ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ALL OF MY FICTION [DoubleB Nielong]

    ลำดับตอนที่ #2 : Block B [ZiKyung] - N0NAME [90%]

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 56


    - 16 ธ.ค. 55 -
















     
    * * * * * * * * * * N0NAME * * * * * * * * * *



















    นี่กุมาทำอะไรที่นี่ กุมาทำอะไรตอนที่คลาสกุมีเรียนวะครับ
     
     
     
    "เฮ้ย!! โทษทีมึง กุเพิ่งเลิกซ้อม" 
     
    ไอ่ควายยย แล้วใครบอกให้กุรีบมาวะ
     
    ผมตบเกรียนไอ่เพื่อนยากไปเต็มแรงรัก ความจริงก็ไม่ได้สนิทขั้นตายไหนตายกันหรอกครับ คือผมกับมันสนิทกันมากเฉยๆ พวกเรารู้จักกันตั้งกะเรียนมอต้น ตอนนี้ก็เรียนปีสามแล้ว
     
    "กุขอโทษแล้วไง"
     
    "กุก็ไม่ได้โกรธมึงนี่" ผมว่าก่อนจะปาดมือบนเสื้อมัน 
     
    "อะไรมึงเนี่ย" 
     
    "หัวมึงอ่ะ เมื่อไรจะไปทำให้เหมือนหัวคนซะทีวะ" ผมว่าพลางมองหัวมันที่เกิดเป็นเกาหลีดีๆ ไม่ชอบ เสือกอยากเกิดเป็นยาจกแถวๆ จาไมก้า
     
    คือกุอยากรู้จริงๆ ว่ามึงสระหัวครั้งสุดท้ายตอนไหน ผมมึงถึงได้พันกันเหนียวหนึบยังกะเส้นก๋วยจั๊บ
     
    "มึงไม่รู้จักชนเผ่าชิกาชิครึไงวะ?"
     
    "ชนเผ่าอะไรของมึงนะ?"
     
    "สกาอ่ะสกา" มันว่าพลางร้อง ฮิฮิฮิ พร้อมยักไหล่เป็นจังหวะไปด้วย
     
    ทุเรศมากเพื่อนกุ
     
    "จะสการึว่าเรกเก้ก็ช่างแม่ง  ตอนนี้กุหิวมาก"
     
    คือก็ไม่ได้เห็นแก่กินนะเว้ย แต่แม่งตั้งกะเช้าแล้วผมเพิ่งได้กินนมไปกล่องเดียว ไส้กุกิ่วขึ้นมากุจะไม่โทษมึงเลยเพื่อนรัก ที่แม่งลากกุมามหาลัยแต่เช้าเพื่อมานั่งดูมันเล่นบอลกับเพื่อน แล้วกุยังต้องโดดคลาสสำคัญมารอมันเนี่ย
     
    ไอ่ฮะเรี่ย กุไม่โกรธมึงเลยสาสส
     
     
     
     
     
     





     
     
     
     
     
     
    "นั่นมึงตายอดตายอยากมาจากไหนวะ กินเหมือนบ้านอยู่เฮติ"
     
    ผมตวัดตามองมันที่มาขัดอารมณ์โหยหิวของผม หากแต่ถ้าเถียงออกไป เวลาอันมีค่าของผมจะหมดไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นผมจึง...
     
    "สัส!! ตบกุทำไม" แทบสำลักไก่กันเลยทีเดียว
     
    "สนใจกุหน่อยมึง" มันว่าก่อนจะหันไปเล่นไอแพดต่อ
     
    เออ!! มึงก็โคตรสนใจกุเลยสัส เฮ้อ~ ไอแพดแย่งเพื่อนผมไปครับ
     
    "เออมึง เมื่อวานกุเจอน้องคนนึง เด็กคณะมึงอ่ะ โคตรน่ารักเลย" ผมเลิกคิ้วหันไปมองมัน
     
    "แล้วไง?"
     
    "จะแล้วไงวะ งามๆ อย่างนั้นกุก็ป้อสิวะ"
     
    ป้อ?
     
    "คือมึงใช้คำว่าป้อ? โบราณมากเพื่อนกุ" ผมส่ายหัวให้มัน
     
    ศัพท์มันนี่ก็เก่าพอๆ กับทรงผมเผ่าชิกกะเด้อะไรของมันนั่นล่ะครับ ให้ตายเหอะ รู้จักมันมาตั้งกี่ปีแต่เรียกชื่อเผ่าพันมันไม่ถูกสักครั้ง
     
    "สรุปว่าเมื่อวานที่มึงทำให้กุต้องโดดเลคเชอร์คาบสำคัญเพื่อมานั่งรอมึงที่มาช้าเพราะไปม่อสาว?"
     
    "ป้อเว่ย ไม่ได้ม่อ"
     
    "เออนั่นแหละ ยังไงซะก็คือมึงมาช้า ทำให้กุขาดเลคเชอร์ไปหนึ่งเรื่อง แล้วถ้าเรื่องนั้นทำให้กุต้องมาซัมเมอร์ นั่นก็เพราะมึง จำเอาไว้!"
     
    ผมดันหน้ามันจนหงายก่อนจะนั่งเงียบ มองเพื่อนตรงหน้าอย่างใช้ความคิด อ้าปากจะถามมันแต่ก็นึกอะไรออกจึงหันไปคว้าไก่มาเข้าปากต่อ ไอ่จีโฮทำหน้างงๆ มองผม
     
    "เมื่อกี้มึงจะพูดอะไรรึเปล่า" มันยื่นหน้ามาถามผม ผมก็ดันหน้ามันออกอย่างหมั่นใส้
     
    ไม่ชอบเลยแววตาวิบวับของมัน
     
    "โหยยย มือก็มันยังจะเอามาป้ายหน้ากุอีก"
     
    ความจริงนี่กุอยากเอามือมันๆ นี่ไปละเลงหัวมึงมากกว่านะ อยากรู้ว่ามึงจะไปแกะผมประจำเผ่ามึงออกมาสระ รึจะยอมให้มดขึ้นหัว
     
    "เออมึงพรุ่งนี้มีเรียนป่ะ?..." ผมส่ายหัวให้มันแทนคำตอบ "...โอเคเดี๋ยวพรุ่งนี้กุไปรับนะ"
     
    จะว่าไปมันก็ถามผมแบบนี้ประจำนะ ทั้งๆ ที่มันก็รู้ตารางเรียนของผม แต่ถามตลอดจผมเองก็ชักชิน
     
    "จะไปไหนอ่ะ"
     
    "ไปอ่านหนังสือ"
     
    หือ?
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     

















     
     
     
     
     
    ไอ่ระยำ!!!
     
     
     
     
     
    "จุดประสงค์แท้จริงคือมาตามเป็นสโตรคเกอร์น้องเขารึไง?"
     
    ผมเอาสันหนังสือประวัติศาสชาติเกาหลีเคาะหัวมัน พร้อมด่ามันเสียงเบา ก็แหม...มันหอสมุดนี่ครับ
     
    ที่ผมพูดแบบนั้นก็เพราะว่ามันไม่ได้สนใจหนังสือที่หอบออกมาจากชั้นเป็นตั้งๆ แม้แต่น้อย แต่กลับไปให้ความสนใจกับสาวรุ่นน้องร่วมคณะของผมแทน
     
    "คนนี้อ่ะนะ?"
     
    ผมหันไปมองมั่ง ผมว่าเขาก็น่ารักดีนะ แอบฮ็อตอยู่เบาๆ ในหมู่เพื่อนด้วย
     
    "น้องเขาชื่อจีอึน เป็นรองดาวคณะ รู้สึกว่าจะยังไม่มีแฟนนะ" ผมพูดไปลอยๆ เท่าที่ผมรู้
     
    "มีไรอีกไหมวะ?"
     
    "ก็...น้องเขาท่าจะไม่สนใจเรื่องเชิงชู้สาวสักเท่าไร"
     
    "ทำไมวะ?"
     
    "เพื่อนกุเคยไปถาม..."
     
    "เพื่อนมึง?..." ผมพยักหน้าให้คำถามของมัน "...กุไปถามน้องเขาตอนไหนวะ?"
     
    ไอ่ควายยยยย ผมอ้าปากด่ามันแบบไม่มีเสียง เพราะคำมันไม่ค่อยจะสุภาพเท่าไร อีกอย่างขืนด่าออกไปอาจารย์บรรณารักษ์ที่จ้องมาทางพวกเราอยู่คงกินหัวพวกเราแน่ๆ ทุกคนอย่าเอาอย่างที่ไม่ดีแบบเพื่อนผมนะครับ
     
    "ถึงไหนแล้วนะๆ"
     
    "ถึงใครสักคน..." ฮะ!? ถึงไหนนะ ผมส่งสายตาไปให้มันประมาณนั้น "...ถึงเพื่อนมึงน่ะ"
     
    แล้วมันก็พูดคำว่าเพื่อนเสียงเบา ฮ่าาา งอนกุหรา~
     
    มันไม่ค่อยชอบให้ผมเรียกคนอื่นว่าเพื่อนสักเท่าไร เพราะมันบอกว่าผมมีมันเป็นเพื่อนแท้คนเดียว ส่วนคนอื่นมันหวังผล เหรอออ~ ผมว่ามันก็แค่อาการหวงเพื่อนอ่ะ เพราะผมยังเคยเบี้ยวนัดมันไปทำงานที่บ้านเพื่อนร่วมคณะ มันงี้งอนไปสามวันเจ็ดวันเลย
     
    ไม่ใช่ว่าไม่ได้บอกมันนะ ผมโทรไปบอกมันแล้ว มันก็งอนเลย มันบอกว่างานวันเกิดแท้ๆ ทำไมมาไม่ได้ งานนี้มีปีละครั้งด้วย อุตส่าห์ชวนดิบดี บลาบลาบลา อะไรไม่รู้เยอะแยะ คือผมไม่เข้าใจว่ามันจะเดือดร้อนทำไม ไม่ใช่วันเกิดมันด้วย นั่นมันวันเกิดผมหรอก
     
    "ถึงคนรู้จักร่วมคณะของมึงอ่ะ" อีกอย่างครับ มันชอบให้ผมเรียกเพื่อนที่คณะว่าคนรู้จักร่วมคณะน่ะ
     
    "อ่อ เขาไปถามน้องว่าทำไมไม่อยากมีแฟนไรงี้"
     
    "แล้วมันว่าไง"
     
    "มันบอกว่าน้องเขาบอกว่า พ่อแม่ส่งเขามาเรียน ไม่ได้ส่งมาหาคนร่วมทำพันธุ์เหมือนมึง"
     
     
     






     
     
     
     
    เงียบ สงสัยไม่ช็อต แต่คงช็อค
     
     





     
     
    "แล้วถ้ากุไปจีบเขาอ่ะ มึงว่าน้องเขาจะสนมั้ย?"

     
    ผมมองสภาพหัวมัน คือมึงยังจะถามกุอีกเหรอ ซกมก ยาจก จาไมก้าแบบนี้ ถึงน้องเขาช็อตเขาก็ไม่บอกมึงหรอก

     
    ขนาดตอนจะเข้าหอสมุดมา คนดูแลทางเข้ายังแทบจะไม่ให้มันเข้าเลยเหอะ บอกว่าเดียวแมงวันบินเข้าไป คนแก่นี่สายตาดีเนอะ เห็นกระทั่งแมงวันที่กำลังเลี้ยงลูกอยู่บนหัวไอ่จีโฮมัน
     
    "มึงไม่ต้องมองกุยังงั้นเลย"
     
    "เอ้า! กุผิดเหรอ?"
     
    "มึงอย่ามางอนน่า หิวว่ะ ไปหาไรกินกัน" มันว่าก่อนจะเดินบิดขี้เกียจออกไป
     
    ผมหันไปทางโต๊ะของสาวๆ ก็ไม่เห็นน้องจีอึน เหอะ! ท้องหิวรึสายตามึงอยากกินของสวยงามกันแน่วะ ผมยืนมองมันที่นั่งโต๊ะสั่งขนมหวานมากิน เหมาะกับมึงมากกกกก (ประชด!)
     
    "ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ไม่ดีนะ นั่งลงดิน้อง"
     
    มันไม่รู้รึแกล้งไม่รู้กันวะ ว่าตอนกลางวันแบบนี้ผมต้องกินข้าว สงสัยจะแกล้งลืมละมั้ง ก็น้องจีอึนนั่งรออาหารอยู่กับเพื่อนที่โต๊ะถัดไป
     
    "น้องเขาน่ารักว่ะ กินขนมก็ละเลียดกิน เรียบร้อยชิบหาย" 

    เรียบร้อย...ชิบหาย ?? << มันเป็นคำชมใช่ป่ะ?
     
    "กุว่าเขากลัวทาทางการสวาปามของมึงมากกว่าว่ะ" ผมว่าก่อนจะมองออกไปข้างนอก หิวข้าวโคตรๆ 
     
    ผมนั่งเงียบให้กรดกัดกระเพาะเล่นไปเรื่อยๆ อย่างรู้ตัว ก็ไอ่เพื่อนมันสนใจแต่สาวจนลืมไปว่าผมน่ะต้องกินข้าวทุกมื้อ
     
    "มึง กุกลับก่อนนะ" ผมบอกมันแล้วเดินออกมาเลย มันไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าผมสักนิด
     
    โว๊ยยยย! นี่ขนาดแอบชอบเขาเฉยๆ มันยังเป็นขนาดนี้ ถ้าได้เป็นแฟนจริงๆ นี่มึงจะไม่ลืมกุเลยรึไงไอ่หัวก๋วยจั๊บ
     
    ผมเดินเตร่ออกมาตัวป่าวเลยครับ  กุญแจมอไซค์ก็อยู่กับมัน โทรศัพผมก็อยู่กับมัน เป๋าตังผมก็อยู่กับมัน ติดกระเป๋ากางเกงตอนนี้มีอยู่แค่เหรียญห้าร้อยวอน เจริญล่ะชีวิตกุ เพราะชีวิตนี้ผมไม่เคยอยู่กับเหรียญห้าร้อยแบบลำพังสองต่อสองเลยสักนิด ความคิดผมตอนนี้เลย เแบบหรียญนี่แม่งมันใช้ยังไงวะครับ แถวนี้มันจะมีตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญไหมวะ
     
    ผมมองหาไอ่ตู้นั่นไปเรื่อยๆ ก่อนจะเจอมันเข้าหลังจากเดินมาได้สักพักใหญ่ๆ ผมกดเบอร์โทรออก...
     
    เบอร์ไรวะ มีปัญหาแล้วกุ คือผมจำเบอร์ไอ่ผู้สืบทอดเผ่าชิคกะเด้ไรนั่นไม่ได้อ่ะ ปกติผมเมมชื่อมันไว้อ่ะ เวลาโทรก็ไล่หาชื่อก็แค่นั้น ส่วนเบอร์ผมน่ะหรอ เออว่ะ เบอร์ตัวเอง...
     
    ชิบหอก!! 
     
    ผมก็จำเบอร์ตัวเองไม่ได้ บรรลัยละชีวิต ผมไม่ผิดนะเว่ยที่ผมจำเบอร์ตัวเองไม่ได้อ่ะ ก็ผมไม่เคยโทรหาตัวเองนี่หว่า สุดท้ายผมก็ซื้อน้ำเปล่าประทังชีวิตไปก่อนพลางเดินไปจนขาชาไปจนถึงบ้าน
     
    อารมณ์เหมือนเห็นสวรรค์อยู่รำไร มาถึงหน้าบ้านก็แทบคลานเข้าไปในบ้านแทบจะทันที แค่เห็นประตูบ้านนี่ก็แทบจะสิ้นลมเลยทีเดียว
     
    เป็นแบบนี้ผมนึกถึงตอนเด็กๆ เลยล่ะ เพระาผมตัวเล็กสุดในละแวกผมเลยโนแกล้งประจำ ผมก็สู้นะตามประสาเด็กเล่นกัน เล่นไปเล่นมาก็เกิดเอาจริงกันตอนไหนก็ไม่รู้ ผมทั้งเตะทั้งต่อยมันไปเหมือนกัน ก่อนจะหมดแรงยืนจ้องตาคุมเชิงกันทั้งคู่
     
    ผู้ใหญ่ก็รีบพากันมาดูมาห้าม พอผมเห็นแม่ผมเท่านั้นแหละ ผมร้องไห้โฮเลย ความกล้าที่มี แรงที่คิดว่ายังเหลืออยู่ถ้าต้องตีกันอีกรอบมันก็หายไปหมดเลย แค่เสียงแม่ที่เรียกชื่อผมทำผมเข่าทรุดเลยล่ะ 
     
     

     
     
     
     
    ผมล้มตัวลงนอนหลับตาพริ้มเมื่อมีอาหารลงท้อง ถึงจะยังปวดท้องหน่อยๆ เพราะกินข้าวผิดเวลาก็เหอะ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อตอนเป็นบ้านนอกเข้ากรุงเยอะเลยผม อ่า เตียงนุ่มๆ อากาศสบายๆ น่าหลับ...
     
