คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : #3
#3
...แรงจูงใจ...
...ทุกๆคนนั้นมีแรงจูงใจไม่เหมือนกัน...
...แรงจูงใจนั้นมีสิ่งทีดีและแรงจูงใจที่ไม่ดี...
...และแรงจูงใจนี้แหละ ทำให้ดิฉันเริ่มฆ่าคนเพราะมีบางสิ่งกระตุ้นดิฉัน...
...มันก็คือ...
“ห๊า! พวกรุ่นพี่นอนด้วยกันเหรอเมื่อวานน่ะ...!?”เสียงตะโกนแหลมดังมาจากรุ่นน้องที่ตามติดเรนะจังมาก เธอคืออควาจัง เธออยู่ชั้นม.4 เธอเป็นสาวร่าเริงและคบหาเพื่อนหญิงง่ายกว่าเพื่อนผู้ชายซะอีกเพราะว่าเธอเกลียดผู้ชาย ตอนนี้เธอมีอาชีพนั้นคือดาราค่ะ ไม่ต้องตกใจนะค่ะ! นั้นเป็นเพราะอความีความสามารถร้องเพลงได้ไพเราะมากแถมเข้าสังคมง่ายสุดๆ รสนิยมของเธอคือชอบผู้หญิงค่ะแล้วหนึ่งในนั้นก็เป็นเรนะจัง
“ก็กะว่าจะชวนเธออยู่หรอกนะ แต่พอไปหาทุกคนก็บอกว่าเธอไปทำงานแล้ว”เรนะเอ่ยพูด
“โธ่เอ๊ยๆๆ เสียดายที่สุดในสามโลกเลย! ฉันอิจฉาเธอจริงๆเซร่า!”อควาหันมาพูดกับเซร่าด้วยความอิจฉาที่เธอไม่ได้นอนบ้านเรนะที่เธอชอบและนับถือ
“ถ้างั้นเธอก็มานอนกับพวกฉันอีกสิ”
“เอ๊ะ จริงเหรอค่ะรุ่นพี่!!?”
“ก็ถ้าเธอว่างล่ะนะ”
“เย้ๆๆ!! รุ่นพี่เรนะใจดีจังเลย!”ดิฉันมองอควาและเรนะกำลังพูดคุยโดนที่อควาจังก็มือไวแอบจับมือเรนะจัง บอกตามตรงว่าดิฉันก็แอบไม่พอใจบ้างล่ะนะ แต่อควาก็เป็นแบบนี้แหละดิฉันจึงไม่ถือสาอะไรแต่ดิฉันก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
“จะว่าไปแล้วนะเซร่า มือเธอไปโดนอะไรมาน่ะ?”
“อะ อ้อ! เพราะดิฉันซุ่มซ่ามเองแหละ แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วดิฉันว่าดิฉันเอาออกดีกว่า”ว่าแล้วเซร่าจึงถอดถุงมือออก รอยช้ำกับรอยถูกเปลวไฟนั้นหายไปหมดแล้ว ตอนนี้เธอไม่ต้องกังวลแล้วว่าจะมีใครสงสัยแผลของเธออีก
“หึๆๆ~ ทีนี้ฉันก็ได้เห็นเรือนร่างของพวกเธอชัดแล้วสิวันนี้”
“เหวอ! อย่าทำสายตาแบบนั้นสิค่ะอควาจัง!”
“ฮ่าๆๆๆ ฉันสงสัยจริงๆว่าพวกเธอไซต์เท่าไรกัน? อ๊ะ แต่รุ่นพี่ต้องเป็นที่หนึ่งแน่นอน”และทันใดนั้นโทรศัพท์ของอควาก็ดังขึ้น เธอกดรับสายและสักพักเธอก็หันกลับมามองเรนะและเซร่าด้วยสีหน้าที่เสียดาย
“งาน...อีกแล้วสินะค่ะ?”อควาจังเนี่ยงานยุ่งเนอะ...
“ฮือๆๆ ทำไมงานมันจะต้องมาตอนที่ฉันเป็นสุขด้วยเนี่ย แบบนี้ฉันก็อดเห็นเรือนร่างของรุ่นพี่น่ะสิ~”
“เอาน่าๆ ดาราก็แบบนี้แหละเพราะแม่ฉันก็เป็นเหมือนกัน เอาเป็นว่าพยายามทำงานเถอะ แต่ถ้าว่างเมื่อไรเธอก็มานอนกับฉันก็ได้”อควาพยักหน้าหงึกๆก่อนจะเก็บของเพื่อไปทำหน้าที่เป็นดาราขวัญใจคนอื่นนับล้าน
“อควาจังเนี่ยยุ่งน่าดูเนอะ”
“ก็เป็นถึงดารานี่นา แต่ให้เทียบกับแม่เนี่ยเทียบไม่ติดเลย แม่ฉันเท่สุด”ดิฉันหัวเราะกับคำพูดของเรนะจัง อันที่จริงแล้วพ่อแม่ของเรนะจังก็อยู่ในเป้าหมายดิฉันเหมือนกันค่ะ แต่เพราะว่าดิฉันยังไม่รู้นิสัยของพวกเขามากพอจึงไม่สามารถลงมือได้ ถึงเรนะจังจะบอกพวกท่านดีกับเขามากแต่ดิฉันยังทำใจเชื่อไม่ลง เพราะในโลกใบนี้น่ะ...ไม่มีใครรักเท่าตัวเองอีกแล้ว และมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ดิฉันยังไม่ฆ่าพวกเขา
“เอาไงต่อล่ะเซร่า?”หลังจากตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองนานดิฉันก็ได้สติกลับมา ดิฉันยิ้มก่อนจะตอบคำถามของอีกฝ่ายไป
“...ดิฉันจะขอตัวกลับก่อนนะค่ะ นึกขึ้นได้ว่าต้องทำธุระ”
“แล้ววันนี้เธอจะนอนค้างต่อมะ?”
