ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ALICE] Poison รักเธอจึงต้องฆ่า [Y]uri

    ลำดับตอนที่ #4 : #3

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 56


    #3

     

    ...แรงจูงใจ...

    ...ทุกๆคนนั้นมีแรงจูงใจไม่เหมือนกัน...

    ...แรงจูงใจนั้นมีสิ่งทีดีและแรงจูงใจที่ไม่ดี...

    ...และแรงจูงใจนี้แหละ ทำให้ดิฉันเริ่มฆ่าคนเพราะมีบางสิ่งกระตุ้นดิฉัน...

    ...มันก็คือ...

     

    “ห๊าพวกรุ่นพี่นอนด้วยกันเหรอเมื่อวานน่ะ...!?”เสียงตะโกนแหลมดังมาจากรุ่นน้องที่ตามติดเรนะจังมาก เธอคืออควาจัง เธออยู่ชั้นม.4  เธอเป็นสาวร่าเริงและคบหาเพื่อนหญิงง่ายกว่าเพื่อนผู้ชายซะอีกเพราะว่าเธอเกลียดผู้ชาย  ตอนนี้เธอมีอาชีพนั้นคือดาราค่ะ  ไม่ต้องตกใจนะค่ะ! นั้นเป็นเพราะอความีความสามารถร้องเพลงได้ไพเราะมากแถมเข้าสังคมง่ายสุดๆ   รสนิยมของเธอคือชอบผู้หญิงค่ะแล้วหนึ่งในนั้นก็เป็นเรนะจัง

    “ก็กะว่าจะชวนเธออยู่หรอกนะ แต่พอไปหาทุกคนก็บอกว่าเธอไปทำงานแล้ว”เรนะเอ่ยพูด

    “โธ่เอ๊ยๆๆ เสียดายที่สุดในสามโลกเลย!  ฉันอิจฉาเธอจริงๆเซร่า!”อควาหันมาพูดกับเซร่าด้วยความอิจฉาที่เธอไม่ได้นอนบ้านเรนะที่เธอชอบและนับถือ

    “ถ้างั้นเธอก็มานอนกับพวกฉันอีกสิ”

    “เอ๊ะ จริงเหรอค่ะรุ่นพี่!!?

    “ก็ถ้าเธอว่างล่ะนะ”

    “เย้ๆๆ!! รุ่นพี่เรนะใจดีจังเลย!”ดิฉันมองอควาและเรนะกำลังพูดคุยโดนที่อควาจังก็มือไวแอบจับมือเรนะจัง บอกตามตรงว่าดิฉันก็แอบไม่พอใจบ้างล่ะนะ  แต่อควาก็เป็นแบบนี้แหละดิฉันจึงไม่ถือสาอะไรแต่ดิฉันก็ยังไม่พอใจอยู่ดี

    “จะว่าไปแล้วนะเซร่า มือเธอไปโดนอะไรมาน่ะ?

    “อะ อ้อ! เพราะดิฉันซุ่มซ่ามเองแหละ  แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วดิฉันว่าดิฉันเอาออกดีกว่า”ว่าแล้วเซร่าจึงถอดถุงมือออก รอยช้ำกับรอยถูกเปลวไฟนั้นหายไปหมดแล้ว  ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะมีใครสงสัยแผลของเธออีก

    “หึๆๆ~ ทีนี้ฉันก็ได้เห็นเรือนร่างของพวกเธอชัดแล้วสิวันนี้”

    “เหวอ! อย่าทำสายตาแบบนั้นสิค่ะอควาจัง!

    “ฮ่าๆๆๆ ฉันสงสัยจริงๆว่าพวกเธอไซต์เท่าไรกัน?  อ๊ะ แต่รุ่นพี่ต้องเป็นที่หนึ่งแน่นอน”และทันใดนั้นโทรศัพท์ของอควาก็ดังขึ้น เธอกดรับสายและสักพักเธอก็หันกลับมามองเรนะและเซร่าด้วยสีหน้าที่เสียดาย

    “งาน...อีกแล้วสินะค่ะ?”อควาจังเนี่ยงานยุ่งเนอะ...

    “ฮือๆๆ ทำไมงานมันจะต้องมาตอนที่ฉันเป็นสุขด้วยเนี่ย  แบบนี้ฉันก็อดเห็นเรือนร่างของรุ่นพี่น่ะสิ~”

    “เอาน่าๆ ดาราก็แบบนี้แหละเพราะแม่ฉันก็เป็นเหมือนกัน  เอาเป็นว่าพยายามทำงานเถอะ  แต่ถ้าว่างเมื่อไรเธอก็มานอนกับฉันก็ได้”อควาพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเก็บของเพื่อไปทำหน้าที่เป็นดาราขวัญใจคนอื่นนับล้าน

    “อควาจังเนี่ยยุ่งน่าดูเนอะ”

