ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Block B [RealCouple] - KIMYUKWON
- 13 ธ.ค. 55 -
นิดนึงก่อนอ่านฟิค
อันนี้เป็นชอร์ตแรกของเรื่อง ฮ่าาา
แล้วมันก็ Yaoi ใช่ป่ะ แต่ตอนนี้ สเปเชียลนิดๆ เพราะอันนี้มันชายหญิง
- * * * * * * - KIMYUKWON - * * * * * * -
ผมไม่รู้ว่ามันจะดีรึเปล่าในสิ่งที่กำลังจะทำ
ผมรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไร แต่ไม่รู้ว่าผลออกมาจะเป็นอย่างไร
ผมอยากให้ทุกคนรับรู้และเข้าใจ
มันคงจะเป็นสองหรืออาจจะสามปีที่แล้ว ผมจำได้แค่ว่ากำลังจะไปห้องซ้อม
ผมเดินผ่านร้านทำผมแห่งหนึ่งแถวๆ บริษัท ผมมองเข้าไปในนั้นเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่าง ทั้งๆ ที่ปกติผมจะเดินเลยผ่านไปอย่างไม่สนใจ
แต่วันนั้น...
สายตาของผมโฟกัสเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เธอกำลังวุ่นวายกับทรงผมของเธอ และในตอนนั้นที่สายตาของเธอก็มองกลับมาเช่นกัน
เราสบตากัน
เธอคนนั้น... ในตอนนั้น...
ผมจำได้ว่าเธอผอมมาก ผอมเสียจนเหมือนจะปลิวไปเลยเวลาที่มีลมพัดมา ผิวของเธอสีแทนดูเซ็กซี่ มันทำให้ผมแทบลืมหายใจ
"ย๊า คิมยูควอน เราต้องไปแล้วนะ" เสียงของพี่มินฮยอกทำให้ผมหลุดจากภวังค์
ผมหันไปทางเขาก่อนจะเดินตามไป หากแต่สายตาของผมยังคงจับจ้องอยู่ที่เธอคนนั้น
เพราะสายตานั้น ทำให้ผมไม่มีสติเท่าไร การซ้อมวันนั้นของผมแย่มาก ผมโดนเทรนเนอร์ดุ ทำให้พี่มินฮยอกถูกดุด้วยเหมือนกัน พี่ครับขอโทษนะครับ
และทุกวัน...
ผมจะเดินผ่านที่ร้านนั้นประจำ และก็ได้รู้ว่าเธอจะมาร้านนี้แค่อาทิตย์ละสองสามวันเท่านั้น
แต่ทุกๆ ครั้งที่เธอมาร้านนี้ และทุกๆ ครั้งที่ผมเดินผ่านร้านนี้ พวกเราก็ได้สบตากันทุกครั้ง
จากแค่ได้สบตาก็เริ่มมีรอยยิ้มมอบให้กัน มันเหมือนกับว่าเราเป็นคนรู้จักที่ไม่รู้จักกัน หากแต่ยิ่งไปกว่านั้น
ผมอยากรู้จักชื่อของเธอ
ข่าวดีมากเลยล่ะครับ พวกเรากำลังได้เดบิ้วท์
"พวกนายฝึกกันมาหนักมาก ถึงเวลาแล้วที่พวกนายจะได้แสดงสิ่งที่พวกนายพยายามมาตลอด"
ผมจำคำพูดนั้นได้ดีเลยล่ะ
แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของผมเริ่มพองโตขึ้นมา รู้สึกคัดจมูกนิดหน่อยด้วย ในหัวของผมมันกลายเป็นว่างเปล่า ผมจำไม่ค่อยได้นักว่าหลังจากนั้นพี่เขาพูดว่าอะไร มีแค่ประโยคเดียวที่เข้าหูผมในตอนนั้น
"หลังจากนี้จนกว่าจะถึงกำหนด พวกนายต้องฝึกให้หนักกว่านี้ และพยายามให้มาก"
ประโยคนี้ผมจำได้ดีเช่นกัน
ทั้งห้องเงียบสนิท ไม่มีใครขยับตัว หลังจากที่เสียงประตูห้องปิดลง และบุคคลผู้คาบข่าวได้ออกไปแล้ว ทุกคนมองหน้ากัน และจีโฮจมูกแดงขึ้นทีละนิด ทุกคนดูเหมือนจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่เสียงสะอื้นของจีฮุนทำให้น้ำตาที่ผมกลั้นไว้ไหลลงมา แล้วทุกคนก็โผเข้ากอดกัน
ผมหันหน้าเข้าผนังห้องก่อนจะเริ่มร้องไห้ แขนเสื้อผมเปียก ทั้งน้ำตาและหยาดเหงื่อมันไหลมารวมกัน มีคนเดินมาจับไหล่ผม เขาซุกหน้าของเขากับแผ่นหลังของผม เป็นคยองที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ ผมตบไหล่เขาก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอีก
ผมเห็นทุกคนยิ้ม รอยยิ้มที่ปรากฏพร้อมน้ำตา ทุกคนมีความสุข
พี่แทอิลยืนร้องไห้เงียบๆ อยู่มุมหนึ่งของห้อง คยองเดินเข้าไปหาเขาก่อนจะกอดคอพี่เขาแล้วโยกตัวไปมา
จีฮุนยังสะอื้นไม่หยุด เขานั่งลงกับพื้น เขาร้องไห้และร้องไห้ ร้องไห้อย่างไม่หยุด เสียงสะอื้นทุ้มต่ำของเขามันน่าขำจริงๆ ทุกคนเข้าไปล้อมรอบเขาก่อนจะหัวเราะเขาทั้งน้ำตาที่ร้องไห้เป็นเด็กๆ
ผมเองก็เช่นกัน ผมหัวเราะไปร้องไห้ไป เอื้อมมือไปลูบหัวเขา เพราะเขายังเด็ก ยิ่งปลอบก็เลยยิ่งร้อง
