ตอนที่ 5 : บทที่ 4
“โอย...เจ็บเหลือเกิน” ชายหนุ่มหน้าสวยบ่นพึมพำพลางเดินจับไหล่ของตัวเองเอาไว้ด้วยท่าทีเจ็บปวด เขาทำสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนที่จะเดินไปนั่งลงตรงใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง
“เหตุใดพ่อต้องทุบไหล่ข้าด้วยเล่า ทั้งที่เรื่องที่ข้าเอ่ยกับคุณลุงไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงด้วยกันทั้งนั้น นี่ข้าทำกระไรผิดรึ?” เขาบ่นพึมพำพลางคิ้วขมวดก่อนที่จะมองทอดสายตายาวไปสะดุดเข้ากับร่างของชายตัวสูงผู้หนึ่งที่เขาไม่ค่อยชอบนักกำลังเดินขึ้นเรือนที่แฟงเพิ่งจะลงมาได้ไม่นาน
“ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเอ็งนั่นแหละ ไอ้คุณหลวงแสนเจ้าชู้! อย่าได้คิดว่าข้าจะยอมยกแม่เฟื่องฟ้าให้ ต่อให้เจ้าเอาทรัพย์ของทั้งอโยธยามาเป็นสินสอด ข้าก็มิยอมยกนางให้กับเจ้าดอก!!” เขาพูดด้วยท่าทีไม่พอใจพลางใช้เท้าของเขาเตะเข้าไปที่หินก้อนหนึ่งจนมันกระเด็นไปโดนหัวของคนที่เขากำลังติฉินนินทาอยู่
ตุบ!!
“โอ๊ย!!” ชายคนนั้นร้องเสียงหลงพลางใช้มือของเขาลูบที่หัวของตัวเอง แฟงเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มมุมปากออกมาก่อนที่เขาจะก้มลงไปหยิบหินมาอีกก้อนแล้วเตรียมที่จะโยนใส่เขาอีกครา
“อีกสักก้อนจะเป็นไรกันเล่า?” เขาพูดพลางยิ้มเยาะแล้วง้างมือเตรียมที่จะขว้างหินไปเต็มที่
“พ่อราม!!” เสียงทุ้มนั้นดังขึ้นพร้อมกับร่างของชายชราคนหนึ่งที่เป็นพ่อของชายผู้ถูกกระทำนั้น เขาวิ่งมาด้วยความตกใจและมีสีหน้าที่วิตกกังวลเป็นอย่างมาก
“...ตายโหงแล้วกู...” แฟงพึมพำพลางทำสีหน้าวิตกกังวลก่อนที่เขาจะโยนก้อนหินนั้นทิ้งแล้วรีบวิ่งหนีไปทันที
“มีกระไรเกิดขึ้นงั้นรึพ่อสุริยะ?” เสียงทุ้มอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ร่างของชายเจ้าของเสียงทุ้มอีกหนึ่งเสียงรีบเดินมาจากทางด้านในเรือนแล้วสอดสายตามองไปมา
“พ่อรามโดนพวกอันธพาลขว้างหินใส่น่ะสิ” ชายชราคนนั้นบอกพลางใช้มือของเขาจับหัวของบุตรชายของตน
“อันธพาล...งั้นรึ?” ชายชราผู้เป็นสหายกล่าวถามพลางทำสีหน้าครุ่นคิด
“...หรือว่าจะเป็น...พ่อแฟง?” เขากล่าวขึ้นมาพลางขมวดคิ้ว
