“ในที่สุดเราก็ได้พบกันเสียทีนะ ท่านทูตชุดดำผู้ยิ่งใหญ่” เสียงของชายคนหนึ่งกล่าวพูดขึ้นพลางมองมาที่ร่างของเสิ่นเว่ยที่ยังไม่ได้สติดีนัก
“ท่าน...เป็นใคร?” เขากล่าวถามพลางลืมตาขึ้นมาเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“เราคือเทพแห่งความตาย ความจริงแล้วเรามีตำแหน่งต่ำกว่าท่านมากโขเลยทีเดียว นึกไม่ถึงเลย..ว่าจะมีวันที่เราต้องมารับวิญญาณของท่านไปตัดสินโทษ” เขากล่าวพลางยิ้มมุมปากออกมา
“ตัดสินโทษ?....นั่นสินะ ข้าเองก็ทำเรื่องไม่ดีไว้ตั้งมากเลยทีเดียว..สมควรแล้วล่ะ...ที่จะได้รับโทษ” เสิ่นเว่ยพูดพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย
“แต่ก่อนที่เราจะพาท่านไปรับโทษ...เรามีข้อเสนออย่างหนึ่งให้กับท่าน” ชายคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงแสนจะเจ้าเล่ห์
เสิ่นเว่ยเหลือบมองเขาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้น
“ข้อเสนออะไรงั้นเหรอ?” เสิ่นเว่ยถามด้วยความใคร่อยากรู้แผนการของอีกฝ่าย
“เราจะให้ท่านกลับไปใช้ชีวิตในฐานะศาสตราจารย์เสิ่นเว่ยอีกครั้งหนึ่ง แต่มีข้อแม้ข้อใหญ่อยู่ข้อหนึ่ง” ชายคนนั้นกล่าวพลางมองตาของเสิ่นเว่ย
“ท่านจะต้องสูญเสียพลังทั้งหมดในฐานะทูตชุดดำไป ซึ่งนั่นแปลว่า...ท่านจะกลายเป็นเพียงแค่มนุษย์หนุ่มธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ไม่มีพลัง ไม่เป็นอมตะ และไม่ใช่ที่เคารพบูชาของเหล่าชาวใต้พิภพอีกต่อไป...ท่านยอมรับข้อเสนอนี้หรือไม่?” ชายคนนั้นบอก เสิ่นเว่ยทำท่าครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ที่ท่านเสนอเงื่อนไขนี้มาให้ข้า ต้องการสิ่งใดกันแน่?” เสิ่นเว่ยถามกลับ ชายคนนั้นแสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น
“เพราะว่าเราชื่นชมท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่งที่คอยปกป้องชาวใต้พิภพและมนุษย์อย่างไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ
จนความรักครั้งสำคัญของท่านที่รอคอยมาเป็นหมื่นปีนั้นหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่ท่านยังไม่ได้บอกความรู้สึกอะไรให้เขารู้เลยด้วยซ้ำไป” ชายคนนั้นกล่าว เสิ่นเว่ยชะงักไปก่อนที่จะยิ้มออกมา
“นี่เป็นชะตาของข้าและเขาที่สวรรค์วางเอาไว้ให้ จบแบบนี้...มันอาจจะดีสำหรับข้าและเขาก็ได้” เสิ่นเว่ยกล่าวพลางยิ้มติดเศร้า
“เลิกโกหกหัวใจของตัวเองแล้วฟังเสียงของหัวใจที่แท้จริงของท่านเถิด อย่าได้ทำให้ตัวเองเจ็บไปมากกว่านี้เลย” เขากล่าวพลางเดินเข้ามาหาร่างของเสิ่นเว่ย
“.....แต่ว่าข้า-“
“เราจะถือว่าท่านตกลงรับข้อเสนอนี้แล้ว เราจะส่งท่านกลับไปยังโลกมนุษย์ในฐานะของศาสตราจารย์เสิ่นเว่ยที่ไม่มีผิดภัยอะไรใดๆ
ดังนั้น...ตอนนี้เราจะขอยึดพลังทั้งหมดของท่านทั้งหมดไว้ที่นี่” เขากล่าวพลางแบมือเพื่อขอมือของเสิ่นเว่ย
