ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กษัตริย์และราชินีทั่วโลก (The King and The Queen)

    ลำดับตอนที่ #42 : มารี อังตัวเนต นางมารร้าย หรือ...ราชินีผู้สมถะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.69K
      3
      20 เม.ย. 52

    พระนางเป็นพระธิดาของจักรพรรดินี Maria Teresa แห่งจักรวรรดิออสเตรียอันยิ่งใหญ่ พระราชินีมารี อองตัวเน็ตต์ ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเสมือน"กุหลาบแห่งแวร์ซาย" จากผู้มีชีวิตหรูหรา อลังการ จากสตรีผู้เป็นที่รัก เป็นที่ยกย่อง แต่ต้องกลับนำเธอไปสู่ " กิโยติน

    ในวันที่มารี อังตัวเน็ตเกิดก็มีแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก

    พระนางเกิดวันที่ 2 พ.ย. ค.ศ.1755 เจ้าหญิงมารี อังตัวเน็ตต์ที่พระราชวังเชินบรุนน์ ที่เวียนนา
    เป็นพระธิดาที่มีพระสิริโฉมงดงามที่สุดในหมู่พระราชธิดาอีกหลายองค์ ประสูติแด่พระเจ้าฟรานซิส1 กับพระจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซา

    RW2116x10.jpg
    พระนางมาเรีย เทเรซา สอนเจ้าหญิงมารี  อัง ตลอดว่าแม้เกิดมามียศใหญ่ ใช่ว่าจะสบาย จะต้องไปสมรสกับกษัตริย์ต่างชาติเพื่อแผ่นดิน เราควรต้องมีความรับผิดชอบและความเสียสละ  
    พระจักรพรรดินี มาเรียเทเรซา พระมารดาของพระนางมาเรีย อังตัวเน็ตต์ ทรงเป็นวีรกษัตริย์ที่ทรงเข้มแข็ง มีพระอำนาจแผ่ไปทั่วยุโรปในสมัยนั้น ตรงข้ามกับ พระเจ้าฟรานซิส1 เพราะท่านเป็นกษัตริย์ที่พระทัยเย็น
    อย่างไรก็ตามทั้งสองพระองค์ก็เป็นที่รักของชาวออสเตรียเสมอมา


    นี่คือพระรูปของราชินีเทเรซา

     

    RW2116x52.jpgในวันหนึ่งเมื่อเจ้าหญิงมาเรียมีพระชนมายุ 15ชันษา พระราชบิดาได้กำหนดชีวิตเจ้าหญิง โดยการถวายตัวแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16แห่งฝรั่งเศสอันหรูหรา ในฐานะพระคู่หมั้นในขบวนที่ยิ่งใหญ่ ไปยังริมฝั่งแม่น้ำชายแดนออสเตรีย ณ ที่นั้น เจ้าหญิงมาเรีย ทรงทำพิธีเปลี่ยนฉลองพระองค์จากออสเตรียเป็นฝรั่งเศส และเปลี่ยนพระนามจากมาเรีย แอนโธเนีย ซึ่งเป็นภาษาออสเตรีย เป็น เจ้าหญิงรัชทายาท มารี อังตัวเน็ตต์
    ทางฝรั่งเศส จัดขบวนต้อนรับเจ้าสาวโดยมีคาร์ ดินัล หลุยส์ โรอังเป็นหัวหน้าคณะ ขณะกล่าวต้อนรับ

    โรอัง ได้ใช้ภาษาเยอรมัน (ภาษทางการของออสเตรีย) เจ้าหญิงทรงตรัสตอบว่าใช้ภาษาฝรั่งเศสกับข้าก็ได้ เพราะข้าพูดภาษาฝรั่งเศสได้ดีเท่าพวกท่านเหละนั้นเป็นเสน่ห์แรกที่ทำให้ประชาชนฝรั่งเศสประทับใจในตัวพระนาง                 
    เนื่องในเสน่ห์ครั้งนั้นได้จุดประกายลึกซึ้งในใจของคาดินัล หนึ่งในชู้พระองค์(เจ้าหญิงมีชู้มากมายมาก)
    พระเจ้าหลุยส์15รับพระสุณิสา(สะใภ้)ทรงพอพระทัยมาก เพราะเจ้าหญิงน่ารักน่าเอ็ดดู ช่างพูดช่างจา
    เจ้าหญิงได้พบกับเจ้าชายรัชทายาทเป็นครั้งแรก และได้มีการจัดงานที่พระราชวังแวซายส์
    เจ้าหญิงได้ทอดพระเนตรความหรูหรา และวิลิสมาหราเกินเหตุของฝรั่งเศส ผิดกับสำนักออสเตรียที่เต็มไปด้วยระเบียบอันเรียบร้อย อ่อนช้อยของราชสำนักออสเตรีย

