คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Spill Over :: Sick
You make me sick
Please cure me
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ผมไม่เคยคิดเลยว่าผม ..จะมีวันนี้
พั๊ว!!
“ชานยอล! ว๊าย! ตายแล้ว!”
“ยังไม่ตายครับแม่” = = ผมโดนแม่ฟาดไปทีนึงโทษฐานกวนไม่ดูสถานการณ์ ท่านดูจะตกใจมากเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นสภาพใบหน้าอันยับเยินของผม
“บอกแม่ทีว่านี่คือแผลจากการตกบันได” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าแล้วส่งสายตาสำนึกผิดไปให้ท่าน
“ผมขอโทษ” ผมไม่รู้จะพูดอะไรให้มันดีไปกว่านี้ แต่ก่อนที่แม่จะได้เปิดปากตอบอะไร อาจารย์ปกครองก็เดินเข้ามาขัดซะก่อน
“เชิญผู้ปกครองนั่งก่อนดีกว่าครับ เราจะได้คุยกันสบายๆ” ^^ ..สบายมากเลยครับอาจารย์ สมาชิกในห้องแทบจะฆ่ากันตาย(ทางสายตา)ได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้ เลยได้แต่มองแม่เดินไปนั่งที่โซฟาข้างๆแม่ของแบคฮยอนและถัดมาก็คือพ่อของไอ้ยูโฮซอก ส่วนแบคฮยอนผมและไอ้เชี่ยหน้าเบี้ยวนั่นก็นั่งอยู่ที่พื้นฝั่งตรงข้ามโดยที่ผมนั่งอยู่ตรงกลาง ..ถ้าถามว่าตอนนี้ผมอยู่ไหน คำตอบคือ ห้องปกครองครับ - -
ส่วนเหตุผลนั้นมันคงดูเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกนักเลงแบบแบคฮยอนและไอ้หน้าเฮี้ยยูโฮซอก แต่สำหรับผม นักเรียนดีเด่นสองปีซ้อน(ไม่ได้โม้นะ แต่ผมสอบได้ที่หนึ่งของสายชั้นมาสองปีแล้ว ผมเคยบอกแล้วไงว่าผมเป็นคนฉลาด -.,-)แบบผมมันคือเรื่องไม่น่าเชื่อและผมก็ไม่เคยคิดจริงๆว่าผม ..จะมีวันนี้
..มันช่วยไม่ได้จริงๆ ผมแทบจะบ้าตอนเห็นไอ้หน้าแบนนั่นพยายามจะปลุกปล้ำแบคฮยอน!! ตอนนั้นในสมองมันว่างเปล่าไปหมด ผมรู้สึกเหมือนเดอะฮัคตอนกระชากไอ้เชี่ยโฮซอกตัวปลิว ผมต่อยมันไม่ยั้ง ทั้งถีบทั้งกระทืบซ้ำจนมันแทบจะตายคาตีนผมถ้าไม่มีใครมาห้ามเสียก่อน มันไม่มีโอกาสแม้แต่จะปริปากหรือตอบโต้ผมก็โดนหามส่งห้องพยาบาลไปแล้ว ใจเสาะชะมัด ..ส่วนรอยเขียวคล้ำบนใบหน้าผม จะใครล่ะครับถ้าไม่ใช่ผลงานของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ
“จะโดนมันปล้ำอยู่แล้วทำไมไม่ตะโกนเรียกกู!!”
พั๊ว!! ..โดนไปหนึ่งหมัดเมื่อผมพูดประโยคนั้นกับแบคฮยอนหลังจากไอ้หน้าเบี้ยวโฮซอกนั่นโดนลากออกไปแล้ว
“ปล้ำเฮี้ยอะไร!!”
“โดนกดติดกำแพง โดนไซร้ขนาดนั้นไม่เรียกว่าปล้ำแล้วจะเรียกว่าอะไร!!”