เสิ่นเว่ย มองเขาก่อนที่จะนิ่งไปชั่วครู่
“แล้วอวิ๋นหลานล่ะ เขาตายไปแล้-“
“เราไม่ปล่อยให้ท่านไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวหรอก” เขากล่าวพลางยิ้มอ่อนออกมา
เสิ่นเว่ยนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะยิ้มออกมาเบาๆแล้วยื่นมือไปให้กับชายตรงหน้า ชายคนนั้นจับมือของเขาและดูดเอาพลังทั้งหมดของเขาออกไป
เสิ่นเว่ยรู้สึกมึนหัวเล็กน้อยก่อนที่เขาจะนอนล้มพับลงไป
“ขอให้ท่านและเขาได้คู่ครองรักกันอย่างมีความสุขเสียที” ชายคนนั้นกล่าวพลางยิ้มอ่อนแล้วอุ้มร่างของเสิ่นเว่ยไปที่แท่นอะไรบางอย่างที่กำลังมีแสงสีฟ้าเรืองรองอยู่
ทันใดที่เขาวางร่างของเสิ่นเว่ยลงไปร่างของเขาก็หายไปทันที
“ท่านเทพท่านทำแบบนี้เพื่อสิ่งใดกัน?” ชายผู้เป็นลูกน้องของชายคนนั้นถามพลางมองแผ่นหลังของผู้เป็นนาย
“นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เราจะพอตอบแทนความเสียสละของชายคนนี้ได้บ้าง” เขากล่าวก่อนที่จะยิ้มติดเศร้าออกมาแล้วหันหน้ากลับมามองลูกน้องของเขา
“แล้วทางจ้าว อวิ๋นหลานล่ะ...เจ้าจัดการให้เขากลับไปยังโลกมนุษย์แล้วหรือยัง?” เขาถาม ลูกน้องของเขาพยักหน้าแล้วตอบ
“เรียบร้อยแล้วขอรับ ท่านเทพ”
“แบบนี้ล่ะ...ดีแล้ว”
.
.
“เฮือก!!!” ร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งฟื้นขึ้นมาหลังจากที่หลับไปนานแสนนานจนทำให้ใครหลายๆคนเสียน้ำตา
“จ..จ้าว...จ้าว อวิ๋นหลาน!!” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นพลางวิ่งเข้ามากอดร่างของเขาแน่น ชายหนุ่มทำใบหน้างงเล็กน้อยก่อนที่จะถามขึ้น
“นี่ฉัน...ยังไม่ตายหรอกเหรอเนี่ย?” เขาพูดพลางจับตามเนื้อตัวของตัวเองที่ไม่มีแม้กระทั่งรอยขีดข่วนใดๆ
“ไม่ตายบ้าอะไรล่ะ นายน่ะนิ่งไปแบบนี้ตั้งสามเดือนแล้วนะ ตอนแรกก็นึกว่าชาวใต้พิภพที่อยู่ในร่างของนายแค่หายไปแต่เราเพิ่งจะมารู้ทีหลังว่าเขาตายไปแล้วโดยไร้สาเหตุ...ร่างของนายก็เลยนอนเป็นผักแบบนี้มาสามเดือนแล้ว
นึกว่าจะเน่าไปแล้วด้วย” จู้หงบอกพลางทำสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
“อ่อ...งั้นเองเหรอ?” อวิ๋นหลานกล่าวพลางทำหน้าตางงๆ
“นายฟื้นแล้ว!!” ต้าชิ่งที่เพิ่งจะเข้ามากล่าวพลางวิ่งเข้ามากอดร่างของอวิ๋นหลานอย่างแน่น
“โอย...เจ็บนะไอ้อ้วน” อวิ๋นหลานบอกพลางตบหัวของต้าชิ่งเบาๆ
“แต่เดี๋ยวก่อน....ฉันจำได้ว่าฉันตายไปแล้วนี่ แถมวิญญาณของฉันยัง....” เขาพูดก่อนที่จะชะงักไปเมื่อนึกถึงตอนที่เขาไปเจอเสิ่นเว่ยเป็นครั้งสุดท้าย
เขาทำหน้าเศร้าขึ้นมาทันทีทำให้จู้หงและต้าชิ่งสงสัยขึ้นมา
“อะไรงั้นเหรอ?” จู้หงถามพลางมองหน้าของอวิ๋นหลาน
“เปล่าๆฉันแค่สงสัยว่าฉันตายไปแล้วแท้ๆแล้วทำไมถึงยังกลับเข้าร่างมาได้อีก” อวิ๋นหลานกล่าวพลางลุกขึ้นยืน