     

    RW2116x14.jpg
    ทว่างานนั้นทำให้เจ้าหญิงทรงเพลิดเพลินไปกับงานนั้นอย่างง่ายดาย และยังทรงตื่นตาตื่นใจอีกด้วย
    เจ้าหญิงมีพระนลาต(หน้าผาก)กว้างสูง อันแสดงถึงลักษณะของคนที่เฉลียวฉลาด ในตอนแรกทรงเกรงว่าจะทำผมฝรั่งเศสมิงาม ที่ไหนได้เหล่าบรรดาชาววังต่างพากันไปถอนไรผมเปิดให้สูงเยี่ยงพระนางกันมาก

     

    ทีแรกๆทีที่พระนางมารีมาอยู่ที่ฝรั่งเศส ใครๆก็รักเจ้าหญิงมารีรัชทายาท และชวนเจ้าหญิงไปเป็นพรรคพวกตน อาทิพระขนิษฐา3พระองค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่15 แถมพระขนิษฐา3พระองค์ยังยุเจ้าหญิงให้เกลียดมาดามดูบารี พระสนมของพระเจ้าหลุยส์ที่15 ที่พระขนิษฐา3พระองค์ไม่ชอบ อันที่จริงมาดามดูบารีมีนิสัยเรียบร้อย มีความสวยงามทั้งหน้าตา และกริยามรรยาท อีกทั้งมาดามดูบารีก็ชอบและเอ็นดูเจ้าหญิงมารีรัชทายาทอยู่ไม่น้อย ทว่าผลสุดท้ายก็มีเรื่องบาดหมางกันจนได้ เจ้าหญิงมารีรัชทายาททรงมีพระอาการดูหมิ่น เหยียดหยาม กับมาดามดูบารี ท่ามกลางประชาน และพระเนตรของพระเจ้าหลุยส์ที่15 ทำให้พระองค์ขุ่นพระทัยอยู่นาน เรื่องนี้ถูกโจทย์กันไปทั่วราชสำนักฝรั่งเศส ข่าวถูกส่งถึงพระกรรณพระนางมารี เทเรซา ทำให้พระองค์ทรงมีความกริ้วต่อเจ้าหญิงมารีรัชทายาทมาก ถึงกับส่งสาส์นมาตำหนิให้เจ้าหญิงมารีรัชทยาททำดีกับมาดามดูบารี ซึ่งทำให้ชาววังหลายคนไม่พอใจ โดยเฉพาะเหล่า"สมเด็จป้าขาเมาท์แถมชอบยุยงทั้ง3พระองค์" น่ารำคาญที่ราชสำนักฝรั่งเศสพวกชาววังในหัวสมองมีแต่เรื่องข่าวโลกีย์ ลามกจกปรต ของหลังม่านวังหลวงไม่พ้นแต่ละวัน เป็นที่รู้ทั่วกันในราชสำนักฝรั่งเศสว่าเจ้าชายรัชทายาทนั้นทรงเป็นชายหนุ่มที่เฉื่อยชา เชื่องช้า เสวยจุ ชอบบรรทม และไม่มีเซ็กซ์กับเจ้าหญิงมารี เรื่องนี้เอามาเล่าต่อๆ กันไป

     RW2116x29.jpg

    พระรูปพระเจ้าหลุยส์ที่15

     

     

     

     

     

     

     

    RW2116x30.jpgในขณะเดียวกันเจ้าหญิงรัชทายาทก็ทรงเกลี้ยกล่อมให้พระสวามีผ่าตัดรักษาสมรรถภาพทางเพศได้สำเร็จ การร่วมอภิรมย์ครั้งแรกของทั้งสองนั้น มีพวกชาววังปากยืนปากยาวคาบข่าวไปบอกเสด็จป้าจอมยุยง3พระองค์ เล่าให้เหล่าป้า3องค์ฟังก็เหมือนเล่าให้ชาวบ้านรู้ เพราะอีกไม่นานชาวบ้านก็พากันโจทย์กันเป็นที่ฮือฮากันมาก จนทำให้เจ้าชายรัชทายาทไม่ยอมร่วมเตียงกับเจ้าหญิงไปนานเลย อันว่าชาวฝรั่งเศสในตอนแรกพวกเขารักเจ้าหญิงมารีไม่ว่าทรงทำสิ่งใดก็ดูน่ารักไปหมด แต่ทว่าบัดนี้ภาพของเจ้าหญิงมารีในสายตาของชาวฝรั่งเศสเปลี่ยนไปพวกเขาเริ่มหมันใส้ ติฉันนินทากันปต่างๆนาๆ เจ้าหญิงมารีทรงเริ่มเยาะเย้ยกริยาทรามของคนฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน  