ผมเห็นจีโฮยืนอยู่ไม่ไกลนัก เขายืนนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ ปกติเขาเป็นคนที่แข็งกระด้างในการแสดงออก แต่เขานั้นอ่อนไหวมากๆ และนับว่าเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตาของเขา และก็ยังคงเป็นคยองที่เดินไปจูงจีโฮเข้ามาที่กลุ่ม ถึงแม้พวกเราจะอายุเท่ากัน แต่เขาก็เป็นน้องรองของกลุ่ม
พวกเรากอดคอกันร้องไห้อยู่แบบนั้น
จำได้ว่าคืนนั้นพวกเราซ้อมกันหนักมากเท่าที่เคยซ้อมมา พวกเราฝึกซ้อมพร้อมด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา
ฝึกซ้อมกันตลอดทั้งคืน
และวันนั้นเช่นกันที่ผมจำได้อยู่นิดหน่อย
พวกเราทั้งเจ็ดคนได้ไปที่ร้านทำผมร้านนั้น พวกเรากำลังจะเดบิ้วท์กันอีกไม่กี่อาทิตย์ มันคือความฝันของผม มันเป็นความฝันที่กำลังจะเป็นจริงของพวกเรา
ผมกำลังนั่งรอทำผมอยู่ที่โซฟา ข้างๆ ผมเป็นพี่แทอิลและคยองก็นั่งถัดไปอีก ส่วนคนอื่นๆ ผมไม่ได้ใส่ใจนัก ในวันนั้นที่ร้านวุ่นวายเพราะคนเต็มร้าน ภาพเหล่านั้นทำให้ผมเหนื่อยหนักกว่าเดิม
ผมนั่งก้มหน้าลงซบกับฝ่ามือตัวเอง เพราะเหนื่อยจากการซ้อมหนักตลอดสี่เดือน ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนอกจากต้องซ้อมให้หนักและทำให้ดีขึ้น
แล้วก็มีบางคนเรียกผม น้ำเสียงนั้นมันเบาอย่างเกรงใจ ผมเงยหน้าขึ้นมอง เหมือนเวลามันหยุดนิ่งไป ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจตัวเองที่เต้นถี่ขึ้น
รอยยิ้มที่ผมเห็นมันประจำที่นอกร้าน มันช่างแตกต่างจริงๆ เมื่อมองใกล้ๆ แบบนี้
มันช่างสวยงามและดึงดูด...
"ช่วยหยิบถุงนั้นให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ"
...และมันก็ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผมนับแต่ตอนนั้น
รอยยิ้มนั้น น้ำเสียงที่แสนไพเราะ มันทำให้ผมลืมหายใจอีกครั้ง คนแปลกหน้าที่เหมือนรู้จักกันคนนั้น เธออยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้
"ขอโทษนะคะ"
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มให้เธออย่างอายๆ ผมทำตัวน่าขายหน้ารึเปล่านะ
"ครับ?"
"ช่วยหยิบถุงใบนั้นให้ฉันด้วยค่ะ"
ผมเอื้อมมือหยิบถุงใบนั้นมายื่นให้เธอ เธอมองหาที่นั่ง ผมจึงลุกให้เธอนั่ง เธอยิ้มให้ผมก่อนจะพูดขอบคุณแล้วนั่งลงตรงที่ของผม ผมเห็นเธอวุ่นวายอยู่กับกระโปรงสั้นๆ นั้น เธอระมัดระวังมันอย่างมาก ผมจึงถอดเสื้อแจ๊กเก็ตของผมให้เธอคลุมขาไว้ เธอดูเกรงใจในตอนแรก แต่ผมก็ยังคงยื่นเสื้อให้เธอ มันคงไม่ดีนักถ้าผมจะคลุมเสื้อให้เธอเอง สุดท้ายเธอก็รับไปก่อนจะพูดขอบคุณผมอีกครั้ง
ผมยืนมองเธออยู่แบบนั้น ผมอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ แต่ผมก็อายเกินกว่าจะถามเธอออกไปว่าเธอชื่ออะไร
ไม่นานนักพี่สาวช่างทำผมก็เรียกให้ผมให้เข้าไปข้างใน เธอเงยหน้ามองผมยิ้มๆ ก่อนจะโบกมือให้ผมน้อยๆ ผมอ่านปากของเธอได้ว่า 'สู้ๆ' นั่นมันทำให้ผมยิ้มขึ้นมาอีกรอบ
หลังจากที่ทำอะไรเสร็จ ผมก็เดินกลับมาที่โซฟารับแขก แต่เธอไม่อยู่ซะแล้ว มีแค่เสื้อของผมวางไว้บนโซฟา มันอาจจะดูแปลกไปซะหน่อย แต่ผมก็หยิบเสื้อขึ้นมาดม
รับรู้ได้แค่กลิ่นเหงื่อตัวเอง ผมเงยหน้ามองเสื้อตัวเองแล้วยิ้มบางๆ ถึงจะมีแค่กลิ่นเหงื่อ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดี รู้สึกถึงสัมผัสอันบอบบางของเธอ ผมรื้อเสื้อตัวเองหวังว่าเธอจะทิ้งอะไรไว้ให้ แต่มันไม่มี เพราะนี่ไม่ใช่ละครที่เคยดู
พวกเรากำลังนั่งรถเพื่อไปถ่ายภาพโปรโมต ผมสวมแจ๊กเก๊ตเอาไว้ พี่แจฮโยกำลังหัวเราะกับมุขของคยอง จีฮุนเองก็เอาแต่ซ้อมทำแอ-กโยใส่กล้องของพี่แทอิล ผมนั่งมองภาพเหล่านั้นด้วยความดีใจ
