ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวียงวัง

    ลำดับตอนที่ #144 : ข้าราชการวังหน้า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 692
      0
      11 เม.ย. 53

    พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯทรงค่อนข้าราชการวังหน้า มีผู้ถามกันมากว่าคือใครบ้าง

                ท่านขยายกันไว้แต่เพียงบางคน

                เช่น คุณเทศอูฐ เป็นอาหญิงของเจ้าจอมมารดาผู้หนึ่งที่เรียกกันว่า คุณเทศอูฐ เพราะสูงมากและเดินโย่งคล้ายอูฐเดิน

                พริ้ง ยืม (บุตรีเจ้าสัวลี้) คง สามคนนี้เป็นพนักงานเฝ้าที่

                ยายมา และ เตาะ เป็นทนายเรือน คือพนักงานฝ่ายในที่มีหน้าที่ติดต่อกับสถานที่ต่างๆ ในพระราชวัง

                คุณเอมหรือคุณใหญ่ คือ เจ้าคุณจอมมารดาเอม ชนนีของกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ เรียกกันว่า คุณใหญ่ ต่อมาเมื่อกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญเป็นวังหน้าแล้ว ชาววังเรียกกันว่า เจ้าคุณชนนี

                จ่าแต้ม เป็นจ่าโขลนในพระบวรราชวัง

                ส่วนบาทสุดท้ายนั้น นางแดงนครนายก เป็นคนทรงเจ้าอยู่ที่นครนายก

                พระราชนิพนธ์นี้ แสดงว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯนั้น นอกจากทรงช่างสังเกตแล้วยังทรงมีพระอารมณ์ขัน การแต่งสังเกตลักษณะอัชฌาศัยบุคคล ผูกเป็นสัมผัสคล้ายกลอนอย่างนี้ ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมกันมากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ดังในวังหลวงก็มีกลอนสังเกตอัชฌาศัยเจ้านายลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ความนิยมนั้นคงจะมีต่อๆ กันมาเรื่อย เมื่อเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมเล็กๆ ก็เคยได้ยินพวกรุ่นพี่ซึ่งคงจะรับความนิยมมาจากชาววังรุ่นก่อนๆ แต่งกลอนแบบนี้วิจารณ์ครูยังจำได้ เพราะเวลานั้นร่วม ๖๐ ปีมาแล้ว พากันแอบท่องทุกชั้นมัธยมคือ สูงสุดครูเติม เห่อเหิมครูแอนนา ดาราครูลูเซียเตี้ยๆ ครูสอาด เส้นประสาทครูทิพ งามพิศครูโสภา งามสง่าครูเกรซ ฯลฯ ว่ากันอีกยาว เข้าหูครูเข้า ไม่ทราบจะเอาโทษกับใคร จับตัวคนแต่งไม่ได้ ครูคนไหนกลอนชมก็เฉยๆ คนไหนถูกวิจารณ์หนักหน่อย ก็ได้แต่โกรธไปตามเรื่อง ได้ยินว่าโรงเรียนอื่นก็มีกลอนวิจารณ์ครูทำนองนี้ แม้แต่โรงเรียนชาย

                พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯนั้น ท่านช่างทรงค่อนขอด โปรดทรงสักวามาแต่ยังเป็นหนุ่ม ดำรงพระยศกรมขุนอิศเรศรังสรรค์เมื่อรัชกาลที่ ๓ เป็นสมาชิกวงสักวาที่แพคุณพุ่มพระองค์หนึ่ง เวลานั้นพระรูปพระโฉมเห็นจะงามไม่น้อยเหมือนกัน คุณพุ่มจึงได้หลงตามเสด็จเข้าไปอยู่ในวัง คือพระราชวังเดิมซึ่งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ประทับอยู่ด้วยสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระราชมารดา แต่อยู่ได้พักเดียวก็ออกมาอยู่บ้านตามเดิม เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงสักวาว่า เมื่อคุณพุ่มเข้าเฝ้าฯ สักวาบทนั้นมีผู้จำได้กันมาก คือ

                เจ้าช่อมะกอก      เจ้าดอกมะไฟ
    เจ้าเห็นเขางาม                 เจ้าตามเขาไป
    เขาทำเจ้ายับ                    เจ้ากลับมาไย
    เขาสิ้นอาลัย                    เจ้าแล้วฤาเอย

                เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ บวรราชาภิเษกขึ้นเป็นวังหน้า พระชนมายุล่วงเข้า ๔๓ พรรษา

                พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ ทรงมีหม่อมห้ามเจ้าจอมพระสนมมาก แต่ยังทรงพระยศกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เพราะพระรูปพระโฉมงามดังกล่าว แม้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯยังทรงค่อนสมเด็จพระอนุชาธิราชว่า “เสด็จไปทางไหน ใครๆ ก็ยกลูกสาวให้”

                เมื่อบวรราชาภิเษกแล้วนั้น ทรงพระราชนิพนธ์สักวา มีผู้จำได้ค่อนข้างแพร่หลาย ทว่ามักจะจำกันได้แต่ตอนต้นบทที่ขึ้นต้นว่า

                            เราที่สองรองภูมินทร์นามปิ่นเกล้า
                คิดบทเกลาไว้เป็นกลอนสุนทรสนอง
                เป็นคติควรดำริห์ขอเชิญตรอง
                ตามทำนองโบราณราชประเพณี
                                        ฯลฯ