พั๊ว!! ..เลือดกบปากเลยทีเดียวครับหลังจากโดนหมัดที่สองเข้าไป
“เชี่ย!! เลิกพ่นอะไรทุเรศๆซักที!! กูกำลังจะอัดมันอยู่แล้ว!! กูช่วยตัวเองได้!! มึงคิดว่ามึงเป็นพระเอกหรือไง!!”
“มึงนั่นแหละหัดระวังตัวซะมั่ง!! ตัวก็แค่นี้ทำเป็นซ่า!! หรืออยากจะให้กูปล้ำมึงให้ดูจะได้รู้สึกซะบ้าง!!”
พั๊ว!!
“เชี่ย!! ไปตายไป!! ว๊ากกกกก ก!! ปล่อยกู!!” ตอนนั้นผมโมโหจนตามัวหลังจากทนเสียงแว๊ดๆกับประโยคเฮ้วๆของแบคฮยอนไม่ไหวผมก็อุ้มเค้าพาดบ่าแล้วเดินผ่านเกาหลีมุงตรงไปยังตึกเรียนทันที…
“ผู้ปกครองคงจะทราบเหตุผลที่ผมขอเรียกพบทางโทรศัพท์แล้วนะครับ เพราะฉะนั้นผมจะเข้าเรื่องเลย” ผมตื่นจากภวังค์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์แว่วเข้ามาในหู ผมไล่ภาพรบกวนจิตใจออกไปแล้วกลับมาตั้งใจฟังอีกครั้ง
“วันนี้เมื่อเวลา 12 นาฬิกา สิบหกนาที ปาร์คชานยอลและยูโฮซอกมีเรื่องชกต่อยกันภายในโรงเรียน โดยมีพยอนแบคฮยอนเป็นตัวต้นเหตุ”
ทุกคนต่างก็เงียบฟังอาจารย์พูด สีหน้าแม่ของผมและแบคฮยอนอยู่ในอารมณ์เดียวกันคือมีแววกังวลและความเป็นห่วงปะปนกันอยู่บนใบหน้า ในขณะที่พ่อของไอ้เชี่ยโฮซอกดูจะนิ่งและมีแววโมโห ท่านเอาแต่จ้องหน้าลูกชายในสภาพยับเยินด้วยสายตาคมกริบ ส่วนมันก็ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาใครทั้งนั้นแต่ดูจากมือมันที่กำแน่นแล้วคงโกรธและแค้นผมน่าดู
..ส่วนคนตัวเล็กข้างๆผม ดูเหมือนจะเรียบร้อยผิดปกติ นั่งนิ่งไม่มีเถียงสักคำ
“ในกรณีของยูโฮซอก เธอมีคู่กรณีสองคนคือพยอนแบคฮยอนและปาร์คชานยอล ..ในกรณีของปาร์คชานยอลครูจะถือว่าเธอไม่ผิดเพราะปาร์คชานยอลเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ..แต่ในกรณีของพยอนแบคฮยอนเธอผิดเต็มๆเพราะฉะนั้นครูจะทำทัณฑ์บนไว้ก่อนแล้วถ้าเธอทำแบบนั้นกับพยอนแบคฮยอนอีกทางโรงเรียนคงต้องไล่เธอออก ผู้ปกครองเซ็นรับทราบด้วยนะครับ” อาจารย์ปกครองยื่นเอกสารให้พ่อของไอ้เชี่ยโฮซอกแต่ท่านกลับไม่ยอมรับไปเซ็น
“ลูกผมมันกล้าทำกับลูกท่านนักการเมืองพยอนแบบนี้ผมคงไม่มีหน้าให้มันเรียนที่นี่แล้วล่ะครับ ผมขอทำเรื่องลาออกเลยแล้วกัน”
“พ่อ!” ไอ้โฮซอกเตรียมโวยวายทันทีครับ แต่มันคงเกรงกลัวพ่อมันน่าดูเพราะแค่ท่านหันมามองแว๊บเดียวก็ทำให้มันหุบปากได้ทันที
“เอ่อ.. คือ” เหมือนแม่ของแบคฮยอนจะพูดอะไรสักอย่างแต่พ่อของไอ้หน้าเบี้ยวก็ขัดขึ้นก่อน
“ผมต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยนะครับ เพราะงั้นอาจารย์ครับผมขอทำเรื่องลาออกเลยครับ”