     
     











     
     
     
     
     
    RRRRRRrrrrrr
     
    !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!



     
    ตะเถร!! 
     
     
     
     
    ผมเด้งตัวออกจากเตียงอย่างตกใจ หัวใจเต้นรัวกันเลยทีเดียว ใครมันโทรมาวะ คนกำลังเคลิ้ม ผมเดินไปรับโทรศัพท์ด้วยอารมณ์หลากหลายมิกซ์กัน ทั้งง่วงทั้งเบลอทั้งหงุดหงิด
     
    "โหล!"
     
    (หนึ่งโหลมีสิบสองอันครับ)
     
    "สิบสองอันพ่อง!!" ผมเสียงดังใส่คนปลายสาย ได้ยินเสียงมันแล้วแม่งโคตรอยากวางเพลิงเผ่ามันชิบหาย
     
    (มึงเป็นอะไรเนี่ย?)
     
    "เพื่อนเล่นมึงเหรอสัส"
     
    (เฮ่ยย มึงโกรธไรกุวะ?)
     
    "กุไม่ได้โกรธมึงเลยสัส กุไม่ได้โกรธมึงเลย เหี้ย!" ผมกระแทกหูโทรศัพท์ลงอย่างไม่ห่วงสุขภาพหูไอ่คนปลายสายสักนิด
     
    ไม่ได้ห่วงด้วยว่าหูโทรศัพท์มันจะพังไปด้วยรึเปล่า
     
    ผมนั่งลงกับพื้นตรงโต๊ะหน้าโทรศัพท์ บรรยากาศเงียบลงอย่างทันทีที่ผมเริ่มใจเย็นขึ้นมา ผมมองโทรศัพท์เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่แม่งเป็นต้นเหตุให้ผมอารมณ์เสียแบบนี้
     


     
     
    ครืนนนน!!

     
    ผมห่อตัวขึ้นมาทันทีเมื่อฟ้าร้องดังลั่นก่อนที่ฝนจะตกลงมาอย่างไม่ให้คนที่อยู่ภายนอกตั้งตัว ผมไม่ชอบเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่อยู่คนเดียวได้มาตลอดสองปี แต่ที่ไม่ชอบเลยจริงๆ คือเวลาฝนตกแล้วต้องอยู่คนเดียวแบบนี้
     
    ไม่ใช่ว่ามันเหงาเพราะไม่มีใครหรอก แต่มันหนาวและน่ากลัว ตอนนี้ก็จะสองทุ่มแล้ว ไหนจะฝนตกอย่างกับพายุเข้าแบบนี้ทำให้ฟ้ายิ่งมืดคลึ้มน่ากลัว เหมือนได้ยินเสียงอะไรดังมาแว่วๆ ฝนตกแบบนี้มันทำให้ผมจิตตกได้ไม่ยากเลย
     
     
     
     



     
     
    RRRRrrrrrr
     
     
    !!!!!!


     
     
    คุณพระคุณเจ้า! ผมสะดุ้งโหยง เพราะเสียงโทรศัพท์ดังอีกรอบ แม่ง! ถ้ากุหัวใจวายเพราะมึงมึงได้แยกร่างแน่ไอ่เทโลโฟน!!
     
    "ยอโบเซโย!" ผมตะโกนใส่โทรศัพท์แข่งเสียงฝน
     
    (#$%^&*!-_$#@^)
     
    "ฮะ! อะไรนะ!?" ปลายสายแม่งยืนอยู่กลางฝนแล้วโทรมารึไงวะ เสียงฝนดังมากก
     
    (กุอยู่หน้าบ้านมึง!!)
     
    "อะไรนะ!?"
     
    (หูหนวกหรอสัส กุอยู่หน้าบ้านมึง!) เวรตะไล!
     
    ผมวิ่งไปดูที่หน้าบ้านทันทีก็เจอไอ่คนหัวก๋วยจั๊บใส่น้ำตากฝนอยู่หน้ารั้วบ้าน ผมวิ่งออกไปเปิดประตูให้มันทันที ไอ่สาสสสส ใครสอนให้มึงโทรศัพท์ตอนฝนตกวะ แล้วนั่นน่ๆ...โทรศัพท์น่ะเก็บใส่กระเป๋าเลยมึง อย่าชูขึ้นแบบนั้น เดี๋ยวฟ้าผ่าหรอก ควายเอ้ย!

     
    "กว่ามึงจะมาเปิดประตูให้กุได้นะ" เข้ามาก็บ่นเลยนะมึง ผมโยนผ้าไปคลุมหัวมัน
     
    หัวมึงน่ากลัวสัส
     
    "มาทำไมล่ะมึง" ผมว่าพลางนั่งจ่อหัวตัวเองกับพัดลม
     
    "เดี๋ยวไข้กินหรอก" มันปิดพัดลมก่อนจะเช็ดผมให้ผมแทน
     
    มึงอย่าทำแบบนี้ได้ไหมวะ กุกลัวจริงๆ นะ กุกลัวตัวเองจะ outta control จริงๆ มันเสี่ยงนะแบบนี้ เสี่ยงต่อหัวใจขอที่พยายามควบคุมมานาน
     
    "โรคเจ้าสาวกลัวฝนกำเริบหรอมึง" พริบตาเดียวผมก็หันไปมองมันด้วยสายตาคมกริบ มึงจะบอกว่ากุเป็นโรคกลัวน้ำกุจะไม่โกรธเท่านี้เลยนะ
     
    "กุกลัวหัวมึงต่างหากสัส ดูสภาพตัวเองก่อนเหอะ" มันยกมือคลำๆ หัวตัวเองก่อนจะยักไหล่ไม่หยี่ระ 
     
    "ผมกุก็เริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปซ่อม" ผมมองผมมันที่มัดรวมกันไว้เป็นกองที่กลางหัว เห็นน้ำไหลจากปลายผมแม่งหยั่งกะท่อแตก
     
    ผมลุกขึ้น ลากมันไปนั่งตรงหน้ากระจก
     
    "ทำอะไรมึง"
     
    "ตัดผมให้มึง"
     
    "กุไม่ตัด" มันว่าทันทีก่อนจะลุกขึ้นแต่ผมก็กดไหล่มันไว้ให้นั่งลง
     
    "ตัดเถอะมึง ถ้ามึงอยากจีบจีอึนให้ติดน่ะ" ผมพูดเบาๆ
     
    มันก็แค่ข้ออ้าง ผมอยากให้มันตัดผมก็แค่นั้น ไม่ได้รังเกียจอะไรเลย ถ้าผมไม่ชอบหัวมันจริงๆ ผมไม่คบมันมาจนป่านนี้หรอก ถ้ามันตัดผมมันเป็นคนที่หล่อมากคนนึงเลยนะ และการไปจีบรองดาวมันก็จะไม่ยากเลย ถึงอยู่เฉยๆ แม่งดาวมหาลัยก็จะวิ่งเข้ามาหามันเองล่ะ และถ้ามันมีแฟนมันก็จะดีต่อผมด้วยเหมือนกัน


    ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ

     
     
    "จริงหรอวะ?" ได้ยินชื่อเข้าหน่อยเริ่มเขว
     
    "กุจะโกหกมึงทำเพื่อ?"
     
    "แล้วมึงจะตัดให้เนี่ยนะ?"
     
    "ก็กุน่ะสิ ไม่เชื่อฝีมือกุรึไง"
     
    "มึงยังกล้าถาม?"
     
    "สัส! มึงจำไอ่แจฮโยได้ป่ะ? มึงจำได้ไหมว่าใครไถเกรียนให้มัน กุนี่ไง" ผมว่าไปถึงสมัยก่อน ก็จริงนิหว่า ผมอ่ะตัดผมเก่งนะเว่ย ทรงผมของผมตอนนี้ก็ตัดเองทั้งนั้น
     
    "แล้วมึงจำได้ไหมว่าไอ่ช่างคนไหนเกือบทำพีโอมันหูแหว่ง" ขัดความมั่นใจกุนี่งานมึงจริงๆ
     
    "เอาเหอะน่า กุไม่ได้ไถหัวเกรียนให้มึงสักหน่อย ปลายกรรไกรไม่ใกล้หูมึงหรอก" ผมว่าก่อนจะค่อยๆ แกะผมที่อมน้ำมันออก จะเรียกว่าเปียกอุ้มน้ำมันก็ไม่ใช่ เพราะแม่งอาการมันหนักกว่านั้น
     
    ผมค่อยๆ แยกผมมันออกที่ละก้อน ไอ่จีโฮทำหน้าเศร้าเหมือนแฟนทิ้งเลย จะว่าไปผมทรงนี้ก็เหมือนแฟนมันเลยนะ รู้สึกว่ามันจะไว้มาตั้งแต่ตอนขึ้นมอปลาย มันคงรักของมันมากแหละ ค่อยๆ ตัดผมมันไปทีละก้อนๆ แล้วค่อยๆ สางก้อนผมออกจากกัน มันต้องใจเย็นนะถ้าจะทำแบบนี้
     
    มันนั่งเงียบ ผมเองก็เงียบ ขนาดฝนที่ตกเสียงดังอยู่ข้างนอก มันยังเข้ามารบกวนความสงบภายในห้องไม่ได้ ผมจับผมมันที่แก้ออกเกือบเสร็จ
     
    มันเป็นความเงียบที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย มันเป็นความเงียบในบรรดาน้อยครั้งที่ทำให้ผมรู้สึกดี
     
    "มึงนี่เป็นแม่คนได้เลยนะ" มันว่าพลางหัวเราะขึ้น
     
    "ก่อนจะให้กุเป็นแม่มึงช่วยหาคนที่มันทำกุท้องให้ได้ก่อนนะ" ผมขยี้หัวมันที่แก้ออกเสร็จแล้ว
     
    "ไปสระผมไป"
     
    มันก็มองกองผมมันอย่างอาลัยอาวรณ์ ผมดันมันเข้าห้องน้ำไปก่อนจะกวาดผมไปกองๆ ไว้ข้างๆ ถังขยะ ซึ่งแค่แก้ผมให้มันกลับมาเป็นเส้นๆ นั้นมันยังไม่สร็จซะทีเดียว หัวมันตอนนี้คือทุเรศมากอ่ะ ผมแยกเส้นแล้วก็จริง แต่แบบ...สงสารมือตัวเองอ่ะ
     
    ผมจะตัดผมให้มันครับ เอาให้เป็นทรงสักนิด แล้วค่อยไปให้ร้านทำอีกที
     
    "มานั่งนี่ๆ"
     
    "ยังไม่เสร็จอีกอ่ะ?"
     
    "ถ้าเสร็จแล้วกุจะเรียกเหรอ มาเร็วๆ"
     
    ผมกวักมือเรียกให้มันมานั่ง มันบ่นงึมงำก่อนจะเดินมานั่งหน้ากระจก ยืนเช็ดหัวให้มันสักพักก็เพิ่งนึกได้ว่ามีไดร์อยู่ในลิ้นชัก ผมเป่าผมให้มันพอเกือบแห้งก็จัดการลงกรรไกร

    ตัดแม่งเลย
     
    "เฮ่ย! มึงจะไม่กะทรงหน่อยเหรอ?"
     
    "ระดับนี้แล้วน่า นั่งเฉยๆ เหอะถ้าไม่อยากหูแหว่งขนตาหายน่ะ" ผมว่าก่อนจะเร็มๆ ข้างหน้าให้มัน ผมย่อตัวลงเพื่อจะได้ตัดให้มันง่ายขึ้น

    มันหลับตาลง ปากเม้มเข้าหากัน ผมมองใบหน้าของมัน มันดูดีนะ ผิวก็ขาว ตาชั้นเดียวที่โคตรมีเสน่ห์ที่ผมไม่กล้าจะสบด้วยนานๆ จมูกโด่งๆ ปลายจมูกยาวๆ รับกับปากที่ห้อยหน่อยๆ ของมันดีเลยล่ะ 
     






     
     
    ใกล้เกินไปแล้วพัคคยอง


     
     
    ผมถอยหน้าออกมาก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บกรรไกรไม่มองมัน
     
    "อ่ะ เสร็จแล้ว"
     
    "เล็มหน้านิดเดียวนานไปนะ" มันพูดขึ้น
     
    ผมมันตอนนี้ อืม ดูดีกว่าทรงเก่ามากอ่ะ ถึงทรงผมมันจะแปลกๆ ไปหน่อย แต่โดยรวมก็โอเค
     
    "ไปสระผมซะมึง" ผมบอกมันก่อนจะเก็บกวาดห้อง คือเพราะผมมึงนี่ห้องกุไม่ใช่แค่สกปรกอ่ะ แม่งเข้าขั้นความโสกรัง นั่งเปิดการ์ตูนดูได้แป๊บนึง ไอ่จีโฮก็ออกมาด้วยสภาพพรายน้ำ
     
    "กุรู้ว่ามึงไม่เคยสระผมนะ แต่ถ้าสภาพนี้มึงกลับไปอาบน้ำเหอะ" ผมไล่มันอีกรอบ
     
    เอาจริงๆ ป่ะ แม่งมึงจุ่มหัวลงน้ำแล้วเผลอลื่นไหลลงอ่างไปทั้งตัวรึไงไม่ทราบ เปียกโชกทั้งตัวครับท่านผู้ชม สาส เดินออกมากลางห้องด้วย แม่งน้ำท่วมห้องผมคร้าบ!

     
    หลังจากที่นั่งเกือบหลับมาได้สักพัก จีโฮมันก็ออกมาจากห้องน้ำโดยเอาเสื้อผ้าของผมไปใส่ คือ...
    สภาพมึงเหมือนเด็กโข่งอ่ะ ขายาวๆ แต่ขากางเกงยาวไม่ถึงตาตุ่มด้วยซ้ำ สมมึง! อยากสูงไม่ดูคนอื่นเขา สมน้ำหน้า
     
    "กุอาบน้ำก่อนนะ เช็ดหัวให้แห้งล่ะ" ผมว่าก่อนจะเข้าห้องน้ำไป
     
    นั่งลงบนเก้าอี้เล็กๆ อย่างเหนื่อยๆ ผมพยายามไม่มองหน้ามันเลยนะ กลัวว่าจะอดไม่ได้อีกนั่นแหละ 
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     

     
     
     
     
     
    เช้านี้...ไม่น่าจะเช้านะ ผมตื่นมาก็เห็นไอ่คนที่เกือบจะจำไม่ได้ว่ามันเป็นใครนอนอยู่ข้างๆ เตียง มีแต่ผ้าห่มที่ลากลงไปห่มแก้หนาว ผมไม่ได้ไล่มันไปนอนข้างล่างนะเว่ย ผมไม่ได้หวงตัวขนาดนั้น ไม่ใช่ละ! คือแบบผมก็ให้มันนอนบนเตียงด้วยดีๆ นี่แหละ แต่มันเสือกนอนดิ้นเอง ผมไม่ได้ถีบมันด้วยนะ จริงๆ นะ
     
    แม่ง! เพราะกลัวพวกคุณเข้าใจผิดนะเนี่ย ทำผมสร่างนอนเลยเหอะ
     
    "มึงตื่นๆ"
     
    เขี่ยมันนิดหน่อยพอสมควรก่อนจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างตัว ออกมาก็เจอมันนั่งหลับเปลือยท่อนบนอยู่
     
    "ไปอาบน้ำ กุมีเรียนตอนบ่าย" ผมบอกมันอีกที มันก็พยักหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอน สัส! เรียนบ่ายไม่ได้หมายความว่าต้องออกจากบ้านตอนบ่ายนะเฮ่ย
     
    ผมลากมันไปห้องน้ำก่อนจะตักน้ำราดหัวมันลงมา สะใจกว่าฝักบัวเยอะ
     
    "สัสส" คำเดียวโดดๆ ทำผมสะดุ้ง ผมปิดประตูห้องน้ำก่อนจะเดินหากุญแจมอไซค์
     
    "อูจีโฮ! มึงเอากุญแจมอไซค์มาให้กุรึเปล่า"
     
     



     
     
     
     
     เงียบ

     
     
     
    เอาเถอะ ช่างมัน ผมลงมาที่ห้องนั่งเล่น นอนเหยียดบนโซฟา ขากระดิกอ่านหนังสือการ์ตูนรอมัน
     
    "มึงกุญแจมอไซค์กุอยู่ไหน" ผมถามหลังจากที่มันเดินลงมาจากห้อง หัวมึงหวีมั่งก็ได้นะ มันโยนกุญแจมาให้ผม
     
    "รถกุล่ะ"
     
    "กุฝากไว้ที่ร้าน" มึงว่าไงนะ  "...ก็กุขี่มอไซค์ไม่เป็นนิหว่า"
     
    "อย่ามาตอแหล! ถ้ามึงขี่ไม่เป็นแล้วไอ่หัวก๋วยจั๊บคนไหนมันเอารถกุไปซิ่งชิงสาวฮะ!?" 
     
