ตอนที่ 13 : บทที่ 12
“แม่เจ้าโว้ย...ไอ้แฟง นี่มึงจริงๆหรือนี่” เสียงดังนั้นของกล้าทำให้แฟงที่ปลอมตัวเป็นแม่เฟื่องฟ้าขมวดคิ้วแล้วกำหมัดแน่นพร้อมที่จะต่อยหน้าของอีกคนให้หงายไปข้าง
“เออกูเอง ทำไม?” แฟงตอบพลางทำหน้าตาไม่ต่อยพอใจก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะนั่งกลางเรือน
“ถึงว่าเหตุใดหลวงรามจึงอยากจะรีบแต่งกับมึงนัก เพราะอย่างนี้นี่เอง หน้าตาสะสวยแบบนี้ชายใดจะมิเอากันเล่า?” กล้าพูดอีกพลางยิ้มกว้าง
“มึงอยากตายนักใช่มั้ยไอ้กล้า เดี๋ยวกูสนองให้!!” แฟงบอกแล้วชูกำปั้นของเขาขึ้นมาจนกล้าทำสีหน้าซีดแล้วเดินไปหาแม่เฟื่องฟ้าทันที
“กูหยอกล้อมึงเล่นเฉยๆ” กล้าบอกพลางยิ้มเจื่อน
“กูมิใช่เพื่อนเล่นมึง” แฟงบอกพลางสะบัดสไบและผมที่แสนจะน่ารำคาญสำหรับเขา
“พ่อแฟงๆ เข้าไปในห้องเร็วลูก ขันหมากน่าจะกำลังมาถึงแล้ว” เสียงของผู้เป็นแม่ที่บอกนั้นทำให้แฟงทำหน้าซีดพลางหันไปมองหน้าน้องสาวของตน
“เดี๋ยวข้าจะอยู่เป็นเพื่อนพี่เองจ้ะพี่แฟง ไม่ต้องเป็นห่วง” แม่เฟื่องฟ้าบอกพลางเดินไปจับมือของแฟงเบาๆ
“พี่ว่าอย่าดีกว่าแม่เฟื่องฟ้า เดี๋ยวพวกเขาจะจับพิรุธเราได้” แฟงบอกพลางยิ้มอ่อนให้กับน้องสาว แม่เฟื่องฟ้าพยักหน้าก่อนที่กล้าจะมาโอบไหล่ของนาง
“งั้นพวกข้าไปก่อนนะไอ้แฟง เอ็งก็รักษาตัวดีๆด้วยล่ะ” กล้าบอกพลางอมยิ้ม
“กูไม่ได้ไปรบไอ้เวร ไปได้แล้ว ดูแลน้องกูดีๆด้วย!” แฟงบอกพลางจ้องหน้าของกล้าจนอีกฝ่ายหลบสายตาแล้วรีบพากันวิ่งไปแอบแถวๆเรือนทันที
“ไม่นึกเลยว่ากูจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ไอ้แฟงนะไอ้แฟง กรรมกระไรของมึงวะเนี่ย?” แฟงพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะหันไปมองตัวเองในกระจก
“หากมิใช่เพราะว่ากูเป็นห่วงครอบครัวกูล่ะก็...มึงอย่าได้หวังจะได้แตะตัวกูเลยไอ้ราม!!” แฟงพูดพลางกำหมัดและกัดริมฝีปากแน่นก่อนที่เสียงขันหมากจะมาถึงที่เรือนของเขา หัวใจของเขามันสั่นระรัวไม่ใช่เพราะตื่นเต้นดีใจ แต่เพราะว่าความหายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือนเขาต่างหาก
“พวกมันมาถึงแล้วใช่หรือไม่คุณแม่?” แฟงหันไปถามแม่ของเขาที่เข้ามานั่งในห้องด้วยเมื่อไม่นานมานี้
“จ้ะ มาถึงกันแล้ว ตอนนี้กำลังจ่ายประตูเงินประตูทองอยู่” คนเป็นแม่กล่าวพลางมองลูกชายของตนด้วยดวงตาติดเศร้าก่อนที่นางจะใช้มือของนางลูบเส้นผมปลอมที่แฟงเป็นคนให้ช่างทำให้ มันทำมาจากเส้นผมของคนจริงๆมีเส้นผมของศพด้วยหรือเปล่านี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“แม่ขอโทษนะพ่อแฟง...ที่ช่วยเหลืออะไรลูกไม่ได้เลยจนลูกต้องมาทำเรื่องที่หยามเกียรติตัวเองแบบนี้” คนเป็นแม่กล่าวเสียงสั่นพลางลูบแก้มของลูกชาย แฟงมองหน้าแม่ของด้วยใบหน้าที่เศร้าเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยิ้มอ่อนออกมา
“มันเป็นหน้าที่ของลูกชายเพียงคนเดียวอย่างข้าขอรับคุณแม่” แฟงบอกพลางคลอเคลียที่มือของผู้เป็นแม่อย่างอ้อน
“พ่อแฟงของแม่” คนเป็นแม่กล่าวพลางกอดร่างของลูกชายอย่างแนบแน่น สัมผัสอุ่นนี้ที่แฟงชอบนั้นเขาอาจจะไม่ได้สัมผัสมันนานหลายต่อหลายวันเลยก็เป็นได้
“พวกเขาน่าจะมาถึงหน้าห้องแล้วล่ะจ้ะ แม่ไปดูก่อนนะลูก” คนเป็นแม่บอกพลางลุกขึ้นยืนมองหน้าลูกชายตัวเองที่งดงามยิ่งกว่าหญิงใดจะเทียบได้
“ขอรับ...คุณแม่...”
