ตอนที่ 19 : บทที่ 18
“เห็นทีเรื่องนั้นข้าจะให้เจ้ามิได้ดอก” แฟงบอกพลางเบี่ยงหน้าหนีอีกคน
“เหตุใดเล่า?พี่เพียงแค่อยากจะเห็นแม่เฟื่องฟ้าตัวจริงก็เท่านั้นเอง” รามพูดพลางเดินตามหลังของแฟง
“แล้วเจ้าจะไปอยากเจอน้องสาวข้าทำไม?อยากรู้ขึ้นมาหรืออย่างไรว่านางงามเพียงใด?” แฟงถามพลางเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองหน้าของรามที่เดินตามหลังมาติดๆ
“นี่พ่อแฟง...กำลังหึงพี่อยู่งั้นรึ?” รามถามพลางยิ้มมุมปากออกมาเบาๆ
“หมับ!!”
“ข้าบอกแล้วไงว่าต่อหน้าคนอื่นอย่าเรียกข้าแบบนี้ อยากโดนข้าเตะมากงั้นรึ?” แฟงพูดพลางเอามือไปปิดปากของอีกคน รามพยักหน้าเบาๆก่อนที่จะพูดขึ้น
“พี่ขอโทษ พี่ลืมตัวไปหน่อย แต่จะว่าไป...มือเจ้านี่ก็หอมดีเหมือนกันหนา” เขาบอกพลางยิ้มเล็กน้อย
“นี่เจ้า!”
“ไม่ได้เจอหน้ากันเสียนานเลยหนา แม่เฟื่องฟ้า...ลูกสาวคนสวยของแม่” เสียงของหญิงสาวแสนคุ้นเคยนั้นทำให้แฟงชะงักไปก่อนที่เขาจะหันไปมอง เขาแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แต่เพราะว่ามีบ่าวจากเรือนของรามติดตามมาด้วยเขาจึงยังคงทำตัวให้เป็นอิสตรีผู้งดงามเอาไว้
“เจ้าค่ะ...คุณแม่” แฟงพูดก่อนที่จะค่อยๆเดินไปหาแม่ของเขาที่ยิ้มออกมาเบาๆด้วยความดีใจ
“ขึ้นเรือนกันก่อนเถิดทั้งสองคน เดินทางมาก็ตั้งไกล...คงจะเหนื่อยกันมากเลยใช่หรือไม่?” แม่ของแฟงกล่าวก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในเรือนส่วนแฟงและรามก็ค่อยเดินตามไปทีหลัง
“แล้วนี่น้องจะบอกเรื่องที่พี่รู้ให้คุณแม่ท่านฟังเลยหรือไม่?” รามกระซิบถามเบาๆ
“ข้าว่ามันยังไม่ถึงเวลา หากวันใดที่ข้าพร้อม...ข้าจะบอกกับนางเอง” แฟงพูดพลางทำหน้านิ่ง
“มากินขนมกันก่อนสิลูก แม่ทำเอาไว้ หวังว่าจะถูกปากพ่อรามนะจ๊ะ” แม่ของแฟงกล่าวพลางยื่นสำรับขนมหวานมาให้
“ขอบคุณขอรับคุณแม่” รามบอกพลางรับสำรับขนมมาแล้วกินเข้าด้วยท่าทางแสนเอร็ดอร่อย
“แล้ว...คุณพ่อล่ะเจ้าคะคุณแม่?” แฟงถามพลางมองไปรอบๆ
“คุณพ่อไม่อยู่หรอกลูก ท่านไปรับราชการแต่เช้าแล้วค่ำๆถึงจะกลับ น่าเสียดายนักที่ท่านคงจะกลับมาไม่ทันเห็นหน้าลูก” แม่ของแฟงบอกพลางมองหน้าของแฟงก่อนที่จะยื่นมือมาลูบแก้มของแฟงเบาๆ
“มิต้องเสียดายไปหรอกขอรับคุณแม่” รามพูดขึ้นมาพลางวางจานขนมลง
“เจ้าหมายความว่ากะไรงั้นรึพ่อราม?” แม่ของแฟงถามพลางทำสีหน้าฉงน
“ข้าคิดไว้แล้วว่าวันนี้ข้ากับแม่เฟื่องฟ้าจะมาค้างกับคุณแม่แลคุณพ่อที่เรือนนี้ขอรับ” รามบอกพลางยิ้มอ่อน แฟงเบิกตาโพลงพลางมองหน้าของราม
“เจ้าไม่ได้บอกข้ามาก่อนเลยนิ” แฟงกระซิบพลางมองค้อนราม
“งั้นหรอกรึ?ดีเลย แม่จะได้ไปเตรียมทำข้าวเย็นให้ งั้นเดี๋ยวแม่มานะจ๊ะ” แม่ของแฟงที่ดีใจหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่รามพูดนั้นรีบเดินไปที่ครัวเพื่อทำกับข้าวที่แฟงชอบทันที
“นี่เจ้าวางแผนอะไรไว้กันแน่?” แฟงถามพลางจ้องหน้าของราม