หลังจากที่พวกเราถ่ายภาพมาได้สักพัก ผมคิดว่าผมจะทำได้ดี แต่ไม่เลย พวกเราแทบไม่ได้พัก มันกินเวลายาวนานมากในความคิดผม ผมออกมานั่งตากแดด มีลมพัดนิดหน่อยทำให้ผมรู้สึกสดชื่น
ผมยังจำรอยยิ้มนั้นได้ดี มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดด้วยอะไรบางอย่าง ในใจของผมมันร่ำร้องและเรียกหา
แต่ไม่ว่ายังไง วันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี พวกเราถ่ายภาพโปรโมตเสร็จแล้วหลังจากที่ใช้เวลาอยู่ที่นั่นเกือบสิบสองชั่วโมง พวกเราได้นั่งรถตู้กลับมาที่บริษัทกันอีกครั้งเพื่อเริ่มฝึกซ้อมกันต่อ
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถ แม้ร้านซาลอนจะปิดไปแล้ว แต่ภาพที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นผมจำได้ดี
และก็เป็นอีกหนึ่งในหลายคืนที่พวกเราซ้อมกันจนเช้า
ผมล้มตัวนอนลงบนพื้นห้อง หัวใจเต้นถี่เสียจนน่ากลัว ทุกคนล้มตัวลงกับพื้นไม่เว้นแต่จีโฮที่ทำงานหนักกว่าคนอื่น เขาทั้งเครียดเรื่องเตรียมตัวเดบิ้วท์ ไหนจะเรื่องเพลงที่เขาเป็นทำทำเองแทบทั้งหมด
ลีดเดอร์ตัวน้อยๆ ของพวกเราทำงานหนักมากจริงๆ
และเพราะช่วงนี้ที่เราต้องเตรียมตัวเดบิ้วท์และซ้อมหนัก และพวกเราก็ยังต้องไปที่ร้านทำผมนั้นบ่อยๆ ด้วย เลยทำให้ผมเจอกับเธอบ่อยขึ้น
เราเริ่มพูดคุยกัน และผมก็ได้รู้ว่าเธอชื่อ 'จอนซอนฮเย' ชื่อเธอพราะดีใช่ไหมละครับ เธออายุมากกว่าผมสี่ปี และเป็นนางแบบ
อืม... ผมเรียกเธอว่านูนาดีไหมนะ?
พวกเราเจอกันบ่อยขึ้น พูดคุยกันมากขึ้น และสุดท้ายเราก็แลกเบอร์โทรศัพท์กัน
ผมไม่อยากให้ทุกคนมองเธอเป็นคนไม่ดีที่ยอมให้เบอร์ผม แม้ตอนนี้ที่พวกเราไม่ได้เจอกันเพราะผมต่างก็ยุ่งกับเรื่องเดบิ้วท์ และเธอก็มีงานที่ต้องทำ
มันเหมือนสายสัมพันธ์ เวลาที่ผมเหนื่อยและเริ่มท้อ เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น และเป็นเธอที่โทรมา
เธอให้กำลังใจผม นั่นทำให้ผมมีพลัง
วันเดบิ้วท์ก็มาถึง พวกเราพยายามเต็มที่ ชุดสีดำวันนั้นผมว่ามันเข้ากับผมจริงๆ นะครับ ผมไม่ได้เป็นเจ้าชายติดกระจกนะ
ซิโค่ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยด้วย ก่อนหน้านั้นไม่นานผมเพิ่งเข้าใจว่าทำไมเพลง Freeze ที่ซิโค่แต่งมันถึงได้ออกมาป๊อปแบบนั้น เพราะซิโค่ทุ่มเทกับเพลงเดบิ้วท์ของพวกเรามาก แรกๆ ก็ฮิปฮอปดี แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นแบบนี้ที่ได้ฟังกัน
แต่ผมว่ามันก็เพราะดีนะครับแบบนี้
หลังจากที่พวกเราแสดงจบ พวกเราก็กอดคอแล้วเริ่มทำเหมือนจะบูมแบบไร้เสียง
จีฮุน พโยจีฮุนมักเน่ของพวกเราเขาร้องไห้อีกแล้วล่ะ เพราะเขายังเด็ก ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาทำหลังจากลงจากเวทีคือโทรหาแม่ของเขา เขาพูดไม่ค่อยรู้เรื่องนัก ผมไม่รู้หรอกว่าคุณแม่จะเข้าใจในสิ่งที่จีฮุนพูดไหม
ทุกคนโทรหาครอบครัวและเริ่มร้องไห้ พี่แจฮโยกลั้นเสียงสั่นเอาไว้ตอนที่คุยกับที่บ้าน แต่พอวางสายเขาก็สะอื้นไม่หยุด
ผมโทรหาแม่ก่อนจะพูดขอบคุณแม่ ผมพูดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม่ของผมหัวเราะก่อนจะให้กำลังใจผม สั่งสอนผมอย่างที่เคยทำบ่อยๆ นั่นทำให้ผมคิดถึงบ้านและคิดถึงแม่ขึ้นมามากเท่าตัว
พวกเราได้เป็นนักร้องแล้ว แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นที่พวกเราต้องทำให้ได้คือทำให้บล็อกบีกลายเป็นที่รู้จัก
"ยอโบเซโย"
(อ้า ยูควอนอ่า...) ผมชอบเวลาที่เธอเรียกชื่อผมมากเลย (...การแสดงเป็นยังไงบ้าง)
"ตื่นเต้นมากเลยครับ" ผมพูดอะไรไม่ออกเลยล่ะ
(โทรหาคุณแม่รึยัง ฉันว่าท่านคงจะดีใจนะที่นายโทรหาท่านก่อนคนอื่น...)