“เอ่อ ..งั้นเชิญทางนี้เลยครับ” อาจารย์ชั่งใจอยู่พักนึงก่อนจะยอมทำตามที่พ่อของไอ้หน้าเบี้ยวบอกแล้วตรงไปที่ประตูโดยมีไอ้เชี่ยยูโฮซอกและพ่อของมันเดินตาม
..หลังจากประตูปิดลงแล้วเหลือแค่เราสี่คนผมก็ได้ยินเสียงแม่ของแบคฮยอนถอนหายใจ ท่านเอามือทาบอกก่อนจะเดินมาหาลูกชายที่นั่งข้างๆผม
“แบคฮยอนอา ไม่เป็นไรใช่มั้ยลูก” ท่านจับลูกชายหันซ้ายหันขวาก่อนจะไปสะดุดกับรอยแดงๆสองสามจุดที่ต้นคอขาวของแบคฮยอน ..ทำไมพอเห็นท่านชะงักไปแบบนั้น ผมถึงต้องรู้สึกร้อนๆหนาวๆนะ “ว๊ายตาเถร ลูกแม่!” ตกใจไม่พอคุณแม่ท่านยังแหวกคอเสื้อแบคฮยอนออกกว้างจนเสื้อแทบจะหลุดไหล่บาง
“แม่!” แบคฮยอนรีบรวบคอเสื้อเข้าหากันด้วยความตกใจ ..แบคฮยอนตกใจผมไม่ว่าแต่ทำไมแม่ผมที่นั่งอยู่บนโซฟาต้องทำตาโตด้วย ..ผมแอบอมยิ้มล้อแบคฮยอนตอนเค้าตะหวัดสายตามามองผมก่อนจะหันหน้าหนีพร้อมกับยื่นปากด้วยความไม่ชอบใจ
..แต่ให้ตายสิ แบคฮยอนขาวชะมัดเลย -.,-
“ฮึ่ม มันกล้าทำกับลูกแม่แบบนี้ได้ยังไง นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพ่อนะแม่จะฟาดให้ซักทีสองทีเลย แต่ขอบใจมากเลยนะจ๊ะชานยอล” ^^
“คะ..ครับ” ผมแทบรับไม่ทันตอนคุณหญิงพยอนหันมาคุยกับผม
“แต่คราวหน้าไม่ต้องถึงขนาดนี้ก็ได้นะจ๊ะ ดูซิหน้าหล่อๆช้ำหมด แล้วก็ต้องขอโทษคุณแม่ชานยอลด้วยนะคะที่ทำให้ลูกชายต้องมาเจ็บตัวแบบนี้” ปุบปับเปลี่ยนคนคุยนี่คือของถนัดคุณหญิงจริงๆครับ ผมยังยิ้มให้ไม่เสร็จก็หันไปคุยกับแม่ผมซะงั้น
“ไม่เป็นไรค่ะ มีอะไรก็ช่วยๆกัน แต่เด็กสมัยนี้นี่เล่นแรงนะคะ ดูสิช้ำเลือดช้ำหนองหมดเลยกลับไป ดูท่าต้องต้มน้ำใบบัวบกให้ดื่ม”
“ตายจริง คุณแม่ปาร์คต้มเองเลยเหรอคะ สอนดิฉันต้มบ้างสิคะ แบคฮยอนเห็นตัวเล็กๆแบบนี้ก็มีเรื่องไม่เว้นแต่ละวันเลยค่ะจะได้ต้มให้แกดื่มบ้าง” ผมเห็นแบคฮยอนทำหน้าเมื่อยตอนเห็นพวกแม่ๆดูท่าจะคุยกันถูกคอ ส่วนแม่ผมที่ตอนแรกจะเดินมาดูผมซักหน่อยก็กลับไปนั่งโซฟาเหมือนเดิมเมื่อคุณหญิงพยอนเดินกลับไปคุยกับท่านแบบจริงจัง
..ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกดีแค่เพราะแม่ผมกับแม่แบคฮยอนดูจะเข้ากันได้นะ ให้ตายสิ ปัญญาอ่อนจริงๆครับ - -
“ยอล ..เชี่ยยอล” ห่ะ หือ ..ผมหันไปตามเสียงเรียกเบาๆของแบคฮยอนก็พบกับใบหน้ามู่ทู่ที่ยื่นเข้ามาใกล้ “ปวดฉี่” ให้ตายสิ ใครจะอั้นฉี่ได้น่ารักแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว!
