คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : MLF(Multiraces Liberation Forces)กองกำลังปฏิวัตินานาชาติพันธุ์
MLF(Multiraces Liberation Forces)
กองกำลังปฏิวัตินานาชาติพันธุ์
ประวัติศาสตร์
แต่เดิมนั้นทวีปโบฟูเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาที่สร้างอารยธรรมได้เพียง 3สายพันธุ์คือโยจิน(ครึ่งอสูร เกือบเหมือนมนุษย์แต่หูเป็นหูสัตว์แทนที่จะเป็นหูกลมแบบมนุษย์)เผ่าพันธุ์ที่เชี่ยวชาญต้านเทคโนโลยีต่างๆ โอนิ(ยักษ์ภูเขา มีเขาเกลียวขนาดเล็กบริเวณกระหม่อม)เผ่าพันธุ์ที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งและดุดัน ยูเรย์(วิญญาณ แต่ในเรื่องนี้คือพลังงานมีชีวิตที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นอะไรก็ได้ และสามารถสร้างกายเนี้อชั่วคราวเพื่อฟื้นฟูตัวเองได้หากกายหยาบได้รับความเสียหาย รวมทั้งสามารถยึดร่างสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาชนิดอื่นชั่วคราวได้อีกด้วย)เผ่าพันธุ์ที่เชี่ยวชาญด้านมายาศาสตร์และอาคม พวกเขาทำสงครามกันตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งเผ่าพันธุ์เดียวกันและต่างเผ่า และสงครามทำให้วิวัฒนาการพวกเขาก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ แต่สงครามนี้ไม่ได้สู้กันแบบจริงจังมากนัก เหมือนซ้อมรบแบบมีเสียเลือดเสียเนื้อบ้างมากกว่า(ประมาณว่า รบไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก) จนกระทั่งสมัยพระเจ้าดารีลุส(บิดาของพระเจ้าอาร์ราก็อต) พวกเขาพบผู้อพยพจากแดนตะวันตกมุ่งหน้ามาสู่ทวีปโบฟูที่ทวีจำนวนมากขึ้น พวกเขาเริ่มตระหนักดีว่า ภัยคุกคามจากจักวรรดิมนุษย์กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย จากที่เคยทำสงครามกันก็หันมาจับมือกันและเตรียมการเพื่อรับมือกับศัตรูจากแดนตะวันตก ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ
ภูมิศาสตร์
ทวีปโบฟูเป็นสถานที่ที่อันตราย หากไม่ตายเพราะสภาพแวดล้อมในเขตต่างๆ ก็อาจตายเพราะสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น(ซึ่งส่วนมากเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์) โดยบริเวณต่างๆในทวีปจะแยกได้ดังนี้
1.เขตตะวันออกเฉียงเหนือ:ปกคลุมด้วยป่าสนแบบไทกา อุณหภูมิหนาวเย็นตลอดปีนอกจากฤดูร้อน(พอๆกับขั้วโลกเหนือ)ไม่ค่อยมีอันตรายจากสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นมากนัก แต่มีทรัพยากรธรรมชาติผิวดินค่อนข้างน้อย ตรงสุดทวีปเป็นเกาะขนาดใหญ่ เกาะแห่งนี้เป็นดินแดนที่หนาวจัดไร้ชีวิต(หนาวพอๆกับขั้วโลกใต้) แต่กลับมีร่องรอยอารยธรรมที่ล่มสลายไปหลายล้านปีมาแล้ว ทว่านอกจากพวกนักวิจัยและทหาร เหล่าชนพื้นเมืองกลับไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไปในดินแดนนี้ เพราะนอกจากซากปรักหักพังของนครเก่าแก่ ยังมีบางสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในซากเหล่านั้น บางสิ่ง...ไร้วิญญาณ...หิวโหย...และไม่มีอะไรหยุดมันได้
2.เขตตะวันออกเฉียงใต้:ที่ราบลุ่มน้ำขังที่มีป่าฝนปกคลุมทั่วบริเวณ พื้นดินส่วนมากเป็นโคลนตม มีทรัพยากรผิวดินที่สมบูรณ์ ฝนตกชุกตลอดปี แต่กลับไม่ค่อยมีแหล่งน้ำสะอาดมากนักเพราะถึงแม้จะไม่ค่อยมีไดโนเสาร์ที่เป็นภัยคุกคาม แต่ที่นี่เป็นที่อาศัยอย่างดีของพวกแมลงยักษ์หลากชนิด สิ่งที่อันตรายที่สุดในป่าโคลนนี้คือ ปลิงยักษ์ขนาด 7 ฟุต ที่พร้อมจะกลืนกินทุกชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
