ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    oH !!! My Life Just A Frog

    ลำดับตอนที่ #7 : ศาสตราจารย์จรร ยา..นและปราสาทสีขาวสนิท

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 48




    หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกันเรียบร้อย ทั้งหมดเรียกพาหนะส่วนตัวของตนออกมาหลายคนเรียกเมฆเช่นกลุ่มแน๊ตส่วนตัวข้าวปุ้นเรียกยูนิคอร์นสีเพลิงที่มองผิวเผินแล้วเหมือนม้าโดนไฟครอกยังไงยังงั้นแถมต้องเอาจอยไปเสี่ยงไว้บนหลังม้าย่างนั่นด้วยแต่ก็เอาเหอะ ดลยาดีดนิ้วแล้วทันใดนั้นลูกหมูสีชมพูที่มีตราซาลาเปาบนหัวก็บินออกมาด้วยปีกน้อยๆแล้วพานายมันขึ้นหลังไปพร้อมกับมดซึ่งขอร้องเอาตนไปด้วย บดินทร์พอดีดนิ้วโพละจิ้งจกเก้าหางก็กระโดดมาจากป่ารับบดินทร์ไป เต๊นท์เห็นคนอื่นดีดนิ้วแต่ตนเองดีดไม่เป็นเลยตบมือแทน แต่ไม่มีองครักษ์มารับ เลยต้องอาศัยเนยซึ่งขี่ฟินิกซ์สีม่วงดูสง่าไป เบียร์ไม่มีองครักษ์เหมือนกันจึงเลือกสุ่มมาจากหนองน้ำซักตัวหนึ่ง

    “ไฮดราละกัน”เบียร์เสก ทันใดนั้นไฮดรายักษ์ก็คลานมาให้เบียร์ขี่ ส่วนปลั๊กกับเนก็ไปด้วยว่าวที่ปลั๊กมี และแตงกวาเสกพระอาทิตย์มาดวงหนึ่งขี่ไปกับแบงค์ ชวินเรียกบ้างแต่ทุกครั้งที่เรียกออกมากลับกลายเป็นหม้อตลอดเลยต้องรับกรรมนั่งในหม้อไปแทน กิ๊กและปุ้ยกัลรวมพลังกันเสกได้เป็นใบไม้กันคนละใบขี่ไป บอมเสกปลาบู่ขึ้นมาได้ตัวหนึ่ง ฮอทไลน์เสกกวางมาได้ตัวหนึ่งสวยมาก เหมียวเสก กระสือที่เค้าให้ชื่อว่า “ป้านัดดา” หน้าตาซึ่งแสนอุบาทว์เหลือทน และเอ๊ะก็เสกกระบือคาราบาวที่มีแต่กระดูกให้เพื่อนๆคนละตัวแต่หนักสุดเห็นจะเป็น ผู้ที่เป็นทอดสุดท้ายของห่วงโซ่อาหาร อังนั่นเองหญิงสาวผูนี้ใช้เวลาเสกนานกว่าเพื่อนสุดท้ายมันออกมาจากจิตสำนึก อังขี่เสกโลโซขึ้นไปในที่สุด



    ทั้งหมดขึ้นทะยานฟ้ามีจุดหมายเดียวกันคือไปยังคฤหาสน์ของศาสตราจารย์ จรรยาน โดยนำหน้าด้วยเน็กซึ่งขี่เจ้านกไนติงเกลที่มีเสียงอันอุบาทว์นั่น แต่ว่าการเดินทางมันก็ไม่ได้ราบรื่นซักเท่าไรเลย

    “นี่เบียร์ไฮดราของเธอมันตกใส่พี่เสกโลโซอีกแล้วนะ”อังบอก

    “ทำไงได้ละ มันกำลังแตกหน่อนี่ช่วยไม่ได้”เบียร์ปฏิเสธ

    “เฮ้ย..แน๊ตฝนจากเมฆเธอมันลงใส่พระอาทิตย์เราจะจะดับอยู่แล้วนะ”แตงกวาตะโกนบอก

    “โทดด.ทีว่ะก็จะทำไงได้ล่ะ”แน๊ตกล่าวเชิงขอโทษ

    “เฮ้ยย นังบอม น้ำจากปลาบู่เธอนะมันกระเซ็นใส่อาชาของฉั้นจนมันกลายเป็นม้าย่างตกน้ำแล้วนนะะะะะะ”เด็กหญิงผู้บังคับม้าตัวนั้นตะโกนบอก……