    "โหยย ก็มึงสั่งห้ามไม่ให้กุแตะลูกรักมึงนี่หว่า" นี่มันโง่รึมันเชื่อฟังผมดีเกินไปวะ เอาเหอะ ด่ามันไปรถก็คงไม่มาจอดอยู่หน้าบ้านให้หรอก
     
    "ป่ะมึง ไปทำผมกัน"
     
    "ไหนมึงบอกมีเรียน?"
     
    "กุขี้เกียจละ"
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     




     
     
    "คยองอ่า" 
     
    "ฮยอง" ผมกระโดดหาพี่เจ้าของร้านทันที เพราะผมมาที่นี่บ่อยล่ะเลยสนิทกัน "...พาเพื่อนมาทำผมอ่ะ มันจะไปจีบสาว" ผมว่าพลางดันไอ่สูงกว่าผมนิดเดียวไปยืนตรงหน้าพี่ฮิมชาน
     
    หน้าพี่แกเหวอนิดหน่อยถึงปานกลาง
     
    "มันทำdreadlocks อ่ะพี่ เมื่อวานผมเลยตัดให้มัน" พี่เขาพยักหน้าก่อนจะให้คนพาจีโฮไปสระผม
     
    "เราล่ะไม่ทำเหรอ?" พี่เขาหันมาถามผม ก่อนจะยิ้มบางๆ
     
    เอาแล้วไงมึงพัคคยอง
     
    "ผมผมสั้นอยู่แล้ว" ยิ้มแหยๆ ไปให้
     
    "เอาน่า" พี่ฮิมชานยิ้มโชว์เหยินแล้วก็ลากผมไปนั่งเก้าอี้ทำผมทันที
     
    เอาวะถ้าออกมาดีก็ดีไป ของีบก่อนละกุ
     
     





    "คยองอ่า"
     
    "หะ...หือ ครับ ผมสะดุ้งตื่นจากฝันขึ้นมา อ่า เหมือนหลุดมิติเลยแหะ
     
    "เสร็จแล้วนะหัวเราน่ะ" พี่ฮิมชานขยี้หัวผมก่อนจะเดินไปดูทางอื่น
     
    ผมหันหัวส่องตัวเองในกระจก อื้อหือ ยำหัวซะคนละขั้วเลย ผมของผมตอนนี้เป็นสีส้มๆ แดงๆ หน่อยๆ เล็มสั้นกว่าเดิมนิดๆ ด้วยแล้วดัดพออ่อนๆ ไม่ยักรู้ว่าหัวผมก็ทำสีแบบนี้ขึ้นแหะ
     
    ผมมองหาไอ่จีโฮก่อนจะเห็นมันนั่งหลับอยู่ตรงโซฟา เหยดดดด หล่อสาสเพื่อนกุ ผมหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปมันเอาไว้ หล่อจริงมึง ขนาดหลับพนักงานสาวๆ ยังมองตาไม่กระพริบเลย ผมข้างหน้าก็ทาเจลแล้วเซ็ตขึ้น ทำสีโคตรสว่างด้วย
     
    หลังจากที่ชื่นชมเพื่อนจนหนำใจผมก็ค่อยๆ นั่งลงข้างมันด้วยกลัวมันจะตื่น เพราะเมื่อคืนกว่ามันจะนอนก็ปาไปตีสอง ทำห่าไรมันไม่รู้ดึกๆ ดื่นๆ แต่สงสัยจะนั่งเบาไม่พอ ไอ่คนข้างๆ ผมเลยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มันมองซ้ายมองขวาก่อนจะหันมามองผม มองงี้ท้ากุต่อยเลยเหอะ 
     
    "หัวมึง..." หัวกุเท่ล่ะสิ สีนี้กำลังฮิตเลยนะ เห็นไอ่ยูควอนมันทำ เท่สาส "...หัวแม่งเปรี้ยวว่ะ"
     
    หือ? เปรี้ยว มันคือคำชมป่ะ หมายถึงแบบเปรี้ยวๆ เฉี่ยวๆ คยองสไตล์ไรแบบนี้ป่ะวะ
     
    "อย่ามาทำหน้าหมามึน เปรี้ยวก็คือเปรี้ยวอ่ะ เปรี้ยวๆ น้ำลายไหลเพราะมันเปรี้ยวอ่ะ"
     
    พูดซะกุเสียทรงเลยมึง ผมกระทืบเท้าเหยียบตีนมันไปทีแก้หงุดหงิดแล้วลุกไปจ่ายเงิน ซึ่งพี่ฮิมชานก็ใจดีตามฉบับมาดามฮิม คิดให้แบบพิเศษๆ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะผมมาเป็นนายแบบให้ร้านเขาตลอดทุกครั้งที่มาใช้บริการ
     
    เฮ่ยๆ อย่ามองผมอย่างนั้น ถึงใครๆ จะเรียกผมว่าไอ่หน้าแตงกวาแครอทยังเรียกพี่ แต่ผมก็ขึ้นกล้องนะเว่ย แล้วเป็นนายแบบจำเป็นต้องสูงป่ะ ความสูงไม่เป็นปัญหาในแนวนอนหรอก เอ่อ...ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ พี่เขาจับผมไปถ่ายรูปแล้วถึงได้ปล่อยผมออกมา ก็ได้เห็นไอ่อดีตผู้สืบทอดเผ่าชิกกะเด้นั่งหน้าหงอยอยู่
     
    "ตกส้วมมาเหรอมึง..." มึงช่างเป็นเพื่อนที่น่ารักจริงๆ "...นึกว่ามึงจมกองขี้ไปซะแล้ว" เป็นห่วงกุซะด้วย ซึ้งจริงๆ มึงเอ้ย
     
    "ไปเอารถกันเถอะ" ผมจะไม่สนใจความห่วงใยจากมันละกัน ไม่งั้นพรุ่งนี้หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์คงพาดหัวข่าวตัวใหญ่ๆ ว่า ลูกค้าร้านทำผมเอาไดร์เป่าผมฟาดหัวเพื่อนที่มาด้วยจนช้ำในเป็นแน่
     
    พวกเรานั่งรถเพื่อไปลงที่หน้าร้านเค้กที่มาเมื่อวาน ตอนขึ้นรถมานี่รู้สึกเหมือนผมมากะดารา แม่งมีแต่คนมองกันตลอด ไม่ใช่ว่าตอนมันยังเป็นผู้สืบทอดตะกูล แล้วขึ้นรถเมลล์มาจะไม่มีคนมองนะครับ ตอนหัวมันยังสกาๆ เรกเก้อยู่คนก็มอง แต่มองแบบ...นะ เราก็รู้ๆ กัน แต่คราวนี้ต่างไปหน่อยตรงที่มองไปยิ้มไป ชำเลืองไปเขินไป
     
    "มองห่าไรวะ" ไอ่จีโฮจับหัวตัวเอง พยายามทำตัวให้เล็กเท่าที่จะทำได้
     
    "มองมึงไง" ผมว่าก่อนจะทำเป็นยืดที่มีเพื่อนหล่อ เราลงตรงป้ายรถใกล้ๆ ร้านเค้กเมื่อวันนั้น
     
    "มึงจอดรถไว้ไหน" ผมชะแง้มองหาแมงกะไซค์คู่ใจแต่ก็ไม่เจอ ไม่ใช่เจ้าของร้านเอารถกุไปขายแล้วหรอวะ
     
    "อยู่นั่นอ่ะ" จีโฮเดินนำผมอ้อมไปหลังร้าน
     
    สาสสสส ลูกรัก ผมถลาขึ้นขี่มันทันที ลูกพ่อ ยังอยู่ดีมีสุขสินะ ไอ่อดีตผู้สืบทอดมันเข้าไปในร้านเพื่อบอกเจ้าของร้านว่ามีคนมาเอารถแล้ว ท่าทางเจ้าของร้านแกจะจำไอ่จีโฮไม่ได้ด้วยอ่ะ 
     
    ไอ่จีโฮก็บอกมาว่าเจ้าของร้านเห็นรถตากฝนอยู่ เมื่อคืนก็เลยเอารถไปเก็บในร้านให้ แถมยังให้คนมาเช็ดรถให้ด้วยกลัวเครื่องพัง พูดซะผมรู้สึกผิดอ่ะ ขอโทษข่าบบที่ผมมองลุงผิดไป
     
    "ขึ้นมาๆ"
     
    "มึงจะไปไหนนิ?"
     
    "เอ้อ! ไปหาเอาหมวกกันน็อคด้วยนะ" ผมว่าพลางลงเร่งเครื่องดู อือ...ยังแรงใช้ได้อยู่
     
    ไอ่จีโฮมันบ่นเหมือนผู้หญิงอ่ะ ก่อนจะเดินไปยืมหมวกกันน็อคมาจากลุงเจ้าของร้านกาแฟ มันยืนมองผมไม่ยอมขึ้นรถซะที อะไรของมึงวะเนี่ย
     
    "ไม่ขึ้นอ่ะ?"
     
    "กุขับเองมา"
     
    "นี่รถกุนะเว่ย"
     
    "กุไม่พามึงซิ่งหรอกน่า ไว้ใจได้" ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะลงมาให้มันขึ้นไปนั่งแทน
     
    ไม่เคยคิดเลยว่าไอ่ลูกรักมันจะเหมาะสมกับไอ่จีโฮแบบนี้ เพราะผมเหม่อนานรึเปล่า ไอ่จีโฮถึงได้เร่งเครื่องซะผมแทบหงายหลัง
     
    "เบาๆ ดิมึง เดี๋ยวลูกกุป่วยหรอก" ผมว่าก่อนตบหมวกกันน็อคมันไปฉาดนึง เจ็บมือสาสส
     
    "มึงอย่าโชว์โง่ได้ป่ะ" มันว่าก่อนที่จะเร่งผมให้ขึ้นรถ
     
    ผมก็ขึ้นก่อนจะ...เอ่อ...กุจะเอามือไปวางไว้ตรงไหน คือผมไม่เคยซ้อนใครอ่ะ เพระาปกติผมก็ขับอยู่คนเดียวนะคันนี้ หรือไม่ก็มีบางครั้งที่ให้น้องมาซ้อนไรแบบนี้
     
    "เกาะเอวกุสิ ตกรถคอหักตายหรอกมึง"
     
    "ไม่เว่ย มึงขับดีๆ ก็พอ" ผมว่าออกไป
     
     
     
     
     
    บรืนนนนนนนนน!!
     

     
    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก



    ผมผวาเกาะเอวมันแน่น สาสสสสสสสสสสสส มึงจะรีบไปตายหรออ ขับเร็วไปไหนสาสสสสสสสสสสสสสส ที่พูดไปเมื่อกี้กุขอถอนคำพูดนะ ผมทั้งกอดเอวมันเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ปะทะลมน้อยลง ตอนนี้ตัวทั้งตัวแทบฝังไปกับแผ่นหลังของมัน

     
    เพิ่งรู้สึกตัวเลยว่าผมตัวเล็กกว่ามันอยู่เกือบโข
     
     
    เข้าใจความรู้สึกจุนฮงมันเลยเวลาที่ซ้อนรถผมแล้วผมขับเร็วๆ แบบนี้ คือตอนขับมันมันส์ดีนะ แต่พอมาซ้อนแล้ว โอยยยยยย กุจะตายคร้าบ ไอ่จีโฮรถขับไปได้สักพักมันก็ชะลอรถ ขับขึ้นฟุตบาตแล้วก็จอดดด~
     
    "จอดทำไมอ่ะ น้ำนหมดอ่อ?" ผมลงจากรถเดินวนรอบมอไซค์เพื่อดูว่ามันมีปัญหาอะไรรึเปล่า 
     
    "มึงจะไปไหน?" ผมมองไปรอบๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
     
    "เอารถไปจอดๆ ล็อคคอด้วยนะโว๊ย" ผมบอกมัน
     
    "ไปไหนวะ?"
     
    มันโยนกุญแจรถมาให้ผม ผมก็เอื้อมมือไปรับอย่างกะเอาให้เท่เหมือนคนอื่นเขาทำ แต่ก็นะ ความคิดมันอย่างเท่ แต่ความคิดก็เป็นได้แค่ความคิด ความเป็นจริงแล้วมันโคตรทุเรศเลย คือผมต้องถลาตัวไปรับเอาอ่ะ รับไม่ทันมีได้เสีย กุญแจเกือบตกท่อ ทำเอาใจหายใจคว่ำกันไปเลยทีเดียว
     
    "จะไหนมึง" มันถามอีกรอบเพราะผมเอาแต่ส่งยิ้มไปให้มัน
     
    "ไปเช็คเรทติ้ง!" ผมบอกก่อนจะลากมันไปเดินทัวร์ทงแดมุน
     
    จะว่าไปสภาพตั้งแต่หัวลงมาคอนี่ดูดีมากอ่ะ แต่เสื้อมึงยันตีนนี่อื้อหือ เปลี่ยนหัวกันไหม?
     
     
    "ป่ะ วันนี้กุจะเป็นสไตล์ลิสให้มึงเอง" ผมลากมันไปเดินดูเสื้อผ้า

    คือมันก็ไม่ได้แต่งตัวแย่นะ ก็รองเท้าผ้าใบที่บอกผมอย่างภูมิใจว่าน้ำไม่เคยโดนสักหยด ไหนจะกางเกงสามส่วนสีขาวจั๊มครึ่งแข้งแล้วก็เสือสีดำหมองๆ คอยานๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะหัวทรงก๋วยจั๊บกับหมวกขอทานสีดำเก่าๆ ก็แค่นั้น ถุย!
     
    "ตัวนี้ดีป่ะ? ชอบตัวไหน?"
     
    ผมหยิบเสื้อสีฟ้าขึ้นมาทาบตัวเอง แม่งใครวะหล่อสาส ก่อนจะเอาไปทาบตัวอีกคน อืมม เพราะไอ่จีโฮชอบสีดำ ผมเลยคิดว่ามันคงจะดีถ้ามันได้ใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันบ้าง
     
    "ไม่เอาอ่ะกุอยากได้ตัวนี้" มันหยิบเสื้อคอกลมสีดำลายปากแลบลิ้นแดงๆ ขึ้นมาทาบ
     
    "ได้หมดยกเว้นดำเทา" ผมว่าก่อนจะดึงเสื้อตัวนั้นไปแขวนไว้ที่เดิม แล้วยัดกองเสื้อสีสันใสสดใส่มือมันแล้วถีบตูดมันเข้าไปในห้องลองเสื้อ
     
    ผมเดินดูเสื้อรอมันไปพลางๆ สไตล์ผมนี่ไม่ชอบหรอกเสื้อยืดคอกลมเฉยๆ ใส่อยู่บ้านอ่ะได้ แต่ถ้าต้องออกไปข้างนอกต้องนี้เลยเสื้อเชิร์ตลายสก๊อตใส่ทับเสื้อยืดข้างใน บวกกางเกงยีนส์และแฮปหมวกเท่ๆ มาใส่ด้วย
     
    แม่งง เสื้อตัวนี้สวยสาสส ผมมองเสื้อสีชมพูตามเยิ้มเลย
     
    "เฮ่ยๆ คยอง!" ผมเงยหน้ามองตามเสียงทันที ค้างเลยครับ ไม่ใช่มันหล่อจนค้างนะ แต่แบบมันไม่ใช่อ่ะ มันก็ใส่แล้วโออยู่นะ แต่ผมชอบตอนที่มันใส่สีดำมากกว่า

    อาจจะเพราะมันดูดีในชุดเสื้อผ้าสีสดใสล่ะมั้ง ผมเลยอยากให้มันเปลี่ยน เพราะมันโดดเด่นเกินไป
     
    "ไปเปลี่ยนๆ ชอบสีดำใช่ป่ะ เดียวกุเลือกให้..." ดันมันกลับเข้าไปในห้องอีกรอบก่อนจะหอบเซ็ทชุดดำไปให้มัน "...นี่นะ ใส่ให้ดีๆด้วย มันแพง..." ผมว่าก่อนจะเดินออกมา แต่จีโฮมันก็เรียกผมเอาไว้ก่อน
     
    "มาเอาไอ่นี้ไปด้วย" มันโยนเสื้อสีฟ้าใส่ผม
     
    "สัส มันแพง!" ผมว่าก่อนจะปัดๆ เสื้อเอาไปเก็บไว้ที่เดิม ออกมานั่งรอมันอีกรอบ เหยดดด นั่นไงๆ มันดูดีจริงๆ ในชุดสีดำ
     
    "หล่อมาก ไปถอดออกเดี๋ยวกุจะไปเลือกเสื้อให้" ผมว่าแล้วไปหยิบๆเสื้อสีดำสีขาวไปกองมี่เคาท์เตอร์
     
    มันเท่มากจริงๆ นะ เสื้อกล้ามสีขาวแจ๊กเก็ตหนังสีดำ กางเกงเท่ๆ สีดำกับรองเท้าผ้าใบดำๆ หมองๆ สาส! มึงต้องการรองเท้าใหม่อย่างเร่งด่วน!!
     
