ผมชื่อแม็กส์ อายุ 18 ปี
ผมทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างที่จะไกลจากบ้าน ผมทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟของร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่
แต่โดยปกติแล้วผมมักจะทำงานในช่วงเวลาเช้าหรือไม่ก็กลางวัน
แต่วันนี้เป็นวันที่ต่างไปจากทุกที
เพราะว่าวันนี้เพื่อนร่วมงานของผมมาขอเปลี่ยนกะทำงานเพราะว่าเขามีนัดเดทตอนกลางคืนกับแฟนสาวของเขา
ผมตอบตกลงเพราะเห็นว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหากับผมสักเท่าไหร่
บรรยากาศของร้านอาหารในเวลาดึกดื่นแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกเหงามากกว่าปกติ
อาจเป็นเพราะว่าเวลาเช้าๆร้านอาหารนี้มันจะมีคนเยอะมากกว่านี้มาก
แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครเข้าร้านมาเลยสักคนเดียว
ผมถอนหายใจซ้ำยังเดินไปเดินมาตั้งหลายรอบแต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีลูกค้าเข้ามาจนกระทั่งเพื่อนร่วมงานของผมที่เป็นเชฟในครัวเดินออกมาพลางบอกผมว่า
ปิดร้านได้แล้ว ลูกค้าคงจะไม่มากันแล้วล่ะ
แต่ผมก็บอกปัดเขาไปก่อนว่าขออยู่ต่ออีกสักครู่เผื่อว่าจะยังพอมีลูกค้าให้ผมได้ติ๊บสักเล็กน้อยก่อนกลับบ้าน
เขาเลยขอตัวกลับก่อนทำให้ตอนนี้เหลือผมในร้านอาหารนี้เพียงคนเดียว
บรรยากาศภายในร้านตอนนี้มันเงียบมาก
จากตอนแรกที่เงียบอยู่แล้วพอเพื่อนไม่อยู่มันก็ยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่
ผมเดินไปที่ประตูอีกรอบก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาแล้วถอนหายใจยาว
ผมว่าคงจะไม่มีใครมาแล้วล่ะ เก็บร้านแล้วกลับบ้านไปนอนดีกว่า
ผมคิดแล้วบิดขี้เกียจก่อนที่กระดิ่งหน้าร้านมันจะส่งเสียงดังขึ้นซึ่งนั่นแปลว่ามีลูกค้าเข้ามาในร้าน
ผมหันไปมองทางหน้าประตูแล้วก็เห็นร่างสูงของชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าหล่อเหลาพอสมควรไม่สิ
เรียกได้ว่าหล่อแบบอปป้าเลยก็ว่าได้ เขาใส่เสื้อโค้ทสีดำที่ทำมาจากหนังแท้ที่มันต้องมีราคาแพงมากแน่ๆ
ผมมองเขานานจนเขาหันมามองผมกลับผมเลยสะดุ้งตัวก่อนที่จะพูดออกไป
“รับอะไรดีครับคุณลูกค้า?” ผมถามลูกค้าแบบทุกที
เขานิ่งก่อนที่จะเดินไปนั่งตรงริมหน้าต่าง ผมเดินตามเขาไปพลางยืนยิ้ม
อารมณ์ไม่ดีงั้นเหรอ? หรือว่าหยิ่งกันนะ? ผมคิด
หลังจากที่เขานั่งลงเขาก็หันมามองหน้าของผมด้วยสายตาสุดแสนจะเย็นชาของเขาแล้วพูด
“กาแฟดำ” เขาบอกเสียงทุ้ม
ผมรับออเดอร์ก่อนที่จะเดินมาที่เคาท์เตอร์แล้วจัดการรินกาแฟดำให้เขา
ผมทำไปแล้วก็หันมองเขาไป คนอะไรมาสั่งกาแฟตอนตี 2 แบบนี้? ทำงานเกี่ยวกับอะไรกันแน่นะ? บริษัทงั้นเหรอ? พวกอสังหาหรือเปล่านะ? ผมคิดไปอยู่อย่างนั้นก่อนที่เขาจะหันมาสบตาของผมเข้าพอดีจนผมแทบจะหันหน้าหนีแทบไม่ทันเลยทีเดียว
ผมถือกาแฟดำไปให้เขาแล้วกำลังจะกลับไปที่เคาท์เตอร์แต่เขาก็พูดเปิดบทสนทนาขึ้นมาเสียก่อน
“อยู่คนเดียวเหรอครับ?” เขาถามเสียงทุ้มเหมือนเดิม
ผมหันไปมองหน้าของเขาพลางทำสีหน้าฉงน ถามเรางั้นเหรอ? ตอนเข้ามาเหมือนยังไม่อยากจะคุยกับเราอยู่เลยนี่นา
แล้วไหงตอนนี้ถึงเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นมาซะงั้นล่ะ?
