ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALL OF MY FICTION [DoubleB Nielong]

    ลำดับตอนที่ #4 : BAP [DaeHim] - NoTitle

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 56


    - 2 เม.ย. 56 -







     
    BAP NoTitle












     
     
     
    ผมทำกับข้าวไม่เก่ง
     


     
     
     
     
    ร้องเพลงไม่เพราะ
     
     



     
     
     
    เต้นก็ไม่ค่อยได้เรื่อง
     
     
     
     
     
     
     
    แต่ผมมีอย่างนึงที่ผมทำได้ดีที่สุด
     
     
     
     


     
     
     
     
     
    ..........................................................
     
     
     
     
     
     


     
    ..............................

     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ..............
     
     

     
     
     
     
     
     
    ..

     
     
     
     
     
     
    ..
     
     










     
     
     
     
     
     
     
     
    เรื่องมันมีอยู่ว่าผมย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยลัยในกรุงโซล
     
    ได้เจอสังคมใหม่ๆ และสถานที่ใหม่ๆ ที่ผมไม่เคยเจอที่ปูซาน
     
    และที่สำคัญยิ่ง ผมได้พี่รหัสที่แปลกๆ มาคนนึง
     
    เราอาศัยอยู่ด้วยกันในหอพัก เขามักจะทำตัวแปลกๆ อยู่เสมอ
     
    อย่างเช่นตอนเจอกันใหม่ๆ ก็ตั้งกฏแปลกๆ ห้ามตะโกนโวยวายทั้งที่ตัวเองพูดเสียงดังอยู่คนเดียว
     
    ห้ามเขียนกระจกในห้องน้ำ ซึ่งมีแต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ละเลงมันอยู่คนเดียว
     
    และหลังๆ มา ผมคิดว่าเขาอาการหนักขึ้นไปอีกด้วยกฏที่เขาตั้งขึ้นมาใหม่นั่น
     
    ห้ามผมเข้าใกล้เกินสิบเมตร ห้ามผมไปยุ่งที่เตียงล่างของเขา แถมที่แปลกสุดๆ คือห้ามให้ผมทำหน้าหื่นใส่เขา
     
    ผมทำหน้าหื่นตอนไหนกันนะ (หันไปส่องกระจก)
     
    คงเพราะผมชอบอยู่ใกล้ๆ เขาล่ะมั้ง
     
    อืม...แถมเขายังบังคับแกมอ้อนวอนให้ผมเข้าไปเป็นเมมเบอร์ของวงบอยแบนด์ของมหาวิทยาลัยด้วย
     
    ทั้งๆ ที่ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ แต่ผมก็ยอมทำตามคำขอร้องของเขา
     
    ทั้งๆ ที่ผมไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ร้องเพลงก็งั้นๆ เต้นก็ห่วย
     
    แต่เขาก็ยังคงยืดอกภูมิใจว่าผมเป็นเด็กในสังกัดเขา
     
    และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมพยายามฝึกฝนเพื่อลบคำสบประมาทของคนอื่น
     
    เรื่องมันก็คงจะเริ่มจากแบบนั้นแหละครับ
     
     





     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    ผมไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง
     
    แต่ตั้งแต่ผมเข้ามหาลัยมา และเข้ามาอยู่ที่หอพักนักศึกษาของที่นี่
     
    แถมยังได้พี่รหัสที่เอาแต่ใจ ชอบออกคำสั่ง ขี้บ่นเป็นคนแก่

     
     
     
    แต่ว่า...
     

     
     
    ผมกลายเป็นคนที่ยอมฟังคำสั่งของคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
     
    จะว่าไปก็มีแค่เขาคนเดียวล่ะมั้งครับที่ผมยอมฟัง
     
     
     
    ผมไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง ผมไม่ชอบให้ใครมาบ่นนู่นนั่นนี่ ไม่ชอบให้ใครมาแตะตัว
     
     
    แต่พอเป็นเขา ทำไมผมถึงได้คิดว่าทุกอย่างที่เขาทำมัน..
     
     
     
    น่ารัก...
     