    RW2116x32.jpg30 เมษายน ค.ศ.1774 พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เสด็จสวรรคต องค์รัชทายาทพระองค์ชาย พระสวามีของเจ้าหญิงรัชทายาท ได้ขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศส เป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และเจ้าหญิงก็ถูกเลื่อนพระยศขึ้นเป็นพระราชินีมารี อังตัวเน็ตต์ ผู้เลอโฉม และหรูหรา
             มาดามดูบารีหมดวาสนา หม่นหมองและหายตัวไปจากราชสำนักอย่างลึกลับ เพราะก่อนที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จะทรงเสด็จสวรรคตมินาน มาดามดูบารีได้อ้อนวอนขอเครื่องเพชรราคาที่ "แพงที่สุดในโลก" มาดามดูบารีเป็นคนที่โลภ และทำความดีเพื่อให้พระเจ้าหลุยส์ทรงโปรด แล้วจึงหาผลประโยชน์จากพระองค์ท่าน
             ด้วยความหลงใหล พระเจ้าหลุยส์ที่15 ทรงสั่งช่างฝีมือที่ดีที่สุดไปสรรหาเพชรเม็ดโตๆ น้ำงามที่สุดยุโรป มาทำสร้อยคอ ช่างเพชรชื่อ โบห์เมอร์ นำเพชรที่ดีที่สุดมาถึง600เม็ด เรียงร้อยอย่างสุดฝีมือ เมื่อเสร็จเรียบร้อยจะถวายพระเจ้าหลุยส์ที่15 ก็ทรงสวรรคตด้วยโรคฝีดาษพอดี
             โบห์เมอร์พยายามที่จะขายสร้อยเพชรเส้นนี้ให้แก่กษัตริย์ และพระราชินีพระองค์ใหม่ เพราะเขาทุ่มเงินทำสร้อยเส้นนี้ไปจนหมดตัว ต้องเป็นหนี้สินมากมาย แต่พระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ทรงแสดงความรังเกียจว่า"รสนิยมต่ำ" คุณสามารถเห็นได้ว่าพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระนาง พระนางมารีไม่เคยฉลองเครื่องเพชรเลย ท่านจะฉลองไข่มุกแต่เพียงอย่างเดียว

     

    RW2116x39.jpgพระรูปนี้ท่านทรงแต่งกายสามัญคนจนมาก จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงเทิดทูนดอกกุหลาบมากกว่าเครื่องเพชร พระรูปนี้พระองค์มิได้ใส่ฉลองพระศอเลยแม้แต่เส้นเดียว ทรงฉลองเพียงพระมาลาเท่านั้น แต่ก็มิได้เป็นพระมาลาที่หรูหราซักเท่าใด

    "สร้อยเพชรอันสูงราคานั้น เหมาะสำหรับคนที่ไร้รสนิยมเท่านั้น!" พระองค์ทรงด่าโบห์เมอร์อย่างสาดเสียเทเสีย

            อาจจะเป็นเพราะพระนางทรงตระหนักถึงความฟุ่มเฟือยเกินควร และอีกประการหนึ่งทรงครอบครองเพชรเม็ดเม็ดงามที่มีชื่อว่า "Thefrenchblue" ที่เรารู้จักในนาม"Hobdiamond" (Hopแปลว่านำความน่ากลัว)นั้นอยู่ก็ได้

           เพชรเม็ดนี้ถูกX7187005-2.jpgนำมาจากหน้าผากเทวรูปในอินเดีย พระเจ้าหลุยส์ที่14 ทรงซื้อพระราชทานแก่พระสนมลับ "มาดามเดอมอง" และตกทอดมาถึงพระนางมารี อังตัวเน็ตต์