“ฮัดชิ่ว!!!โอย...ใครมันมานินทาข้าวะ?” ชายหนุ่มผู้เป็นตัวปัญหาจามออกมาเสียงดังลั่นพลางบ่นพึมพำถึงคนที่ทำให้เขาถึงกับจามได้เสียงดังขนาดนี้
เวลาพลบค่ำ ณ เเรือนของพระยาสุริศัลฑการณ์
“โอย...เจ็บใจนัก...ผู้ใดกันที่กล้ามาทำกับข้าเยี่ยงนี้?” ชายหนุ่มรูปงามกล่าวบ่นกับตัวเองพลางทำสีหน้าแค้นเคือง
“เพิ่งจะโดนทำร้ายมาได้มินานก็โดนใครก็มิรู้มาโยนหินใส่อีก หรือว่า...จะมิใช่พวกของท่านพ่องั้นรึ? แล้วเป็นผู้ใดกันล่ะ?...ถึงได้แค้นข้าถึงขนาดมาทำร้ายกันถึงในเรือนเช่นนี้” เขาคิดพลางทำสีหน้าเคร่งเครียดก่อนที่เขาจะล้มตัวนอนลงไปกับเตียงนอน
“หรือว่า..จะเป็นพวกของแม่เฟื่องฟ้างั้นรึ?” เขาตั้งคำถามก่อนที่จะผลุดลุกขึ้นมาแล้วทำสีหน้าตื่นตระหนก
“อาจจะเป็นไปได้...เพราะข้าเองนอกจากหญิงในโรงชำเราว์แล้วก็มิเคยจะไปแย่งของๆใครมา ไม่แน่ว่า...แม่เฟื่องฟ้าอาจจะมีคนรักอยู่แล้วจึงจ้างคนมาทำร้ายข้าเพื่อให้ยกเลิกงานแต่ง ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ รุ่งเช้าข้าจะไปคุยกับท่านพ่อให้รู้เรื่อง!” เขาพูดพลางทำสีหน้าขึงขังก่อนที่จะดับไฟตะเกียงแล้วนอนหลับทันที
.
.
“แม่...ว่ากระไรนะขอรับ?” แฟงถามแม่ของตนด้วยใบหน้าซีดเซียวเช่นเดียวกับแม่ของเขา
“แม่เฟื่องฟ้า...หายตัวไป” นางบอกก่อนที่จะล้มลงไปนั่งกับพื้น
พรึ่บ!
“คุณแม่!!!”
“เกิดเรื่องเยี่ยงนี้ได้อย่างไร?...แม่เฟื่องฟ้าน้องข้า...หายตัวไปได้เช่นไร?” ชายหนุ่มพึมพำพลางทำสีหน้าเคร่งเครียด เขานั่งครุ่นคิดพลางมองไปที่ร่างของแม่ของเขาที่นอนนิ่งหลังจากที่มาบอกว่าน้องสาวเขาได้หายตัวไป
“พ่อแฟง!” เสียงทุ้มนั้นเรียกชื่อของเขาก่อนที่เจ้าของร่างจะเดินมาหาด้วยท่าทางร้อนรน
“ท่านพ่อ มาที่นี่ได้เยี่ยงไรขอรับ..มิไปจัดเรื่องงาน-“
“แม่เฟื่องฟ้า...หายตัวไปจริงใช่หรือไม่?” ชายชราคนนั้นถามพลางมองตาของแฟง เขาเบิกตาโพลงก่อนที่จะนิ่งไปชั่วขณะ
“.....ท่านพ่อรู้ได้เยี่ยงไรขอรับ?” แฟงถามพลางทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
“พวกบ่าวมันเป็นคนไปบอกข้า จริงหรือไม่พ่อแฟง...น้องเจ้า...หายตัวไปจริงงั้นรึ?” ผู้เป็นพ่อถามพลางจับไหล่ของแฟงแล้วบีบมันอย่างแรง
“....อึก...ขอรับ...” แฟงบอกพลางหรุบตาต่ำ พ่อของเขาถึงกับเบิกตาโพลงก่อนที่ร่างของเขาจะทรุดลงไปนั่งกับพื้น
พรึ่บ!