    “ก็เป็นถึงดารานี่นา แต่ให้เทียบกับแม่เนี่ยเทียบไม่ติดเลย  แม่ฉันเท่สุด”ดิฉันหัวเราะกับคำพูดของเรนะจัง อันที่จริงแล้วพ่อแม่ของเรนะจังก็อยู่ในเป้าหมายดิฉันเหมือนกันค่ะ แต่เพราะว่าดิฉันยังไม่รู้นิสัยของพวกเขามากพอจึงไม่สามารถลงมือได้ ถึงเรนะจังจะบอกพวกท่านดีกับเขามากแต่ดิฉันยังทำใจเชื่อไม่ลง   เพราะในโลกใบนี้น่ะ...ไม่มีใครรักเท่าตัวเองอีกแล้ว  และมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ดิฉันยังไม่ฆ่าพวกเขา

    “เอาไงต่อล่ะเซร่า?”หลังจากตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองนานดิฉันก็ได้สติกลับมา ดิฉันยิ้มก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายไป

    “...ดิฉันจะขอตัวกลับก่อนนะค่ะ นึกขึ้นได้ว่าต้องทำธุระ”

    “แล้ววันนี้เธอจะนอนค้างต่อมะ?

    “เอาไว้วันหลังนะค่ะ ขืนอควารู้ว่าดิฉันค้างบ้านเรนะจังบ่อยๆจะเคื่องดิฉันเอา”แล้วดิฉันกับเรนะจังก็แย่งทางกัน ดิฉันรีบกลับบ้านตัวเองอย่างเร่งรีบ  ดิฉันวิ่งขึ้นไปในห้องเก็บของที่เก็บอุปกรณ์ทรมานต่างๆที่ถูกดับกลิ่นอื่นแทนกลิ่นคาวเลือดเพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย ดิฉันหยิบเข็มฉีดยาบรรจุยาสลบกับยาพิษที่ผสมรวมกับยาเบื่อหนูเพื่อให้ออกฤทธิ์เร็วๆเอาไว้อย่างล่ะ 2 หลอดโดยเก็บแนบกับขาที่ถูกปดบังกางเกงซับใน

    “...คนเลว ใช้เรนะจังเป็นโล่ชัดๆ.....”ดิฉันกล่าวกับตัวเองหลังจากนึกเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่เธอไม่ฆ่าพ่อแม่แม้ในใจจะอยากฆ่ามากก็ตาม  นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขามีเรนะจังอยู่  ดิฉันรู้ดีว่าเรนะจังรักพ่อแม่ของเขามากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเธอก็ยังเฝ้าบอกว่าเธอรักพวกเขาเหลือเกิน   และความรักต่อพวกเขานั้นทำให้ดิฉันไม่อาจเข้าไปทำลายง่ายๆ  พวกเขาคือสิ่งสำคัญของเรนะจัง... ถ้าเกิดเรนะจังสูญเสียเขาไปเธอคงเสียใจมากและดิฉันก็ไม่อยากเห็นใบหน้านั้นด้วย   ดิฉันคือฆาตกรที่ฆ่าฟันพ่อแม่คนอื่นเพื่อปกป้องเด็กที่ถูกกระทำอย่างโหดร้าย....

    “หึ แบบนี้จะถือว่าเป็นการเอาเปรียบคนอื่นไหมนะ”

     

    .

    .

    .

    “แฮ่กๆๆ วะ วันนี้ก็จัดการได้มากกว่าเดิมแฮะ...”ดิฉันพูดกับตัวเองหลังจากลงมือสังหารคู่พ่อแม่ที่เป็นเป้าหมายของดิฉันสำเร็จไปแล้วมากกว่า 3 คู่  วันนี้ที่ดิฉันออกล่าเหยื่อมากเป็นเท่าตัวก็เพื่อลบล้างความคิดที่จะทำให้ดิฉันกลับไปเป็นคนอ่อนแอหลังจากปิดชีพคู่สามีภรรยาที่ข่มขื่นลูกตัวเองและตบตีลูกไป  พวกเขาทำให้ดิฉันนึกอดีตของตัวเองและสาเหตุที่ดิฉันเริ่มเป็นฆาตกร

     

    ...เพราะแกคนเดียว!! พอแกมาบราโก้ก็ไม่อยู่เล่นกับฉันอีกเลย ถ้าไม่มีแกก็ดีอยู่นังเด็กโสโครก!!!...

     

    ดิฉันที่ถูกพ่อแม่บุญธรรมเก็บมาเลี้ยงด้วยเหตุผลบางอย่าง  ดิฉันเคยดีใจที่มีคนจะเลี้ยงดูและส่งมอบความรักทุกัน  แต่ความคิดนั้นก็ถูกทำลายเหมือนการปากระจกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ...   คุณแม่บอกว่าเกลียดดิฉันและทำร้ายดิฉันอยู่เรื่อยไป  เป็นเพราะดิฉันเป็นมารผจญที่ทำให้แม่ไม่ได้อยู่กับพ่อเลย  เพราะว่าคุณพ่อน่ะ... ฮึก!

     

    ...เอาล่ะ วันนี้แกคงรู้หน้าที่ดีสินะ  ถอดซะ!...