.
.
“ไม่เจอน้องมาตั้งนาน...ยังงดงามมิเปลี่ยนเลยหนาแม่เฟื่องฟ้า” รามกล่าวพลางมองแม่เฟื่องฟ้าตัวปลอมด้วยความหลงใหล
“ข้าเองก็ไม่เจอพี่รามตั้งนาน...ยังเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ” แฟงพูดพลางกัดฟันตัวเองสุดฤทธิ์ ยังเจ้าชู้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยไงไอ้ราม!! แฟงคิดอยู่ในใจ
“พี่อดใจรอคืนนี้มิไหวแล้วล่ะจ้ะ แม่เฟื่องฟ้าของพี่” เขากล่าวพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แฟงฝืนยิ้มเต็มทนพร้อมกับมือของเขาที่พร้อมจะต่อยคนตรงหน้าทุกครั้งที่มีโอกาส ตอนนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการสำราญ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างทำหน้าชื่นตาบานเกี่ยวกับงานแต่งครั้งนี้ แต่คงจะมีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยจะสำราญกับงานนี้สักเท่าไหร่นัก
“มีงานแต่งทั้งที่มิคิดจะเอ่ยปากชวนข้าเลยหรือเจ้าคะ คุณหลวงราม?” เสียงแหลมนั้นทำให้คนในงานเงียบสงัด ร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งที่มีหน้าตาสะสวย นางเดินเข้ามาหารามอย่างไม่สนใจใครพลางเหลือบมามองแฟงที่ปลอมตัวเป็นเฟื่องฟ้าอยู่ครู่หนึ่งพลางพูด
“แหม....มิอยากจะเชื่อว่าที่คนเขาลือกันว่าแม่เฟื่องฟ้าหน้าเหมือนปลาบู่...มันจะเป็นแค่ข่าวลือ” นางบอกพลางยิ้มออกมาเบาๆพลางหันไปมองหน้าของราม
“มิน่าเล่า...เหตุใดท่านจึงได้ทิ้งข้าไปหานางได้ ก็งดงามเสียขนาดนี้นี่ใช่หรือไม่เจ้าคะ..คุณหลวงราม?” นางกล่าวพลางแสยะยิ้มออกมา รามทำสีหน้าไม่ค่อยดีนักพลางหันมามองหน้าของแฟง แฟงแอบยิ้มดีใจอยู่ข้างในที่มีคนมาห้ามงานแต่งในครั้งนี้ แถมคนที่มาห้ามยังเป็นเด็กในโรงชำเราว์ที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้อีกด้วย
“นางผู้นี้เป็นใครพ่อราม เหตุใดจึงได้ยโสโอหังมาพูดกับลูกได้” แม่ของรามกล่าวถามพลางเดินมายืนข้างๆลูกชายของตน
“ข้าไหว้เจ้าค่ะคุณแม่ คุณแม่ถามใช่หรือไม่เจ้าคะว่าข้าเป็นใคร งั้นข้าจะตอบให้เจ้าค่ะ....ข้าน่ะเป็น-“
“ข้ามิใช่แม่ของเจ้านังผู้หญิงโสโครก” แม่ของรามกล่าวด้วยใบหน้านิ่ง ลำเพยชะงักไปพลางกำมือแน่นก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่คุณหญิงก็ควรจะรู้ไว้นะเจ้าคะ ว่าอีนังผู้หญิงโสโครกที่คุณหญิงด่าอยู่ในตอนนี้เคยมีอะไรกับคุณหลวงรามลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิงมาแล้ว นับครั้งไม่ถ้วนด้วยสิ” นางบอกพลางแสยะยิ้มออกมาอย่างดีใจ คนในงานที่มองทั้งสองคนอยู่นั้นส่งเสียงซุบซิบกันดังสนั่นจนทำให้รามทำสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนที่จะหันไปมองหน้าของลำเพย
“เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่ลำเพย?เจ้าต้องการอะไรจากข้า?” รามถามพลางเดินเข้าไปหาลำเพยมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ข้า...ต้องการมาทวงของๆข้าคืนจากมัน!!!” ลำเพยบอกพลางชี้นิ้วไปที่หน้าของแฟงที่สะดุ้งเล็กน้อย
“ข้า?ข้าเนี่ยนะ?” แฟงพูดพลางชี้นิ้วมาที่ตัวของเขา รามไม่พอใจกับการกระทำของลำเพยอย่างมากเลยจับแขนของลำเพยแน่น
“หมับ!!!”