     
     
     
    ทุกคนไม่คิดเหมือนผมหรอครับ? ว่ารุ่นพี่น่ะน่ารัก ไม่ว่าจะทำอะไร
     
    อย่ามองว่าผมชอบของแปลกนะครับ แต่เขาน่ะน่ารักจริงๆ
     


     
     
     
     
    ผมยอมให้ใครก็ไม่รู้มาออกคำสั่ง ทั้งๆ ที่ไม่เคยจะยอมใครง่ายๆ
     
    ผมยอมแพ้ให้ใครก็ไม่รู้กับเรื่องไร้สาระ ทั้งๆ ที่ไม่ว่ามันจะงี่เง่าแค่ไหน ถ้ามันไม่ถูกต้อง ผมก็จะไม่ยอมเด็ดขาด
     
    ผมยอมให้ใครก็ไม่รู้มาขึ้นเสียงใส่ ทั้งๆ ที่ผมไม่ชอบ
     
    ผมตื่นแต่เช้า เพื่อออกมาวิ่งออกกำลัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะทำ
     
    ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า เพื่อนั่งรอใครบางคนตื่นและยิ้มให้เขา ทั้งๆ ที่ไม่เคย...ทำให้ใคร
     
    ผมทำเรื่องพวกนี้ ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะมีใครทำให้ผมเป็นแบบนี้ได้









     
     
     
     
    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมตื่นแต่เช้าขึ้นมา เพื่อทำในสิ่งที่ตัวเองไม่คิดจะทำให้ใครอีกแล้ว
     


     
     
    ลองหลับตาแล้วคิดภาพตามนะครับ
     
     
    ผู้ชายตัวสูงๆ กับผ้ากันเปื้อนสีชมพู ที่กำลัง...
     
     
    ทำสงครามในครัว สภาพห้องครัวตอนนี้ไม่ต่างไปจากสนามรบเท่าไร
     
     



     
     
    ผมแค่อยากทำโจ๊กเท่านั้นเองนะครับ





     
     
     
    ตอนนี้ก็เจ็ดโมงกว่าๆ แล้ว และโจ๊กที่ผมลงมือกับมันมาเกือบสองชั่วโมงก็เพิ่งเสร็จ
     


     
     
     
    ผมคิดว่ารุ่นพี่เขาคงผิดหวังเบาๆ ที่ได้ผมมาเป็นน้องรหัส
     
    เขาบอกว่าผมน่ะหน้าตาน่ารัก ถึงจะไม่เข้ากับหุ่นก็เถอะ ผมว่านะ เขาพูดอะไรไม่ดูตัวเองเลย
     
    เขาน่ะน่ารักไปทั้งตัวเลยล่ะครับ ถึงแม้นิสัยส่วนตัวของเขามันจะชวนปวดหัวอยู่เนืองๆ แต่ผมคงชอบอะไรแบบนี้เข้าแล้วสินะ



     
     
     
    "รุ่นพี่ครับ"


     
    ผมเขย่าตัวเขาเบาๆ เพื่อปลุกให้ตื่น
     
    นอนฝันดีอะไรอยู่นะถึงได้ยิ้มแบบนั้น เขาฝันถึงผมอยู่รึเปล่านะ
     



     
     
    "ตื่นได้แล้วครับ ไปล้างหน้านะครับ จะได้ทานอาหารเช้ากัน"



     
    ผมดึงแขนเขาให้เข้าห้องน้ำ ก่อนที่จะเดินไปจัดโต๊ะอาหารรอเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่าปล่อยเขาไว้แล้ว เขาก็คงยืนหลับอยู่หน้าอ่างน้ำ
     
     
    แต่ไม่นานเขาก็เดินออกมาทั้งๆ ที่หน้าเปียก แต่ตาก็ยังไม่ลืมขึ้นมาสักที
     
    ล้างหน้าพอเป็นพิธี แล้วเดินออกมาด้วยสภาพกึ่งศพแบบนี้ นี่แหละครับรุ่นพี่ของผม
     





     
     
    คนตรงหน้าผมนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะขยี้ตาตามเสตป
     
    เวลาที่เขาเพิ่งตื่นนอนทีไร มีอาการเหมือนเด็กทุกที ท่าทางน่ารักๆ แบบนี้ไม่ค่อยได้เห็นหรอกครับเวลาที่สติเขายังมีครบถ้วน

     
     
     
    "อะไรน่ะ?"
     
    เจ้าตัวยังคงงงๆ กับเช้าๆ สดใสแบบนี้แน่เลย
     
    ผมนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะเท้าคางมองเขา
     
     
     
    "อาหารเช้าครับ ทานหน่อยสิครับ จะได้สดชื่น"
     
    ผมยิ้มให้เขาบางๆ แล้วเลื่อนชามโจ๊กไปให้ เขามองมันงงๆ ก่อนจะตักเข้าปาก
     
     
     
    "อร่อยมั้ยครับ?"
     
    เพราะนี่มันเป็นการทำอาหารครั้งแรกของผมในรอบหลายๆ ปี หลังจากที่เคยทำเมื่อตอนประถมในวิชางานบ้าน ผมเลยประหม่านิดๆ กับรสชาติของมัน
     
     
     
    "ก็ใช้ได้" เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะกินมันต่อ
     
    ใช้ได้งั้นเหรอ? ก็ดีกว่ากินไม่ได้อ่ะนะ
     
     
     
     
    "ไปเที่ยวกันมั้ยครับ?"
     