     

    เพราะว่าคุณพ่อมักอยู่กับดิฉันมากกว่าแม่หลังจากดิฉันเข้ามาในบ้านพวกท่าน ตอนแรกๆดิฉันก็ดีใจที่พอเอาใจใส่ดิฉัน  แต่ความรู้สึกนั้นของดิฉันก็พังทลายเมื่อคืนหนึ่งดิฉันถูกคุณพ่อขมขื่นทั้งๆที่ดิฉัน...ยังอายุแค่ 7 ขวบ  แม้ว่าดิฉันจะบอกหรือขอร้องท่านว่าเลิกทำเถอะ’,‘ดิฉันกลัวแล้ว  แต่คุณพ่อก็ไม่เคยทำตามคำร้องเหล่านั้นเลย  ดิฉันทั้งถูกตบตี ถูกสอดใส่ด้วยของแปลกๆ  แถมยังถูกเพื่อนชายของคุณพ่อรุมโทรมอีก จนดิฉันอายุ 10 ขวบ  ดิฉันจึงตัดสินใจหนีจากบ้านที่ราวกับฝันร้ายนั้นซะ  แต่แผนที่ดิฉันวางไว้มันก็ไม่สำเร็จ.... ดิฉันถูกขังเอาไว้ในห้องแต่แค่นั้นมันไม่ได้หยุดดิฉันได้เลย  ในเมื่อหนีไม่ได้....  ฆ่าทิ้งก็จบ!!!

     

    “ไม่ว่าพ่อแม่หน้าไหน...!  ไม่ว่าใครๆก็เห็นแก่ตัวเอง...!!  ไม่มีหรอกน่าไอ้พ่อแม่ใจดีแบบนั้น!!!”ดิฉันตะโกนพร้อมกับหยิบไม้เบสบอลของผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาตีศพที่ดิฉันฆ่าไปอย่างระบายอารมณ์โกรธที่กลับมานานนับหลายปีออกมา  ถ้าใครเห็นคงคิดว่าดิฉันมันมารร้ายชัดๆ...

    “ตาย...! ตายซะ...!!  หายๆไปซะ!!!”หลังจากที่ดิฉันระบายคำพูดที่ไม่เหมาะกับดิฉันออกมาหมดแล้วดิฉันปล่อยไม้เบสบอลที่เลอะเลือดลงพื้นพลางมองศะที่ถูกทุบตีจนหน้าเละจนดูไม่ออกว่าเขาเป็นใคร  อา... เสียเวลามากแล้วสิ ต้องรีบกำจัดศพและหลักฐานทิ้งซะแล้วสิ.....

     

    .

    .

    .

    “แง่ะ!! ข่าวฆาตกรนี้อีกแล้วอ่ะ!”เสียงร้องเหวอของประชาชนในเมืองที่ดิฉันกำลังเดิน ดิฉันหยุดเดินแล้วหันไปดูพวกเขาที่ทำหน้าหวาดกลัว ยิ่งดิฉันเห็นสีหน้าของคนพวกนี้และยิ่งเป็นพวกที่แต่งงานมีลูกแล้วยิ่งทำให้ดิฉันสะใจ  อย่างน้อยคงทำให้พวกเขาสำนึกได้บ้างล่ะนะ แต่ถ้าไม่.....ดิฉันก็จะลงโทษพวกเขา

    ม...พ... มันไม่พอหรอก

    !!?”ดิฉันตกใจกับเสียงกระซิบนั้น ดิฉันหันซ้ายขวาและข้างหลังอย่างสงสัยว่าใครเป็นคนพูด แต่ก็พบกับว่าไม่มีใครพูดในระยะใกล้เลย ดิฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจึงเดินไปต่อจนถึงทางยาวด้านข้างไกลๆนั้นก็ที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน   ดิฉันคงคิดไปเอง

    แค่นี้น่ะ... พอใจแล้วจริงๆเหรอ?  มันพอแล้วสำหรับเธอเหรอ...?’

    “คะ ใครน่ะ!?”เอาอีกแล้ว เสียงนี้... ทำไมดิฉันถึงคุ้นเคยขนาดนี้  เอ๊ะ! เดี๋ยวสิ ทำไมข้างหน้าดิฉันถึงมืดขนาดนี้ล่ะ!?  แล้วใครมาจับไหล่ดิฉันจากข้างหลัง...!?

    ไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกมันอาจไม่สำนึกในสิ่งที่บอกก็ได้นะ มันไม่พอหรอกนะ มักต้องมากกว่านี้สิ...

    “พูดเรื่องอะไรน่ะดิฉันไม่เข้าใจ!!

    เธอก็แค่เปลี่ยนวิธีการณ์ซะสิ ยกตัวอย่างเช่น-

    “หยุดนะ------!!!”ดิฉันตะโกนออกมาโดยที่มือปิดหูแน่นกับเสียงที่ดิฉันไม่อยากฟัง และจู่ๆภาพที่มืดไปหมดนั้นก็กลับมาเป็นอย่างเดิม  ดิฉันกระพริบตา 2-3 ครั้งอย่างงงๆกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี่

     

    .

    .

    .

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...?

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×