“เอาไว้วันหลังนะค่ะ ขืนอควารู้ว่าดิฉันค้างบ้านเรนะจังบ่อยๆจะเคื่องดิฉันเอา”แล้วดิฉันกับเรนะจังก็แย่งทางกัน ดิฉันรีบกลับบ้านตัวเองอย่างเร่งรีบ ดิฉันวิ่งขึ้นไปในห้องเก็บของที่เก็บอุปกรณ์ทรมานต่างๆที่ถูกดับกลิ่นอื่นแทนกลิ่นคาวเลือดเพื่อไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย ดิฉันหยิบเข็มฉีดยาบรรจุยาสลบกับยาพิษที่ผสมรวมกับยาเบื่อหนูเพื่อให้ออกฤทธิ์เร็วๆเอาไว้อย่างล่ะ 2 หลอดโดยเก็บแนบกับขาที่ถูกปดบังกางเกงซับใน
“...คนเลว ใช้เรนะจังเป็นโล่ชัดๆ.....”ดิฉันกล่าวกับตัวเองหลังจากนึกเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่เธอไม่ฆ่าพ่อแม่แม้ในใจจะอยากฆ่ามากก็ตาม นั้นเป็นเพราะว่าพวกเขามีเรนะจังอยู่ ดิฉันรู้ดีว่าเรนะจังรักพ่อแม่ของเขามากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนเธอก็ยังเฝ้าบอกว่าเธอรักพวกเขาเหลือเกิน และความรักต่อพวกเขานั้นทำให้ดิฉันไม่อาจเข้าไปทำลายง่ายๆ พวกเขาคือสิ่งสำคัญของเรนะจัง... ถ้าเกิดเรนะจังสูญเสียเขาไปเธอคงเสียใจมากและดิฉันก็ไม่อยากเห็นใบหน้านั้นด้วย ดิฉันคือฆาตกรที่ฆ่าฟันพ่อแม่คนอื่นเพื่อปกป้องเด็กที่ถูกกระทำอย่างโหดร้าย....
“หึ แบบนี้จะถือว่าเป็นการเอาเปรียบคนอื่นไหมนะ”
.
.
.
“แฮ่กๆๆ วะ วันนี้ก็จัดการได้มากกว่าเดิมแฮะ...”ดิฉันพูดกับตัวเองหลังจากลงมือสังหารคู่พ่อแม่ที่เป็นเป้าหมายของดิฉันสำเร็จไปแล้วมากกว่า 3 คู่ วันนี้ที่ดิฉันออกล่าเหยื่อมากเป็นเท่าตัวก็เพื่อลบล้างความคิดที่จะทำให้ดิฉันกลับไปเป็นคนอ่อนแอหลังจากปิดชีพคู่สามีภรรยาที่ข่มขื่นลูกตัวเองและตบตีลูกไป พวกเขาทำให้ดิฉันนึกอดีตของตัวเองและสาเหตุที่ดิฉันเริ่มเป็นฆาตกร
...เพราะแกคนเดียว!! พอแกมาบราโก้ก็ไม่อยู่เล่นกับฉันอีกเลย ถ้าไม่มีแกก็ดีอยู่นังเด็กโสโครก!!!...
ดิฉันที่ถูกพ่อแม่บุญธรรมเก็บมาเลี้ยงด้วยเหตุผลบางอย่าง ดิฉันเคยดีใจที่มีคนจะเลี้ยงดูและส่งมอบความรักทุกัน แต่ความคิดนั้นก็ถูกทำลายเหมือนการปากระจกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ... คุณแม่บอกว่าเกลียดดิฉันและทำร้ายดิฉันอยู่เรื่อยไป เป็นเพราะดิฉันเป็นมารผจญที่ทำให้แม่ไม่ได้อยู่กับพ่อเลย เพราะว่าคุณพ่อน่ะ... ฮึก!
...เอาล่ะ วันนี้แกคงรู้หน้าที่ดีสินะ ถอดซะ!...