“ฉันว่าไม่ต้องสนใจเรื่องนั้นหรอก เอาเป็นว่าเราไปฉลองเรื่องที่นายฟื้นกลับมาดีกว่า
เนอะ?” ต้าชิ่งบอกพลางยิ้มแย้มแจ่มใส
“ฉันมีตังค์ซะที่ไหนเล่าไอ้อ้วนนี่” อวิ๋นหลานบอกก่อนที่เขาจะหน้ามืดและเกือบล้มลงไปนอนพับกับพื้น
“หัวหน้าจ้าว!!” จู้หงพูดพลางเข้าไปพยุงร่างของอวิ๋นหลานได้อย่างทันควัน
“ฉันว่าเราพาเขาไปที่บ้านก่อนเถอะ แล้วไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลัง” จู้หงบอกพลางมองหน้าของต้าชิ่ง
“โอเค เดี๋ยวฉันไปส่งเขาเอง” ต้าชิ่งบอกพลางแบกร่างของอวิ๋นหลานไปที่รถแล้วขับรถพาเขากลับบ้าน
“ฮึบ!!โอย..ตัวหนักชะมัดเลย” ต้าชิ่งพูดพลางวางร่างของอวิ๋นหลานลงกับที่นอนก่อนที่จะบิดขี้เกียจไปมา
“งั้นก็นอนพักเยอะๆล่ะ ฉันกลับไปที่หน่วยก่อนนะ” ต้าชิ่งบอกพลางเดินออกมาจากในห้องทันที
อวิ๋นหลานที่นอนอยู่ด้วยอาการหน้ามืดอยู่นั้นก็คิดถึงเสิ่นเว่ยขึ้นมา ในเมื่อเขาที่ตายไปแล้วยังฟื้นขึ้นมาได้...แล้วเสิ่นเว่ยล่ะ...จะฟื้นขึ้นมาแบบเขาหรือเปล่า?
“อึก...ต้องพิสูจน์ดู” เขาพูดพลางลุกขึ้นมาแล้วเดินไปที่ประตู ทันใดนั้นเอง ภาพที่เขาไม่คาดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้นตรงหน้าของเขา
“จ้าว อวิ๋นหลาน นายฟื้นขึ้นมาจริงๆด้วย” ชายสวมแว่นผิวขาวที่แสนจะคุ้นเคยที่เขาคิดถึงแทบใจจะขาดตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว
อวิ๋นหลานยิ้มกว้างออกมาก่อนที่จะเข้าไปโผกอดร่างของเสิ่นเว่ยที่ยืนอยู่ข้างหน้าประตู
“นายจริงๆด้วย ไม่ใช่ภาพหลอน...เป็นนายจริงๆ” อวิ๋นหลานกล่าวพลางกอดรัดร่างของเสิ่นเว่ยอย่างแนบแน่น
“อืม...นายเองก็ไม่ใช่ภาพหลอนเหมือนกัน” เสิ่นเว่ยบอกพลางกอดร่างของอวิ๋นหลานตอบเช่นกัน
“มันเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง?เราสองคนตายไปแล้วนี่” อวิ๋นหลานผละออกจากกอดพลางถาม
“....ฉันเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น...ตอนนี้ฉันรู้แค่ว่าพลังของชาวใต้พิภพของฉันมันหายไปแล้ว...ตอนนี้ฉันเป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น” เสิ่นเว่ยบอกพลางมองที่มือของตัวเอง
“ใครบอกกันล่ะว่านายเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง นายน่ะเป็นถึงศาสตราจารย์เสิ่นที่เป็นสมบัติล้ำค่าของม.หลงเฉิงเชียวนะ” อวิ๋นหลานกล่าวพลางยิ้ม
“ฮ่าๆ...นั่นสินะ” เสิ่นเว่ยบอกพลางยิ้มตอบ ก่อนที่ทั้งสองจะนิ่งไปแล้วเอาแต่มองหน้ากันไปพักใหญ่
“เสิ่นเว่ย/จ้าว อวิ๋นหลาน ฉันมีเรื่องจะบอก!” ทั้งสองพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองยิ้มออกมาเบาๆ
“นายพูดก่อนสิ” เสิ่นเว่ยบอก
“นายก่อนสิ ฉันอยากฟังนายพูดก่อน” อวิ๋นหลานกล่าวพลางมองตาของเสิ่นเว่ย
“...คือฉัน....ฉัน....อยากจะบอกว่าฉัน....รักนาย” เสิ่นเว่ยบอกก่อนที่จะหรุบตามองต่ำ
อวิ๋นหลานเบิกตากว้างก่อนที่จะยิ้มกว้างออกมาแล้วเอื้อมมือไปจับมือของเสิ่นเว่ย
