสรงอุทกวารีอยู่ที่หาดทรายทำไว้ในแม่น้ำน้อย แล้วสรงน้ำปริตรแล้วก็ให้เรียกเรือมารับพระองค์เจ้าชี แลข้าไทที่ตามมานั้นเปนเรือหลายลำด้วยกัน ก็ให้สนมกรมวังนำส่งพระองค์เจ้าชีเข้ามา ณ กรุงเทพฯ’
เจ้าครอกชีสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
ทรงสถาปนาพระอัฐิเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมขุนรามินทรสุดา
๒. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์
๓. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศ ต้นราชสกุล ‘นรินทรางกูร ณ อยุธยา’
๔. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าหญิงทองคำ
ทั้ง ๓ พระองค์ เป็นพระโอรสพระธิดาในสมเด็จพระพี่นางเธอ พระองค์ใหญ่ รัชกาลที่ ๑
๕. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ ต้นราชสกุล ‘เทพหัสดิน ณ อยุธยา’
๖. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอนรรคฆนารี (หรือ อนัคฆนารี)
๗. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี ต้นราชสกุล ‘มนตรีกุล ณ อยุธยา’
พระองค์นี้ ที่ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดเกาะแก้ว หรือ วัดเกาะ ในรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๔ โปรดฯพระราชทานชื่อวัดว่า ‘วัดสัมพันธวงศาวาส’ เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘วัดสัมพันธวงศ์’
๘. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ ต้นราชสกุล ‘อิศรางกูร ณ อยุธยา’
ตั้งแต่ที่ ๕-๘ เป็นพระโอรสธิดา ในสมเด็จพระพี่นางพระองค์น้อยรัชกาลที่ ๑ และเป็น ‘ลุง’ เป็น ‘ป้า’ เป็น ‘น้า’ แท้ๆ ของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
๙. พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนรินทรเทพ
๑๐. พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนเรนทร์บริรักษ์
สองพระองค์ที่ ๙ และ ๑๐ เป็นพระโอรสในพระองค์เจ้ากุ พระน้องนางเธอในรัชกาลที่ ๑ (ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาพระอัฐิเป็น กรมหลวงนรินทรเทวี)
ราชสกุลซึ่งสืบเนื่องลงมาจาก กรมหลวงนรินทรเทวี คือ ‘นรินทรกุล ณ อยุธยา’ ซึ่งคล้ายกันกับ ‘นรินทรางกูร ณ อยุธยา’
พระสัมพันธวงศ์เธอ ทั้ง ๑๐ พระองค์ เป็นพระสัมพันธวงศ์เธอ ในรัชกาลที่ ๔
ในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระเชษฐา และพระอนุชา พระกนิษฐาของ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระบรมราชชนนีของพระองค์ เลื่อนจาก หม่อมเจ้า เป็นพระองค์เจ้าและโปรดฯให้ใช้คำนำพระนามว่า ‘พระสัมพันธวงศ์เธอ’ ๖ พระองค์ด้วยกัน คือ
๑. พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามงคลเลิศ
๒. พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชมชื่น
๓. พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงพื้นพงศ์ประยุรวงศ์สนิท
๔. พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย พระชนนี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
๕. พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์
๖. พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์
ความคิดเห็น