“โอ๊ย!!หลวงรามจะทำกระไรเจ้าคะ...หรือว่า...จะทนไม่ไหวจนอยากจะทำ-“
“ไสหัวออกไปจากงานแต่งของข้าบัดเดี๋ยวนี้ เจ้า...ไม่ได้เป็นอะไรกับข้าแลข้า..ก็ไม่ใช่ของๆเจ้า นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปเจ้าของดวงใจแลตัวข้า..คือแม่เฟื่องฟ้าเมียของข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!!” เสียงอันดังสนั่นที่ประกาศให้ทุกคนบนเรือนได้รู้ว่าแท้จริงแล้วหลวงรามเลือกผู้ใดนั่นทำให้ลำเพยทำสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก นางมองค้อนไปที่แฟงแล้วกำลังจะวิ่งเข้าไปหวังจะตบสักฉาดสองฉาด
“อีเฟื่องฟ้า!!!!”
“เพี๊ยะ!!!!” เสียงตบอันดังสนั่นนั้นหาใช่เป็นฝีมือของลำเพยไม่ แต่เป็นมือเรียวของคนเป็นแม่ที่ตบเข้าไปที่หน้าของลำเพยจนนางเสียหลักล้มลงไปนอนกับพื้น
“ตุบ!!”
“เลิกมาอ้อนวอนขอส่วนบุญจากลูกข้าเสียทีอีนังผู้หญิงหน้าไม่อาย ลูกกูเขาแค่เห็นมึงเป็นที่ระบายก็เพียงเท่านั้นอย่าได้ใฝ่สูงคิดว่ามึงจะมาเป็นเมียของเรือนนี้ได้ เพราะว่าตอนนี้หญิงเดียวที่กูยอมรับจะให้มาเป็นสะใภ้..มีแค่แม่เฟื่องฟ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!!!” สิ้นคำเหล่าบ่าวรับใช้ชายตัวใหญ่ก็แห่กันมาลากลำเพยออกไปจากงาน ลำเพยดิ้นทุรนทุรายจนใบหน้าอันสวยสดของนางยังมิอายเทียบเท่ากิริยาแลท่าทางที่น่าสังเวชนี้ได้ แฟงมองตามด้วยความสงสาร หากมิใช่เพราะไอ้รามมิให้ความหวังนาง นางก็คงไม่มาอาละวาดแบบนี้ นางคงรักไอ้รามมากจึงได้มาถึงที่เพื่อที่จะทวงสิทธิ์ของนางคืน แฟงคิดพลางกำมือของตัวเองแน่น
“ทุกคนอย่าได้สนใจนาง เรากลับมาสู่งานมงคลของสองบ่าวสาวกันดีกว่าหนา” แม่ของรามกล่าวพลางยิ้มกว้างออกมา แฟงมองนางเล็กน้อยด้วยความสงสัย เหตุใดจึงได้เปลี่ยอารมณ์เร็วขนาดนี้ได้กันนะผู้หญิงคนนี้
“เฮ้อ.....นึกว่านางจะเป็นคนมาช่วยข้าไว้เสียอีก” แฟงพึมพำพลางมองไปรอบๆ เพราะถ้าหากลำเพยมาพังงานแต่งนี่ได้สำเร็จก็ไม่มีเหตุผลใดให้แฟงต้องปลอมตัวเป็นเฟื่องฟ้าแล้วแต่งงานกับรามอีกต่อไป แต่มันดันไม่สำเร็จเนี่ยสิ
“แม่เฟื่องฟ้า เป็นกระไรหรือเจ้า?คงจะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้มากใช่หรือไม่?” รามถามพลางเดินเข้ามาลูบมือของแฟงอย่างเบามือแต่กลับทำให้อีกคนขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ..ตอนนี้ข้าไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ ปล่อยข้าเถอะเจ้าค่ะพี่ราม” แฟงบอกพลางปัดมือของอีกฝ่ายทิ้ง
“เรื่องเมื่อครู่นี้พี่ต้องขอโทษแม่เฟื่องฟ้าจริงๆหนา มันคงจะทำให้เจ้ารู้สึกแย่มากเลยใช่หรือไม่?” รามถามพลางมองหน้าของแฟงด้วยใบหน้าติดเศร้า
“เอ่อ...มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ ถึงการมีอะไรกับหญิงในโรงชำเราว์มันจะเป็นเรื่องที่คนมียศมีศักดิ์เขาไม่ควรทำกันก็ตาม” แฟงพูดเหน็บแนมพลางยิ้มอ่อนออกมาเล็กน้อย รามทำสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนที่จะกุมมือของแฟงมานาบที่อกข้างซ้ายของเขา
“แต่ตอนนี้...ในใจของพี่...มีเพียงแม่เฟื่องฟ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