เวทีวันนั้นทำให้ผมจำไม่ได้ว่าคุยอะไรกับเธอบ้าง จำได้แค่เพียงเธอบอกดีใจด้วยที่ได้เดบิ้วท์ และจะคอยสนับสนุนพวกเราต่อไปด้วย
พวกเราต้องขึ้นแสดงอีกหลายสเต็จ และได้ออกทีวีกันมากขึ้น พวกเราไม่ค่อยได้นอนหลับกันสักเท่าไรตั้งแต่เปิดตัว
ได้พักผ่อนก็แค่ตอนที่อยู่บนรถและตอนแต่งหน้า พวกเราพยายามอย่างหนักในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องอิมเมจและตารางงาน
ลีดเดอร์ต้องเด็ดขาด ซิโค่คือลีดเดอร์ที่อาจจะดูเกเรและก้าวร้าวไปบ้าง แต่อูจีโฮกลับเป็นแค่เด็กที่ทะเยอทะยานเพื่อความฝันของตัวเอง แม้เขาไม่ค่อยฟังใคร แต่เขาก็ใสซื่อเสียจนคนอื่นคิดว่าเขาจงใจ
แทอิล นักร้องหลัก เสียงหลักที่ทุกคนภูมิใจ เขาไม่ค่อยโดดเด่นมากนักในตอนเปิดตัว แต่เสียงของเขาทำให้แฟนๆ เรียกชื่อเขาดังกว่าใคร ส่วนอีแทอิลเขาก็เหมือนกับที่เห็นในทีวี พี่เขาน่ารักและดีต่อน้องๆ
แจฮโย อดีตออลจัง เขาถูกวางตัวให้เป็นหน้าตาของวง เสียงของเขาออาจจะไม่น่าดึงดูดเท่ากับคนอื่น แต่เขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอง อันแจฮโยก็คือพี่ที่น้องๆ ชอบแกล้งนั่นแหละ เพราะพี่เขาแหย่ง่าย ทุกคนเลยชอบแกล้งเขา
บีบอม นอกจากจะเป็นสายแดนซ์ของวงแล้ว เขายังเป็นเสียงร้องของวงอีกด้วย ในทีวีเป็นยังไง อีมินฮยอกก็แบบนั้น พี่เขาจริงจังไปซะทุกเรื่องจนน่าเป็นห่วง
พัคคยอง สายแร๊พที่อยากจะล้มล้างความคิดที่ว่าแร๊พเปอร์ร้องเพลงไม่ได้ แต่เขาก็ได้แค่แร๊พเพราะจีโฮไม่ยอมให้ท่อนร้องกับเขา ส่วนพัคคยองคนที่ชื่อเหมือนกัน หน้าตาเหมือนกัน ซ้ำยังเป็นคนเดียวกัน เขามักจะเป็นที่รักของเพื่อนๆ แต่ก็โดนแกล้งอยู่บ่อยพอตัว
พีโอคือคนตัวโตที่เป็นมักเน่ เสียงทุ้มต่ำของเขามันทำให้ใครหลายคนลุ่มหลงได้ไม่ยาก หากแต่พโยจีฮุนกลับเป็นแค่เด็กโข่งในสายตาพี่ๆ เขาบริสุทธิ์มากจริงๆ แม้เสียงและใบหน้าจะชอบทำร้ายเขาก็เถอะ
ส่วนยูควอน เด็กหนุ่มที่ทำอะไรถูกครรลอง สัญลักษณ์ของรอยยิ้ม เด็กที่ไม่มีอะไรเด่น เขาฝึกเต้นจนเป็นแดนซ์ และเรียนร้องเสริมเพื่อเป็นซับโวคอล
แล้วคิมยูควอนล่ะ? ก็แค่เด็กอายุ19(ในตอนนั้น) ที่เริ่มรู้สึกถึงคำว่ารักครั้งแรก เด็กที่กำลังเดินตามความฝันและความคิด ผมคิดว่าผมเป็นแบบนั้น
ผมนั่งรอเธออยู่ที่ร้านกาแฟ ผมใส่แค่เสื้อยืดตัวที่ใส่ไปซ้อมประจำและกางเกงขายาว มีเพียงแว่นสายตาเพื่อบดบังใบหน้าตัวเองและไม่ได้แต่งหน้า และเพราะเป็นหน้าใหม่ เลยยังไม่ค่อยมีคนจำเขาได้
เหมือนเวลามันหมุนช้าลง สิ่งที่ผมเห็นมันเป็นภาพสโลว์ไปหมด เธอในชุดเสื้อแขนสั้นสีขาวและกางเกงขาสั้นใส่รองเท้าผ้าใบกับหมวกสีแดง
เธอนั่งลงตรงข้ามผมก่อนจะยิ้มให้ เราคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เธอชอบลูกหมาและดูเหมือนว่ากำลังจะชวนผมไปซื้อลูกหมาด้วยกัน
ผมเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
ผมมีตารางงานที่ต้องไป เธอทำหน้าบึ้งใส่ผมก่อนจะยิ้มออกมา เวลาที่เจอกันทีไรเธอจะเป็นคนจ่ายทุกอย่างให้ทั้งหมด นั่นเพราะเธออายุมากกว่า เพราะผมเป็นผู้ชายมันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรที่ต้องให้เธอจ่ายแบบนี้
ผมเดินมาส่งเธอเพื่อขึ้นแท็กซี่ ผมดึงมือเธอไว้ก่อนจะถอดสร้อยข้อมือที่ใส่อยู่ออก ผมจับมือเธอก่อนจะยัดมันใส่มือเธอ สร้อยนี้ผมได้มาจากแฟนคลับ ผมใส่มันตั้งแต่ได้มาและผมชอบมันมากผมจึงให้เธอไป
อยากขอโทษเธอ(แฟนคลับ)คนนั้นด้วยที่ผมทำแบบนั้น เพราะผมชอบมันมากจริงๆ ผมจึงอยากมอบให้เธอ