    “ว๊ายยยยย…..ฟินิกซ์ของฉั้นนน”เนยหวีดร้องหางฟีนิกซ์อันแสนสวยเปล่งรัศมี บัดนี้มอดไหม้แล้วเมื่อจิ้งจกเก้าหางของบดินทร์เผลอไอพร้อมกับลูกเพลิงออกมา

    “ขอโทดน้าา…”บดินทร์บอก

    “ไอ้บอมเอาปลาบู่แกมาดับหางฟินิกซ์ทีดิ๊”บดินทร์บอกบอม

    “ไฟว์ โมเมย์ช่วยด้วยย…”เสียงจากเฟิร์นดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวกำลังจมลงไปในเมฆของเธอ

    “ช่วยด้วยฉั้นจะตกเมฆอยู่แล้วว”เฟิร์นร่างบางตะโกน

    “นี่ก็ดูเมฆกับตัวเธอสิ ตัวเธอใหญ่กว่าเมฆที่ขี่ตั้งเยอะ นี่อะเอาเมฆของฉั้นกับโมเมย์ไปอีกหน่อยละกันนะเผื่อจะรองรับอยู่”โมเมย์บอก

    “สู้เราก็ไม่ได้เนอะ เอวบางหุ่นดี”ไฟว์หันมาซุบซิบกับออยล์

    “กรี๊ดดด…”เสียงดังมาจากฝั่งดลยาและมดกับหมูคู่ใจ

    “นี่ เหมียววดูแลกระสือแกหน่อยสิ…มันจะมากินตับของหมูฉั้นแล้ววว ปุ้ยระวังง”เสียงของมดซึ่งตะโกนตำหนิเหมียวและบอกให้ปุ้ยรู้

    “ป้านัด อย่าไปกินหมูอดทนรออีกหน่อยเดี๋ยวถึงที่แล้วเหมียวจะเอายาสีฟันให้กินนะ”เหมียวบอกกระสือป้านัด

    กระบือคาราบาวของเอ๊ะกับพวกนั้นเริ่มผิดใจและขวิดกันเอง

    ไม่เว้นแม้กระทั่งนกไนติงเกลของเน็กที่หมูของดลยาถ่ายใส่เรี่ยราดและขณะเดียวกันปีกของนกเน็กก็โดนมดพลัดตกลงไป มดเกือบจะลงถึงพื้นอย่างแรงแล้วแต่มดกลับรู้สึกเหมือนมีแรงลัพธ์อื่นที่ไม่เป็นศูนย์มากระทำ ทำให้มดลอยขึ้นไปที่เดิม มดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนลอยอยู่ได้อย่างไร

    “ไอ้ปลั๊ก..สายว่าวแกอ่ะมันพันคอปุ้ยกัลจนหน้าม่วงหมดแล้ว..หยุดก่อน…”กิ๊กรีบบอกปลั๊กและเน

    กวางที่ฮอทไลน์ขี่เกิดพยศแล้วทำให้ฮอทไลน์ พลัดตกจากกวางตัวนั้นลงไปโดนกิ่งของตอไม้เสียบตายกวางตัวนั้นหัวเราะเยาะ คนอื่นดูจะไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “เบียร์..ไฮดราแกแตกหน่ออีกแล้ววววววว”

    สิ้นสุดด้วยเสียงของอังเห็นจะมีก็แต่ ชวิน ที่ดูจะราบรื่นดีกับการที่นั่งอยู่ในหม้ออย่างสงบ  รึเปล่า..