3.เขตตะวันตกเฉียงเหนือ:ที่ราบสูงที่ส่วนใหญ่เป็นป่าโปร่งและเนินเขา พื้นดินส่วนมากมีความคงทนเหมาะกับการตั้งถิ่นฐาน มีทิวทัศน์ที่สวยงาม สภาพแวดล้อมที่สงบ ร่มรื่น โรแมนติก แต่ไม่ค่อยเหมาะกับการพาคนรักมาเดทเท่าที่ควร เพราะที่นี่เป็นแหล่งอาศัยของไทรันโนซอรัส เร็กซ์ และพวกไดโนเสาร์ขนาดใหญ่อื่นๆ และมีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ประปราย
4.เขตตะวันตกเฉียงใต้:ที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ปกคลุมด้วยป่าผลัดใบและทุ่งหญ้าสะวันนา ที่นี่มีแหล่งอาหารสมบูรณ์ มีพืชป่ากินได้หลายชนิด แหล่งน้ำใสสะอาดดื่มได้ พื้นดินดีเหมาะกับการทำเกษตรต่างๆ มีทิวทัศน์สวยงามและร่มรื่นเช่นเดียวกับเขตตะวันตกเฉียงเหนือ แต่เป็นที่อาศัยของไดโนเสาร์ขนาดเล็ก และจุดซุ่มโจมตีชั้นดีของฝูงเวโลซีแรพเตอร์
5.แนวพายุมรณะรอบทวีป:ปราการธรรมชาติอย่างดีประจำทวีป เป็นเขตที่กระแสน้ำอุ่นและกระแสน้ำเย็นไหลตัดผ่านกัน ทำให้กลายเป็นเขตมหาสมุทรที่เกรี้ยวกราดและเอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็นที่ๆเกิดพายุงวงช้างและไต้ฝุ่นบ่อยมาก และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนักล่าขนาดใหญ่จำนวนมาก(ถ้านึกสภาพไม่ออกนึกถึงเบอร์มิวด้าครับ) แม้แต่กองทัพเรือที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังต้องอับปางลงเมื่อผ่างบริเวนนี้
นอกจากนี้ พื้นที่ๆอันตรายก็ยังมีชายฝั่งทะเลเขตน้ำลึก(บางที่อันตรายขั้นห้ามลงเล่นน้ำ) และแม่น้ำสายใหญ่ที่ติดทะเล เพราะบางครั้งสัตว์น้ำนักล่าขนาดใหญ่จากแนวพายุจะเข้ามาหากินในบริเวณเหล่านี้
การปกครอง
MLFไม่มีรัฐบาล นักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพลต่างๆ พวกเขาจะอยู่แยกกันเป็น”ครอบครัว”ซึ่งในความหมายของพวกเขาคือ กลุ่มคนที่มีความคิด ความเชื่อ และอุดมการณ์ที่เหมือนกัน โดยหัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้ที่อาสาเป็นผู้นำ หัวหน้าครอบครัวทุกคนจะต้องทำตามสนธิสัญญา “โจวะ”ซึ่งจะบัญญัติใว้ดังนี้
1.หัวหน้าครอบครัว จะต้องไม่ใช้ความรุณแรงกับสมาชิกในครอบครับโดยไม่มีเหตุอันควร(ทำตัวเป็นภัยต่อสมาชิกอื่น)
2.หัวหน้าครอบครัว จะต้องไม่ทำการคุกคามกับครอบครัวอื่น นอกจากอีกฝ่ายเป็นครอบครัวที่ทำตัวเป็นอันตรายต่อทุกครอบครัวในทวีปหรือในกรณีป้องกันตนเอง
3.หัวหน้าครอบครัวจะต้องไม่พยายามบังคับจิตใจและความคิดของครอบครัวอื่นให้คล้อยตามครอบครัวของตน
4.ทุกคนมีอิสระที่จะเลือกครอบครัวของตนเอง ห้ามบังคับให้ผู้อื่นเข้าหรือออกครอบครัวของตน
5.ห้ามใช้คำว่า “ศีลธรรม” “กฎหมาย” “ความเป็นอารยะ”และ “จารีต”เป็นข้ออ้าง เพราะมันเป็นคำที่พวก “ปรสิต”เค้าใช้กัน สิ่งที่ใช้อ้างได้มีเพียง “ความถูกต้อง” “ความยุติธรรม” และสนธิสัญญานี้
หากผู้ใดละเมิดสนธิสัญญานี้โดยหวังประโยชน์ส่วนตน จะถูกจัดการโดยนักล่าหัวประจำครอบครัว(สนธิสัญญานี้เป็นผลกับพวกนักล่าหัวด้วยเช่นเดียวกับหัวหน้าครอบครัว)
แต่ละครอบครัวจะมีที่อยู่อาศัยตั้งแต่กระท่อมขนาดเล็กจนถึงมหานครขนาดใหญ่
แต่ในช่วงสงครามจะมีครอบครัวหนึ่งที่เสนอตนเป็นผู้นำการสู้รบโดยหัวหน้าครอบครัวนั้นจะเป็นผู้บัญชาการ ซึ่งเมื่อเป็นผู้บัญชาการแล้วจะสามารถละเมิดสนธิสัญญาได้เป็นบางครั้ง(หากสามารถทำให้ทวีปรอดจากสงครามได้)แต่หากผู้บัญชาการล้มเหลวในหน้าที่(ขั้นทำให้หมดทางชนะศัตรู) โทษอย่างเดียวคือ ประหาร(โดยนักล่าหัวคนสนิท)