ผมว่าความสัมพันธ์ของพวกเราคงเริ่มจากตรงนั้นแบบจริงๆ จังๆ ผมพูดไม่ค่อยเต็มปากนักว่าพวกเราเดทกัน แต่ว่าพวกเราก็ทำตัวเหมือนกำลังเดทกันบ่อยๆ แม้ไม่ต้องพูดผมคิดว่าเธอคงจะรู้ว่าที่เป็นอยู่คืออะไร เธอเป็นคนไม่ค่อยคิดมาก นั่นทำให้ผมสบายใจเวลาอยู่ด้วยกัน
แต่เพราะการเป็นศิลปิน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแฟนคลับ มันทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไรมากเท่าไร ถ้าต้องเก็บมันเป็นความลับ สู้ไม่ต้องพูดเลยดีกว่า
แต่หลังจากที่เราเจอกันวันนั้นไม่นานเท่าไร ก็เริ่มมีข่าวออกมาว่าผมเดทกับนางแบบคนหนึ่ง มีแฟนคลับเข้ามาถามผมบ่อยๆ และบางคนก็จี้ไปถึงเรื่องสร้อยข้อมือ
เพราะศิลปินมีคนรักไม่ได้ ดังนั้นผมต้องบอกปฏิเสธไป ผมห่วงความรู้สึกของเธอมากที่ต้องพูดแบบนั้นออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ผมโทรหาเธอหลังจากที่จบรายการวิทยุนั้น เธอรับสายด้วยน้ำเสียงสดใสแบบนี้ทุกครั้ง ผมเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง เธอเงียบไปนั่นทำให้ผมใจหาย ก่อนที่เธอจะบอกผมว่าไม่ต้องคิดมาก เธอบอกว่าผมทำถูกแล้ว แม้กระทั่งตอนนี้น้ำเสียงของเธอก็ยังคงสดใส
เธอบอกว่าเธอได้ยินข่าวมาบ้าง สร้อยข้อมือนั้นเธอก็ถอดเก็บไปแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้เลยในตอนนี้ เธอถูกแฟนคลับหลายๆ คนของพวกเราพูดถึงในทางที่ไม่ค่อยดีนัก เธอต้องระวังตัวอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงหัวเราะให้ผมและพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก เธอเข้มแข็งกว่าผมเสียอีก
ด้วยตารางงานที่ยุ่งอย่างไม่เคยเป็น พวกเราต้องอดหลับอดนอนเดินทางข้ามประเทศ พวกเราเหนื่อยและเริ่มควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
พวกเราทำผิดครั้งใหญ่หลวงถึงสองครั้ง ที่เมืองไทย หลังจากลงเครื่องมาพวกเราต้องเดินทางไปอัดรายการต่างๆ ทั้งตื่นเต้นและคิดว่าต้องทำให้ได้ดี ผมคิดว่าพวกเราทำให้การสัมภาษณ์สนุกนะ...ในตอนนั้น
แต่หลังจากที่พวกเรากลับมาเกาหลีได้ไม่นาน คลิปนั้นถูกอัพโหลดลงยูทูป และกระแสต่างๆ ก็เริ่มขึ้น
และหลังจากนั้นไม่นานคลิปที่พวกเราไปออกอากาศที่ญี่ปุ่นก็ถูกปล่อยออกมาอีก พวกเราถูกวิารณ์อย่างรุนแรง
พวกเรากลายเป็นคนก้าวร้าว และไม่มีความคิด ไม่มีมารยาทและชอบดูถูกคนอื่น พวกเราถูกด่าทอและถูกสังคมประนาม หลายครั้งที่เช็คข่าวในอินเตอร์เน็ต พวกเราเจอข้อความรุนแรงมากมาย จีฮุนถึงกับช็อคและต้องเข้าโรงพยาบาล
จีโฮโกนหัวออกมาขอโทษ พวกเราได้ออกมาขอโทษ และถูกพักงานแบบไม่มีกำหนด
ทุกคนต่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง จีโฮที่วันๆ ขลุกอยู่แต่บริษัท เขาอยู่คนเดียวแบบนั้นเป็นเดือนๆ ไหนจะจีฮุนถึงเขาจะตัวใหญ่แต่เขาก็ยังคงเป็นน้องเล็กที่บริสุทธิ์ ปกติที่จะสดใสแต่ช่วงนั้นเขาซึมไปมาก ทุกคนเป็นห่วงเขามาก พี่แทอิลก็ออกไปข้างนอกบ่อยๆ พร้อมกับพี่มินฮยอก พี่แจฮโยกับคยองนั้นผมไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไร แต่ก็คงเหมือนกันกับคนอื่น ทบทวนตัวเอง รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้น
รวมทั้งผม ผมอยู่เงียบๆ คนเดียวในห้อง อ่านหนังสือและทบทวนกับตัวเอง คิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป ผมปิดมือถือไม่ติดต่อกับใคร มีแค่ไม่กี่คนที่ผมยอมคุยด้วย นั่นคือครอบครัวและเธอคนที่เป็นรักครั้งแรกของผม