    ผมมถามขึ้นหลังจากที่เขาทานอาหารเช้าเสร็จ
     
     
     
    "ไปไหน? มีเหล้าป่ะ? มีสาวๆ สวยๆ ด้วยใช่มั้ย?? นายเลี้ยงมั้ย? โอเครอแปปนะ อาบน้ำก่อน"
     
    พูดเองเออเองแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย นั่นล่ะครับคิมฮิมชาน รุ่นพี่ของผม
     
     
     

     
    ผมหัวเราะตามหลังเขาเบาๆ ชอบคิดอะไรไปเอง พอไม่ถูกใจก็มาบ่นทีหลัง เอาแต่ใจที่หนึ่งเลยคนนี้
     
     











     
     
     
    "ไหนนายบอกว่าจะพามาเลี้ยงเหล้าไง!?"

     
     
     
    ...ผมพูดยังงั้นเหรอครับ
     


     

     
    "ไหนนายบอกว่ามีสาวๆ ล่ะ!?"
     
     

     
    ...ผมยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะ
     
     



     
    "เป็นรุ่นน้องภาษาอะไรถึงกล้ามาโกหกรุ่นพี่ฮะ!"
     
     
     
    ผมยังไม่ได้บอกเขาเลยนะว่าจะพามาเลี้ยงเหล้าน่ะ คิดเองเออเองทั้งนั้น
     
     


     
     
    "ไอติมอร่อยกว่านะครับ" ผมยื่นถ้วยไอติมให้เขา ก่อนจะนั่งลงบนชิงช้าแล้วแกว่งเบาๆ
     
    อีกคนก็เอาแต่ยืนทำหน้ายับไม่พอใจ ถือถ้วยไอติมพลางทำท่าไม่พอใจ
     
     
    "ทำไมไม่นั่งล่ะครับ"
     
     
    "ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ จะให้มาทำอะไรแบบนี้"
     
     
    "อย่าพูดว่าตัวเองแก่สิครับ รุ่นพี่ยังไม่แก่เสียหน่อย" ผมว่าพลางหัวเราะสมทบตามเบาๆ
     
     
    แหย่นิดๆ หน่อยๆ พอเป็นกระสัยก็มีความสุขแล้วล่ะ บางทีรุ่นพี่อาจจะไม่ได้แปลก แต่เป็นผมเองก็ได้นะที่แปลกน่ะ ฮ่าๆๆ
     
     
     
     
    "ฉันไม่ได้แก่นะ ไอ่เด็กแอฟริกัน!!" ตามคาด

     
     
    เสียงดังใส่ผมตามที่คิดไว้เลยล่ะครับ
     
     
     
    "ถ้าไม่แก่ก็นั่งสิครับ"
     
     
    ผมจับชิงช้าให้อยู่นิ่งๆ เพื่อให้อีกคนนั่งลงดีๆ
     



     
     
     
     
    "โอ๊ยย!!"
     
     
     
    แต่มันคงจะดีเกินไป รึว่ารุ่นพี่ใส่อารมณ์กับน้ำหนักในการนั่งมากไปหน่อยก็เลยก้นจ้ำเบ้าไปนั่งอยู่กับพื้น
     
    ผมอดหัวเราะไม่ได้กับความเปิ่นของเขา บ่อยครั้งที่เป็นแบบนี้แต่ผมก็อดที่จะขำกับอะไรแบบนี้ของเขาไม่ได้
     
    อีกคนก็ลุกขึ้นมาจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่องที่ผมเอาแต่หัวเราะเขาแบบนี้ ที่ผมไม่ช่วยเขา เพราะเขาคงไม่ชอบเท่าไรที่ผมแสดงออกกับเขาเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้หญิง

     
     
     
    "นายแกล้งฉันใช่มั้ยฮะ!"
     