เพราะว่าคุณพ่อมักอยู่กับดิฉันมากกว่าแม่หลังจากดิฉันเข้ามาในบ้านพวกท่าน ตอนแรกๆดิฉันก็ดีใจที่พอเอาใจใส่ดิฉัน แต่ความรู้สึกนั้นของดิฉันก็พังทลายเมื่อคืนหนึ่งดิฉันถูกคุณพ่อขมขื่นทั้งๆที่ดิฉัน...ยังอายุแค่ 7 ขวบ แม้ว่าดิฉันจะบอกหรือขอร้องท่านว่า‘เลิกทำเถอะ’,‘ดิฉันกลัวแล้ว’ แต่คุณพ่อก็ไม่เคยทำตามคำร้องเหล่านั้นเลย ดิฉันทั้งถูกตบตี ถูกสอดใส่ด้วยของแปลกๆ แถมยังถูกเพื่อนชายของคุณพ่อรุมโทรมอีก จนดิฉันอายุ 10 ขวบ ดิฉันจึงตัดสินใจหนีจากบ้านที่ราวกับฝันร้ายนั้นซะ แต่แผนที่ดิฉันวางไว้มันก็ไม่สำเร็จ.... ดิฉันถูกขังเอาไว้ในห้องแต่แค่นั้นมันไม่ได้หยุดดิฉันได้เลย ในเมื่อหนีไม่ได้.... ฆ่าทิ้งก็จบ!!!
“ไม่ว่าพ่อแม่หน้าไหน...! ไม่ว่าใครๆก็เห็นแก่ตัวเอง...!! ไม่มีหรอกน่าไอ้พ่อแม่ใจดีแบบนั้น!!!”ดิฉันตะโกนพร้อมกับหยิบไม้เบสบอลของผู้เคราะห์ร้ายขึ้นมาตีศพที่ดิฉันฆ่าไปอย่างระบายอารมณ์โกรธที่กลับมานานนับหลายปีออกมา ถ้าใครเห็นคงคิดว่าดิฉันมันมารร้ายชัดๆ...
“ตาย...! ตายซะ...!! หายๆไปซะ!!!”หลังจากที่ดิฉันระบายคำพูดที่ไม่เหมาะกับดิฉันออกมาหมดแล้วดิฉันปล่อยไม้เบสบอลที่เลอะเลือดลงพื้นพลางมองศะที่ถูกทุบตีจนหน้าเละจนดูไม่ออกว่าเขาเป็นใคร อา... เสียเวลามากแล้วสิ ต้องรีบกำจัดศพและหลักฐานทิ้งซะแล้วสิ.....
.
.
.
“แง่ะ!! ข่าวฆาตกรนี้อีกแล้วอ่ะ!”เสียงร้องเหวอของประชาชนในเมืองที่ดิฉันกำลังเดิน ดิฉันหยุดเดินแล้วหันไปดูพวกเขาที่ทำหน้าหวาดกลัว ยิ่งดิฉันเห็นสีหน้าของคนพวกนี้และยิ่งเป็นพวกที่แต่งงานมีลูกแล้วยิ่งทำให้ดิฉันสะใจ อย่างน้อยคงทำให้พวกเขาสำนึกได้บ้างล่ะนะ แต่ถ้าไม่.....ดิฉันก็จะลงโทษพวกเขา
‘ม...พ... มันไม่พอหรอก’
“!!?”ดิฉันตกใจกับเสียงกระซิบนั้น ดิฉันหันซ้ายขวาและข้างหลังอย่างสงสัยว่าใครเป็นคนพูด แต่ก็พบกับว่าไม่มีใครพูดในระยะใกล้เลย ดิฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วจึงเดินไปต่อจนถึงทางยาวด้านข้างไกลๆนั้นก็ที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ดิฉันคงคิดไปเอง
‘แค่นี้น่ะ... พอใจแล้วจริงๆเหรอ? มันพอแล้วสำหรับเธอเหรอ...?’
“คะ ใครน่ะ!?”เอาอีกแล้ว เสียงนี้... ทำไมดิฉันถึงคุ้นเคยขนาดนี้ เอ๊ะ! เดี๋ยวสิ ทำไมข้างหน้าดิฉันถึงมืดขนาดนี้ล่ะ!? แล้วใครมาจับไหล่ดิฉันจากข้างหลัง...!?
‘ไม่คิดบ้างเหรอว่าพวกมันอาจไม่สำนึกในสิ่งที่บอกก็ได้นะ มันไม่พอหรอกนะ มักต้องมากกว่านี้สิ...’
“พูดเรื่องอะไรน่ะดิฉันไม่เข้าใจ!!”
‘เธอก็แค่เปลี่ยนวิธีการณ์ซะสิ ยกตัวอย่างเช่น-’
“หยุดนะ------!!!”ดิฉันตะโกนออกมาโดยที่มือปิดหูแน่นกับเสียงที่ดิฉันไม่อยากฟัง และจู่ๆภาพที่มืดไปหมดนั้นก็กลับมาเป็นอย่างเดิม ดิฉันกระพริบตา 2-3 ครั้งอย่างงงๆกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี่
.
.
.
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...?
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น