    "นี่มึงจะซื้อให้กุหรอ"
     
    "อย่าโง่ได้ป่ะ กุเป็นคนพามานะเว่ย รถที่มาก็มอไซค์กุ น้ำมันกุก็จ่าย เรื่องเสื้อผ้าแค่นี้ทำไมกุต้องจ่ายล่ะ" ผมว่าแล้วเดินตัวปลิวออกมาจากร้าน ผมไม่ได้บ้านรวยพ่อเป็นเศรษฐีนะครับ จะได้มีเงินไปทำไรแบบนั้น
     
    "มึงนี่มัน...คงไม่ได้เอาเสื้อที่อยากได้ใส่รวมไปไว้ด้วยหรอกนะ"
     
    "มึงเห็นกุเป็นคนยังงั้นหรอ?"
     
    "ขนาดนี้ยังจะถาม" สาสสส
     
    "รองเท้าคู่นี้ทิ้งไปเลยนะ..." ผมว่าก่อนจะเลือก Holly สีขาวมาคู่นึง เข้ากับมึงมากอ่ะ "...เอาไปจ่าย" ผมดันมันไปเคาท์เตอร์อีก มันจำใจควักเงินออกมาจ่าย แล้วเราก็เดินชอปกันกระจาย

     
     
     
    แล้วผมก็เพิ่งรู้สำนึกว่าของแม่งเยอะก็ตอนจะกลับนี่แหละ
     
    "ไงมึง จะกลับไง?"
     
    "มึงก็ขึ้นรถบัสกลับไง กุก็ขี่รถกุกลับบ้านไง"
     
    "ไม่ๆ มึงมาหิ้วของ กุขับเอง ไปด้วยกันเลย กุไม่ไว้ใจมึง"
     
    "คิดว่ากุจะไว้ใจซ้อนมึงอีกหรอ ถ้าจะไปด้วยกันกุขับเอง" ผมว่าก่อนจะนั่งหน้าสตาร์ทรถเบิลเครื่องทันที มันก็ซ้อนผมโดยวางถุงของไว้ข้างหน้ากันเสื้อราคาแพงปลิวไปกับลม
     
    "นั่งดีๆ นะมึง" ผมว่าก่อนค่อยๆออกรถ
     
    "บ้านมึงไปทางไหน?"
     
    คบกันมาก็หลายปีผมยังไม่รู้เลยว่าบ้านมันอยู่ไหน เพราะมันไม่บอกด้วย แล้วก็เพราะผมไม่สนใจด้วยถ้ามันไม่อยากพูด ผมขับไปตามทางที่มันบอก รู้สึกว่าแถวนี้มันละแวกคนรวยอยู่กันนี่หว่า ผมจอดรถอยู่หน้าบ้านมัน...
     
    ไม่อ่ะ ไม่ใช่บ้าน คฤหาศน์ดีๆ นี่เอง เหอะ
     
    "ทำไมมึงไม่เคยบอกกุวะ" ผมมองหน้ามัน ไม่คิดหรอกว่ามันเป็นลูกคนใช้เพราะแม่งมีเงินซื้อของดีๆ ใช้ยกเว้นพวกเสื้อผ้ามันอ่ะนะ ที่แม่งแต่งได้โคตรขอทานมาก


     
    ผมขับรถออกมาจากบ้านมันทันที แล้วมาจอดที่ริมแม่น้ำฮันเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ มืดๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีคนมากนัก ตรงที่ผมอยู่มันอยู่ในจุดมืดๆ ที่แสงสองไม่ถึง อีกฝั่งเป็นตึกที่มีแสงไฟสว่างเป็นจุดเล็กๆ
     
    ความมืดมันทำให้คนเราอ่อนไหวได้เหมือนกัน สำหรับผมในตอนนี้ผมคิดว่าบางครั้งความมืดก็ดึงดูดเราโดยไม่รู้ตัว มันเรียกร้องให้เราเข้าไปหา ความมืดน่ากลัวแต่มันก็ลึกลับและน่าค้นหาไม่ใช่เหรอครับ
     
    ผมเคยมาที่นี่กับไอ่จีโฮเมื่อตอนที่หนีโรงเรียนไปเที่ยวกัน มีครูมาไล่ตามจนต้องแยกกันหนีไปคนละทาง เพราะผมมีมอเตอร์ไซค์เลยขับพาไอ่จีโฮมาที่นี่ ไม่เคยเห็นแม่น้ำฮันตอนกลางคืนเลย แต่ความงามไม่ได้ทำให้ผมใจเย็นลงเลยเหอะ แล้วไหนที่ฝนเริ่มตกลงมาแม่งทำให้ผมหงุดหงิดเข้าไปกว่าเดิมอีก
     
    ผมขย้ำหัวตัวเองก่อนจะขึ้นรถขี่ออกไปอีกรอบ
     
    ขับมาได้สักพักเหมือนจะควบคุมรถไม่อยู่ ล้อทั้งสองก็ส่ายไปมา สุดท้ายก็เสียหลักไถลลงข้างทาง ลุงคนนึงเข้ามาพยุงผมลุกขึ้น ก่อนจะมีใครอีกคนสองคนมาช่วยยกรถให้ตั้งขึ้น
     
    "เป็นไรมากไหมล่ะไอ่หนู" ผมส่ายหน้าเบาๆ พลางมองตามไอ่ลูกรักไป
     
    "ฝนก็ตกถนนก็ลื่นแบบนี้ยังจะขี่เร็วอีกนะ" ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ไปให้เพราะผมเสือกโง่เอง ถนนลื่นแบบนี้ไหนฝนจะตกอีกยังเสือกขับรถเร็ว "...นี่ดีนะที่ไม่ได้เป็นอะไรมากน่ะ ทำแผลก่อนไหม แถวนี้มีคลีนิค"
     
    ผมส่ายหัวเบาๆปฏิเสธไป ผมอยากกลับบ้านมากกว่า
     
    "ขอบคุณมากนะครับ"
     
    ผมโค้งหัวขอบคุณลุงแกก่อนจะขับรถออกมา คราวนี้ขับช้าลงเพราะไม่อยากลงไปแสดงความรักแผ่นดินด้วยการจูบธรณีอีก ผมค่อยๆ ผ่อนรถเมื่อถึงหน้าบ้าน เฮ่ย แม่งใครมันมานั่งอยู่หน้าบ้านวะ
     
    "มึงไปไหนมาวะ กุมารอตั้งนาน"
     
    ผมมองรถออร์ดีสีเขียวของมันอย่างไม่แปลกใจนักว่าทำไมมันถึงมารอผม 'ตั้งนาน' ผมจูงรถเข้าบ้าน ก่อนจะหันไปมองมัน
     
    "มึงมาทำไม"
     
    "กุนอนด้วยดิ" หน้าด้านมากมึง ไม่ต้องขอกุหรอกถ้ามึงเดินนำกุเข้าบ้านไปยังกับเจ้าของบ้านเองแบบนี้
     
    นี่กุยังโกรธมึงอยู่นะโว๊ยยย!
     
    ผมเดินผ่านมันไปเข้าห้องน้ำล้างแผล สาสส แผลถลอกเยอะไปป่ะ ข้อศอกก็ถลอกจนเลือดซิบ เข่าก็ถลอก หน้าแข้งมีเลือดซิบนิดๆ รู้สึกจะช้ำในที่ปากด้วยนะ ดีนะที่ผมใส่หมวกกันน็อคแบบคลุมหมดหัวอ่ะ นี่ขนาดใส่แบบครอบหมดหัวแล้วนะ
     
    "มึงไปโดนไรมาเนี่ย"
     
    "รถล้ม" ผมบอกก่อนจะถอนหายใจ ลุกจะไปเอากล่องยา แต่ไอ่จีโฮดันไหล่ให้ผมนั่งบนโซฟาก่อนจะเดินไปหยิบกล่องยามานั่งกับพื้น
     
    "เอาขามา" ผมนั่งมองมันนิ่ง มันมองผมด้วยสายตาชวนโดนตีนก่อนจะจับขาผมไปวางบนหน้าขามัน
     
    "แสบหน่อยนะ" มันว่าก่อนจะจิ้มสำลีที่จุ่มแอลกอฮอล์จนชุ่มลงบนขาผม
     
    ไม่เลย มันไม่ได้แสบหน่อยนะเลยสาสสสสสสสสสสสส!!  นี่ขาผมกระตุกเกือบโดนปากมันเลยเหอะ
     
    "เบาๆ ดิมึง" มันก้มหน้าก้มตาทายาให้ผม
     
    กุเกลียดความเงียบโว๊ยครับ อึดอัดชิบ
     
    "มึงโกรธกุ เพราะกุไม่ยอมบอกว่าบ้านกุรวยรึไง" มันถามขึ้น พลางมองหน้าผมไปด้วย
     
    "ก็...เปล่าหรอก แค่โกรธนิดนึง" มันหัวเราะเบาๆ
     
    "ไม่ใช่ไม่อยากบอกนะ แค่กุไม่อยากพูดถึงเรื่องที่บ้าน"
     
    "มึงมีเงินใช้วันละเท่าไร?..." มันเลิกคิ้วมองผมงงๆ "...เท่าไร?" ผมถามย้ำอีก
     
    มันเปลี่ยนที่มานั่งข้างผม ดึงแขนผมไปทาแอลกอฮอล์ ผมร้องซี๊ดเลย แสบสัสส
     
    "ก็...ไม่รู้สิ เพราะเงินมันเข้าบัญชีกุทุกเดือน จะเอามาใช้ตอนไหนก็มีตลอดอ่ะ"
     
    "ที่กุโกรธมึงเพราะแบบนี้แหละ" ผมผลักหัวมัน ผมมันนุ่มดีนะ ถึงจะเปียกๆ อยู่ก็เหอะ 
     
    ผมเช็ดมือกับเสื้อมัน ผมมึงเปียกมากอ่ะ
     
    "อะไรของมึงเนี่ย" มันว่าก่อนจะทำท่าปัดตรงที่ผมเช็ดไป
     
    "กุโกรธเพราะมึงไม่ยอมบอกว่ามึงรวย ปล่อยให้กุเลี้ยงข้าวมึงมาตั้งหลายปี"
     
    โกรธจริงๆ ก็เพราะเสียเงินให้คนรวยเนี่ยแหละ ดีนะที่ผมแม่งไม่จ่ายค่าเสื้อให้มันด้วย
     
    "แล้วมึงออกมาทำไมเนี่ย"
     
    "ออกมาหามึงไง" หือ?
     
    "กุเห็นมึงโกรธเลยตามมาง้อ"
     
    ง้อพ่อง ผมยิ้มให้มันน้อยๆ ก่อนจะถีบมันหงายหลัง แล้วตัวเองก็เดินเข้าครัวไป
     
    "มึงจะนอนนี่ไหม? กินไรมายังกุจะได้ทำไรเผื่อมึงด้วย" มันเดินเข้าครัวมาหยิบกล้วยกินก่อนจะชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้า
     
    "หอกหัก! มึงจะค้างที่นี่กี่คืนเนี่ย"
     
    "จนกว่าพ่อกับพี่กุจะไปต่างประเทศอีก" 
     
    เป็นอันเข้าใจครับ เพราะเมื่อไรที่พ่อกับพี่มันกลับมาที่บ้านมันจะมาค้างที่บ้านผมตลอด ตอนนั้นมันบอกว่าไม่อยากอยู่บ้านเพราะอึดอัด ผมไม่คิดว่ามันจะหมายถึงอึดอัดใจหรอกนะ แต่ตอนนี้เข้าใจขึ้นมาละว่าทำไมบ้านตั้งใหญ่โตแต่กลับอึดอัด คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก
     
    ผมมองตามมันที่เดินเข้าห้องน้ำไป เหตุผลที่มันทำ dreadlock มันก็แค่อยากต่อต้านพ่อมันก็แค่นั้น ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจเท่าไรว่ามันจะต่อต้านพ่อมันทำไม ตอนนี้ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละว่าทำไม
     
    ผมเดินไปต้มรามยอน ก่อนจะนั่งรอไอ่จีโฮมันลงมา
     
     
     
     
     
     
     
    !!!!!!!!!!!!
     
     
     
    สะดุ้ง!
     
    "นอนทั้งอย่างนี้เดี๋ยวก็ไข้แดกหรอกมึง" ผมเงยหน้ามองมัน มันวางขวดน้ำที่มาแตะแก้มผมเมื่อกี้ลงบนโต๊ะแล้วดันมาทางผม ผมส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เอา
     
    วันนี้ผมเหนื่อยจริงๆ เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ เหนื่อยเพราะต้องบังคับความคิดไม่ให้คิดอะไรมาก
     
    "เป็นไรมึง?"
     
    "ไม่มีไร" ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ก็แค่เหนื่อย
     
     
     
     




     
     
     
    ผมไม่รู้ว่าผมเผลอหลับไปอีกทีเมื่อไร มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเช้า ผมตื่นขึ้นมาบนเตียง โดยที่มีโจ๊กที่ซื้อจากซุปเปอร์วางอยู่ข้างเตียง ผมถือชามข้าวต้มออกมาจากห้องก็เห็นไอ่จีโฮก้มๆ เงยๆ อยู่แถวมอไซค์ของผม
     
    "มึงทำไรอ่ะ?" ผมถามมัน นั่งลงบนพื้นกระเบื้องหน้าบ้านพลางตักโจ๊กกินไป
     
    "ล้างรถให้มึง" ผมพยักหน้าเข้าใจ
     
    "เร็วๆ นะตอนบ่ายมีเลคเชอร์"
     
    "ขอบใจสักคำก็ไม่มี"
     
    "เอ้า กุไม่ได้ขอ" ผมว่าก่อนจะยกชามขึ้นซด
     
    "ในครัวมีอีกหลายซองนะ ไปหามาต้มสิมึง"
     
     ผมทำปากบอกมันไป 'กุพอใจ' ส่งไปให้มันก่อนจะไปอาบน้ำ ต้องรีบนิดหน่อยแล้วล่ะ นี่แม่งเที่ยงกว่าแล้ว หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ถลาตัวไปหาไอ่ลูกรักทันที
     
    "มึงจะไปไหน" ไอ่จีโฮดึงกุญรถออกจากช่องสตาร์ท
     
    "กุรีบกุจะไปเรียน"
     
    "มึงขับรถเร็วไม่ได้นะ แขนมึงอ่ะผ้าพันแผลเปียกแล้ว มาทำแผลก่อน"
     
    "มึงอย่ามีอารมณ์อยากเป็นพ่อคนตอนนี้ได้ป่ะ กุรีบจริงๆ เอากุญแจมา" ผมคว้ากุญแจมาได้แต่แม่งก็แย่งคืนไปได้อีก มึงนี่มือไวนะสัส
     
    "กุไปส่ง รอแป๊บ"
     
    มันว่าก่อนจะเข้าไปในบ้านและออกมาจากบ้านในชุดเสื้อสีดำ กางเกงสีดำ รองเท้าสีดำ คือก็ดูดีมากๆ เลยนะ แต่มึงจะไปงานศพใครไม่ทราบ แต่งตัวซะกุใจไม่ดีเลยสัส 
     
    "อึ้งๆ กุหล่อล่ะสิ"
     
    "เออ!! ไอ่หล่อสัสๆ เร็วๆ เลยมึง" ผมเร่งมัน มันเดินขึ้นออร์ดี้ไปก่อนจะเรียกผมให้ตามไปด้วย
     
    "ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวผื่นขึ้น" ผมว่าพลางเกาแขนเกาขาไปด้วย แค่มองก็รู้สึกคันๆ ตีนแล้วเหอะ อยากประทับรอยไว้ให้มันระทึกเล่น
     
    "ไม่ขึ้นมึงก็มาเรียนซัมเมอร์เอานะ" พุ่งขึ้นรถทันใด มันหัวเราะก่อนจะออกรถไป
     
     
     
     
     
     
     
    "มึงๆ นั่นน้องจีอึนป่ะ?" ผมชี้ไปที่หญิงสาวคนนึงที่กำลังเดินทอดน่องเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ มันพยักหน้าก่อนจะชะลอรถขับไปอย่างเต่าเพื่อรอดูท่าทีน้องเขา
     
    "กุไปส่งน้องเขาที่คณะดีป่ะ"
     
    "มึงอย่าใจร้อน ไปส่งกุก่อน เดี๋ยวตอนเที่ยงมึงมาหากุที่คณะนะ" ผมคิดแผนจีบเด็กดีได้ล่ะ แต่ได้ผลรึเปล่านี่อีกเรื่องนะ
     
     
     


     
     
    ++to :: ยาจกจาไมก้า
     
    ++++++++โรงอาหารที่เดิมเว่ย


     
     
    ผมส่งเมสเสจไปหามัน ให้ทายครับว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ปิ๊งป่อง คุณตอบถูก เที่ยงๆ อากาศร้อนๆ แบบนี้ต้องโรงอาหารแหงแก๋ แล้วก็...เควสชั่น ตอนนี้ผมอยู่กับใครล่ะ แน่นอนว่าผมคงไม่ส่งเมสเสจไปหาไอ่จีโฮแน่ๆ ถ้ามันอยู่กับผมที่นี่
     
    "เดี๋ยวอีกแป๊บเพื่อนพี่จะมาพร้อมกับน้ำแข็งใสละ" ผมหันไปยิ้มให้ไอ่คนหัวทองๆ ที่ก้าวขาจ้ำๆ  ก่อนจะเรียกมันมานั่งด้วย
     
    "มึงม่อน้องหรอ?"
     