     
    ผมอยู่กับเขามาได้แค่สองสามเดือน นิสัยอีกอย่างของเขาคือชอบพาลครับ
     
    แต่ไม่ใช่พาลอารมณ์ร้ายนะครับ เขาชอบพาลเหมือนเด็กเวลาไม่พอใจ
     
    อย่างเช่นว่า ไม่พอใจที่แม่ไม่ยอมซื้อของเล่นให้ พอถามนู่นนี่ก็ส่ายหัวไม่รับฟังอย่างเดียว
     
    เด็กๆ เป็นยังไง รุ่นพี่ก็เป็นยังงั้นเลยล่ะครับ
     
     
     
    "ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ มานั่งครับๆ"
     
     
    ผมปล่อยมืออจากชิงช้าของเขา เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจที่ว่าผมไม่ได้แกล้งเขา เพื่อให้เขานั่งได้อย่างสบายใจ แต่คงไม่ค่อสบายอารมณ์เท่าไร
     

     
     
    "ยังจะมายิ้มอีก เห็นหน้านายแล้วของขึ้นว่ะ"


     
     
    และอีกอย่างที่ผมรู้จากรุ่นพี่ตลอดห้าหกเดือนที่อยู่ด้วยกันคือ ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมก็ผิดตลอด
     
     
    "ให้ผมช่วยเอาลงมั้ยครับ?" ผมถามหน้าซื่อๆ ออกไป ทั้งๆ ที่ในใจผมหัวเราะออกมาเสียงดังแล้ว
     
     
    ผมเดาได้เลยครับว่ารีแอคชั่นของเขามันจะเป็นยังไง

     
    ถ้าไม่ใช่..

     
     
    'นายเป็นเคะนะ ฉันต่างหากที่ต้องพูดน่ะ'

     
     
    แต่ถ้าตอนนี้ผมว่าคงเป็นแบบนี้มากกว่า..
     


     
     
    "เลิกทำหน้าซื่อทั้งๆ ที่กำลังพูดสื่อเรื่องใต้สะดือได้มั้ยฮะ!"
     
     
     
    โป๊ะเช๊ะ!!
     
     
    เขาเหวี่ยงผมแหละครับ
     
    ผมหัวเราะกับท่าทางของเขา และผมยิ่งทำแบบนี้รุ่นพี่เขาก็จะยิ่งฟึดฟัดเข้าไปอีก
     

     
     
    "โอ๊ย!! อยู่กับนายแล้วปวดสมอง!"
     
     
    ผมก็อยู่ของผมเฉยๆ เขาปวดของเขาเองก็มาโทษผมอีกแล้วสินะ
     
     







     
    "อยากฟังเพลงมั้ยครับ?"

     
    ผมพูดขึ้น หลังจากที่เขาสงบลงแล้ว อีกคนมองหน้าผมนิดหน่อยก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
     
     
    "นายจะร้องเพลง? อย่าเลยฉันไม่อยากทรมาณ" เขาพูดไปหัวเราะไป
     
     
     



     
     
     
     
    "..." 
     
     
    คำพูดของเขาน่ะ ทำเอาผมเงียบไปเลยล่ะครับ
     
     
     
     
     
     
     
    "เฮ้! เป็นอะไร"
     
     
     





     
    "ถ้ารุ่นพี่บอกว่าผมไม่ได้เรื่อง จะให้ผมเข้าวงมาทำไมล่ะครับ?"
     
     
     
    "คือ...ฉันไม่ได้หมายความว่ายังงั้น ฉัน...คือฉันหมายถึงว่าเสียงนายน่ะ..."
     



     
     
     
     
     
    "เพราะผมมีดีแค่หน้าตาแค่นั้นเหรอครับ"
     
     

     
     
    ผมมองหน้าอีกคนนิ่ง รู้สึกเหมือนรุ่นพี่เขาคิ้วกระตุกเมื่อผมพ่นประโยคเมื่อครู่ออกไป



     
     
     
     
    "เอ่อ...จะว่าใช่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว คือ...โอ๊ยย อย่ามองฉันแบบนี้ได้มั้ย! ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ!!"
     
     
    อีกคนกุมขมับ พลางหันหน้าหนีผมไปพึมพำคนเดียว นี่ก็เป็นนิสัยของเขาอีกอย่าง
     
     
     
     
     
     
     
     

     
    "หึ..."
     
     

     
     
     
     
     
     
    ผมหัวเราะหึหึในคอเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ ก่อนจะกุมท้องแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
     
     
     
    "นี่...นาย!"
     
     
    รุ่นพี่หันมามองผม คงจะเข้าใจแล้วสินะว่ามันเกิดอะไรขึ้น 
     




     
     
     
    "นายกล้าหลอกฉันเหรอฮะ! รู้มั้ยฉันรู้สึกแย่แค่ไหนเวลาที่นายทำหน้าเหมือนตัวเองสู้ใครไม่ได้แบบนั้นน่ะฮะ!!"