           แต่เพชรที่นำความตายมาสู่พระนางไม่ใช่เพชรHob แม้มีบางกลุ่มเชื่อว่าพระนางตายเพราะอาถรรพ์ของเพชรนี้ก็ตาม

    หลังจากมาดามเดอมองหายตัวไป ก็มีคนต้องการมันมากมาย รวมทั้ง"มาดาม จีน เดอร์ ลามอตต์"

    RW2116x49.jpg 

    นางแพศยา "มาดาม เดอร์ ลามอตต์"ชื่อเต็มของมาดาม เดอร์ ลามอตต์ มีชื่อว่า"จินนี่ ดอร์ เซนต์ เรมี มอตต์ ดอร์ แวร์หลอส(Jeanne de Saint-Remy de Valois) "  

          นอกจากอยากได้เพชรแล้ว มาดามจีน  ผู้ไกล้ชิดกับคนในราชสำนัก ยังรู้จุดอ่อนของโรอัง(คนที่รักพระนางมารี แต่พระนางมารีไม่รัก จนเนรเทศไล่ออกไปจากราชสำนัก)  ถึงโรอังจะถูกพระราชินีเกียจ แต่โรอังก็รักและหวังจะเด็ดดอกฟ้าอยู่

           มาดามจีน ได้ไปหลอกโรอังว่าอันทีจริงพระนางมารีทรงต้องพระทัยสร้อยเส้นนั้นมาก แต่มิกล้าซื้อเพราะมันแพงมาก

           มาดามเจ้าเล่ห์หลอกโรอังจนเชื่อสนิท เพราะมาดามได้ว่าจ้างให้ท่านเคาท์คาลิสไตร มาปลอมลายพระหัตถ์ราชินี ให้ว่าพระราชินีมารีทรงจดหมายถึงโรอัง แถมยังหาหญิงสาวที่คล้ายราชินีมารีมาพบในสวนยามวิกาลทุกคืน

            หลายปีที่โรอังทวงถามสัญญาที่นางตัวปลอมมันมาบอกไว้ แถมโรอังยังทวงกับราชินีพระองค์จริง ผลก็คือถูกด่า ว่า ประณามสาดเสียเทเสีย

    RW2116x46.jpg

    เป็นภาพพระราชินีแต่งองค์แบบสามัญชนในช่วงที่ทรงปลูกกระท่อมอยู่ที่มุมหนึ่งของพระราชวังแวร์ซายด์ ทรงงานแบบสตรีชาวบ้าน และก็ทรงมีความเกษมสานต์ดีในช่วงบั้นปลายชีวิตของพระองค์

     

    RW2116x48.jpg

    เครื่องบันลือโลกประดับเพชรเส้นนี้มีนามว่า"รีวิแยร์" ในชุดของรีวิแยร์นี้ยังมีต่างหูระย้า เป็นแบบสร้อยที่ใช้เพชรเม็ดยักษ์เรียงเดี่ยวตลอดสาย  ที่นิยมทั่วไปจะใช้เพชร ล้อมด้วยทับทิม มรกต ไพฑูรย์ หรือ ราชาวดีเจียระไนเหลี่ยมสลับซับซ้อนเพื่อเพิ่มประกาย

     

    โรอังเชื่อหัวปักหัวปำว่านางตัวปลอมที่มาดามจีนจ้างมาหลอกเขา แม้พระราชินีจะไม่ยอมรับโรอัง แต่เขาก็ยังเชื่อว่าราชินีมีใจต่อเขา โรอังจึงซื้อสร้อยเส้นนั้นด้วยเงินกว่าพันล้านบาท และมอบให้มาดามจีน นางมาดามจีนเมื่อได้รับเพชรแล้วก็นำไปให้สามีไปแบ่งขายทันที

            ความจริงถูกเปิดเผยเสียจนหมด แต่ยังไงประชาชนชาวฝรั่งเศสไม่เชื่อความนั้น เขาเห็น มาดามเดอร์ ลามอตต์ เป็นคนดี และเสียใจเมื่อนางถูกเหล็กตัวยูเผาบนน่องของนาง
            ในสายตาชาวฝรั่งเศส เขามองพระนางมารีตรงกันข้ามกับมาดามจีน เขาบอกว่าพระนางเป็นผู้หญิงแพศยา ใส่ร้ายป้ายสีให้มาดามจีน และซื้อเครื่องเพชรราคาแพงได้อย่างง่ายดาย ขณะที่เศรษฐกิจของบ้านเมืองกำลังอยู่ในสภาวะตกต่ำ อดอยาก ประชาชนในสมัยนี้ส่วนมากจะเป็นขอทานเพราะไม่มีอันจะกิน ผิดกับพวกขุนนางไฮโซที่สุรุ่ยสุร่าย ฟุ่มเฟือย  ทั้งการแต่งกาย อาหารการกิน