“พี่จะวางแผนกะไรเล่า?พี่ก็แค่รู้สึกว่านานๆครั้งน้องถึงจะได้มาเจอครอบครัวแบบนี้ทั้งที จะให้กลับไปโดยที่ยังเจอหน้าครอบครัวไม่ครบแบบนี้มันคงทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดีใช่หรือไม่เล่า?” รามพูดพลางยิ้มออกมาเบาๆอีกครั้ง แฟงหัวใจเต้นแรงอีกครั้งก่อนที่เขาจะหันหน้าหนีไป
“อย่ามาปากหวานกับข้าเลย ไม่ได้ผลหรอก” แฟงพูดพลางเดินหนีรามไปทันที
“จะแน่รึ? หึๆ” รามพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆแล้วเดินตามหลังของแฟงไปติดๆ
.
.
“นี่อีลำเพยมันไปไหนของมันวะ?กูไม่เห็นหัวมันมาเป็นเดือนละ ปล่อยให้พวกกูต้องมารับอารมณ์ไอ้พวกขุนเวรพวกนี้อยู่ได้” หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวพลางหยิบจอกเหล้ามากระดกดื่มอย่างไม่คิดเลยว่าตัวเองนั้นเป็นหญิง
“กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันไปไหน?นี่มันเลวมากเลยนะที่ปล่อยให้พี่เพลิงต้องมารับผิดชอบงานของที่นี่คนเดียว อีกทั้งยัง........” หญิงสาวอีกคนพูดก่อนที่จะชะงักไปเมื่อพูดถึงเรื่องของเพลิง
“อีกทั้งยังกะไรวะ?ทำไมมึงไม่เล่าให้จบวะ?” เพื่อนของหญิงสาวกล่าวถามพลางทำสีหน้าสงสัย
“มิมีกะไรดอก พวกมึงรีบไปนอนกันเสียเถิดเดี๋ยวก็ไม่มีแรงมาทำงานคืนนี้กันดอก กูไปนอนก่อนนะ” นางบอกก่อนที่จะรีบลุกจากโต๊ะเหล้าแล้วเดินหนีจากตรงนั้นมาทันที
“กะไรของมันวะ?เดี๋ยวนี้มีลับลมคมในกับกูรึอีนี่” เพื่อนของนางกล่าวก่อนที่จะหยิบไหเหล้ามากระดกไม่ยั้งอย่างกับว่ามันเป็นเพียงแค่น้ำเปล่าเท่านั้น
“เฮ้อ...ปากหนอปาก เหล้าเข้าปากทีไรปากกูต้องเป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า” นางสบถกลับตัวเองพลางเอามือมาตีปากตัวเองเบาๆ
“ฮึก....ฮึก....ฮึก...” เสียงสะอื้นทุ้มนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับชะงักไป นางหยุดยืนนิ่งก่อนที่ทั้งร่างของนางจะขนลุกซู่
“เสียง...เสียงกะไรวะ?” นางถามขึ้นมาพลางตัวสั่นไปทั้งตัวด้วยความกลัว
“ฮึก...ฮือ..” ยิ่งนางเดินไปมากเท่าไรก็ได้ยินเสียงสะอื้นนั้นดังมากยิ่งขึ้น นางรู้สึกกลัวเลยเตรียมตัวจะวิ่งหนีแต่แล้วนางก็ได้ยินอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าเสียงที่นางได้ยินนั้น..หาใช่เสียงของภูตผีปีศาจไม่
“...ฮึก...เมื่อใดเจ้าจะกลับมา...ฮึก...แม่ลำเพย...พี่จะมิไหวแล้วหนา...ฮึก...มันทรมานเหลือเกิน...ฮึก” เพลิงที่นั่งร้องไห้พูดพลางกำหมัดของตัวเองแน่น หลังจากที่ลำเพยไม่อยู่เขาก็ต้องคอยเป็นที่รองรับตัณหาให้กับเหล่าท่านขุนจิตวิปริตพวกนั้นแทน เขาที่เป็นชายทั้งแท่งต้องมาทำงานที่หยามเกียรติตัวเองแบบนี้ เขาล่ะอยากจะตายให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่ก็เพราะความขลาดของตัวทำให้เขา...ไม่กล้าแม่แต่จะทำร้ายตัวเอง
“พี่เพลิง?” นางกล่าวขึ้นมาเบาๆพลางมองท่าทางที่แสนเศร้าโศกนั้นของเพลิงด้วยความสงสาร
“ฮึก....ฮือ...”