    “ปัง…”หม้อของชวินชนกับเมฆของโมเมย์ทำให้น้ำฝนเข้าไปขังอยู่ในหม้อครึ่งนึง ชวินต้องนั่งอยู่ทั้งที่มีน้ำและยังต้องบังคับหม้ออีก ตอนนี้หม้อของชวินเข้าใกล้กับพระอาทิตย์ที่แตงกวาและแบงค์นั่งอยู่หม้อซึ่งเป็นโลหะเมื่อได้รับความร้อนจัดๆก็จะเพิ่มอุณหภูมิขึ้น บัดนี้ชวินกำลังถูกต้มอยู่ในหม้อนั่นเองเบียร์เห็นดังนั้นจึงให้ไฮดราส่งหนวดไปรับไว้แล้วรับมาโดยสารด้วย ทั้งหมดฝ่ากลุ่มเมฆหมอกหนาเกือบกิโลอยู่นานขณะที่จะออกจากนอกชั้นบรรยากาศ



    แล้วในที่สุดทั้งหมดก็มาถึงที่หมายกันอย่างทุลักทุเลเต็มทนสภาพแต่ละคนดูแทบไม่ได้

    -เสื้อผ้าเน็กเต็มไปด้วยอุจจาระหมูน้อยของดลยา

    -หมูของดลยาเกือบถูกกระสือป้านัดของเหมียวกินตับ

    -หัวของอังเต็มไปด้วยผลิตผลไฮดราที่แตกหน่อมาจากไฮดราของเบียร์

    -กัลยาหน้าเขียวอมม่วงเกิดจากการขาดอ๊อกซิเจนโดยสายว่าวของปลั๊กรัดคอ

    -ชวินรอดหวุดหวิดจากการโดนต้ม

    -อาชาสีเพลิงของข้าวปุ้นกลายเป็นม้าย่างตกน้ำ

    -เฟิร์นเกือบหลุดจมลงจากเมฆ

    -นกฟีนิกซ์ที่มีหางยาวสลวยของเนยบัดนี้ไม่มีหางแล้ว

    -กระบือคาราบาวของพวกเอ๊ะกระดูกหัก

    -มดเกือบตกหมูตาย

    -พระอาทิตย์ของแตงกวาเกือบดับมอด

    “แต่เอ๊ะฟองกับสิหายไปไหนล่ะ”เน็กถาม

    “ปิ๊ง”ทันใดนั้นทั้งสองก็เผยตัวให้เห็น

    “เราช่วยมดไว้เองแหละ”ฟองบอก

    “เราทั้งคู่แอบแฝงมาภายใต้เงามืดน่ะเลยไม่มีใครเห็น”สิอธิบาย

    “โหทำไมมันสูงจากเลยอ่ะ”เต๊นท์ถาม

    “เอ้า…โง่อีก..ก็นี่เราอยู่บนสวรรค์นะซิ”เหมียวบอกเต๊นท์ ไม่นานเต๊นท์ก็เวียนหัวและอ๊วกแตก…

    แต่ทุกคนก็ดูตื่นเต้นเช่นกันเพราะพวกเขาขึ้นมาที่นี่ประมาณสองครั้งเท่านั้น



    ทั้งหมด45ชีวิตหันกลับไปมองสิ่งประดิษฐ์อันงดงามที่สุดเท่าที่พวกเค้าเคยเห็น…

      ถัดจากพวกเค้าทั้ง45ชีวิตไปประมาณ 5มิลลิเมตรมีสิ่งๆหนึ่งลักษณะเหมือนปราสาทอันสูงเด่นตระการตาบริเวณยอดมีเมฆสีขาวใสประปาย บริเวณรั้วทำด้วยด้วยทองคำแท้ตีเป็นแผ่นล้อมรอบ ตัวปราสาทส่องประกายความเป็นทองซึ่งกินเนื้อที่ประมาณ600 เอเคอร์มีตู้ไปรษณีย์ 1 ตู้ตอกตรึงอยู่กับทองคำแท้ที่ใช้ทำรั้ว ภายในไปเต็มด้วยจดหมายรวมเกือบ20 ฉบับ อัดแน่น จนเปื่อยที่ไม่มีใครมาแกะอ่านซักที หน้าซองจ่า ถึง ศาสตราจารย์ จรรยาน กลางซองของจดหมายทุกซองมีข้อความเหมือนกันว่า “ค่าน้ำค่าไฟค่าโทรศัพท์” และใบแจ้งหนี้มากมาย ใกล้กันนั้นมีแปลงดอกไม้ขึ้นอยู่ทั้ง หน้าวัว อุตพิศ หม้อข้าวหม้อแกงลิง ว่านกาบหอยแครง บริเวณนั้นมีป้ายชื่อสีทองอันใหญ่ติดไว้