เธอให้กำลังใจผมและยังบอกให้ผมโทรหาที่บ้านด้วย เธอคิดในเรื่องที่ผมคิดไม่ถึงมากมาย ทั้งเรื่องที่ต้องเป็นห่วงคนที่บ้านที่กำลังเศร้าไปพร้อมกับผม เรื่องสุขภาพที่ผมไม่ได้ดูแลเลยช่วงนี้ และอีกมากมาย มันมากจริงๆ ที่เธอทำให้ผม
เราโทรคุยกันตลอดในช่วงนั้น ผมเริ่มหลุดออกจากความทุกข์โศก กลับมาดูแลตัวเองและคนรอบข้าง จีโฮเองก็ดูเข้มแข็งขึ้นมาก เขาดูเป็นคนแข็งกระด้างในสายตาคนภายนอก แต่นั่นมันก็แค่ลักษณะที่แสดงออก ข้างในเขาแล้วเขาอ่อนไหวมากจริงๆ
ทุกคนพยายามเริ่มต้นใหม่โดยที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ปล่อยมันเอาไว้ข้างหลัง
หากแต่เก็บสิ่งสำคัญเอาไว้เป็นบทเรียน
ผมขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหอปลายทางคือที่สวนสนุก เธอบอกว่าจะรอที่หน้าทางเข้า ผมเห็นเธอนั่งรออยู่ตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ ในมือเธอมีตั๋วสองใบ เสื้อกล้ามสีดำกับหมวกใบโปรด เลคกิ้งขายาวสีขาวดำ เธอดูดีมากจริงๆ ผมเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ
"โอ๊ะ ยูควอนอ่า..." น้ำเสียงของเธอเวลาที่เรียกชื่อผม มันทำให้ผมยิ้มไม่หุบ
เห็นเธออยู่ใกล้ๆ แบบนี้ เธอแค่ทาปากบางๆ เวลาที่เธอไม่ค่อยแต่งแต้มอะไรบนใบหน้า เธอสวยมากจริงๆ
เธอดึงแขนผมเข้าไปข้างใน นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เธอจ่ายแทนผมอีกแล้ว เธอเป็นเหมือนทั้งเพื่อน และพี่สาวในเวลาเดียวกัน
เธอพึ่งพาได้ในช่วงเวลาที่ผมกำลังลำบาก เธอเป็นเหมือนคนที่คอยดึงผมขึ้นไปจากหลุมความทุกข์ เธอทำให้ผมมั่นใจ แต่ในทางกลับกันไม่มีทางไหนเลยที่ผมจะดูแลเธอได้เท่าที่เธอดูแลผม
เราเดินเล่นไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องระวังอะไร ไม่มีใครจำผมได้ ไม่มีใครจำเราได้ ไม่ต้องหลบซ่อนอะไร ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเวลาที่อยู่กับเธอ ผมคือ คิมยูควอน ที่เป็นแค่ผู้ชายอายุยี่สิบ มีผู้หญิงชื่อ จอนซอนฮเย เดินอยู่ข้างๆ เราเหมือนคู่รักทั่วไปที่ไปเที่ยวกัน จับมือกัน ถ่ายรูปคู่ด้วยกัน
"คุณหมีตัวใหญ!!" เธอร้องออกมาราวกับเด็กๆ เธอยื่นโทรศัพท์ให้ผมและผมก็รับมาอย่างรู้งาน
เธอกอดเจ้าหมีอ้วนนั้นไม่ปล่อย ผมอิจฉามันจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยถูกตัวกัน เธอเคยกอดผม เราเคยกอดกัน แต่มันไม่ใช่แบบที่ผมต้องการ อ่า... ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายแย่ๆ ที่หวังอะไรบางอย่างจากเธอ ผมถ่ายรูปให้เธอ เราเดินเที่ยวกันไปจนมืด
ผมนั่งแท็กซี่เพื่อไปส่งเธอ ตอนกลางคืนแบบนี้มีรถติดนิดหน่อย รถเคลื่อนไปอย่างไม่รีบร้อนหรือเชื่องช้า เธอยังคงพูดถึงเรื่องลูกหมาที่ซื้อมาใหม่ไม่หยุด เธอชอบมันมากจริงๆ จนบางครั้งผมก็อิจฉาอยากเป็นเจ้าลูกหมานั่นซะให้รู้แล้วรู้รอด
ผมชอบใบหน้ายามที่เธอพูดถึงสิ่งเธอชอบ ดวงตาเป็นประกายสดใส ริมฝีปากยกกว้าง ผมจ้องเธออยู่แบบนั้นอย่างมีความสุข ผมมีความสุขเพราะเธอมีความสุข ผมจับมือเธอมาวางไว้บนตัก เธอหันมามองผมด้วยสายตางงงวย แม้แต่ตอนที่เธอทำหน้าสงสัยแววตาของเธอยังคงสดใสและดึงดูด ผมว่าผมเห็นภาพตัวเองในตาของเธอ
ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มบางๆ นั้นเหมือนกำลังดึงดูดผม ดวงตาของเธอค่อยๆ พริ้มลง และ...
ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน
ในห้วงความคิดผมตอนนี้ มันหอมหวานอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความรู้สึกประหลาดที่แสนดีจู่โจมผมทันใด อยากให้เวลาหมุนช้าลงกว่านี้สักนิด เพียงแค่นิดเดียวก็ยืดความรู้สึกดีๆ แบบนี้ให้นานออกไปอีก แม้จะแค่นิดเดียว
เป็นเธอที่ขยับตัวออกก่อน ใบหน้าที่ไม่ได้แต่งแต้มอะไรนั้นขึ้นสีแดงอ่อนๆ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ อย่างเคอะเขิน มันช่างน่าหลงไหลอย่างบอกไม่ถูก ผมมองหน้าเธอแล้วกุมมือเธอไว้แบบนั้นจนถึงที่พักของเธอ ผมเดินลงไปส่งเธอ ผมดึงเธอมากอด
อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไร้ที่พึ่ง เธอลูบหลังผมเบาๆ พร้อมบอกให้ผมเข้มแข็ง ผมรอให้เธอเดินเข้าไปก่อนที่ตัวเองจะกลับขึ้นรถแท็กซี่ให้ไปส่งที่หอ
ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าเธอเป็นรักครั้งแรกของผม เธอเป็นคนที่ได้ทุกอย่างไปทั้งจูบแรก และหัวใจของผม
จีโฮเริ่มทำเพลงใหม่อีกแล้ว พวกเราดูแลเขาอย่างดี ตอนนี้ทุกคนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ หลังจากที่อยู่กับตัวเองมาพักใหญ่ๆ
มีข่าวดีหลังจากที่เมฆครึ้มหายไป พวกเราจะได้กลับขึ้นเวทีอีกครั้งแม้จะยังไม่มีกำหนด แต่แค่นั้นก็ทำให้พวกเรามีกำลังใจขึ้นมาก
ผมบอกข่าวดีนี้กับเธอ เธอยังคงหัวเราะและยินดีกับข่าวนั้น เธอช่างเป็นคนที่ชอบหัวเราะเสียจริงๆ ผมชอบเสียงหัวเราะของเธอ
พวกเราฝึกซ้อมกันอีกครั้ง เหมือนก่อนที่จะเดบิ้วท์พวกเรารู้สึกแบบนั้นและมันหนักกว่านั้นนิดหน่อยตรงที่พวกเราต้องทำให้ดีกว่าและทำให้ดีมากขึ้น
สเตจแรกที่ได้ขึ้นผมตื่นเต้นมาก ทุกคนตื่นเต้นมาก พีโอกระโดดเบาๆ เพื่อคลายความหวั่นอยู่ที่ข้างเวที ผมสีทองที่ยาวถูกมัดรวบไว้ข้างหลังเป็นกระจุก บางทีผมอาจจะเป็นโรคเจ้าชายก็ได้ เพราะตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองดีดีมากในชุดที่กำลังสวมอยู่
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมกังวลตอนนี้คือแฟนๆ จะมีคนมาดูเรารึเปล่า จะมีใครส่งเสียงเชียร์พวกเราอยู่รึเปล่า สิ่งเหล่านี้มันรบกวนจิตใจผมอย่างมาก
แต่สิ่งเหล่านั้นกลับเป็นแค่สิ่งที่ผมคิดมากไปเอง
เวทีที่ไม่ได้ขึ้นมานาน แฟนๆ ที่ยังคงสนับสนุนพวกเรา และคนอื่นๆ ในสตูดิโอ มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า บางทีมันอาจจะดีกว่านี้ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรผิดไป
หลังจากลงเวทีมา ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีทั้งการแสดงและการตอบรับของผู้ชม ผมไม่มั่นใจว่าทุกคนชอบมัน แต่หลายคนเลยที่ไม่ได้มีทีท่าว่ารังเกียจ
และยังคงเป็น MTV ที่ยังรักพวกเรา โปรดิวเซอร์อยากให้พวกเรากลับไปถ่ายแมทอัพกันอีกครั้ง
พวกเราดีใจมากที่ได้ยินมัน ทั้งโปรดิวเซอร์และสต๊าฟ พวกเราสนิทกันมาก สต๊าฟทุกคนรู้ว่าตัวจริงของพวกเราเป็นยังไง พวกเขายังคงอยู่ข้างๆ พวกเราแบบนี้ ขอบคุณนะครับ
และช่วงที่เหนื่อยมากๆ แบบนั้นก็กลับมาอีกแล้ว แต่พวกเราก็พยายามควบคุมตัวเองให้มากขึ้น ตอนนี้พวกเราทั้งมีซ้อมโชว์เคสและต้องถ่ายแมทอัพไปพร้อมๆ กัน ทั้งกดดันแต่มันก็สนุกไปอีกแบบ
ผมมีเธอคนนั้นคอยให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลา แม้ช่วงนี้ที่ผมได้ทำงานมากขึ้น เราเลยไม่ค่อยมีเวลาเจอกัน แต่ก็ยังคงติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา
ผมคิดว่าเธอคงไม่เหงาเท่าไรเพราะมีเจ้าลูกหมาอยู่เป็นเพื่อน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังคงอิจฉามันอยู่ดี
แล้วก็...