“ฉันก็กำลังจะบอกนายแบบนั้นเหมือนกัน” อวิ๋นหลานบอก เสิ่นเว่ยเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะยิ้มกว้างออกมา
ทั้งสองกอดกันอย่างแนบแน่นอีกครั้งก่อนที่จะไปนั่งที่โซฟาในห้องของอวิ๋นหลาน
“ที่นายบอกว่ารักฉันน่ะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?” อวิ๋นหลานถามขึ้นมาพลางมองหน้าของอีกคน
“...คงจะตั้งแต่...เราสองคนเจอกันครั้งแรก
ฉันรู้สึกถูกชะตากับนาย เวลาอยู่ด้วยกันก็มีความสุข เวลาคุยด้วยก็สนุก” เสิ่นเว่ยพูดพลางยิ้มอ่อน
อวิ๋นหลานมองอีกคนก่อนที่จะเอนหัวไปพิงที่ไหล่ของอีกคน
“ฉันเอง...ก็รู้สึกเริ่มสนใจนายมากขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรกเหมือนกัน” อวิ๋นหลานบอกพลางยิ้มกว้าง
“ดีจังเลยนะ ที่เราทั้งสองคนได้บอกความรู้สึกที่อยู่ในใจกันออกมา” อวิ๋นหลานบอกพลางนอนบนตักของเสิ่นเว่ย
“ฉันน่ะเพิ่งบอกไปแต่นายยังไม่ได้บอกเลยนะ” เสิ่นเว่ยพูดพลางมองตาของอวิ๋นหลาน
“เอ๊ะ?อ่อ...ใช่ๆฉันยังไม่ได้บอกนายงั้นสินะ” อวิ๋นหลานพูดพลางทำหน้าตาทะเล้น
“เสี่ยวเว่ย ก้มหน้าลงมาใกล้ๆฉันหน่อยสิ” อวิ๋นหลานพูดพลางยิ้ม
เสิ่นเว่ยทำหน้างงเล็กน้อยก่อนที่จะทำตาม ตอนนี้หน้าของทั้งสองคนห่างกันเพียงไม่กี่ลมหายใจ
ทันใดนั้นเองอวิ๋นหลานก็ยกตัวแล้วประกบปากของตัวเองที่ปากเรียวบางของเสิ่นเว่ยทันทีจนทำให้เสิ่นเว่ยตกใจเลยเผลอถอยหนี
“อวิ๋นหลาน?!” เสิ่นเว่ยพูดพลางทำหน้าแดงแต่นั่นมันยังไม่ใช่อย่างเดียวที่จะทำให้เขาในตอนนี้เขินที่สุด
“ฉันรักนายนะ เสี่ยวเว่ยของฉัน” อวิ๋นหลานพูดพลางยิ้มกว้าง
นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของเสิ่นเว่ยแดงก่ำเข้าไปอีกจนทำให้อีกคนอยากแกล้งเข้าไปใหญ่
“ฮ่าๆหน้าแดงเป็นตูดลิงเลย” อวิ๋นหลานพูด เสิ่นเว่ยเลยเอามือมาปิดหน้าของตัวเองแต่ก็โดนมือหนาของอวิ๋นหลานจับข้อมือห้ามเอาไว้
“ห้ามปิดนะ ฉันอยากจะมองท่าทางแบบนี้ของนายอีกสักพักหนึ่ง” เขากล่าวพลางเอาหน้าเข้ามาใกล้
“จุ๊บ!” แล้วทันใดนั้นเองเสิ่นเว่ยก็ตัดสินใจเข้าไปจูบที่หน้าผากของอวิ๋นหลานจนเจ้าตัวยังงง
อวิ๋นหลานหน้าเดงขึ้นมาอย่างทันควันก่อนที่เขาจะหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่าๆๆไม่คิดเลยว่านายจะทำอะไรน่าอายแบบนี้เป็นกับเขาด้วย” อวิ๋นหลานกล่าวพลางโอบตัวของเสิ่นเว่ยเข้ามาหาตัวเองแล้วกอดเอาไว้แน่น
“อวิ๋-“
“เราจะไม่จากกันไปไหนอีกแล้วใช่มั้ย...เสี่ยวเว่ย?” อวิ๋นหลานถามเสียงเบา
เสิ่นเว่ยนิ่งไปก่อนที่จะเอามือมาลูบหัวของอวิ๋นหลานเบาๆ
“อืม...เรา...จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป จ้าว อวิ๋นหลาน” เสิ่นเว่ยพูด อวิ๋นหลานยิ้มออกมาก่อนที่จะกอดร่างของเสิ่นเว่ยแน่นมากขึ้นไปอีกแล้วทั้งสองก็ผล็อยหลับกันไปทั้งอย่างนั้นจนเช้าของอีกวัน