    “ปราส(ว)าท  ชาญหนังสือ”

    “ขอให้ไม่เกิดเหตุร้ายขึ้นนะ”กิ๊กบอก

    “นั่นน่ะสิ”เสียงของเน็กว่า

    “แล้วจะเอาไงต่อล่ะ”ฟองถาม

    “ก็รอไงอีก1ชั่วโมงถ้าอาจารย์ยังไม่ออกมาก็ค่อยคิดอีกที”เนบอก



    มองตามราวบันไดอันคดเคี้ยวเป็นวงก้นหอยขึ้นไปยังชั้นบนสุดประมาณชั้นที่ 503 มีห้องทั้งหมด 5 ห้องทาสีแต่ละห้องไม่ซ้ำกันมี เขียวสด แดง เหลือง ฟ้า และชมพูสดใส ผนังเป็นสีขาวมีลายดดเรมอนประปายเป็นหย่อมๆ แต่ปราสาทหลังนี้แปลกกว่าหลังอื่นคือดูจะหรูหราเป็นพิเศษมีรูปถ่ายของเจ้าของบ้านนานาแอคชั่น ทั้งรูปที่ถ่ายคู่กับดาราฮอลลีวู๊ดดังๆหรือแม้กระทั่งรูปที่ตนถ่ายโดยยกมือแบไว้แล้วมีแมลงวันเกาะอยู่บนมือ  แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงห้องเดียวที่มีคนอยู่นั่นคือห้องสีชมพูสด ประตูสีเหลืองเข้มเปิดแง้มไว้เล็กน้อย

    หลังประตูบ้านนั้น เป็นบรรยากาศภายในห้องซึ่งทาด้วยสีเขียวตองอ่อนมีคนอยู่ทั้งหมด 2 คน แต่ละคนดูเคร่งเครียดและไม่มีใครยอมใคร

    “อาจารย์คะขอร้องเถอะค่ะหนูอยากทราบจริงๆว่าคนที่กำเนิดในร่างสัตว์คนนี้เป็นใครนะคะ “เสียงอ้อนวอนดังมาจากอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในชุดวอร์ม

    “ไม่ได้จนกว่าเธอจะบอกเหตุผลที่ดูฟังขึ้นมา”คู่สนทนาตอบกลับมา

    “ก็หนูบอกอาจารย์ไปแล้วไงคะว่าบอกไม่ได้อ่ะค่ะ”หญิงที่นั่งตรงข้ามบอก

    “นี่…สุพัตตราด เธอก็รู้นี่ว่าข้อมูลนี้มันสำคัญมากและจะให้ฝ่ายมืดรู้ไม่ได้”

    “แต่อาจารย์คะ ฝ่ายมืดก็ถูกกำจัดไปแล้วไงคะ ก็อาจารย์เป็นคนกำจัดไปเองนะคะ”อาจารย์ที่ชื่อสุพัตตราดบอก

    “ยังไงฉั้นก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี”

    “นะะ”

    “เอ๊ะ เธอนี่ เดี๋ยวเถอะ___ เดี๋ยวเถอะ___”

    “ก็ได้คะ..กลับก็กลับ”เสียงอย่างไม่พอใจมากๆดังมาจากผู้มาเยือน ว่าแล้วผู้มาเยือนคนนั้นก็ดีดนิ้วและก็หายลับไป