“ค..ครับ? อ่อ...ใช่แล้วครับ
ตอนนี้ผมทำงานอยู่คนเดียวครับ”
ผมตอบพลางยิ้มแล้วค่อยๆถอยเท้าออกไปถ้าไม่ติดว่าเขาพูดกับผมต่อ
“นั่งก่อนสิครับ
ผมมีเรื่องจะพูดด้วย” เขาบอกทำให้ผมตัวแข็งทื่อไปเลย
คุย?...คุยอะไรวะ? ลูกค้ากับพนักงานเสิร์ฟมันจะมีอะไรให้คุยกันวะ?
“เอ่อ..ผมเป็นคนคุยไม่สนุกหรอกครับ
เดี๋ยวจะทำให้คุณลูกค้ารำคาญเอาเปล่าๆ” ผมบอกพลางยิ้มแหยแต่เขากลับมองหน้าของผมเหมือนจะกินเข้าไปให้ได้
ผมพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ? ก็บอกว่าเป็นคนคุยไม่สนุกไง?
“ผมไม่รำคาญหรอกครับ
ช่วยนั่งด้วยนะครับ” เขาบอกอย่างสุภาพทำให้ผมต้องยิ้มแหยอีกครั้งแล้วลงไปนั่งเก้าอี้ตรงหน้าของเขา
พวกเรานิ่งเงียบกันมาสักพักก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมา
“คุณอายุเท่าไหร่เหรอครับ?” เขาถามด้วยใบหน้านิ่งของเขา
หรือว่าเขา...จะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ? เลยถามว่าเราอายุเท่าไหร่แล้วจะจับเราไปปรับข้อหาทำงานล่วงเวลางั้นเหรอ?...ต้องใช่แน่ๆเลย...ไม่งั้นเขาจะถามอายุเราทำไม? ต้องโกหกไปว่าอายุ
20
ปีแล้ว เขาจะได้ไม่สงสัย แล้วถ้าเขาขอดูบัตรล่ะ เอาไว้ค่อยคิดแล้วกัน
“2….20
ปีครับ” ผมพูดติดๆขัดๆแถมเหงื่อยังแตกเต็มตัว
“..งั้นก็...บรรลุนิติภาวะแล้วใช่มั้ยครับ?” เขาถามทำให้ผมถึงกับสะดุ้งตัวโหยง
ใช่แน่ๆต้องเป็นตำรวจแน่ๆเลย คำถามแบบนี้ส่อเรื่องคุกเรื่องตารางเป็นแน่แท้
“ค..ครับ..บรรลุแล้วครับ
เพราะว่าผมอายุ 20
ปีแล้วนี่ครับ ฮ่ะๆๆ” ผมหัวเราะเสียงแห้งพลางเกาหัวไปมา
ปล่อยผมไปเถอะครับคุณตำรวจ!แล้วคราวหน้าผมสัญญาว่าจะไม่ทำงานกะดึกแบบนี้อีกแล้วครับผม
“แต่ว่าหน้าของคุณ...ยังดูเด็กอยู่เลยนะครับ” เขาบอกพลางใช้มือของเขามาลูบแก้มของผม
อะไร? ตกใจหมดเลย
นึกว่าจะหยิบกุญแจมือมาใส่ให้เราเสียอีก
แล้วจู่ๆมาจับแก้มเราทำไม?