    "ม่อพ่อง นี่น่ะเพื่อนน้องจีอึน" ผมบอกมันก่อนจะดันน้ำแข็งใสสองถ้วยไปทางรุ่นน้องร่วมคณะ
     
    "แล้ว?"
     
    "มึงอย่าโง่ดิ" ผมว่าก่อนจะส่งยิ้มให้รุ่นน้อง
     
    แหม จะว่าไปเด็กคณะผมแม่งก็น่ารักดีนะ ยิ้มทีผมเหมือนเห็นดอกไม้บานเต็มทุ่ง
     
    "นี่ใครเหรอ?"
     
    นอกจะหน้าตาน่ารักแล้ว เสียงยังน่าฟังอีกต่างหาก
     
    "รุ่นพี่คยองไง" เพื่อนน้องว่า น้องจีอึนทีเพิ่งมาถึงก็โค้งหัวทักทาย น้องมองเลยผมไปที่ไอ่จีโฮก่อนจะจุดยิ้มที่มุมปากน้อยๆ
     
    "นี่อูจีโฮ เพื่อนพี่เอง"
     
    พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนเริ่มทยอยกลับทีละคน
     
    "จีอึน ฉันกลับก่อนนะ"
     
    "เดี๋ยวสิ ฉันไปด้วย" จีอึนเรียกเพื่อนไว้ก่อนจะขอตัวกับพวกเรา
     
    ผมกระทุ้งศอกใส่ไอ่จีโฮก่อนจะเรียกน้องเขาเอาไว้
     
    "ให้พี่ไปส่งไหม?" จีอึนทำหน้าลำบากใจก่อนจะหันไปมองเพื่อน
     
    "แฟนฉันจะมารับ จีอึนกลับกับรุ่นพี่ก็ได้" ว่าจบก็วิ่งออกไปอย่างรู้งาน เหยดด นี่แหละอานุภาพของน้ำแข็งใสราดนม
     
    "แล้วรุ่นพี่..." น้องหันมาทางผม ผมเลยส่งยิ้มไปให้พอเป็นพิธี
     
    "เออแล้วมึงอ่ะ รถกุ..." มึงอย่ามารักเพื่อนตอนนี้ อย่าๆ
     
    "มึงคิดว่ากุขึ้นรถเมล์ไม่เป็นรึไง?" ผมว่าก่อนจะบอกไอ่จีโฮให้ไปส่งน้อง ซึ่งมันก็ทำตามอย่างว่าง่าย ผมมองตามรถมันที่ขับออกไปช้าๆ เฮ้อ รู้งี้น่าจะขี่มอไซค์มาเองแต่ทีแรก
     











     
     
     
    ผมกลับมามาถึงบ้านไอ่จีโฮก็ยังไม่กลับมาเลยแหะ ป่านนี้คงมีความสุขสินะ อ่า...ผมหัดคิดแทนคนอื่นตั้งแต่เมื่อไรนะ อ๊ากก ใกล้บ้าแล้วล่ะมึงพัคคยอง ผมขย้ำหัวตัวเองก่อจะต้มมาม่ากินตามปกติ และแล้วเสียงเรียกเข้ามือถือจะดังขึ้น
     
    (เฮ่ยมึง!) เริ่มจะรู้สึกว่ามาม่ามื้อนี้จะไม่ปกติแล้วล่ะ
     
    "มีไรมึง"
     
    (วันนี้กุกลับดึกนะ มึงล็อกบ้านดีๆ) อ่าฮะ ไม่ปกติจริงๆ ด้วย 
     
    "ดึกขนาดไหน ให้กุทำไรเผื่อป่ะ"
     
    "มึงนอนๆ ไปเหอะ แค่นี้นะ" แล้วก็วางสายใส่ผม
     
    สาสสสส ไอ่เลววววว! เพิ่งได้ไปส่งน้องเขานี่รู้สึกจะติดไฟเร็วไปป่ะ จะว่าไปน้องเขาก็ดูท่าจะสนใจไอ่จีโฮอยู่ไม่น้อย ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว จริงน่ะเหรอ?
     
     












     
     
    เช้านี้ผมพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาบนเตียงอีกแล้ว คือก็ไม่ได้อยากจะโรแมนติกไรกับไอ่จีโฮมันหรอก ว่ามันเป็นคนอุ้มผมมาไว้ แต่ผมคงไม่ได้เดินละเมอหรอกใช่ไหมล่ะ เพราะเมื่อคืนผมหลับอยู่หน้าทีวีตรงห้องรับแขก ผมเดินงัวเงียออกมานอกห้องเห็นมันนอนแผ่อยู่ข้างๆโซฟา ผมเขี่ยมันให้พ้นทางก่อนจะทำอะไรง่ายๆ กิน ทำเผื่อมันด้วยอย่างนึงก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวขับรถไปมอ
     
    ปล่อยมันนอนไปเหอะ ปลุกไปแม่งก็ไม่ตื่น ถ้ามันได้นอนดึก อย่างน้อยมันต้องนอนให้ได้ 8 ชม.ถึงจะตื่น
     
     
     
     
     
     
     











     
     
     
     
    อ่า...ชีวิตที่ไม่มีไอ่จีโฮมาอยู่ข้างๆ นี่แม่งก็เงียบสงบดีนะ...
     
     



     


     
     
    เงียบเชียบและแสนสุดสงบจริงๆ...
     













     
     
     
     
    แม่ง! จะเงียบไปไหนคร้าบ ผมนั่งหายใจเล่นก่อนจะหันไปเจอกลุ่มน้องจีอึนเข้าให้
     
     
    "สวัสดีจ้ะเด็กๆ"
     
    "โอ๊ะ! รุ่นพี่ สวัสดีค่ะ" น้องๆ ทุกคนโค้งหัวให้ผมอย่างเคารพ
     
    ส่วนเพื่อนๆ เอ้อ...คนรู้จักร่วมคณะก็เรียกผมไปนั่งด้วยตามารยาททันที จะว่าไปแทบทุกคนรู้จักผมหมดอ่ะตอนรับน้อง ก็ผมแม่งออกไปเต้นฮิปฮปคยองสไตล์อยู่หน้ามอ ทั้งตอนเป็นพี่รับน้อง ทั้งตอนโดนพี่รับเอง
     
    คือไม่ใช่ว่าไม่อายหรือหน้าด้านอะไรนะ แต่แบบตอนนั้นเพลงมันมันส์จริง แล้วก็เพราะพวกแม่งท้าด้วย เลยจัดเลย พอแบบเต้นเสร็จก็เดินหน้านิ่งกลับคณะไป ทุกคนแม่งเลยคิดว่าผมหน้าด้าน ไหนจะเต้นท่านี้แม่งทุกงานจนเป็นท่าประจำไปแล้วอ่ะ
     
    ไอ่จีโฮผ่านมาเห็นมันเดินผ่านไปแบบคน ไม่รู้จักกันอ่ะ มาบอกทีหลังว่ามันอาย อายแทนผมด้วย เหอ~ แล้วทีมึงล่ะ สางเส้นก๋วยจั๊บบนหัว ลากไอ่พีโอไปนั่งร้องเพลงขอบ๊อบ มาลย์แต่งงานอยู่หน้ามอไม่อายคนเลยมึง แถมตอนผมเดินผ่านมันมานี่ยังเรียกชื่อผมซะเต็มยศ พร้อมเดินมากอดคอผม กลัวคนเขาไม่รู้เหรอว่ามึงกับกุรู้จักกัน กุไม่อายเลยสาสสส
     
     
    "มาคนเดียวเหรอวะ" อันนี้คนรู้จักร่วมคณะถามตามมารยาท
     
    "มาหลายคนอยู่ ไม่เห็นหรอ" ตอบกวนๆ กลับไปพร้อมกับใบหน้าใสซื่อ
     
    "ไหนล่ะคะคนมาด้วย" อันนี้น้องจีอึนเหมือนตบมุขแต่ถามเพราะอยากรู้
     
    "น้องอยากเจอคนไหนหรอพี่จะเรียกให้ปรากฏตัว" ผมถามกลับ เจ้าตัวก็ยิ้มอายๆ ไป ก็รู้แหละว่าผมรู้
     
    ผมนั่งเม้าธ์ทจนน้ำลายกระเด็นก็เห็นหัวทองๆ ของมันมาแต่ลิบๆ
     
    "อู! จี! โฮ!" ผมเรียกมันเสียงดัง ก่อนจะลุกเดินไปหา พามันไปนั่งตรงข้ามน้องจีอึน
     
    ไอ่จีโฮแม่งยิ้มไม่หุบโม้ไม่หยุดเลยครับ ไม่ค่อยเห็นมันเป็นแบบนี้มานานแล้วนะ ก็ดีแล้วล่ะ พวกเรานั่งคุยกันไปจนตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ่จีโฮแล้วก็กลุ่มน้องจีอึนอีกสองสามคน จนได้แยกย้ายกันไปเรียน
     
     


     
    แล้วทุกวันก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้น
     
     
     
     
     








     
    วันนี้เองก็เหมือนกัน ผมนั่งคุยกับจีอึนรอไอ่จีโฮมันมา ส่วนเพื่อนน้องเขาก็ติดคอร์สกันหมด อะไรมันจะเป็นใจขนาดนี้วะ ผมนั่งชวนน้องเขาคุยไปเรื่อยเปื่อยเพื่อสร้างความสนิทสนม ถ้าเทียบกับไอ่ห้อยเพื่อนผมแล้ว ผมกับน้องเขาก็แค่รุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จักกันก็แค่นั้น เวลาที่เราอยู่กันแบบนี้มันเลยอึดอัดแปลกๆ ผมก็เลยเล่าเรื่องตลกไปเรื่อยให้น้องเขาหัวเราะ
     
    ผมเคยได้ยินใครพูดไม่รู้ว่าการหัวเราะเป็นการเปิดเผยตัวตนอีกทาง น้องเขาน่ารักมากเลยนะนั่น เฮ่ยๆ อย่ามองผมยังงั้น ผมไม่ได้ชอบน้องเขาคร้าบ เพราะพวกเรามีกฏแค่ข้อเดียวที่ถือปฎิบัติคือไม่แย่งของของเพื่อน แต่ของคนอื่นจะทำอะไรก็ตามสบาย (อันหลังนี้ผมเติมเอง)
     
    พูดถึงเรื่องนี้นี่...จะว่าไปก็นึกได้ว่าพวกคุณยังไม่เคยเจอคนที่ไอ่จีโฮมันไม่ว่าอะไรถ้าผมจะเรียกพวกนั้นว่าเพื่อน เพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งกะมอต้น แค่เล่าถึงนี่ก็โทรมาเลยทีเดียว ผมขอตัวกับน้องก่อนจะเดินออกมารับสาย



     
    (เอ้โย่ว!) โย่วพ่อง
     
    "ใกล้ตายแล้วเหรอถึงได้โทรหากุเนี่ย"
     
    (ปากหมามึงนี่ขี้เรื้อนขึ้นเยอะนะ) ผมหัวเราะก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับโต๊ะที่น้องเขานั่งอยู่
     
    "ก็ถ้ามึงไม่มีเรื่องมึงไม่โทรหากุหรอกใช่ไหมล่ะ?"
     
    คนที่โทรมานี่ชื่อแจฮโยครับ ไอ่คนนี้ผมโคตรภูมิใจนำเสนอเกรียนที่ผมไถให้มากๆ อ่ะ ชื่อมันแรดใช่ป่ะละ หน้ามันก็แรดๆ ด้วยนะ ฮ่าๆ มันจะรู้ไหมเนี่ยว่าผมแอบด่ามันอยู่ ความจริงมันหน้าหวานล่ะครับ มันเป็นออลจังด้วยเวลาอยู่ข้างมันนี่ออร่าออลจังบดบังความขาวคนอื่นหมดอ่ะ
     
    (กุคิดถึงเพื่อนน~) ลากเสียงซะยาว กุเชื่อมึงดีป่ะ?
     
    "อย่ามาตอแหล มีอะไรบอกมาเลยๆ"
     
    (ให้ทายตอนนี้กุอยู่ที่ไหน)
     
    "เอาแบบในหนังป่ะ? มึงคงอยู่ข้างหลังกุ"
     
    ผมว่าก่อนจะหันไปมองข้างหลังตัวเอง เห็นแต่คู่รักสองจีนั่งกระหนุงกระหนิงกันอยู่ ก็บอกแล้วไงครับว่าถ้ามันอยู่ข้างหลังผมมันก็หนังแล้ว
     
    (แต๊ง!)
     
    = =; กุตอบผิดสินะ
     
    "แล้วมึงอยู่ไหน" ผมถามมันหน่ายๆ
     
    ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาถึงนี่ ทำไมผมถึงรู้สึกว่าโลกนี้แม่งน่าเบื่อขึ้นเยอะเลยวะ
     
    (กุอยู่หน้าบ้านมึง)
     
    "ห๊ะ! อยู่ไหนนะ?"
     
    (อยู่ บ้าน มึง) มันเน้นทีละคำ
     
    "อย่ามาโกหกน่า มึงอยู่ญี่ปุ่นไม่ใช่ไง?"
     
    (กุอยู่ญี่ปุ่นแล้วกุจะกลับเกาหลีไม่ได้อ่อ?)
     
    มันไปเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนเข้ามหาลัย มันก็ติดต่อมาบ้างเวลามีเรื่องสนุกๆ ที่อยากจะแบ่งปัน
     
    "เออๆ มึงอย่าไปไหนล่ะ กุจะไปหา"
     
    (ให้ไวๆ)
     
    ผมหันไปจะเรียกไอ่จีโฮ แต่เดี๋ยวค่อยบอกมันก็ได้ ไม่อยากไปขัดจังหวะ คนมันกำลังมีความสุข ผมเลยโบกมือให้มันหันมาก่อนจะชูกุญแจรถมอไซค์เป็นเชิงบอกว่า 'กุกลับก่อนนะ'
     
     
     











     
    "เฮ่ยย มึงตัวเป็นๆ เลยนะเนี่ย" ผมจับมันหมุนซ้ายหมุนขวา
     
    เหยดดด หล่อขึ้นเยอะเลย
     
    "แหม่~ มองกุตาพราวเลยมึง เสียดายกุล่ะสิ" ผมขย้ำหัวมันไปทีนึงอย่างหมั่นไส้
     
    "เสียดายมากอ่ะ" ผมว่าก่อนจะพามันเข้าบ้าน
     
    เอ่อ...ถึงผมจะใช้คำพูดแปลกๆ ไปหน่อยแต่ผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ นะ คือก็แค่พามันเข้าไป...โว้ย การอธิบายของผมมันเป็นอะไรวะ ยิ่งพูดเหมือนยิ่งแถ เอาเหอะ จะคิดอะไรก็คิดผมแค่พาไอ่แจฮโยมันเข้ามาในบ้านครับ!
     
    "มึงย้อมหัวแต่เมื่อไรวะ ขึ้นสุดๆ อ่ะ" มันถามพลางจับเส้นผมของผมเบาๆ
     
    มึงไม่ได้เปลี่ยนไปเลยนะ
     
    "เป็นไงมั่งล่ะมึง?"
     