    (เฮ้อ..ยัย past con.กว่าจะกลับไปได้แทบแย่)ศาสตราจารย์คิด

    “เอ้อ..ลืมไปต้องรีบไปเทล(บอก)ให้พวก3/1โนว์(รู้)ว่า มีพวกลูกครึ่งบอร์น(กำเนิด)มาบนเวิร์ล(โลก)อีกแล้ว”อาจารย์พึ่งนึกออก

    ว่าแล้วศาสตราจารย์จรรยาน ก็ก้าวเท้าที่มีรองเท้าหนังโคถึกแท้ฝังเพชรเก๊ออกมานอกห้องและลงลิฟท์มาจนถึงข้างล่าง

    “โอ้…ถึงลอบบี้(ชั้นรวม)ซักที รู้สึกเวรี่ ไทร์(เหนื่อยมาก)”ศาสตราจารย์พูดและเดินออกมาถึงบริเวณรั้ว

    “อุ๊บส์(อุ๊ย) พวก3/1 มาทำอะไรเฮียร์(ที่นี่)หรือจ๊ะ” ผู้ที่สอนภาษาอังกฤษถาม

    “คือเรา…”เน็กพูดยังไม่จบ

    “เอ่อ.ชั่งมันเถอะ ครูแฮฟ(มี)เรื่องด่วนจะมาบอก” ศาสตราจารย์จรรยานชิงพูดก่อน

    “คือ Can you remember that event?”คราวนี้เผลอพูดออกมาทั้งประโยค

    “ศาสตราจารย์คะ”พวกเด็กๆขอร้อง

    “เอ่อคือขอโทษจ้ะลืมไป”

    “คือ…พวกเธอยัง ..จำได้มั๊ยต..อนนั้นที่ค..รูให้.พวก..เธ..อไปช่วยพวก..ลูกครึ่..งซาลาแมนเดอร์จากพว…กมืดที่ต้องการควา…มลับจากพวก…นั้นน่ะ”การที่ต้องพูดโดยปราศจากภาษาอังกฤษนั้นมันช่างยากเหลือเกิน

    “แต่หนูไม่ได้ต้องการซะหน่อยนะคะ”สิรินาถปฏิเสธเสียงแข็ง

    “ไม่ใช่พวกผิวมืดจ้ะ ครูหมายถึงพวกด้านมืดน่ะ”ศาสตราจารย์อธิบาย

    “อ่อ”

    “คือคราวนี้มีพวกลูกครึ่งกำเนิดออกมาอีกแล้วแถมยังเป็นลูกของเดนนี่คนก่อนด้วย แต่ที่แปลกคือ คนใหม่ที่เกิดเป็นลูกของเดนนี่คนเดียวตามปกติต้องเกิดจากทั้งพ่อและแม่ที่เป็นลูกครึ่ง”

    “แต่ยังไงคราวนี้เป็นหน้าที่ของพวกเธออีกครั้งนะไปตามหาเด็กคนนั้นมาให้ได้”

    “อ่อ…เกือบลืมเด็กคนนั้นชื่อ กัลยาอยู่ที่ออสเตรเลียนะซิดนี่น่ะ”…



    ถัดออกไปจากปราสาทหลังนั้นเป็นปราสาทอีกหลังหนึ่งซึ่งดูไฮโซและหรูหราเช่นเดียวกันทาด้วยสีขาวสนิททั้งหลังแต่บริเวณรอบบ้านไม่มีสวนดอกไม้ประดับประดาหรือสิ่งใดๆเลยนอกจาก ผลึกสารสีขาวเป็นเกล็ยดละเอียดกองสูงเป็นพะเนิน หลายกองเรียงรายกันล้อมรอบบ้าน ตรงรั้วมีป้ายติดไว้

    “ครอบครัว อังคุดรากพัน”