                ทว่าตอนที่ทรงบริภาษเจ้าจอมพระสนมนั้น ออกจะเจ็บแสบไม่น้อยทีเดียว

                            “จงรำฤกนึกดูเมื่ออยู่บ้าน
    เคยสำราญเป็นไฉนอย่างไรหนา
                คนทั้งหลายเขาก็เรียกตามฉายา
    ที่มีมาว่าอีนี่อีนั่นไป
                            ประเดี๋ยวนี้คนทั้งนั้นก็หันกลับ
    มาคำนับว่าคุณจอมหม่อมฉันไหว้
                มีวาสนาเหมาะเจาะขึ้นเพราะใคร
    เหตุไฉนลืมคุณกรุณา”

                และ

                “อันตัวเรานี้ก็รองพระจอมเจ้า
    เป็นปิ่นเกล้าในสยามภาษา
                มียศศักดิ์ประจักษ์ทั่วทุกภารา
    พระทรงธรรม์กรุณาชุบเลี้ยงเรา
               ถึงใครใครที่จะตกมาเป็นห้าม
    ไม่มีความขายหน้าดอกหนาเจ้า
                เสียแต่ไม่ฉายเฉิดเพริศพริ้งเพรา
    เพราะแก่เถ้าหงุบหงับไม่ฉับไว
                ถ้าจะว่าไปจริงทุกสิ่งสิ้น
    ก็พอกินตามแก่แก้ขัดได้
                ฤาน้ำจิตต์คิดเห็นเป็นอย่างไร
    จึงมิได้ปลงรักสักเวลา
                การสิ่งใดที่มิดีเรามิชอบ
    อ้อนวอนปลอบจงจำอย่าทำหนา
                ก็ไม่ฟังขืนขัดอัธยา
    ยิ่งกับว่าตอไม้ไม่ไหวติง
                ที่ข้อใหญ่ชี้ให้เห็นเรื่องเล่นเพื่อน
    ทำให้เฟือนราชกิจผิดทุกสิ่ง
                ถ้าจะเปรียบเนื้อความไปตามจริง
    เสมอหญิงเล่นชู้จากสามี
                นี่หากวังมีกำแพงแขงแรงรอบ
    เป็นคันขอบดุจเขื่อนคิรีศรี
                ถ้าหาไม่เจ้าจอมหม่อมเหล่านี้
    จะไปเล่นจ้ำจี้กับชาย เอย”

                พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯทรงเป็นกวี ที่จริงกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ พระราชโอรสในพระองค์ท่าน ก็ทรงเป็นกวีเช่นกัน ทว่าไม่สู้จะมีผู้ใดเคยพบเคยอ่านพระนิพนธ์ของท่านกันนัก เพราะไม่สู้จะได้ทรงพระนิพนธ์ โปรดการช่างโปรดทางศิลปินมากกว่า

                ในรัชกาลที่ ๔ กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ได้ทรงพระนิพนธ์นิราศเป็นคำฉันท์ไว้เรื่องหนึ่ง คือ นิราศเมืองนครศรีธรรมราช คำฉันท์ เมื่อตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เสด็จประพาสนครศรีธรรมราช

                นิราศนั้นส่วนมากมักจะแต่งกันเป็นกลอน หรือโคลงเป็นพื้น การแต่งเป็นคำฉันท์ต้องนับว่าทรงพระปรีชาในทางอักษรศาสตร์ไม่น้อย

                นิราศของท่านจับระยะทางตั้งแต่เรือพระที่นั่งออกจากท่าพระตำหนักแพวังหน้า ล่องลงไปปากแม่น้ำ

                ผ่านวัดอรุณ คลองตลาด วัดสามปลื้ม ปากคลองผดุงกรุงเกษม โรงสีไฟของฝรั่ง (สีลม) บางคอแหลม พระประแดง บางพระโขนง บางกระบัว บางนา บางจากแดง นครเขื่อนขันธ์ แล้วจึงลงใต้

                จากนิราศนี้ทำให้ทราบว่า บางจากนั้น สมัยก่อนโน้นเรียกว่าบางจากแดง พระโขนง แต่ก่อนก็เรียกว่าบางพระโขนง

                ขอคัดมาให้อ่านเป็นบางบท

                            ลุอารามสามปลื้มสถาน       หวังชื่นใจบาน
                สามปลื้มฤาปลื้มใจเลย
                            ฯลฯ                               ฯลฯ
                            มาดลคลองผดุงกรุงเกษม   ชื่อชี้ปรีดิ์เปรม
                ทั้งปวงประชาชาวนคร
                            ดังฤาบมิช่วยทุกข์ถอน        ทุกข์เรียมเดียวธร
                ทวีเทวศอาทวา
                            ยอกรก่ายพักตร์ตรึกตรา     แลเห็นธุมา
                ฝรั่งมาตั้งสีไฟ
                            สีเข้าควันกลุ้มกลางไผท     เพียงรักรุมใน
                กระมลตระหม่าหมองสมรฯ
                            ฯลฯ                               ฯลฯ
                            นาเวศจักรจัดพัดพา           ลุบ่อนบางนา
                คนึงคเนแหนงใจ
                            นานางร้างรกบ่ใคร             เกรงกริ่งพาลภัย
                ผู้โลภจะล้ำลำพัง
                            ฯลฯ                               ฯลฯ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×