เศรษฐกิจ
เนื่องจากความกันดารของทวีป(กันดารตรงไหนฟะ) ทำให้ชาวMLFนิยมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรและการใช้ทุกอย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากพวกเขาจะใช้อะไรจะใช้ประโยชน์ได้แบบตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ(ยิ่งกว่าคุ้มค่า)
แม้จะเปิดตลาดเสรี แต่แทนที่จะเป็นเงินสดประเภทธนบัตร เหรียญ หรือแต้มบัญชีธนาคาร(เครดิต) พวกเขาใช้สิ่งของ3สิ่งแทนที่จะเป็นเงิน คือกระสุนปืน ถังเชื้อเพลิง(มีเทนเหลว) และอาหารสำเร็จรูป โดยมูลค่าจะแปรผันตามขนาดของสิ่งเหล่านี้(มูลค่าเพิ่มตามขนาด)และพื้นที่ใช้สอย(มูลค่าสูงขึ้นหากใช้ในแหล่งผลิต) ในสายตาพวกเขาแล้ว ธนบัตรและเงินเหรียญของมนุษย์เป็นเพียงวัตถุดิบที่จะส่งไปโรงงานเพื่อแปรรูปไปใช้อย่างอื่นเท่านั้น
การทหาร
กองทัพของMLFแบ่งเป็นเหล่าหลักๆได้ 4เหล่าคือ นักรบทหารบก(Bushi Rikugun) นักรบทหารเรือ(Bushi Kaigun) นักรบกองบินทหารบก(Bushi Rikugun Koukuutai) และสมาคมนักรบเงา(Kagemusha)ซึ่งเป็นกองรบที่มีรูปแบบการต่อสู้ของนาวิกโยธินผสมกับนินจา (สาเหตุที่ถูกจัดแยกจากทหารบกและทหารเรือ เพราะสามารถปฏิบัติการร่วมกับทหารได้ทุกเหล่า และมียุทธวิธีของตนเอง)
ถึงพวกเขาจะยึดถืออุดมการณ์ในเรื่องความรักและความภัคดี ทว่าพวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้กับศัตรูโดยใช้กำลังและจำนวนเข้าสู้(หรือสู้แบบซึ่งๆหน้า)จะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากและบางครั้งก็เป็นการกระทำที่สูญเปล่า พวกเขาจึงนิยมใช้กลยุทธ์แบบสงครามกองโจรและยุทธวิธีแบบสายฟ้าแลบ(Blitzkreig เป็นการต่อสู้แบบที่เน้นยานเกราะและอากาศยานรวมกันโจมตีให้จบศึกอย่างรวดเร็ว) สิ่งที่พวกเขายึดถือนอกจากความรักแล้ว ในสนามรบพวกเขาถือว่าชัยชนะสำคัญที่สุด และพวกเขาจะไม่ยอมแพ้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะพวกเขาเชื่อว่าในสนามรบนั้น หากแพ้แล้ว ทุกอย่างจะสูญเปล่าและการตายในมือศัตรูนั้นเลวร้ายกว่าการตายในสนามรบ ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีวันเล่นตามเกมของศัตรู พวกเขามีกระบวนทัพที่ยืดหยุ่น จึงยากแก่การตั้งรับ
ด้วยอาวุธปืนที่ใช้กระสุนน้อยแต่ทรงพลัง ยานพาหนะที่ถูกสร้างมาให้คล่องแคล่วและรวดเร็ว พร้อมกับกลยุทธ์ที่แทบจะคาดเดาไม่ได้ นี่คือฝันร้ายของผู้ที่อยู่ฝ่ายศตรูของพวกเขา ไม่เคยมีใครรอดชีวิตแล้วสามารถเล่าได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสนามรบ(เพราะแม่มไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกอะไรโจมตี)
ทางด้านกองทัพเรือ เนื่องจากแนวพายุมรณะ เรือรบทั้งหมด(ไม่นับเรือลาดตระเวนชายฝั่ง) จึงเป็นเรือดำน้ำ โดยมีระบบกันและระบายน้ำติดตั้งในอาวุธทุกรูปแบบเพื่อป้องกันปัญหาจากความชื้น แม้จะทำให้เสียเปรียบเรื่องความแข็งแกร่ง แต่กลับกลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง คือสามารถดำเนินยุทธวิธีแบบกองโจรใต้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำลายกองเรือดำน้ำข้าศึกได้ภายในเวลาอันสั้น
ทหารบางคน สามารถใช้มายาศาสตร์ในสนามรบ เนื่องจากมายาศาสตร์เป็นสิ่งต้องห้ามในจักรวรรดิมนุษย์และสหภาพเอลเฟ่น จึงกลายเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งในสนามรบเช่นกัน
ความคิดเห็น