    เข้าไปข้างในจากรอยแง้มของประตูสีขาวเหมือนเกลือภายในบ้านมีแต่ผนังและส่วนต่างๆสีขาวไปหมดมองขึ้นไปจากบันไดเวียนชั้นล่างทั้งหมดมีมากกว่า400ชั้นแน่นอนและสูงขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 201 มีชายแก่คนหนึ่งนั่งส่องกล้องจุลทรรศน์อยู่แต่ถ้าดูเผินๆจะเหมือนกับมิกกี้เมาส์นั่งทำแล็บอย่างมาก และสูงขึ้นไปอีกจนถึงชั้นสุดท้ายมีเลขเขียนกำกับไว้“ชั้นที่413”

    เข้าไปในห้องสีขาวนวลมีหญิงแก่ คนหนึ่งกำลังนั่งให้เกรดนักเรียนอยู่

    “บุศรา…วงศ์ศิริโรชน์”หญิงนั้นอ่านชื่อ

    “อือ…ดีมากนิสัยก็ดี ตั้งใจเรียน แบบฝึกหัดก็ทำครบทุกข้อ…เฮ้อ…แต่เสียอย่างเดียว ทำทุกข้อแต่ไม่เคยถูกเลยแม้แต่ข้อเดียว…”หญิงนั้นดูเป็นกังวล

    “เอาไงดี…4 ละกันถือว่าสงสารอุตส่าห์ใช้สมองที่แแบนราบทำมา”ว่าแล้วในช่องชื่อของคนที่ชื่อบุศรา ก็มีเลข 4 ปรากฎอยู่

    “อ่อด…อ่อด…”เสียงออดด้านล่างปราสาทชั้นที่1/413ดังขึ้นนานมาก

    “ว๊าย..ขอร้องล่ะพอแล้วอย่ากด…พอได้แล้ว….”หญิงแก่เจ้าของผมทรงเคิร์พพูดขึ้นเหงื่อแตกด้วยความตกใจ

    “อ่อด  อ่อด…”เสียงอ่อดดังขึ้นอีก

    “ขอร้องล่ะน้าา ใครมากัน อย่ากดอีกเล้ยยย กี่บาทแล้วเนี่ยครั้งละตั้ง 2 บาท…”

    ไม่นานชายที่อยู่ชั้นล่างเดินขึ้นมา

    “นี่คุณมีคนมาน่ะ”มิกกี้เมาส์พูดขึ้น

    “รู้แล้วน่าดูซิ กด ออดซะไม่บันยะบันยัง…ที่บ้านขายออดรึไง”หญิงคนนั้นไม่พอใจ

    “โอ๊ยย…ตั้ง413ขั้นกว่าจะลงไปถึง”

    “ก็บอกแล้วว่าให้ซื้อลิฟท์”มิกกี้เมาส์ประชด

    “นี่จะซื้อไปทำไมเดินเอาก็ได้คิดดูนะถ้าซื้อมาไหนจะค่าลิฟท์ ไหนจะค่าไฟ ไหนจะ…”

    “พอๆๆๆ เออเข้าใจและ”

    “อ่อด…อ่อด..”ออด ดังขึ้นอีก

    “โอ๊ยยไปแล้วไปแล้ววว..รอแป๊ปปนึง”หญิงเจ้าของผมทรงเคิร์พหงุดหงิดแล้วก็รีบเดินลงบันได413ขั้นไป



    แล้วหลังจากที่รอมานานผู้ที่รอก็พบเจ้าของบ้านเดินออกมาด้วยความเหนื่อยหอบผมกระเซอะกระเซิง

    “สวัสดีค่ะ ศาสตราจารย์ราวี”หญิงคนที่เคยอยู่ที่คฤหาสน์ของศาสตราจารย์จรรยานกล่าว

    “อ้าวเธอเองเรอะ”

    “อ้าวก็เปิดพัดลมซิคะ”อาจารย์สุพัตตราดแนะนำ

    “โอ๊ย..เล่นมุขอีกแล้วเบื่อ นะเนี่ย” ศาสตราจารย์ราวีบอก

    “อ้าววว..”