“ท่านพ่อ!เป็นกระไรไปขอรับท่านพ่อ?” แฟงถามพลางรีบลงไปพยุงร่างของพ่อ
“...มีหวังครานี้พวกเราได้ตายกันเจ็ดชั่วโคตรเป็นแน่....” ชายชรากล่าวพูดพลางกำหมัดของตัวเอง แฟงเกิดความสงสัยในคำถามจึงได้เอ่ยพูดออกไป
“...ท่านพ่อหมายความว่ากระไรงั้นรึขอรับ?” แฟงถามพลางทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักซึ่งมันไม่ได้แตกต่างจากสีหน้าของผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย
“...เจ้าคิดว่าที่ข้าจับน้องเจ้าหมั้นกับพ่อรามมันเป็นเพราะเรื่องที่นางโดนพวกผู้ชายรังแกงั้นรึ?หากเจ้าคิดเช่นนั้นก็ผิดเสียแล้วล่ะพ่อแฟง” เขากล่าวเสียงทุ้มพลางเงยมามองใบหน้าของบุตรชายที่ทำสีหน้าวิตก
“....แล้วความเป็นจริงแล้ว...ท่านพ่อให้แม่เฟื่องฟ้าแต่งกับชายผู้นั้นด้วยเหตุผลใดกันงั้นรึขอรับ...ท่านพ่อ?” แฟงถามด้วยท่าทีหวาดกลัวกับคำตอบที่พ่อของเขาจะพูดออกมา
“พ่อกับแม่ติดหนี้พระยาสุริศัลฑการณ์เขาไว้...พ่อจึงให้แม่เฟื่องฟ้าออกเรือนกับพ่อรามเพื่อเป็นการชดใช้หนี้สินที่ยืมเขามาทั้งหมดแทน” ชายชราบอกพลางหรุบตาต่ำไม่ยอมมองใบหน้าของบุตรชายเลยแม้แต่น้อย แฟงที่เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้นมาจากปากพ่อของตนก็นิ่งไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องของน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาที่ตอนนี้นางหายตัวไปเสียแล้ว
“พ่อแฟง...เจ้าโกรธพ่อแลแม่ใช่หรือไม่?...ที่ทำเยี่ยงนี้กับลูกของตนได้ลงคอ...แต่หากมิเป็นเรื่องจำเป็น...พ่อก็คงไม่ทำเรื่องขืนใจเยี่ยงนี้กับแม่เฟื่องฟ้าดอก...หากแต่เพลานี้..ทรัพย์สินที่เรามีอยู่มันมิเพียงพอที่จะเอาไปใช้หนี้พระยาเขาได้เลย...พ่อจึงต้องทำเช่นนี้...พ่อขอโทษเจ้าจริงๆหนา...พ่อแฟงลูกพ่อ” คนเป็นพ่อพยายามอธิบายให้บุตรชายของตนที่หายไปในห้องของบุตรสาวฟัง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรใดๆ มีแต่เสียงเงียบแบบที่เขาไม่เคยจะได้สัมผัสมาก่อนแทน คนเป็นพ่อนั่งกำหมัดของตัวเองพลางกร่นด่าตัวเองในใจว่าช่างเป็นพ่อที่เลวยิ่งนักที่ทำเยี่ยงนี้กับลูกสาวของตนได้ จนทำให้นางถึงกับต้องหนีไปหรืออาจจะเป็นเพราะอะไรก็แล้วแต่...แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขาที่เป็นคนทำเรื่องการหมั้นหมายนั่นไว้ทำให้ลูกสาวเขาต้องหายตัวไปเช่นนี้ คิดแล้วก็เกลียดตัวเองยิ่งนัก เขาคิดพลางกัดริมฝีปากของตนจนมีเลือดซิบออกมา
“ท่านพ่อขอรับ” เสียงนุ่มอันคุ้นเคยนั้นดังขึ้นทำให้คนเป็นพ่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่ห้องที่ลูกชายของเขาเข้าไปเป็นเวลานานแสนนาน
“..มีกระไรงั้นรึพ่อแฟง?” ชายชราถามพลางมองไปในห้องมืดๆนั้น ก่อนที่ร่างของเจ้าของเสียงพูดเมื่อครู่จะเดินออกมาต้องแสงทำให้คนเป็นพ่อถึงกับเบิกตาโพลงกับบุตรชายของตนที่เดินออกมาจากห้องแม่เฟื่องฟ้า..บุตรสาวของเขาที่หายตัวไป
“ข้าจะเป็นแม่เฟื่องฟ้าเพื่อชดใช้หนี้นั้นแทนนางเองขอรับ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