“อีลำเพย อีระยำ มึงทำให้พี่มึงเสียใจขนาดไหนมึงรู้บ้างหรือไม่? กูจะไปเอาตัวมึงกลับมาให้จงได้” นางกล่าวพลางกำหมัดของตัวเองแน่นก่อนที่จะเดินออกมาจากโรงชำเราว์เพื่อตามหาลำเพย น้องสาวที่ทำร้ายพี่ชายแท้ๆของตัวเองไปโดยที่นางไม่รู้ตัว
.
.
“แม่เฟื่องฟ้ามาช่วยแม่ทำกับข้าวกงนี้หน่อยสิลูก” เสียงของผู้เป็นแม่กล่าวพลางหันมามองแฟงที่นั่งอยู่กับราม
“เจ้าค่ะ” แฟงขานตอบก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัว
“ที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง?มิมีผู้ใดจับเจ้าได้ใช่หรือไม่?” แม่ของแฟงถามเสียงเบาพลางมองหน้าลูกชายของตนที่ยามนี้จะเรียกว่าลูกชายก็กระดากปากเสียเหลือเกิน
“อ๊ะ....เอ่อ...ขอรับ ไม่มีเลยขอรับคุณแม่” แฟงตอบตะกุกตะกักพลางหยิบมะพร้าวไปขูด
“แล้วนี่....เจ้าได้กับหลวงรามเขาแล้วหรือยัง?” แม่ของแฟงถามพลางมองตาของลูกชาย
“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่าขอรับคุณแม่ ข้าจะไปได้กับเขาได้ยังไง?” แฟงพูดเสียงดังก่อนที่จะถูกมือเรียวบางของผู้เป็นแม่ปิดเอาไว้
“เบาๆสิ เดี๋ยวหลวงรามเขาก็ได้ยินเสียงเจ้าหรอก” นางกระซิบพลางมองไปทางด้านนอกครัว
“ก็คุณแม่น่ะสิ ถามอะไรข้าก็ไม่รู้” แฟงพูดพลางทำหน้ายู่ คนเป็นแม่มองลูกชายของตนก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมา
“มีกะไรหรือขอรับคุณแม่?คุณแม่ยิ้มกะไร?” แฟงถามพลางทำหน้างงเล็กน้อย
“เปล่าๆแม่ก็แค่ไม่เคยเห็นเจ้าเป็นแบบนี้มาก่อนก็เท่านั้นเอง” นางบอกพลางยิ้มอ่อน
“เป็นแบบนี้?กะไรขอรับคุณแม่ ข้าก็เป็นเหมือนเดิมนี่ขอรับ” แฟงถามพลางเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
“บอกแม่มาตามตรงได้มั้ยพ่อแฟง?” นางถามพลางเอื้อมมือไปจับมือของแฟง
“กะไรหรือขอรับ?” แฟงถามพลางมองตาของผู้เป็นแม่
“เจ้า...ชอบหลวงรามเขาแล้วใช่หรือไม่?”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