    “อ้าวก็เปิดพัดลมซิจ้ะ อาจารย์สุพัตตราด”มิกกี้เมาส์พูด

    “โถ่อาจารย์อ่ะ”

    “ล้อเล่นน่า…”อาจารย์มิกกี้เมาส์บอก

    “นี่เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่านะ”ศ.ราวีเชิญ

    “ค่ะ”แล้วทั้งหมดก็เดินเข้าไปยังปราสาทสีขาว ระหว่างเดินอาจารย์สังเกตเห็นระหว่างที่ ศ.ราวีเดินมีเม็ดเกล็ดสีขาวร่วงมาเรื่อยๆแล้วมันก็กองสูงขึ้น…

    “เออ…อาจารย์ไม่มีน้ำมาเสิร์ฟเลยเหรอคะ”อ.สุพัตตราดถามแบบเขินๆ

    “อ่อได้จ้ะ นี่คุณเอาน้ำมาเสิร์ฟให้หน่อยค่ะ”ศ.ราวีบอกสามีเธอ  แล้วซักพักสามีเธอก็นำน้ำมาให้

    “นี่ขากลับจ่ายด้วยนะจ๊ะ 6 บาท น้ำแข็งแก้วละบาท”ศ.ราวีอมยิ้ม

    “เอ่อ..ได้ค่ะ”

    “นี่สำเร็จมั๊ยจ้ะงานน่ะ”

    “คือศ.จรรยานเค้าไม่บอกน่ะค่ะเค้าบอกว่าเด๋วฝ่ายมืดรู้เข้า”

    “ว่าาาางายยยน้าาา”ศ.ราวีโกรธจัด จนเคิร์พกระพือ

    “งั้นชั้นจะไปถามเอง”พูดจบศ.ราวีก็รีบเดินไปยัง คฤหาสน์ของศาสตราจารย์จรรยาน



    “นี่จอยดูสินั่นอะไรน่ะ”โมถาม จอยมองตามนิ้วชี้ข้างขวาที่ชี้ไปทางขวามือและทุกคนก็มองตาม สิ่งๆนั้นดูเหมือนพายุแต่มันเคลื่อนที่เร็วกว่ามากตรงมาที่คฤหาสน์รอบๆมีผงเหมือนฝุ่นสีขาวโอบรอบแล้วไม่นานมันก็มาถึงยังกลุ่มของเค้าที่กำลังยืนคุยกันอยู่ ร่างนั่นหยุดนิ่งผงสีขาวร่วงลงกองสูงเป็นพะเนินห้ากองรอบๆตัว

    “ศ.ราวี”จอยพูดเบามากกับโมจนเหมือนเสียงกระซิบ

    “นี่ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกว่าใครคือคนที่เป็นลูกครึ่งที่เกิดมาคนล่าสุด”ศ.ราวีถาม

    “ไม่ได้….ฉั้นบอกกับลูกน้องเธอไปแล้วไง”ศ.จรรยานประกาศเสียงแข็ง

    “งั้นต้องเจอพลัง…ตรีโกณมิติ”แล้วสามเหลี่ยมนับพันๆรูปก็พรั่งพรูออกมา

    “พลัง…อาร์ทิเคิ่ล(article)”ศ.จรรยานร่าย แล้วตัวอักษร A , An ,Theก็ออกมาหลายตัวล้อมรอบตัว ศ.จรรยานไว้สามเหลี่ยมนับพันกระเด็นไปคนละทิศละทางเมื่อเจอเกราะกำบังอาร์ทิเคิ่ลเข้า

    “พลัง..พาราโบล่า”

    “พลังเทนส์(Tence)”

    “…”

    “…”

    ระหว่างที่ พวก ศาสตราจารย์ดวลกันอยู่เน็กก็ส่งสัญญาณให้พวกเพื่อนๆรีบเผ่นไปอย่างเงียบๆดีกว่าแล้วทั้งหมดก็เรียกยานพาหนะของตนและขี่มันกลับ

    “เหมียว….กระสือป้านัดแกมันมาอีกแล้ววว…”สุดที่เสียงของมด





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×