    "ก็ไม่ไงว่ะ แล้วมึงมาถึงเมื่อไร? มาทำไม? ทำไมกุไม่รู้?" มันหัวเราะก่อนจะกระแอมไอเบาๆ นั่งกระดิกเท้ายิกๆ 
     
    "มึงไม่ต้องเลย อยากทำไรก็ทำเอง" ผมว่าก่อนจะกระดิกเท้าบ้าง มันลุกเดินเข้าครัวไปก่อนจะกลับออกมาพร้อมน้ำแดงที่ทำเอง
     
    ไม่อยากจะบอกเห็นมันเหมือนลูกคุณหนูแบบนี้แต่มันก็ไม่เคยหยิ่งหรืออะไรเลยนะ โดยเฉพาะกับผม ยังไงดีล่ะ อาจจะเพราะว่ามันเคยชอบผมล่ะมั้ง
     
    อ่า...เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ ผมโคตรตกใจอ่ะตอนมันบอก เห็นผมคุยกับมันได้สบายๆ แบบนี้ตอนถูกสารภาพเมื่อตอนนั้นทำเอาผมไม่คุยกับมันไปเกือบเดือน แต่ก็ขอบใจมันมากๆ ที่ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัด
     
    "มองกุแล้วยิ้มนี่คิดไรป่ะเนี่ย" ผมเบะปากลงทันที หลงตัวเองมากนะมึง
     
    "แล้วมึงไปนอนไหนวะ"
     
    "จะชวนกุนอนด้วยอ่อ?"
     
    "ตีนกุนี่" ผมยันขามันไปเบาๆ
     
    "ฮ่าๆ กุก็นอนบ้านแม่สิ แม่กุเขาคิดถึง" ผมพยักหน้าก่อนจะชวนมันไปหาไรกิน
     
    คือหลังจากที่เรากลับมาคุยกันได้ตามปกติ มันก็หยอดผมแบบนี้มาตลอด แต่ผมก็ไม่ได้คิดไรมาก ก็บอกแล้วไงครับ ถ้ามันไม่ทำให้ผมอึดอัดผมก็ไม่อะไรอยู่แล้ว ผมเคยถามมันนะว่าทำไมมันถึงชอบผม มันก็หัวเราะแล้วบอกว่ามันชอบเพราะผมไปไถเกรียนให้มัน = =;
     
    ผมไม่รู้ว่ามันพูดจริงรึพูดเล่น แต่ไม่ว่าใครจะถามยังไงมันก็บอกแบบนี้ตลอด
     
     


     
     
     
     
    "มึงไปไดเอทที่ญี่ปุ่นมาเหรอวะ?" ผมถามมันหลังจากเห็นมันซัดจาจังมยอนชามที่สาม สามชามโตๆ และดูเหมือนว่าจะขอชามที่สี่เพิ่มอีก
     
    กุอยากรู้ว่ามึงซ่อนรูปรึเปล่านะ รูปอ้วนน่ะนะ กินเยอะชิบหาย
     
    "เอ้อมึง! มึงเรียนที่เดียวกะไอ่จีโฮใช่ป่ะ..." ผมพยักหน้าแทนการบอกว่าใช่ล๊าววว "...เรามาปาร์ตี้วันเกิดให้มันดีป่ะ เรียกรวมแก๊งกัน"
     
    ความคิดไม่เลวๆ แต่...
     
    "ตอนนี้แม่งกำลังติดหญิง"
     
    "เออว่ะ มิน่าไม่เห็นมันมากะมึง ปกตินี่ตัวติดกันยังกะปลาท่องโก๋ติดกาวตราช้าง" ผมหัวเราะเหอๆ ให้มันก่อนจะนั่งลูบพุงรอมันกินจาจังมยอนต่อ
     
     


     
     
     
    มันมาส่งผมที่บ้านก่อนจะกำชับให้ผมล็อกบ้านให้ดีๆ ปิดท้ายด้วยการจับหัวผมโยกเบาๆ บอกลาพร้อมรอยยิ้มจางๆ ที่มันไม่เคยยิ้มให้ใคร ผมยืดแข้งยืดขาก่อนจะไปอาบน้ำ ป่านนี้ไอ่จีโฮยังไม่กลับมาเลย สี่ทุ่มแล้วนะเนี่ย
     
    อาบน้ำออกมาก็เห็นมันนอนแผ่หราอยู่บนโซฟา ผมเขี่ยขามันให้ตื่นไปอาบน้ำ แต่แม๋งก็ยังงัวเงียมาเตะขาผมกลับ
     
    "อูจีโฮ!!" ผมผลักหัวมันไปอีกที มันก็สะลึมสะลือหันมองซ้ายมองขวางงๆ ก่อนจะหันมามองผม
     
    "อ้าว มาแล้วหรอ" มาแล้วเหรอพ่อง! ประโยคนี้กุต่างหากต้องถามมึงอ่ะ
     
    "ไปอาบน้ำไปมึง สภาพนึงนี่ไม่ไหวละ" ผมบอกมัน มันก็แม่งพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
     
     
    "กินไรไหมมึง!!" ผมตะโกนถามขึ้นหลังจากที่ตัวเองเพิ่งดูรายการโปรดจบ 
     
    "ไม่อ่ะ กุกินมาแล้ว" แล้วมันก็ตะโกนตอบกลับมา
     
    ผมพยักหน้ากับตัวเองด้วยใบหน้าเหมือนเข้าใจอย่างยิ่งว่ามันไปกินกะใครมา เพราะกลัวใครจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกันแน่ ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีใครจะเห็นหรอก ว่าผมน่ะ...ผมไม่ได้รู้สึกแย่เลยนะ
     
    ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ไม่เลยสักนิดเพราะมันชาไปหมด
     
     
    "เหม่อไรมึง" ไอ่จีโฮดันหัวผมก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป
     
    "เปล่านี่ แล้วมึงอ่ะกับน้องเขาเป็นไงมั่ง?" ไม่ได้อยากจะรู้เลย แต่เพราะผมไม่รู้จะคุยอะไรกับมันดีนอกจากเรื่องนี้ นี่อาจจะเป็นเรื่องเดียวที่ทำให้พวกเรายังคงได้คุยกันล่ะมั้ง
     
    "น้องเขาโคตรน่ารักเลยมึง"
     
    "จับมือกันยังอ่ะ..." มันเงียบแต่ก็ยิ้มยักไหล่ใส่ผม ไม่เหลือสินะ "...แล้วจูบกันยัง?" อันนี้ผมอยากรู้จริงๆ นะ
     
    ว่าจูบของมัน อ่า...จูบแรกของมันจะเป็นใคร
     
    "มึงจะบ้าเรอะ!?" 
     
    "เอ้า! แค่จูบเอง เล่าไม่ได้อ่อ?" มันผลักหัวผมอีกที
     
    ไอ่สาสส เส้นมาม่าเกือบออกจมูก มันรู้รึยังวะว่าไอ่แจฮโยมันกลับมาเกาหลีแล้ว 
     
    "เฮ้ยมึง!"
     
    "แป๊บนะ" มันบอกก่อนจะออกไปรับโทรศัพท์
     











     
     
     
    และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมต้องมานั่งฝอยกับจีอึนกันสองคนเพราะไอ่จีโฮแม่งบอกให้ผมมานั่งเฝ้าน้องเขา กุไม่ใช่หมานะที่จะมานั่งเฝ้าก้างให้มึงเนี่ย
     
    "รุ่นพี่สนิทกับพี่จีโฮมากๆ ต้องรู้แน่เลยว่าพี่เขาชอบอะไร" ชอบอะไรงั้นเหรอ?
     
    มันชอบเพลงฮิปฮอป แต่มันชอบสไตล์แต่งตัวแบบเรกเก้ ชอบดีดกีตาร์ไม่สนคอร์ด ชอบร้องเพลงเรกเก้ที่มีแต่พีโอเข้าใจ ชอบแต่งตัวเป็นขอทานทั้งๆ ที่บ้านรวย ชอบใส่เสื้อสีดำ แต่ถ้าวันไหนอารมณ์ดีก็จะใส่สีดำเหมือนกัน
     
    มันชอบกินรามมยอนที่ผมต้ม (อันนี้คิดว่าอ่ะนะ) มันชอบยิ้มมีเลศนัยเวลามีความคิดชั่วๆ มันชอบคิตตี้นะ มันคิดว่าคิตตี้สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกับบ๊อบ มาเลย์ได้ ถ้ามิกซ์กันด้วยเลเวลที่ถูกต้อง
     
    "มันชอบอะไรน่ะเหรอ..." แล้วถ้าผมบอกว่ามันชอบบ๊อบ มาเลย์จนเคยฝันว่าแต่งงานกัน น้องเขาจะเป็นไงวะ?
     
    "..."
     
    "...มันก็ชอบเราไง"


    0///////0 ฉ่าาาาาาาาา
     
     
    เออเว้ย! คำพูดแค่นี้ก็หน้าแดง
     
    "เขินไง?" ผมแกล้งแหย่น้องเขาไปอีก ทำเอาก้มหน้างุดไปเลย
     
    นี่ขนาดผมเป็นคนพูดนะเนี่ย ถ้าเจ้าตัวมาพูดเองไม่เขินมุดดินเลยไงวะ ผมยกมือจะลูบผมน้องเขาแต่ก็เปลี่ยนมาตบมือแทน ถึงผมจะไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขา แต่มันก็ไม่เหมาะอยู่ดีแหละนะ
     
    "ทำไรกันอยู่เหรอ?" เสียงไอ่จีโฮดังขึ้นข้างหลังผม ผมหันไปมองก่อนจะยักไหล่
     
    "ก็เรื่อยเปื่อย" มันมองผ่านผมไปส่งยิ้มให้จีอึนแล้วนั่งลงข้างๆ กัน
     
    ผมเอนตัวนอนราบบนเก้าอี้ยัดหูฟังใส่หูตัวเองปิดกั้นโลกภายนอกเต็มที่ น่าเบื่อมากจริงๆ นะ ที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ผมปิดตาลงเพื่อให้เพลิดเพลินกับบทเพลงได้เต็มที่
     
     
     
     
    !!!!!!!!
     


     
     
    "ทำอะไรของมึงเนี่ย!" ผมลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองมันไม่พอใจ มันดึงหูฟังออกจากหูผม แล้วยืนจ้องผมด้วยสายตาหาเรื่องแบบนั้นอีก
     
    "ตอนกุไม่อยู่มึงคุยอะไรกับจีอึน" ผมหันไปทางที่น้องเขานั่งอยู่เมือกี้ก็เห็นว่าไม่อยู่แล้ว
     
    "ก็คุยเรื่อยเปื่อยไง"
     
    เรื่องไร้สาระทั้งนั้นที่ผมเอามาเล่าให้น้องเขาฟัง
     
    "หึ เรื่อยเปื่อยที่ว่านี่ทำให้น้องเขาหน้าแดงได้เลยเหรอวะ" มันแค่นหัวเราะในลำคอ
     
    "มึงจะเอาให้ได้ใช่ป่ะ?" ผมลุกขึ้นจ้องหน้ามัน ตอนนี้ผมโกรธตัวเองมากอ่ะที่ตอนเด็กๆ ไม่ชอบดื่ม กุเลยเตี้ยกว่ามันเนี่ย ไอ่จีโฮผลักไหล่ผมก่อนจะพูดประโยคที่ผมไม่คิดว่ามันจะพูด 
     
    "มึงชอบจีอึนสินะ"  มึงใช้เหี้ยไรคิดวะ
     
    ผมยกยิ้มเยาะ เยาะทั้งมันที่เป็นเพื่อนผมแต่เสือกดูไม่ออกว่าผมชอบรึไม่ชอบใคร
     
    "มึงคิดยังงั้นเหรอ"
     
    "มึงจะจีบเขาแข่งกับกุสินะ"
     
    แล้วก็ยิ้มเยาะตัวเองที่มันดูไม่ออกว่าผมไม่ได้สนใจน้องเขาในเชิงนั้นเลย น่าขำนะครับที่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแต่ไม่ได้ทำตัวให้มันเชื่อถือเลย
     
    "ขอโทษนะ กุกับจีอึนตกลงเป็นแฟนกันแล้ว"
     
    "มึงเห็นกุเป็นคนยังงั้นเหรอ?" ผมอยากจะหัวเราะนะ แต่แม่งหัวเราะไม่ออกจริงๆ
     
    "มึงจำไม่ได้เหรอว่ากฏกลุ่มคืออะไร!?" มันผลักผมจนเซเลย
     
    ผมทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ จะพูดยังพูดไม่ออกเลย ผิดหวังกับมันจริงๆ
     
    "ห้ามแย่งของของเพื่อน!! แต่มึงยังจะทำ!!!" 
     
    "แล้วมึงจำได้ไหมว่านอกจากห้ามแย่งของของเพื่อนแล้วมันมีอะไรอีก"
     
    มันไม่ใช่กฏแต่มันเป็นสิ่งที่พวกเราทำกัน มันคือความเชื่อใจกันและกัน แต่ตอนนี้แม้แต่คำว่าเพื่อนมันก็ไม่มีให้ผมแล้วมั้ง ก่อนที่มันจะพูดอะไรโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน ผมแยกออกมาจากตรงนั้นเพือรับโทรศัพท์
     
     
    "ครับพี่ฮิมชาน"
     
    (ไปรับจุนฮงที่โรงเรียนให้หน่อยสิ) 
     
    "ทำไมพี่ไม่ไปเองอ่ะ"
     
    (ฉันอยู่เมกาโว๊ยจะไปได้ไง)
     
    "เฮ่ย! พี่ไปตอนไหน" เมื่อสองสามวันก่อนยังมานั่งบ่นไรไม่รู้ให้ผมฟังอยู่เลย ไหงตอนนี้พี่แกไปอยู่อเมริกาได้วะ
     
    (เมื่อวานๆ ไปรับจุนฮงแล้วไปปล่อยไว้ที่บ้านยงกุกก็ได้นะ แค่นี้ก่อนนะเว่ย) แล้วก็ตัดสายไป
     
    ก็เข้าใจนะว่าโทรต่างประเทศมันแพง แต่ทำไมแม่งมีแต่คนตัดสายใส่กุจังวะ กุไม่ชอบครับบ โทรไปแล้ววางสายใส่พี่เขาดีป่ะวะ
     
    ไปรับจุนฮงที่โรงเรียนสินะ สี่โมง...สี่โมง ชิบหาย! สามโมงกว่าแล้ว
     

     
    ++to :: ยาจกจาไมก้า
     
    ++++++++กุไปทำธุระ ฝากเก็บของให้กุด้วย
     
     


     
    ผมส่งเมสเสจไปหาไอ่จีโฮ พวกเราโกรธกันทีไรก็คุยกันผ่านเมสเสจนี่แหละครับ ผมควงกุญแจรถไปหาไอ่ลูกรักก่อนจะติดเครื่องแล้วขับออกไป
     
     
     
     
     
     
     

     
     
     
    "โหยย ทำไมพี่มาช้า" ไอ่เด็กเจริญเร็วเกินไวบ่นผมก่อนจะไถสเก็ตไปทางนั้นทีทางนี้ที
     
    มันสูงเพราะเล่นสเกตรึเปล่าวะ ยังกะมันบอร์นทูบีอ่ะ อารมณ์แบบโสนน้อยเรือนงามเวอร์เกาหลีอ่ะ
     
    "เคยไปมอที่พี่เรียนมั้ย?"
     
    "เคยสิ ไกลจะตาย"
     
    "เออไง มันไกล"
     
    ผมอยากผลักหัวมันจริงๆ แต่แม่งเกินเอื้อมว่ะ เด็กห่าไรเพิ่งอยู่มอสามแต่ตัวสูงกว่ากุที่เรียนปีสามอีก ผมขับรถพาน้องมันไปจอดที่ร้านไอติม ถ้าเป็นปกติผมจะบ่นเวลาที่ต้องพามันแวะนั่นนี่ เพราะผมอยากกลับไปนอน แต่ตอนนี้ผมโคตรไม่อยากกลับบ้านเลย ถึงจะกลับไปตอนนี้ไม่เจอไอ่จีโฮก็เถอะ 
     
    ผมเป็นพวกอยู่ติดบ้านถ้าได้อยู่บ้านนี่ไม่ออกไปไหนอ่ะ เสียงโทรศัพดังขึ้นไอ่เด็กโข่งแม่งก็โน้มตัวยาวๆ มาดู ผมมะเหงกมันไปทีนึงก่อนจะออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก
     
    "ว่าไงมึง"
     
    (มึงอยู่ไหน? กุไปมอเจอแต่ไอ่จีโฮ) แค่ชื่อมันก็ทำให้ผมจิตตกได้เลยนะ
     
    "กุออกมาทำธุระข้างนอก"
     
    (อ่าวเหรอ เดี๋ยวนี้มึงทำไรแล้วมีเรื่องที่ไอ่อดีตยาจกมันไม่รู้ด้วยเหรอวะ)
     
    "ช่างเหอะน่า แล้วตอนนี้มึงอยู่ที่มอเหรอ?"
     