หรือว่า..เขากำลังจะตรวจเช็คว่าเราอายุ20จริงหรือเปล่า??
“แถมยัง...นุ่มนิ่มอีกต่างหาก” เขาบอกพลางลูบแก้มของผมไปมาแล้วยิ้มมุมปากออกมา
ผมเบิกตาโพลงพลางมองหน้าของเขา คนหน้านิ่งอย่างเขายิ้มเป็นด้วยเหรอ? แถมยัง...ยิ้มแล้วหล่ออีกต่างหาก...เห้ยๆ
นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย? สงสัยพอดึกแล้วจิตมันไม่คงที่
สงสัยต้องรีบขอตัวไปที่เคาท์เตอร์เพื่อความปลอดภัยแก่ชีวิตเราแล้วล่ะ
“ง..งั้นผมไม่กวนคุณลูกค้าแล้วนะครับ” ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืนแต่เขาก็คงจะไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ
เขาใช้มือของเขาดึงแขนของผมให้หาร่างของเขาอย่างฉับพลันจนผมไม่ทันตั้งตัวเลย
หมับ!!
“อึก!!”
“จะไปไหนงั้นเหรอครับ?” เขาถามผมทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงของเขา
ใบหน้าของเขาและผมห่างกันเพียงหนึ่งลมหายใจเท่านั้น นี่มันอะไรกัน? นี่มันฉากพระเอกนางเอกกำลังจะจูบกันชัดๆ
ไม่นะๆ ผมนี่มันช่างมโนจริงๆเลย
มันก็แค่เรื่องบังเอิญที่ดันมาเกิดกับเราเท่านั้นเอง
ผมคิดได้ดังนั้นก็ยกมือขึ้นมาไหว้เขาพลางพูด
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่สร้างความลำบากให้
เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
ผมถาม เขามองหน้าของผมก่อนที่จะใช้มือของเขาเชยคางของผม
“คุณ...น่ารักมากเลยครับ” เขาบอกพลางยิ้มมุมปาก
ห..ห๊ะ? ประโยคที่พูดมานั่นมันแปลกเกินไปหรือเปล่า? มันไม่ใช่..บทสนทนาที่ผู้ชายกับผู้ชายทั่วไปเขาพูดกันแล้วนะเห้ย?
“คุณหมายควา-
อุบ!!” เห้ย!!!ยังพูดไม่ทันจบเลยเขาก็จูบปากของผมเข้าเสียแล้ว
นี่มันอะไร??? ทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงเกิดขึ้นกับเราได้?? เมื่อผมได้สติก็รีบผลักร่างของเขาแล้ววิ่งหนีไปที่ห้องน้ำหลังร้านทันที
ก่อนที่ผมจะเข้าไปในห้องน้ำเล็กๆในนั้นเพื่อหลบซ่อนตัว แม่จ๋าช่วยผมด้วย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย?
ผู้ชายที่หล่อเหมือนอปป้าเกาหลีมากขนาดนั้นมา..จูบปากเรา
แถมยังเหมือนว่าจะไม่หยุดที่จูบเสียด้วยสิ วันนี้มันวันอะไรของเราวะเนี่ย? ไม่น่าอยู่รอลูกค้าต่อเล้ย!!
น่าจะกลับไปพร้อมกับเชฟเสียก็ดี ไม่งั้นผมคงไม่ต้องมาหลบหนีลูกค้าคนนั้นหรอก
ปึง!!
แล้วจู่ๆเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นทำให้ผมถึงกับต้องเอามือสองข้างของตัวเองมาปิดปากของตัวเองเอาไว้
แถมผมยังยกเท้าขึ้นมาเพื่อไม่ให้เขาเห็นอีกต่างหาก
ผมทำท่าทางค้างอยู่อย่างนั้นประมาณสิบนาทีกว่าๆได้ก่อนที่เสียงภายนอกนั้นมันจะเงียบไป
ผมแอบมองผ่านรูกุญแจของประตูแล้วก็ไม่เห็นร่างของเขาแล้วผมเลยค่อยๆวางขาของตัวเองลง
แต่ผมคิดผิด
หมับ!!