     
     
     
     
    คำพูดของเขาทำเอาผมหยุดหัวเราะไปดื้อๆ
     
     
    เขาบอกว่ารู้สึกแย่ที่ผมรู้สึกไม่ดีน่ะเหรอ เขาแคร์ผมสินะ
     
     
    น่าดีใจจังที่เขาแคร์ผมน่ะ อย่างน้อยเขาก็แคร์ผม

     
     
     
     
    "ขอบคุณนะครับ"
     
     
    ผมยิ้มให้เขาบางๆ แล้วแกว่งชิงช้าอีกคนเล่นเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนแกว่งอยู่ข้างหลังอย่างเป็นทางการ





     
     
     
    "..."
     




     
     
    เขาเงียบไม่พูดอะไรสักคำ รุ่นพี่เอาแต่เงยหน้ามองท้องฟ้า ก่อนจะหลับตาสูดอากาศเข้าปอด


     
     
     
    ภาพนี้สวยจริงๆ นะครับ ผมอยากถ่ายรูปเก็บไว้แต่ว่า...

     
     
    ผมเก็บรูปนี้ไว้ในความทรงจำดีกว่า เก็บไว้ดูคนเดียว
     
     
     



     
     
     
     
    "รู้มั้ยครับ... เมื่อก่อนน่ะผมเคยถูกพ่อตีด้วยล่ะ"

     
     
    ไม่รู้ทำไมผมถึงเอ่ยถึงเรื่องสมัยก่อน ทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะพูดให้ใครฟัง



     
     
     
     
    "แล้ว?"
     



     
     
     
    ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อเขาทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อ
     
     
    ประโยคไม่มีที่มาที่ไปแบบนั้นมีใครเข้าใจมั่งล่ะครับ


     
     
     
    "ที่ผมถูกตีน่ะ เพราะชอบรบเร้าให้พ่อพาไปนั่งชิงช้าสวรรค์อยู่บ่อยๆ..."
     
     




     
     
    "..."
     

     
     
     
     
    "...รุ่นพี่เห็นท้องฟ้ามั้ยครับ?"
     
    "ตาฉันไม่ได้บอดนะ"
     
     
    "อย่าขัดอารมณ์กันแบบนี้สิครับ" ผมลากเสียงยาวเป็นเชิงอ้อนเขาน้อยๆ
     
     
    "เห็นคร้าบบบบ อยู่ใกล้แค่นี้แหละ"
     
    "ที่ว่าใกล้ รุ่นพี่ว่ามันใกล้แค่ไหนล่ะครับ"
     
    "แค่เอื้อมมือนี่แหละ" ผมว่าผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจก่อนจะตอบด้วยนะ
     







     
     
    แต่มันก็เป็นคำตอบที่ผมคิดเอาไว้เหมือนกัน




     
     
     
    "แค่เอื้อมมือจริงๆ เหรอครับ?"
     
     
    ผมพูดเบาๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง
     








     
    อีกคนเอื้อมมือขึ้นฟ้าไปก่อนจะส่ายหัว




     
     
     
    "มองเห็นนะ แต่ในความเป็นจริงมันไกลเหมือนคนละโลกเลย"
     
     
     
     
     
    "ผมเคยคิดแบบนั้น จนกลายเป็นคำถามเลยแหละครับ ว่าทำไมถึงแตะไม่ถึงซักที"
     
     
    "นายเลยขอให้พ่อพาขึ้นชิงช้าสวรรค์เพื่อจะไปแตะก้อนเมฆเนี่ยนะ เด็กจริงๆ นะนายน่ะ"


     
     
    ผมหัวเราะเบาๆ ไปกับเขา ก็ผมเด็กจริงๆ นี่นา





     
    เด็กกว่าเขาตั้งปีนึง
     











     
     
     
    "ตอนนี้ผมว่าผมรู้แล้วล่ะครับว่าทำไม"
     

     
     
    "ทำไมหรอๆๆ" ผมหัวเราะอีกรอบเมื่อเห็นท่าทางอยากรู้ของเขา
     
     













     
    ผมไม่เคยได้หัวเราะบ่อยๆ แบบนี้ จนเมื่อเจอรุุ่นพี่
     
    ผมอาจจะดูนิ่งเฉยจนหลายๆ คนคิดว่าผมเย็นชา แต่ผมแค่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง
     
    คำพูดผมอาจจะดูห้วนๆ แต่ที่พูดไปผมพูดตามที่คิดทั้งนั้นแหละครับ
     
     
     
     
     
    "อยากได้คำตอบไหนหรอครับ?"