    (เปล่าๆ กุเพิ่งแยกกะไอ่จีโฮเมื่อกี้ กำลังกลับบ้าน) ผมพยักหน้ากับตัวเอง
     
    "มึงหากุมีเรื่องไรป่ะ ให้กุไปหาไหม?"
     
    (วันหลังก็ได้มึง แค่นี้ก่อนนะกุออกถนนใหญ่แล้ว) แล้วแม่งก็ตัดสายใส่ผมเหมือนกัน
     
    ผมจะหันกลับเข้าร้านก็เห็นไอ่เด็กเก็ตเตอร์ไฮเปอร์เดอร์ลิคไถไอ่ล้อเลื่อนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
     
    จุนฮงนี่เป็นหลานพี่ฮิมชานครับ ส่วนพี่ยงกุกเป็นอะไรกับพี่ฮิมชานนั้นผมเองก็ไม่แน่ใจ เพราะผมไม่ค่อยได้ยุ่งเรื่องส่วนตัวคนอื่นเท่าไร เพราะเรื่องส่วนตัวตัวเองผมยังไม่อยากยุ่งเลย
     
    "จุนฮง ไปได้แล้วเดี๋ยวค่ำ"
     
    ผมเคยโดนพี่ฮิมชานบ่นฐานพาหลานชายสุดจะรักของเขากลับบ้านดึก ผมไม่ผิดนะเว่ย ไอ่เด็กสูงนี่แม่งเสือกอยากได้สเก็ตบอร์ดใหม่ บอกถ้าไม่พาไปซื้อจะไม่ยอมขึ้นรถ ทีแรกผมก็เออออไปทำทีว่าจะพาไปซื้อแต่ไม่จอดรถให้ ตอนนั้นล่ะที่เพิ่งรู้ว่าคิดผิดสุดๆ ไอ่เด็กนี่แม่งโวยวายจะถอดหมวกกันน็อค แล้วก็ดิ้นจนรถเกือบล้ม
     
    แล้วแม่งก็สมใจอยาก ได้สเก็ตราคาพิเศษกลับมาบ้าน เพราะไปแอ๊บแบ๊วปุอิ๊งๆ ใส่พี่สาวคนขายว่าเงินไม่พอ
     
     
     
     



     
     
    มาถึงบ้านพี่ยงกุก ผมก็นั่งเล่นที่บ้านพี่เขาจนเจ้าของบ้านออกปากไล่
     
    "กินข้าวไหมค่อยกลับ" อย่างน้อยก็ยังมีมารยาทชวนกินข้าวอ่ะนะ
     
    "ถ้าผมบอกว่ากินอ่ะ?"
     
    "กลับบ้านไปไป"
     
     =____________________= อีโมนี้บรรยายทั้งสีหน้าและฟีลลิ่งได้ดี
     
    แล้วจะถามทำไมวะ
     
    "ฉันถามตามมารยาทนะ นายก็ตอบตามมารยาทบ้างสิ..." ผมตอบรับคำชวนนี่ผมไม่มีมารยาทใช่ป่ะ? "...'ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิว กินมาแล้ว' ก็พูดไปสิ"
     
    "กลับละๆ" ผมโบกมือก่อนจะออกมาจากบ้านพี่ยงกุก
     
    ผมขับรถมาจอดที่สวนสาธารณะใกล้ๆ บ้าน ไม่อยากกลับบ้านเลยจริงๆ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วด้วย ผมตัดสินใจขับรถกลับบ้าน เห็นรถมันจอดอยู่หน้าบ้าน แต่ทั้งบ้านเปิดไฟแค่หน้าบ้านกับห้องรับแขก มันคงเข้านอนแล้วล่ะ ผมเดินเข้าครัวเพื่อหาอะไรกินเห็นมาม่ากับข้าวเปล่าวางไว้บนโต๊ะ มีโน๊ตแปะไว้ด้วย 'กินข้าวมายังล่ะมึง กินด้วยล่ะ' ผมยิ้มให้โน๊ตใบเล็กๆ
     
    ถึงพวกเราจะทะเลาะกัน แต่ในความเป็นเพื่อนเรายังห่วงใยกัน แม้จะไม่พูดคุยกันก็ตาม แต่สิ่งนี้เป็นตัวบอกว่าพวกเรายังคงเป็นเพื่อนกัน ผมนั่งกินมาม่าไปดูทีวีรอบดึกไปด้วย รายการช่วงดึกนี่แม่งเรทสูงชิบหาย ผมกินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำเปิดประตูเข้าห้องนอนไปตามความเคยชิน เห็นมันนอนอยู่บนเตียง ยกให้มึงคืนนึงละกัน ผมเลยหอบเสื่อหอบหมอนออกมานอนข้างนอก
     
    อากาศเย็นฉิบ มันนอนได้ไงวะตั้งหลายวัน
     











     
     
     
    เป็นเหมือนเดิมอีกครั้งที่ผมตื่นมาบนเตียง ถ้าจำไม่ผิดคือผมนอนข้างนอกใช่ป่ะ แล้ว...เตียง? ช่างแม่ง วันนี้ตื่นสาย กุไม่ไปเรียนละ วันนี้ไม่มีเรียนตอนบ่ายด้วย ออกไปหาไอ่แจฮโยดีไหมนะ
     
    ผมควานหาโทรศัพท์โทรออกกหาไอ่แจฮโยทันที
     
    ('ยอโบ' เซโย) เสียงหวานซะกุขนลุกเลยมึง ยอโบเซโยในที่นี้ไม่ใช่ธรรมดานะครับ แต่มันเป็นยอโบที่หมายถึงคนรักอ่ะ อารมณ์แบบ 'ที่รักกำลังพูดสายครับ' ไรแบบนี้
     
    "วันนี้ว่างป่ะ?"
     
    (จะชวนกุไปเดทเหรอ) ไอ่ห่านี่แม่ง... 
     
    "เออ สนมั้ย?"
     
    (สำหรับมึงมีเหรอกุไม่ว่าง) ผมหัวเราะกับมันไป
     
    มันบอกจะมารับผมที่บ้านห้ามขี่รถไปไหน เห็นมันพูดเล่นหัวเราะแบบนั้นมันทั้งพูดหยอกทั้งพูดจริงเลยนะ  หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าเป็นภาระให้มัน
     
    ผมลุกมาจะอาบน้ำมองออกไปหน้าบ้านก็ไม่เห็นรถไอ่จีโฮแล้ว ดีแล้วล่ะ ผมเข้าห้องน้ำไปนอนแช่อ่างคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่เรื่องเรื่อยเปื่อยแม่งทำให้ผมเครียดกว่าเดิม มีบางอย่างที่ทำให้ผมกลัวนิดหน่อย 
     
    ผมลุกจากอ่าง รีบแต่งตัวทันทีที่ไอ่ออลจังมันบีบแตรเร่งอยู่หน้าบ้าน ไอ่สาสสบีบจัง เดี๋ยวข้างบ้านก็ด่าให้หรอก
     
    "เร็วๆ มึง" เสียงเรียกนี่อยู่หน้าประตูห้องกุเลยนะ
     
    "เออๆ เสร็จแล้วๆๆ" ผมวิ่งมาเปิดประตูให้มัน
     
    "เสร็จแล้วจริงดิ" มันหัวเราะก่อนจะจัดผมที่ผมลืมหวีให้เข้าที่
     
    ไอ่แจฮโยขับรถเก๋งรุ่นคนทำงานของแม่มันมา ผมเลยบอกมันจอดรถไว้ที่บ้านแล้วขี่มอไซค์ไป ไม่ใช่อายรึอะไรนะ ผมแค่อยากซิ่ง
     
    "วันนี้เราจะไปเดทที่ไหนกันจ๊ะที่รัก" ผมเบะหน้าใส่คำว่า 'ยอโบ' ของมัน
     
    "กุอยากเดินเล่นมากกว่าอ่ะ"
     
    เดินเล่นของผมในที่นี้หมายถึงเดินดูเสื้อผ้าซื้อของไรพวกนี้แหละ ซึ่งไอ่แจฮโยแม่งก็รู้ใจ พาผมไปเลาะทงแดมุนกันเลยทีเดียว ถ้าเป็นไอ่จีโฮมันจะพาผมไปแม่น้ำฮัน มันบอกเดินรอบนึงนี่หายเบื่อไปหลายวัน 
     
    ผมเดินเข้าร้านที่พาไอ่จีโฮมาเมื่อคราวก่อน เดินหาเสื้อสีดำลายปากแดงแจ๋ทำท่าเม-ร๊ง อยู่ไหนวะ
     
    "มึงชอบสีดำตั้งแต่เมื่อไรวะ" ผมยักไหล่ก่อนจะหยิบเสื้อตัวนั้นไปจ่ายเงิน แพงใช่เล่นเลยนะเนี่ย แม่งทำเอาผมขาแทบอ่อนอ่ะ
     
    "เออมึงกินข้าวยัง" ถามปุ๊บกุปวดท้องปั๊บเลยมึง ผมส่ายหัวให้มัน สาสสสส กระเพาะกุจะเป็นรูแล้ว!!
     
     
     
    ไอ่แจฮโยพาผมมาที่ร้านอาหารข้างทาง ร้านนี่ตอนเราเรียนไฮสคูลอยู่นี่มาประจำแหะ คิดถึงเมื่อก่อนที่พวกเรามาที่นี่กันบ่อยๆ
     
    "มึงโทรเรียกไอ่จีโฮดิ๊" มันสะกิดแขนผมยิก
     
    "มึงนอกใจกุไปกิ๊กไอ่ยาจกนั่นป่ะเนี่ย" ทำเหมือนจะถ่วงเวลาแต่ทนมันเร่งไม่ไหวเลยหยิบโทรศัพขึ้นมากดเบอร์แล้วส่งให้มัน
     
    มันเลิกคิ้วมองไม่เข้าใจผมก็ยัดเยียดใส่มือมันอีก ผมชอบดูมันคุยโทรศัพนะ แม่งฮาดี
     
    "เฮ่ยมึง..." ลากเสียงยาวน่าหมั่นใส้ "...อยู่ไหนวะ? มาทงแดมุนๆ..." ถามแต่ไม่รอคำตอบ "...เร็วๆ นะเว่ย" รวบรัดและตัดสาย
     
    กุล่ะเกลียดจริงๆ คนที่ตัดสายใส่เนี่ย
     
    มันเหมือนพูดเองเออเองใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งปลายสายจะไม่มาก็ได้ แต่มันแปลกตรงที่พอไอ่แจฮโยรวบรัดทีไรแม่งเสร็จทุกราย ไม่ว่างยังไงก็ต้องมาอ่ะ อารมณ์แบบไปดีกว่าไรแบบนี้ 
     
    ผมกินข้าวนั่งฟังมันพูดไรไปเรื่อยเปื่อยแม่งทำเอาผมเกือบสำลักข้าวตายไปหลายรอบ ตอนนี้ก็เหมือนกันผมไอแค่กๆ หน้าดำหน้าแดง มือก็รับน้ำมาจากไอ่แจฮโยก็ ถือไว้แบบนั้น ไอ่ตัวการหัวเราะร่าพลางลูบหลังผมไปด้วย
     
    "โอยมึง กุฮาว่ะ ถ้ามึงท้องได้เพราะมุขตลกนี่ ลูกมึงเต็มเข่งแล้วอ่ะ" จะบอกว่ากุออกลูกเป็นแตงกวาว่างั้น
     
    แล้วคำพูดของมันก็ทำให้ผมขำไปไอไป ทรมาณสาสส หลังจากที่ไอไปเกือบนาทีผมก็รอดชีวิตจากการหัวเราะจนหายใจไม่ออก ผมนั่งหอบอยู่เงียบๆ เหนื่อยมากเหอะ ผมไม่ได้หัวเราะเต็มที่แบบนี้ตั้งแต่เมือไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่เพราะมันเลยทำให้ผมรู้สึกเหมือนอายุยืนขึ้นสามสี่ปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองอายุสั้นลงไปสิบปี
     
    ได้ฤกษ์ยกน้ำดื่มซะทีกุ แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นหัวทองๆ ของไอ่จีโฮมัน ทีแรกก็เห่อหัวใหม่กับมันหรอกนะ แต่หลังๆ มาอยากพามันไปทำ dreadlock ยังไงไม่รู้
     
    "เฮ่ยๆ นั่งๆ" ไอ่แจฮโยโบกมือเรียกทันที มันมาคนเดียวแหะ
     
    "มาไม่ชวนนะพวกมึง" มันบ่นก่อนจะยกแก้วน้ำไปดื่ม ข่าวว่านั่นแก้วกุนะ
     
    "หืม~ แล้วที่มึงนั่งอยู่ตรงเนี๊ยะ มึงจะบอกว่ามึงเสือกมานั่งเอง?" โดนไปหนึ่งดอก แจฮโยหนึ่งแต้ม ไอ่จีโฮส่งสายตาฟาดฟันไปให้ไอ่แจฮโย อีกคนแม่งก็เอาแต่หัวเราะ
     
    "เออเมื่อวันที่กุไปหามึงที่มออ่ะ กุแทบจำมึงไม่ได้..." ไอ่จีโฮพยักหน้าให่มันพูดต่อ "...แล้วน้องคนสวยนั่นไม่มาหรอ"
     
    ไอ่จีโฮเหลือบมองผมก่อนจะส่ายหัว
     
    "ไม่พามาหรอก กุหวง" เหอๆ กุไม่ได้ทำทำไรเลยนะ ทำไมรู้สึกเหมือนโดนแดกดันงี้วะ
     
    จากที่เป็นคนพูดมากตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ฟังที่ดีไปเลยล่ะ 
     
    "แล้วมึงนึกไงไปตัดออกวะ ไม่อยากได้ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าชิค...ชิคไรนะ" 
     
    "ชิคกะเด้" พูดไม่ถูกยังจะพูดอีกนะมึง
     
    "ชิคกาชิคๆ" กุพูดผิดเหมือนกันสินะ 
     
    "เออนั่นแหละ คิดไงไปตัดออก"
     
    "มันหย่ากะบ๊อบ มาเล่ย์แล้ว มึงไม่รู้หรอ"
     
    "กุหย่าแล้วจะมาแต่งงานกับน้องเขาไง"
     
    เหมือนตอนนี้ผมกับไอ่จีโฮกำลังคุยกันโดยใช้ไอ่แจฮโยเป็นทางผ่าน กุพามันมาลำบากรึเปล่าวะ 
     
    "พวกมึงสองคนนี่ชอบสร้างโลกส่วนตัวเนอะ"  แจฮโยมันฉลาดพอที่จะรู้ว่าผมกับไอ่จีโฮมันมีเรื่องกัน
     
    และสิ่งที่ผมกำลังคิดไม่อยากให้เกิดก็เป็นเรื่องจริง
     
    "เดี๋ยวกุมานะ" แล้วแม่งก็ลุกออกไป
     
    ผมมองมันด้วยสายตาอ้อนวอนแต่เสือกกวนตีนทำเป็นมองไม่เห็น เงียบและเชียบมาก บรรยากาศแบบนี้กุโคตรเกลียดเลยครับ 
     
    "เอ่อ..."
     
    "เหอะ!"
     
    เหอะ? เหอะเชี่ยไร กุยังไม่ได้พูดไรเลยนะ
     
    "มึงหวงเพื่อนขนาดนั้นเลยหรอวะ" หา?
     
    "กุเนี่ยนะเป็นพวกหวงเพื่อน"
     
    อารมณ์พวกหวงเพื่อนกับห่วงมันไม่เหมือนกันนะครับ ห่วงก็คือเป็นห่วง แต่หวงนี่คือไม่อยากให้เพื่อนเห็นคนอื่นดีกว่าเรา ผมเป็นแบบนั้นเหรอครับ?
     
    "ขนาดไอ่แจฮโยมามึงยังไม่บอกกุเลย" เออแม่ง นิดหน่อยก็ผูกเป็นเรื่องได้นะมึง
     
    มึงมีเวลาให้กุบอก กุจะยอมรับผิดเลยสาสส
     
    "เออๆ กุผิด พอใจป่ะ" ผมพูดเพื่อตัดปัญหา แต่ไอ่ตัวปัญหาเสือกไม่ยอมจบ 
     
    "มึงกวนตีนกุรึไง?"
     