มือหนาของใครบางคนล้วงเข้ามาจากใต้ประตูห้องน้ำที่ผมหลบอยู่พลางจับข้อเท้าของผมเอาไว้จนผมสะดุ้งตัวโหยง
“เห้ย!!” ผมร้องอุทานออกมาพลางมองไปตรงช่องประตูข้างล่างนั้น
ยังอยู่งั้นเหรอ? ไม่น่าเอาขาลงเลย!!
“หาตัวเจอแล้ว” เขาบอกพลางส่งสายตามาผ่านช่องตรงประตูนั้นที่ทำให้ผมถึงกับน้ำตาคลอ
แววตากระหายนั่นมันทำให้ผมตัวสั่นและหวาดกลัวไปหมด
นี่ผมจะต้องเจออะไรบ้างจากเขาคนนี้กัน?
.................
................
“อึก...อือ...” ผมส่งเสียงครางออกมาพลางขยี้ตาของตัวเอง
เช้าแล้วงั้นเหรอ? งั้นก็แสดงว่าเรื่องเมื่อคืน...มันเป็นแค่ฝันร้า-
“ตื่นแล้วเหรอ
ที่รัก?” แต่เสียงสยองนั่นทำให้ผมต้องหันไปมองพลางทำสีหน้าสิ้นหวัง
เมื่อคืน...มันไม่ใช่ฝันหรอกเหรอ?...มันคือ..เรื่องจริงงั้นเหรอ? ความเวอร์จิ้นของผม...เสร็จเขาไปแล้วงั้นเหรอ? ผมคิดพลางมองมาที่ตัวที่เปลือยเปล่าของตัวเองก่อนที่จะหันไปมองร่างของเขาที่ก็เปลือยเปล่าเหมือนกัน
เขาแสยะยิ้มก่อนที่จะยื่นมือของเขามาลูบที่แก้มของผม
“ไม่ต้องห่วงไปที่รัก
ผมจะรับผิดชอบคุณเอง” เขาบอกพลางดึงร่างของผมไปกอดอย่างแนบแน่นส่วนสติของผมในตอนนั้นได้หลุดลอยออกจากโลกไปเรียบร้อยแล้วครับ
ผมชื่อแม็กส์ครับ อายุ 18
ปี ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานพาร์ทไทม์แล้วครับ
เพราะว่าตอนนี้ผมกลายเป็นแฟนของคุณลูกค้าคนนี้ไปแล้วครับ
เหตุผลที่ผมไม่ได้ทำงานพาร์ทไทม์นี้อีกแล้วน่ะเหรอครับ?ก็เพราะว่าเจ้าของร้านอาหารที่ผมทำอยู่นั่นก็คือเขานี่แหละครับ
เขาบอกกับผมว่าไม่ต้องทำงานที่นั่นแล้วแค่ part the legs บนเตียงให้ฉันก็พอแล้ว
แถมเขายังบอกอีกว่าถ้าผมทำงานที่นั่นกะดึกอีกมีหวังได้เจอผู้ชายมาทำแบบนี้อีกแน่
แต่ในใจของผมตอนนั้นกำลังคิดว่า คงไม่มีใครมาทำแบบนี้กับผมนอกจากคุณอีกแล้วล่ะครับ
แล้วคำถามต่อมาที่ดังโคตรๆในใจของผมก็คือคำถามที่ว่า
ต่อจากนี้ไป....ผมจะเอายังไงกับชีวิตดี
แล้วต่อจากนี้ไป...ผมจะต้องกลายเป็นเมียของเขางั้นเหรอ?..... ใครก็ได้...ช่วยตอบผมทีครับ!!!!!
ชอบค่าาาาา ฮาดี 555 อยากให้มีตอนต่อจังค่ะ