     
     
    "อย่ากวนได้มั้ยฮะ กำลังซึ้ง"
     
    ผมว่ารุ่นพี่ต่างหากล่ะครับที่ขัดอารมณ์ซึ้งของผม


     
    "มีคำตอบที่ผมได้ กับคำตอบสุดท้าย"


     
     
    อีกคนทำหน้าคิดนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยปาก
     
     






     
    "คำตอบสุดท้าย"
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    "ผมได้คำตอบว่า เพราะท้องฟ้ามันไม่ได้เป็นของผม"
     
     
     
     
     
     
    "เนี่ยนะคำตอบของนาย? เลี่ยนซะไม่มี"


     
    "ครับ นี่คือคำตอบที่ผมได้" ผมพูดก่อนจะหัวเราะเบาๆ








     
    อีกคนหันขวับมามองผมก่อนจะเรียกชื่อผมลอดไรฟันให้ผมกลัวเล่น


     
     
    น่ากลัวจังครับรุ่นพี่
     
     
     

















     
    "ส่วนคำตอบสุดท้ายน่ะ.."
     
     







     
     
     








     
    "..."
     


     
     
     
     
     
     
    ท่าทางตั้งใจฟังน่าดูเลยนะครับ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     













     
     
     
     
    "แม้ว่าท้องฟ้าไม่ใช่ของผม แต่มันก็ไม่ใช่ของคนอื่นด้วยใช่มั้ยล่ะครับ.."
     














     
     
    "..."
     
     





     
     
     
     
     
     
     
    "...บางทีอาจจะเป็นเพราะท้องฟ้ากำลังรออยู่ก็ได้ล่ะมั้งครับ"
     



     
     
     
    "รออะไร ช่วยพูดให้เคลียร์หน่อย"
     
     
     
     










     
     
     
     
    "...รอให้ผมขอให้เขาเคลื่อนลงมา เพื่อที่จะได้ให้ผมแตะต้องเขาได้"

     
     
     









     
     
     
     
     
    "...ถึงแม้มันจะไม่เป็นยังงั้นก็ตาม แต่ถ้าลองขอดูก็ไม่เสียหายใช่มั้ยล่ะครับ"
     
     
     
     


     
     
     
     
    "..."





     
    แม้มันจะไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่ผมเห็นว่าเขาน่ะพยักหน้าด้วยล่ะครับ
     
     
     
     
     








     
     
    "คำตอบของผมมันเหมือนเพ้อฝันเอาเองเลยนะครับ"
     
     
     
     

     
     
     
     
    "นายเมาใช่มั้ย?" ผมส่ายหัวเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธ
     
    "รุ่นพี่อยากรู้มั้ยครับว่าอะไรคือตัวแปรของโจทย์นี้"


     
     
    "นี่นายถอดสแคว์รูทออกมาเลยรึไงเนี่ยฮะ น้องรหัสฉันอัจฉริยะมากกกก ฉันจะพานายไปออกสตาร์คิ.."

     
     
    "รุ่นพี่ไงล่ะครับ"
     
     
     
     
     
     
     
     


     
     
    "..."
     
     
     











     
     
     
     
     
    ผมคิดมาตลอดเลยเวลาที่ได้อยู่กับเขา
     
    เขาเหมือนท้องฟ้าในทุกสภาพอากาศ
     
    เวลาที่เขายิ้ม ท้องฟ้าที่เป็นเสมือนภาพพื้นหลังก็จะดูสดใส ปลอดโปร่ง
     
    เวลาที่เขาโกรธอาละวาด ก็เหมือนที่ท้องฟ้าแปรปรวน มีสายฟ้าฟาดไปทั่ว
     
    และต่อมาไม่นาน ผมก็คิดว่าผมสามารถหาคำตอบที่ผมสงสัยมาตลอดได้แล้วล่ะครับ
     
     
     
     
     
     



     
     
     
     
     
     
     
     
    "รุ่นพี่เหมือนท้องฟ้า"
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    "นายเมาแล้วแน่ๆ กลับห้องกันเถอะ ไม่ก็ไปคลีนิคกัน" ที่เขาพูดแบบนี้เพราะเขาทำอะไรไม่ถูก

     
    หน้าเขาแดงซะจนผมกลัวแทนว่ามันจะระเบิด


     
     
     
    ผมกดไหล่ของเขาเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น  ก่อนจะเลื่อนมือมาประคองใบหน้าให้เงยขึ้น
     
    ผมสบตาเขา อีกคนหลบตาผมและพยายามหันหน้าหนี
     
     
     
    "มองตาผมสิครับ อย่าหลบตาผม"
     
     
     
    "..." ใบหน้าของเขานั้นร้อนผ่าว
     
     
     


     
     
     
     
    "รุ่นพี่เป็นท้องฟ้าของผม..."
     
     
    "พะ...พูดอะไรของนาย"
     
     




     
     
     
    "ผมรู้ว่ารุ่นพี่เข้าใจว่าผมพูดอะไร เพราะงั้น..."
     