    มีเรื่องเล่าว่า ชาวบ้านในสมัยนั้นอดอยากยากแค้น  พร้อมใจกันเดินขบวนไปร้องเรียนหน้าพระราชวัง  ว่า "เราไม่มีขนมปังจะกิน"แล้ว พระนางมารีอังตัวแนตต์ จะด้วยความซื่อใส ไร้การรับรู้ต่อปัญหาประชาชนจริงๆหรืออะไรก็ตาม  ก็ตอบไปว่า
    " ไม่มีขนมปัง ก็กินขนมเค้กสิ"

    อย่างไรก็ตาม ก็มีนักประวัติศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นภายหลังเพื่อใส่สีใส่ไข่ให้ภาพของพระนางดูเลวร้าย ชนิดไม่ได้ผุดได้เกิด พระนางไม่เคยเอ่ยคำนี้เลย

    เรื่องของสังฆราชโรอังก็เช่นกัน    เป็นเรื่องสิบแปดมงกุฎกลุ่มหนึ่งที่รวมหัวกันต้มตุ๋นท่าน  โดยอ้างชื่อพระนางมารีมาหลอกลวงเอาสร้อยเพชรไปขายกินสบายไป

    ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่16 ได้มีการขอร้องให้พระเจ้าหลุยส์ที่16 ช่วยประชาชน แต่รัฐบาลฝรั่งเศสกลับออกกฎหมายขึ้นภาษี

       เหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนี้ปั่นป่วนกันมาก ข้าฟันกันเป็นรายวัน วันละห้าสิบกว่าคน

      14 กรกฏาคม เกิดปฏิวัติฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ หนีออกจากพระราชวังแวร์ซาย ชาววังวิ่งหนีกันชุนละมุน พระเจ้าหลุยส์ 16 และพระนางมารีมีพระดำริอยากจะให้ใช้การปกครองแบบเก่า แต่พวกรัฐบาลต้องการการปกครองแบบใหม่คือแบบมีประธานาธิบดี ด้วยเหตุนี้พระเจ้าหลุยส์ที่16 และพระนางมารีจึงหนีออกจากพระราชวัง

        พอท่านหนีออกจากพระราชวัง พวกทหารเห็นพระเจ้าหลุยส์ กับมารี และเหล่าพระบรมวงศ์กำลังจะข้ามไปพรมแดนประเทศอื่น จึงถูกจับ แต่ท่านหนีการจับกุมออกมาได้ และจึงคิดจะข้ามพรมแดนอีก แต่ก็ถูกจับอีกทีหนึ่ง

         ท่านถูกจับไปขังคุก ประชาชนฝ่ายปฏิวัติจับขุนนางเก่าๆแก่ๆรวมทั้งขุนนางใหม่ๆในการปกครองแบบเก่า รวมถึงจับพวกชาววังมาตัดหัวเสียบประจานไว้ที่หน้าคุก พระราชินีมารี ก็ทอดพระเนตรอยู่ทุกวัน

         ทุกครั้งที่ท่านทอดพระเนตรศีรษะเหล่านี้พระนางมารีถึงกับประชวรพระวาโยทุกครั้งไป

          โดยเฉพาะศีรษะของเจ้าหญิงแลมบลังก์ นางกำนัลผู้ซื่อสัตย์ มีความงดงาม และเรียบร้อยที่สุด ศีรษะของแลมบลังก์ตอนที่ท่านทอดพระเนตรมันเป็นศีรษะที่เน่าเหม็น มีหนอนไชอยู่ทั่ว ผมที่เคยหวีเรียบร้อยกลายเป็นผมยุ่งเหยืองน่าขนพองสยองเกล้ามาก พระราชินีทอดพระเนตรแล้วถึงกับทรงประชวร

    PDVD688.jpg 

    (ภาพจากภาพยนตร์)ในคุกกษัตริย์หลุยส์ที่ 16 ถูกคุมขังแยกออกไป และในวันนี้พวกเขาอนุญาตให้ย้ายกลับมาพักรวมกันกับครอบครัวได้ มารีอองตัวเน็ตดีใจอย่างสุดซึ้งเมื่อได้พบกับสามีอีกครั้งหนึ่งโดยไม่รู้ว่า จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน



     

         แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจพระนางปล่อยให้พระนางประชวรอยู่อย่างนั้น พระนางต้องช่วยพระองค์เอง สุดท้ายก็หายได้

    38239882wv5.gifคณะปฎิวัติจับกุมพระราชโอรสที่ยังเยาว์พระชนมายุไปเป็นเด็กเสริฟล้างจานของมาราต์ หัวหน้าฝ่ายปฎิวัติ พระนางทรงพระกันแสงจนแทบขาดพระทัย ทรงประชวรพระวาโย ทรงดึงรั้งไม่ให้จับพระโอรสของพระนางไปจนสุดปลายพรหัตถ์

            ประชาชนทารุนและด่าว่าพระนางมารีเป็นนางมารร้ายแห่งศตวรรษ จนพระเกศาไปเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน

     

    21 มกราคม 1792 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกนำตัวขึ้นแท่นประหารที่ปลาสเดอร์ลาร์คองคอร์ต บนนั้นมีเครื่องกิโตินคมกริบ(เครื่องประหารชีวิตของชาวฝรั่งเศส จะมีใบมีดอยู่ด้านบนแล้วให้คนพาดหัวไปที่เว้า แล้วปล่อยใบมีดลงมา)  
         พวกเขาจับพระหลุยส์ ที่16มัดกับกระดานเสร็จ แล้วกระดกให้นอนคว่ำลง พระศอพาดตรงเว้าพอดี แล้วมีใบมีดยักษ์หล่นลงมาตัดพระศอกระเด็นน่าสยดสยอง พระโลหิตอาบพระพักตร์อย่างน่าเวทนา

    3 กรกฎาคม หลังจากพระเจ้าหลุยส์ถูกสำเร็จโทษได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่มาตัดพระเกศา พระนางมารีแค่พระศอ นำตัวพระนางขึ้นสู่กิโยตินอันนั้นทีสำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่16  
    เขาจับหน้าพระนางหงายขึ้นมองมีดกิโยตินตัดพระศอพระนาง อันเป็นท่าที่น่าเจ็บ ทารุณมากที่สุด
    เขาเล่ากันว่าเมื่อตัดพระเศียรแล้วทุกคนมองเห็นว่า พระเศียรนั้นมีการขยับพระเนตร น้ำพระเนตรไหล
    (ตามหลักวิทาศาสตร์เเล้วเหตุการณ์แบบนี้เป็นไปได้ เพราะตอนที่พระนางถูกตัดพระเศียรนั้นกระทันหันมาก เมื่อถูกตัดพระเศียรก็ยังคงมีเลือดไหลเวียนที่พระเศียรอยู่ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานบริเวณนั้นได้ครู่หนึ่ง)
    นี่คือพระรูปสุดท้ายตอนพระนางจะขึ้นสู่กิโยติน

    RW2116x64.jpg

    ส่วนพระวรกาย ไร้วิญญาณของพระนางมารี อังตัวเน็ตต์ ถูกทิ้งไว้กลางดินในป่าช้า อืดเน่าสลายอย่างน่าอนาถ จนต่อมามีชาวบ้านที่มีน้ำใจช่วยเก็บไปฝัง ปัจจุบันทางฝรั่งเศสได้ทำโลงหินอ่อน เก็บส่วนที่เหลืออยู่ของพระนาง"พระราชินีที่สถิตยอยู่ในโลกเพียง38พรรษา"

    พระราชินีมารี อองตัวเน็ตต์ ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเสมือน
    "กุหลาบแห่งแวร์ซาย" ผู้มีชีวิตหรูหรา อลังการ

    PDVD729.jpg

    จากสตรีผู้เป็นที่รัก เป็นที่ยกย่อง แต่ต้องกลับนำเธอไปสู่ " กิโยติน "

    การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นหตุของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ หรือ เธอคือชนวนเหตุการณ์แห่งความสูญเสียครั้งนี้

    นี่คือเรื่องราวที่ได้รับการจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
    และระมัดระวังไม่ให้"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย"

    เพราะสุดท้ายแล้วสงครามและความรุนแรงก็มิได้เอื้อประโยชน์แต่อย่างใดนอกจากความสูญเสีย

    ขอสันติสุขพึงสถิตกับมนุษยชาติตลอดกาล

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×