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้พูดถึงเรื่องรักครั้งแรกในรายการหนึ่ง ทุกอย่างที่พูดไปมันหมายถึงเธอทั้งนั้น
++สวัสดีครับ คิมยูควอนครับผม ^^
++นานๆ ทีผมจะได้เข้ามาเขียนบทความเนอะ ^^
++ผมได้ทบทวนเรื่องนี้อย่างมาก และอยากบอกทุกคนอย่างจริงจัง
++ผมมีแฟนแล้วนะครับ
++ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้ว
++เมื่อไรก็ตามที่ผมพูดถึงรักครั้งแรก คนที่ผมพูดถึงก็คือนางแบบที่อายุมากกว่าผม 4 ปี จอนซอนฮเยครับ
++เมื่อผมมีช่วงเวลาที่ลำบาก เธอจะอยู่ข้างๆ ผม และเป็นกำลังใจ สนับสนุนผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
++เรามอบความเข้มแข็งให้กันและกัน และพวกเราต่างก็มีความสุขมอบให้ซึ่งกัน
++ผมต้องขอโทษแฟนๆ ทุกคนจริงๆ นะครับกับเรื่องราวที่ผมทำให้ทุกคนตกในฉับพลันแบบนี้
++ผมคิดว่าแฟนของผมก็คงจะประหลาดใจเช่นกันที่ผมโพสต์อะไรแบบนี้
++ผมคิดว่ามันดีนะครับที่ผมมีแฟน แต่มันคงไม่ถูกต้องถ้าไม่บอกแฟนๆ ขอโทษสำหรับเรื่องนี้ด้วยนะครับ
++แม้พฤติกรรมนี้ของผมมันจะไม่เหมาะสม แต่ผมก็อยากจะขอบคุณและขอโทษแฟนคลับทุกคนจากใจครับ
++ผมอยากจะใกล้ชิดกับแฟนๆ ให้มากขึ้น แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากความเขินอาย...
++ผมอายที่จะยิ้มให้กับทุกคนโดยไม่บอกความจริงใดๆ
++ผมอยากแสดงตัวตนที่แท้จริงให้ทุกคนได้เห็นว่าผมเป็นคนยังไงโดยที่ไม่ต้องปิดบังอะไร
++ในอนาคต ผมอยากให้ทุกคนได้พบกับตัวตนแท้จริงของผม พร้อมกับภาพลักษณ์และรอยยิ้มที่สดใส
++ผมจะทำงานอย่างหนักเพื่อเติบโตขึ้นในฐานะของสมาชิกบล็อกบีให้ทุกคนได้เห็นนะครับ ^^
++แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็อยากจะขอโทษและขอบคุณบีบีซีทุกคนมากครับ.
ไม่ว่าใครจะพูดยังไง แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ทำไปมันถูกต้อง ผมแค่อยากปกป้องเธอเท่าที่ผมทำได้
ผมอยากปกป้องรอยยิ้มของผม ผมแค่อยากเห็นเธอมีความสุข เพราะเธอคือความสุขของผม
ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ และสนับสนุนด้วยนะครับ
- * * * * * * - KIMYUKWON - * * * * * * -
จบแล้วรู้สึกยังไงกันมั่งอ่ะ
ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่ง 99% ไม่มีมูลความจริงใดๆ นอกจากที่รู้ๆ กันอยู่แล้วคือ
ยูควอนประกาศว่าผมามีแฟนแล้วครับ ^^
ที่แต่งนี่ไม่ใช่ไรนะ แค่ความอยากรู้ อยากสะเอือก(อ่านเร็วๆ จะได้อรรถรส) ของเราเอง
คืออารมณ์แบบ อยากรู้ว่าพบกันได้ยังไง คบกันมานานยัง เป็นยังไงมั่งไรแบบนี้
อยากถามเจ้าตัวก็คงไม่ตอบ
อีกทั้งเกาหลีไม่กระดิก อิงลิชก็ไม่กระเตื้อง
ก็เลย...
เอาวะ!! จิ้นเอง มโนเอง เอาที่เคยรู้เคยได้ยินมาแต่ง
สรุปก็ออกมาแบบนี้ การดำเนินเรื่องมันเื่ลยเฉื่อยไปนิดเนอะ
ไอ่บทความที่ควอนเขียนน่ะ ทีแรกจะแปลจากเกาหลีเองแล้ว
แต่มันไม่ไหวจริงๆ เอาตามที่มันมีอิ๊งแปลมาเลยละกัน
มอบเครดิตอิ๊งทรานส์ให้ all kpop กับ ไทยทรานส์ (นิดๆ) ให้เว็บกระปุก
มีอันเดียวมั้ง ที่แปลเอง ฮ่าา
แปลถูกบ้างไม่ถูกบ้างก็อย่าว่ากัน บอกแล้วเราง่อยอิ๊ง
บ่นมาซะเยอะมีคนอ่านรึเปล่าก็ไม่รู้
ปล. ตอนหน้า Yaoi แน่นอนจ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น