     
     
    "..."
     








     
     
     
     
     

















     
     
     
    "ถ้าผมขอร้องท้องฟ้าให้เคลื่อนลงมา ท้องฟ้าจะรับคำขอของผมมั้ยครับ?"
     












     
     
    "นายไม่สบา..."
     
     

















     
     
     
     
     
    "คบกับผมนะครับ"
     
     










     
     
     
     
     
    "..."
     
     
     
     
     
     
     
     








     
     
    นานเท่าไรไม่รู้ที่เวลามันเดินผ่านไป

    ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงของสายลมที่ผัดผ่าน
     
     
     
     





     
     
     
     


     
     
     
     
     
    ผมปล่อยมือจากใบหน้าเขา
     
    ย้ายมายืนตรงหน้าเขา
     
    และยิ้มให้เขาบางๆ
     
     
     



     
     
     
    "ยังไม่ต้องตอบคำถามผมตอนนี้ก็ได้ครับ..."
     





     
     
    ".."
     
     


     
     
    "พร้อมเมื่อไร ค่อยให้คำตอบผมนะครับ"
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    "คือ.."
     
     
     
     
     





     
     
     
     
     
    "กลับกันเถอะครับ"
     

     
    ผมเอ่ยขัดขึ้น
     
    ตอนนี้น่ะ ผมยังไม่อยากได้คำตอบหรอก
     
    เพราะไม่ว่าจะยังไง เขาก็คงไม่ตอบคำถามของผมอยู่แล้ว
     
    ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะครับ





     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    หลังจากที่กลับมาจากหอแล้ว ผมก็ไม้ได้เข้าห้อง มีแต่เขาที่เดินนำหน้าผมเข้าห้องไป
     
    ผมไม่ได้ไปไหนหรอกครับ นั่งอยู่ที่หน้าห้อง ไม่มีที่ไปก็ว่าได้
     
    ส่วนรุ่นพี่ก็คงไม่มีอารมณ์ตามหาผมสักเท่าไร พูดให้ถูกก็คือเขาคงยังไม่อยากจะเห็นหน้าผมหรอกครับ
     
    มันคงรู้สึกแปลกๆ น่าดู ถ้าเราเจอกันตอนนี้
     




     
     
     
     
     
    ผมนั่งมองข้อความที่เขียนทิ้งเอาไว้เป็นชั่วโมง 
     
    ผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ความลังเลห้าสิบห้าสิบแบบนี้ผมเพิ่งมาเข้าใจว่ามันอึดอัดแค่ไหน
     
    ทั้งหวังทั้งกลัวกับผลลัพธิ์ที่จะตอบกลับมา
     
     





     
     
     
    ในที่สุดผมก็ตัดสินใจสอดกระดาษเข้าไปที่ใต้ช่องประตู
     
    ผมสอดไปแค่ครึ่งเดียว ไม่นานกระดาษก็ถูกดึงเข้าไป
     
     




     
    ผมกำลังนั่งหันหลังพิงประตู เขาก็คงกำลังนั่งอยู่แบบนี้เหมือนกัน
     
     
    แต่ตอนนี้ผมว่าผมเลิกพิงดีกว่า เพราะอีกครู่เดียว รุ่นพี่ก็คงเปิดประตูให้ผมเองแหละครับ
     



     
     
     
     
     
     
    .
     




     
     
     
     
     
     
    .



     
     
     
     
     
     
     
     
    .
     
     
     


     
     
     
     
     
     
     
     
    รุ่นพี่ครับ ไม่ต้องตอบคำถามของผมก็ได้นะครับ
    จะว่าไปรุ่นพี่ก็คงไม่ยอมตอบอยู่ดี
    และผมก็ไม่ได้ต้องการคำตอบหรอกนะครับ
    ถึงจะบอกยังงั้นก็เถอะ ผมก็อยากได้คำตอบอยู่ดี
     
    รุ่นพี่คงรู้อยู่แล้วว่าความรู้สึกที่ผมรู้สึกกับรุ่นพี่มันคืออะไร
    ผมไม่ได้อยากทำให้รุ่นพี่ลำบากใจ
    แต่ผมก็อยากพูดออกไป กลัวว่ารุ่นพี่จะหาว่าล้อเล่น
    เหมือนที่รุ่นพี่ชอบพูดอยู่บ่อยๆ เวลาผมทำให้รุ่นพี่...อาย
    ผมไม่รู้ว่ารุ่นพี่เขินรึเปล่าที่ชอบทำอะไรทำนองนั้นน่ะ
     
    แต่ใบหน้าแดงๆ ของรุ่นพี่มันทำให้ผมมีความสุขนะครับ
    ผมชอบตอนที่รุ่นพี่เขิน มันน่ารักดีนะครับ
    ผมชอบตอนที่รุ่นพี่ยิ้ม เพระาฉะนั้นยิ้มให้ผมบ่อยๆ นะครับ
    ผมอิจฉาคนอื่นมากเลยนะครับ เพราะรุ่นพี่ชอบยิ้มให้คนอื่นน่ะ
     
    ผมร้องเพลงก็งั้นๆ แถมยังเขียนก็ไม่ค่อยเก่งด้วยสิ

    อ่า...
     
