คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #264 : เปรียบกรุงเทพฯ ว่าเป็นเวนิซตะวันออก
ได้ยินว่ากรุงเทพฯ คือเวนิซตะวันออกไปเวนิซมาแล้วไม่เห็นเหมือน-
-สะพานมัฆวานรังสรรค์ ข้ามคลองอะไรและที่เรียกกันว่าคลองรอบกรุง คลองไหนกันแน่ เดิมคิดว่าคือคลองที่เคยเรียกกันว่าคลองหลอด (ต่อมาเรียกคลองคูเมืองเดิม) ขอแผนที่ดูหน่อยก็ดีนะ-
แนวคลองผดุงกรุงเกษม ข้างสถานีหัวลำโพง ต่อมาสร้างถนนกรุงเกษม ขนานไปกับคลองที่เห็นตึกใหญ่สีขาว คือโรงภาพยนตร์กรุงเกษม |
คำถามแรกจากหนุ่มน้อย คำถามหลังจากคุณป้า ผู้เติบโตอยู่แถบชานเมืองสุขุมวิทโน้น บังเอิญนั่งรถเข้ามาผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ บอกว่าที่จริงผ่านมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าข้ามคลองอะไรไม่เคยสนใจ เพิ่งจะอยากรู้
ที่ฝรั่งไปว่ากันว่ากรุงเทพฯ เป็นเวนิซตะวันออกนั้น เป็นฝรั่งที่เข้ามากรุงเทพฯ สมัยเมื่อต้นรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๕ และ ๖ เมื่อต้นๆรัตนโกสินทร์นั้น ถนนหนทางยังไม่มี การเดินทางสัญจรไปมา ต้องใช้เรือนายเรือแจวไปตามแม่น้ำลำคลอง ส่วนถนนนั้น มีแต่เพียงแคบ ๆ สั้น ๆ ตามแนวคนเดินบ้าง เป็นถนนลูกรังสำหรับเกวียนหรือรถม้าบ้าง กรุยและถากกางพอให้ใช้ได้ ล้วนเป็นถนนดินหรือลูกรัง เฉพาะรอบพระบรมมหาราชวัง และรอบกำแพงเมืองด้านในเท่านั้น จึงจะเป็นถนนปูด้วยอิฐตะแคงเรียงแน่น ที่ต้องตะแคงอิฐก็เพื่อให้ฝังลึกลงไปในดิน แข็งแรงกว่า ปูลงไปเป็นแผ่นแบน ๆ
คลองมีความสำคัญอีกประการหนึ่งคือ ใช้สำหรับการป้องกันพระนคร ดังนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงเทพรัตนโกสินทร์ จึงโปรดฯให้ขุดคลองรอบกรุง (ปรากฏในแผนที่คือคลอง ๒-๒) ขยายพระนครออกไป พร้อมกันนั้นก็สร้างกำแพงเมืองด้านในคลอง และสร้างป้อมรักษากรุง เรียงรายไปตามกำแพงเมืองเป็นคลองรอบกรุงคลองแรก
ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ ขยายพระนครออกไปอีกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองผดุงกรุงเกษมโอบล้อมกรุงซึ่งลักษณะเป็นเกาะ เป็นคลองรอบกรุงชั้นนอก คลองรอบกรุงในสมัยรัชกาลที่ ๑ จึงเป็นคลองรอบกรุงชั้นใน แผ่นดินนี้ ขุดคลองแต่ไม่ได้สร้างกำแพงเมืองเลียบคลอง โปรดฯ ให้สร้างแค่ป้อม ๗ ป้อม เรียงรายตามริมคลอง ที่จริงป้อมสร้างเวลานั้นมี ๘ ป้อม แต่อีกป้อมหนึ่ง ข้ามไปอยู่ฟากธนบุรี ตรงปากคลองสาน ซึ่งบัดนี้ยังคงอยู่อีกป้อมเดียวใน ๘ ป้อม คือ ป้อมป้องปัจจามิตร ส่วนอีก ๗ ป้อม ทางฟากตะวันออก รื้อหมดแล้ว
วัดโสมนัสวิหาร สร้างในรัชกาลที่ ๔ เดิมมีศาลาท่าน้ำ อยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม (ดังในภาพ) |
ชื่อป้อมทั้ง ๘ คล้องจองกันน่าจำ คือป้องปัจจามิตร ปิดปัจจานึก ฮึกเหี้ยมหาญ ผลาญไพรีราบ ปราบศัตรูพ่าย ทำลายแรงปรปักษ์ หักกำลังดัสกร มหานครรักษา
สำหรับป้อมปราบศัตรูพ่ายนั้นเหลือแต่ชื่อ ซึ่งกร่อนลงเหลือแต่ ‘ป้อมปราบ’
ส่วนป้อมหักกำลังดัสกรอยู่แถวๆสะพานมัฆวานรังสรรค์
เรื่องเปรียบกรุงเทพฯว่าเป็นเวนิซตะวันออกเข้าใจกันว่า อาจจะเปรียบเทียบกันมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาก็เป็นได้ เพราะกรุงศรีอยุธยาก็มีสภาพเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบ มีเรือนแพตามแม่น้ำลำคลอง มีคลองมากและใช้เรือสัญจรไปมาเป็นส่วนมากเช่นกัน