    "เอ้า! ถ้ากุบอกว่ากุไม่ได้ชอบจีอึนมึงก็ไม่เชื่อ กุไม่ใช่คนหวงเพื่อนมึงก็ไม่เชื่อ แล้วมึงจะเอาไง!?" ผมยืนขึ้น ไอ่จีโฮก็ยืนเหมือนกัน
     
    คนอื่นมองมาที่พวกเราอย่างกลัวว่าจะวางมวยกัน ไม่ต้องห่วงครับผมกับมันไม่ต่อยกันหรอก ผมไม่ใช่พวกชอบใช้กำลัง ถ้าผมชอบใช้กำลังผมตายไปตั้งนานละ แม่งสู้คนอื่นไม่ค่อยได้  น่าสงสารจริงชีวิตกุ และเสียงระฆังก็ช่วยชีวิต เสียงโทรศัพผมเองครับ ใครวะแม่งโทรมาถูกจังหวะชิบหาย
     
    "ครับพี่"
     
    (ไปรับจุนฮงรึยัง?) อะไรของเขาวะ นี่ยังไม่สี่โมงเลยเพิ่งจะเที่ยงด้วยเหอะ
     
    "รับมาแต่เมื่อวานแล้ว" เออ รับมุขเขาสักหน่อยเดี๋ยวหาว่าทำพี่แกแป้กอีก
     
    (อย่ามากวนตีน เมื่อวานยงกุกไม่ได้บอกนายเหรอ?) จำได้แต่ว่าโดนเขาไล่อ่ะ
     
    "บอกไรอ่ะ ไม่เห็นเขาพูดอะไรเลย" 
     
    (ไอ่อ่างปากห้อยเอ้ย! สั่งอะไรไม่ได้ความเลย)
     
    เขาไม่ได้ด่าผมใช่ป่ะ? พี่ฮิมชานปากจัดมากอ่ะ ใครทำพี่แกไม่พอใจ ทำไรไม่ถูกใจ พี่แกแม่งจัดใส่เป็นชุดอ่ะ 
     
    (ไปรับจุนฮงนะ แล้วพากันเก็บกระเป๋ามาเมกา)
     
    "หมายถึงจุนฮงคนเดียวใช่ป่ะ"
     
    (แกด้วย แค่นี้นะ) แล้วก็ตัดสาย
     
    ผมกดโทรออกไปหาพี่ฮิมชานทันที อะไรของเขาวะ โทรมาฉอดๆ แล้ววางสายใส่ 
     
    (เลขหมายที่ท่าน...) เออเจริญ!! นอกจากจะตัดสายใส่ให้กุโมโหแล้ว นี่ยังปิดเครื่องให้กุอารมณ์เสียกว่าเดิมอีก
     
    ผมเดินออกมาข้างนอกจะโทรหาพี่ยงกุกแต่ไอ่จีโฮแม่งดึงไหล่ไว้ ดึงเฉยๆ กุไม่ว่า มึงจะบีบทำไมสัส!
     
    "ปล่อย!!" ปล่อยกุเหอะกุเจ็บ ผมดึงไหล่ตัวเองก่อนจะเดินออกมานอกร้าน 
     
    (ว่าไง?)
     
    "เมื่อวานพี่ลืมบอกไรผมป่ะ?"
     
    (บอกไรวะ) พี่ยงกุมันลืมหรือพี่ฮิมชานมันไม่ได้บอกไว้กันแน่วะ 
     
    "ก็ที่พี่ฮิมชาน..."
     
    "มึงมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน" ไอ่ห่านี่แม่งก็ไม่ยอมจบ จะอะไรของมันนักหนาวะ!! ผมหันไปมองมันก่อนจะตัดสายพี่ยงกุก
     
    "กุมีธุระ" ผมบอกก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ
     
    "ธุระอะไรของมึง"
     
    "ไม่ยุ่งเรื่องกุสักเรื่องได้ป่ะ" ผมพูดอย่างรำคาญ มันเงียบไปก่อนจะกำคอเสื้อผม
     
    "มึงพูดแบบนี้กับคนเป็นเพื่อนหรอ!" ผมปัดมือมันออก
     
    เหอะ!! แล้วที่มึงพูดน่ะมึงเห็นกุเป็นเพื่อนรึเปล่า?
     
    "มึงจะเอาไงพูดมาเลย เอาให้จบๆ ไปเลย"
     
    ผมจ้องหน้ามัน ณ ตอนนี้ผมก็ยังโกรธตัวเองเหมือนกันที่ตอนเด็กไม่ยอมกินนม
     
    "เลิกยุ่งกับจีอึน น้องเขาไม่ชอบมึงหรอก"
     
    ผมแค่นเสียงในคอ น้องเขาไม่ชอบกุนี่มึงรู้แถมคิดได้ แต่ทำไมไม่คิดบ้างวะว่ากุไม่ได้ชอบน้องเขา ความฉลาดของมันหายไปกับเดรดล็อคแล้วป่ะ ผมยิ้มให้มันพลางพยักหน้าเข้าใจอย่างโคตรประชด
     
    "เออ! กุจะไม่ยุ่งกับน้องเขาอีก กุจะไม่ไปให้พวกมึงเห็นหน้าเลยโอป่ะ?..." ผมว่าก่อนจะสตาร์ทรถ "...อ้อ พาไอ่แจฮโยไปเอารถที่บ้านด้วยนะ"
     
    ผมบอกแล้วขับรถขับออกมา คือผมต้องไปรับจุนฮงก่อนแล้วค่อยไปหาพี่ยงกุกใช่ป่ะ
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
    “จอดร้านไอติมให้ผมหน่อยสิ” จุนฮงดึงเสื้อผม ผมเหลือบมองผ่านกระจกด้วยสายตาอยากฆ่าคน 
     
    ก่อนที่เจ้าตัวจะทำปากยู่ วันนี้อารมณ์ไม่ดีอยากจะดิ้นก็ดิ้นไป รถไม่ล้มไม่ต้องเลิกนะ ผมขับรถอย่างเร็วมาจอดที่หน้าบ้านพี่ยงกุก จุนฮงลงจากรถด้วยใบหน้าซีดๆ ก่อนจะยิ้มให้ถุงขนมที่หอบมาเต็มอ้อมแขน
     
     
    ผมแม่งขี้กลัวเกินไปเปล่าวะ แค่มันดิ้นนิดเดียวผมนี่กำเบรคแทบไม่ทัน
     
    “เฮ่ย! เก็บของมายัง? ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฮิมชานให้นายไปรับจุนฮงตอนเที่ยง”
     
    เออ กุมาส่งเนี่ยพี่เขาถึงได้นึกออก =_____=
     
    “อ้อ! มันบอกอีกว่าให้แกพาจุนฮงไปเมกาด้วย” 
     
    “ไปทำไมอ่ะ?” 
     
    พี่แกยืนค้ำประตูก่อนจะหาวออกมา กะจิตกะใจนี่จะไม่เชิญกุเข้าบ้านหน่อยเหรอครับพี่
     
    “ฮิมชานบอกให้ไป ไม่มีเหตุผลก็ต้องไปนี่”
     
    เออเนอะ พี่แกแม่งติสต์เอาแต่ใจ คิมฮิมชานแม่งเหนือเหตผลอยู่ละ ผมก็ไม่รู้นะว่าพี่แกมีดีอะไรถึงพูดแล้วคนอื่นต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้อ่ะ ผมแม่งก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วแม่งบ่อยด้วยที่โดนพี่แกเรียกใช้
     
    “ไปเก็บเสื้อผ้านะ เดี๋ยวฉันจะไปรับ” 
     
    “ไม่เป็นไรพี่ เจอที่สนามบินก็ได้ เครื่องออกกี่โมง”
     
    “สามทุ่ม”

     
    สามทุ่ม! อื้อหือให้กุเสี่ยงตายมาหลายไฟแดง แต่เครื่องออกสามทุ่ม คือเข้าใจนะว่าต้องไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออกอ่ะ
     
    “สองทุ่มครึ่งที่สนามบินนะเว่ย!” 
     
    “รู้แล้วน่า” ผมโบกมือให้พี่แกก่อนจะขับรถออกมา
     

     
     
    ผมขับรถช้าๆ อย่างไม่เร่งรีบเท่าไร ก่อนจะแวะปั้มเติมน้ำมันแล้วก็เข้าซุปเปอร์ไปซื้อของใช้ คือไม่ใช่ว่าไม่เคยขึ้นเครื่องบินนะ แต่ผมแม่งขี้เกียจกลับไปจัดของที่บ้านอ่ะ ไม่อยากเจอหน้าไอ่จีโฮมันเท่าไร กะว่ากลับบ้านไปยัดเส้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วออกมาเลย
     
    ตอนนี้ผมเพิ่งนึกอะไรออกล่ะ ถุงเสื้อที่แม่งซื้อมาอ่ะ อยู่ไหนว๊า แม่งแพงด้วยนะเว่ยนั่นน่ะ กว่าจะยอมควักเงินจ่ายได้นี่ผมเหงื่อซึมน้ำตาเล็ดเลยเหอะ และนั่นก็คือเหตุผลที่ผมต้องไปอเมริกาหาพี่ฮิมชานเนี่ย
     
     





     
     
    ผมกลับมาถึงบ้านก็เดินเลยไอ่จีโฮที่นั่งอยู่ในบ้าน ปิดประตูลัดมันก่อนที่แม่งจะตามเข้ามา
     
     
     
    ปัง!! 
     
     
    ทุบอย่างนี้มึงพังประตูเข้ามาเลยเหอะ




     
    ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่อยากเห็นหน้ามัน ผมไม่ได้หลบหน้ามันนะ แค่ไม่อยากเห็นอ่ะ ไอ่เรื่องนี้มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่ผม...โอ๊ยย ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไร แค่หงุดหงิดมากๆ นิดหน่อย เข้าใจผมป่ะ?
     
    เหมือนบางครั้งที่มันก็เบื่อขึ้นมาเอง เกิดอาการนอยด์ทั้งๆ ที่ไม่มีสาเหตุ ผมเป็นแบบนั้นแหละ เรื่องที่มันว่าผมชอบน้องเขารึผมจะไปแย่งแฟนมันอ่ะ ผมไม่ได้คิดมากเลยจริงๆ เฮ้อ บางทีก็ห่างๆ กันหน่อยก็ดี ให้ผมเข้าโหมดปกติก่อนค่อยเคลียกันจะดีกว่า
     
    หลังจากเก็บเสื้อผ้าเสร็จ ผมก็หิ้วกระเป๋าออกมาจากห้อง
     
    “มึงจะไปไหน” มันถลาเข้ามาพลางดึงกระเป๋าผมไว้
     
    “ปล่อย กุรีบ” ผมดึงกระเป๋ามาแล้วขึ้นคร่อมรถ
     
    “มึงจะไปไหน?” มันเป็นพวกถามอะไรซ้ำซากตั้งแต่เมื่อไรวะ
     
    “กุเบื่อหน้ามึง จะไปอยู่ที่อื่น” ผมบอกปัดก่อนขับรถออกไปเลย
     
    ตอนนี้ผมเบื่อมากอ่ะ ไม่อยากเห็นหน้ามัน วุ๊ย อารมณ์เสีย!
     
     











     
     
    แล้วกุก็ต้องมานั่งกร่อยรอพี่ยงกุกกับจุนฮงอยู่ที่สนามบินสินะ
     
    อ้อ! สงสัยไหมครับว่าผมไม่มีเงิน แต่ทำไมมีเงินนั่งเครื่องบิน บางคนอาจจะเดาถูกว่าเพราะพี่ฮิมชานออกให้ ก็ถูกนั่นแหละครับเงินพี่ฮิมชาน แล้วสงสัยใช่ไหมล่ะว่าพี่แกไปค้ายารึเปล่าถึงมีเงินซื้อตั๋วให้ผมกับจุนฮงเนี่ย

    อืมม...ผมว่าอาจจะไม่ใช่แค่ผมกับจนฮงแล้วล่ะ ผมเห็นยูควอนกับพี่มินฮยอกกำลังเดินมาทางนี้ พวกนี้ก็ไปด้วยเหรอเนี่ย
     
    “มานานยังมึง” ถามมาเนี่ยเห็นรากกุไหม ดูหน้ากุสิ สีหน้ากุเหมือนคนที่ชอบอยู่สนามบินนานๆ เลยเนอะ
     
    “พี่เขาเรียกครบเซ็ทเลยเหรอวะเนี่ย” พี่มินฮยอกพูดขึ้นก่อนจะนั่งลงเหยียดแข้งเหยียดขา
     
    “ถ้าจุนฮงกับไอ่แดฮยอนมาก็ครบเลยทีนี้”

    "พีโอด้วยๆ"
     
    “จุนฮงมาแน่แต่แดฮยอนกับพีโอไม่รู้ว่ะ” 
     
    พวกเรานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนเจอกันมั่งไม่เจอกันมั่ง 
     
    “เออว่ะ ทำไมครั้งนี้เรียกพวกเราไปหมดเลยวะ” ไอ่ยูควอนถามขึ้น
     
    เอาไปส่งยามั้ง แหม ไม่ใช่งานช้างกุก็ไม่ได้ไปหรอก
     
    “พี่ฮิมชานเคยเปรยๆ ไว้นะว่ากลางปีจะมีงานใหญ่”
     
    “รับเละๆ” ยูควอนหัวเราะกับท่าทางรับเละของพี่มินฮยอก
     



     
     
    “มาแล้วววว”
     
    เสียงแบบนี้จุนฮงคนเดียว มันวิ่งโร่นำหน้าพี่ยงกุกมา ส่วนคนพี่ก็เดินตามหน้าเนือยๆ
     
    “ฝากน้องมันหน่อยนะ” ว่าแล้วก็โยนกระเป๋าเสื้อผ้าของจุนฮงลงไปไว้กับพื้น
     
    “เดี๋ยวดิพี่” ผมเรียกไว้ พี่แม่งก็หันมาพร้อมใบหน้าเหมือนคนตายด้าน
     
    “มีอะไร รีบไปอ่านหนังสือ” กุจะไม่รั้งเลยครับถ้าตั๋วเครื่องบินไม่อยู่กับพี่อ่ะ
     
    “ตั๋วเครื่องบินๆ” ผมแบมือไปตรงหน้า
     
    เหอๆ อ่านหนังสือ หนังสือพันธุ์นั้นอ่านไปได้อะไรวะ มีแต่พวก...19+ อ่ะ แม่งไม่เห็นมีไรเลย เล่มที่พี่แกอ่านอ่ะนะ หู้ยยย คอลเลคชั่นที่บ้านผมแหล่มกว่าอีก ทั้งอาโออง อาโออิ ใครๆ ก็ชอบญี่ปุ่นใช่ป่ะล่ะ เพราะผมก็ชอบญี่ปุ่น เอ้อ...ผมพูดมากไปเนอะ

    ถึงไหนแล้วนะ? ขอตั๋วเครื่องบินใช่ป่ะ
     
    พี่ยงกุกร้องเออว่ะด้วยอารมณ์ที่โคตรเฉยก่อนจะยื่นตั๋วมาให้ผม ตั๋วมีสี่ใบแสดงว่ามีแค่พวกเราสี่คน ผมบอกรึยังครับว่าพี่ฮิมชานทำงานอะไรอีกนอกจากเปิดร้านทำผม พี่แกเป็นช่างทำผมที่แม่งชอบเวียนไปหาที่ประกวด
     
    แล้วอีกอย่างนั้น...ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไรอ่ะ คงประมาณสังกัดป่ะ พวกผมเป็นนายแบบอ่ะครับ กลุ่มเราก็จะมีผม พี่มินฮยอก ยูควอน จุนฮงแล้วก็ไอ่แดฮยอนกับไอ่พีโอรวมเป็นหกคน พวกเราเป็นเด็กสังกัดพี่ฮิมชาน นอกจากถ่ายโปรโมตร้านให้พี่แกแล้ว พี่แกยังหางานถ่ายแบบให้เราด้วย และนี่เป็นเหตุผลที่ตอนนี้พวกเรากำลังไปอเมริกากัน พี่ฮิมชานชอบประกวดแข่งทำผม แล้วผมก็กำลังคิดอยู่ว่าหัวใครจะโดน

     
    อ่า ไฟลท์ที่พวกเราต้องเดินทางก็ได้เวลาแล้ว ผมไปก่อนนะครับ อ้อ! กลับมาแล้วผมจะเล่าให้ฟังนะว่าเกิดอะไรขึ้น











     
    อันยอง~


























     
    loading now 90% 











     
     

    สำหรับคนที่รออีกสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือ รอต่อไปก่อนนะคะ แหะๆ

    คือเราแต่งไว้แล้วแหละ แต่มันออกนอกลู่นอกทางไปหน่อย ขอแก้ไขส่วนที่เหลือก่อนเน๊อ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×