    ผมมีอะไรบางอย่างจะบอกรุ่นพี่ด้วยแหละครับ
     

     
    แฮปปีวันเอพริวฟูลเดย์นะครับรุ่นพี่ :)
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    "จองแดฮยอน!!!!"
     


     
     
     
     
     
     
     
     
    .
     
     



     
     
     
     
     
    .
     
     




     
     
     
     
     
    .
     
     
     




     
     
     
     
     
     
    ถึงวันนี้จะเป็นวันโกหก แต่ว่าที่ผมพูดไปทุกอย่างคือความจริงนะครับ

    บางทีตอนนี้รุ่นพี่ก็คงจะหัวเราะโล่งอกอยู่แน่ๆ ที่มันเป็นเรื่องโกหก

     
     
     
    บางทีวันนี้...
     
     
     
    อาจจะเป็นวันบอกรักของใครหลายๆ คนที่ไม่กล้าบอกกับคนที่ตัวเองชอบก็ได้
     
     
     
    หลายๆ คนที่่ว่านั้น ก็รวมไปถึงผมด้วยแหละครับ
     
     
     
     
     
     



     
     
     
    ..........................................................
     
     
     
     
     




     
     
     
    ..............................
     



     
     
     
     
     
     
     
     
    ..............
     
     
     
     
     
     
     


     
    ..
     
     

     
     
     
     
     
    ..
     
     
     
     
     





     
     
     
    ผมทำกับข้าวไม่เก่ง
     
     
     
     
     
    ร้องเพลงไม่เพราะ
     
     
     
     
     
     
    เต้นก็ไม่ค่อยได้เรื่อง
     
     
     
     
     
     
     
    แต่ผมมีอย่างนึงที่ผมทำได้ดีที่สุด
     
     
     
     
     
     
     
     
    ก็คือการชอบรุ่นพี่
     
     
     
     
     
     
     
     
    ผมชอบรุ่นพี่มากๆ เลยนะครับ











    ผมชอบท้องฟ้ามากๆ เลย


















     
      - BAP NoTiTle -







    จบล๊าววว

    ฟิครีเมค ความจริงแต่งอันนี้ไว้ในคอมแล่ะตัวเอง แต่ไม่ได้เอาลงเว็บไงตัวเอง
    แต่งไว้เมื่อวันเอพริวฟูลเดย์เมื่อปีที่แล้วนู่นแน่ะ
    ที่จริงคือจะไม่เอาลงต่างหาก ปั๊ดโถ่ว

    แรกเริ่มเดิมทีฟิคเอพริวนี้ไม่ใช่อิมเมจคู่แด้ฮิม
    แต่เป็นคู่อื่นที่แปลกๆ แปลกๆ แปลกมาจริงๆ มันเป็นฟิคข้ามวงล่ะ!!
    มันเป็นสเปเชียลจากฟิคยาวที่เขียนกับเพื่อน มันข้ามวงทั้งเรื่องเลยน่ะ

    เอ่อ... อ่านมาจนถึงตอนนี้มีใครรู้เปล่าว่าฟิคนี้มันแด้ฮิม

    ที่ใช้แด้ฮิมเพราะ เรื่องนี้เมะมันเด็กกว่าไง
    และเมะก็ต้องเงียบๆ นิ่งๆ ซึ่่งแดฮยอนเมื่อตอนเดบิ้วท์มันใช่เลย = =
    แล้วเคะก็ขี้โวยวายไง ขี้ตู่ ขี้งกด้วย ไม่มีใครเหมาะไปกว่ามาดามอีกแล้ว
    (ถึงมาดามจะแรงกว่าคาแรคเตอร์ในฟิคก็เถอะ เรารู้สึกยังงั้นอ่ะนะ)


    อ่านแล้วรู้สึกยังไงกันมั่งหนอ มีคนอ่านรึเปล่าหนอ
    มันสนุกไหมหนอ รึน่าเบื่อกันแน่นะ อืมมม

    ปล. เราแม่ยกแด้ออบจ้า

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×