คลองผดุงกรุงเกษมนั้นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดฯ ให้ขุดเมื่อ พ.ศ.๒๓๙๔ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ในปีนั้น โดยจ้างจีนให้ขุดอยู่ ๑๐ เดือน จึงแล้วเสร็จ (พ.ศ.๒๓๙๕)
ครั้นคลองขุดแล้วเสร็จ เมื่อเดือน ๙ (๑๔ สิงหาคม) ถึงเดือน ๑๑ (๑๐ ตุลาคม) ภายในปีนั้น สมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกขึ้นเป็นพระนางนาฎราชเทวี พระอัครมเหสีเสด็จสวรรคต
สะพานมัฆวานรังสรรค์ สร้างข้ามคลองผดุงกรุงเกษม พร้อมกับสร้างถนนราชดำเนินนอก ในรัชกาลที่ ๕ เห็นเรือแจวทั้งทางด้านหน้า และลอดใต้สะพานไป |
สมเด็จพระนางฯ พระองค์นั้น เมื่อสวรรคตทรงพระครรภ์ และมีพระประสูติกาลพระราชโอรส ทว่าพระราชโอรสสิ้นพระชนม์ในวันประสูติ โดยที่พระราชมารดาหาได้ทรงทราบไม่ ด้วยพระบรมราชสวามีทรงมีพระบรมราชโองการให้ปิดบังเอาไว้ เกรงว่าจะสะเทือนพระหฤทัย แม้กระนั้นสมเด็จพระนางฯ ก็หาได้รอดพระชนมชีพไม่ พระราชกุมารนั้น ประสูติวันที่ ๒๐ กันยายน พระราชมารดาทรงพระชนม์อยู่อีกเพียง ๒๐ วัน ก็สวรรคต เป็นที่ทรงพระอาลัยในพระบรมราชสามียิ่งนัก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สร้างวัดพระราชทานเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ริมคลองขุดใหม่ พระราชทานนามว่า ‘วัดโสมนัสวิหาร’ เมื่อ พ.ศ.๒๓๙๖
ครั้นสร้างวัดเสร็จ ถึง พ.ศ.๒๔๙๗ ก็โปรดเกล้าฯ ให้ฉลองคลองผดุงกรุงเกษมเป็นการใหญ่ โปรดฯให้ปลูกศาลาและโรงตามริมคลอง รายไปฟากละ ๕๐ หลัง สองฟาก ๑๐๐ หลัง เผดียงพระสงฆ์ ๕๐๐ รูป เจริญพระปริตร หลังละ ๕ รูป พระราชทานเงินขอแรงบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาทช่วยทำสำรับถวายอาหารบิณฑบาท และถวายไทยทาน ราษฎรอยู่ตามริมคลองก็ให้ทำบุญร่วมด้วยตามศรัทธา ตอนกลางคืนนั้น ก็ให้ชาวบ้านจุดโคมให้สว่างทั้งสองฟากคลอง และมีการเล่นเรือเพลง มโหรีต่าง ๆ ตลอดทั้งลำคลองนั้น
คลองผดุงกรุงเกษมนี้ ต่อมามักเรียกกันเพียงสั้น ๆ ว่า คลองผดุง
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้ทรงสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งริมคลองผดุงกรุงเกษมเป็นส่วนพระองค์เคียงคู่กันกับวัดโสมนัสวิหาร คือวัดมกุฏกษัตริยาราม เมื่อเริ่มสร้างพระราชทานนามว่า วัดมกุฏกษัตริยาราม ตามพระปรมาภิไธยของพระองค์ให้คู่กันกับพระนามพระอัครมเหสี แต่เนื่องด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการจะกราบทูลออกพระนามาภิไธยนั้นต่างไม่ถนัดปาก จึงโปรดฯ ให้เรียกว่า ‘วัดพระนามบัญญัต’ ไปพลางก่อน ต่อเมื่อสิ้นรัชกาลของพระองค์แล้วจึงให้เรียกว่า ‘วัดมกุฏฯ’
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมา วัดมกุฏฯ ได้เพียง ๙๖ วัน ก็เสด็จสวรรคต (พ.ศ.๒๔๑๑) วัดยังไม่ทันเสร็จเรียบร้อย พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงโปรดฯ ให้สร้างต่อจนสำเร็จเรียบร้อยถึง พ.ศ.๒๔๓๓ จึงทรงประกาศกระแสพระบรมราชโองการให้เรียกชื่อวัดว่า ‘วัดมกุฏกษัตริยาราม’ ดังเดิม ตามที่สมเด็จพระบรมชนกนาถพระราชทานไว้
ความคิดเห็น