“อ่ะ..อื้ม ป่ะ” ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะหันไปบอกคุณแม่ทั้งสองว่าจะพาแบคฮยอนไปเข้าห้องน้ำแล้วดึงมือคนปวดฉี่ให้เดินออกมาจากห้องด้วยกัน
“กูไม่ใช่หมานะ ไม่ต้องจูง” พอพ้นกรอบประตูมาได้แบคฮยอนก็ดึงมือตัวเองออกจากมือผมทันที แต่เรื่องอะไรผมจะปล่อยล่ะ -.,- ..ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเค้าแล้วชวนเปลี่ยนเรื่องทันทีเมื่อสายตาผมไปสะดุดกับกระดุมเม็ดบนสุดของแบคฮยอน
“นี่ ไม่ร้อนหรือไง” ผมแกล้งยื่นมือไปที่กระดุมเพื่อแกะมันออก แต่มือเล็กของแบคฮยอนก็ยื่นมาสกัดมันเสียก่อน
“เจ็บนะ ตีทำไมเนี่ย” ผมแกล้งสะบัดมือไปมา แต่อันที่จริงก็แอบแสบๆคันๆแฮะ
“ก็เพราะมึงนั่นแหละ อย่ามากวนตีนนะเว้ย เดี๋ยวยันโครม” นั่นๆ ไม่พูดเปล่ายังทำท่าประกอบจนผมหลบปลายเท้าเล็กแทบไม่ทัน
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวกูให้มึงดูดคืนก็ได้”
“ปาร์คชานยอล!!” ผมหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจก่อนจะเริ่มง้อแบคฮยอนแบบจริงจังเมื่อพบว่า ถ้าแกล้งมากๆเข้าอาจจะโดนโกรธเข้าจริงๆจนความผิดที่ผมทำไว้อาจจะโดนขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นประเด็นว่าด้วยเรื่อง ‘มึงไม่ใช่เพื่อนกู’ อะเกนแอนด์อะเกน
ใช่แล้วผมกำลังประสบปัญหาใหญ่หลังจากที่ผมตัดสินใจทำอะไรตามความรู้สึกของตัวเอง เพราะหลังจากวันที่ผมบังคับแบคฮยอนเป็นเพื่อนเมื่อสามวันก่อน ผมก็ไม่ฝืนตัวเองอีกต่อไป ..นึกจะจับมือเค้าผมก็จับ นึกจะมองหน้าเค้านานๆผมก็มอง แม้จะมีสายตาไม่พอใจกับคำก่นดาและต้องเจ็บตัวเล็กๆน้อยๆก็ตาม
แต่อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเค้าไม่ได้รังเกียจผม ..เค้าก็แค่ อคติ ไม่ยอมรับความจริง ฟอร์มจัด และชอบผู้หญิง
ฮะ ฮ่า แล้วไง ในเมื่อผู้ชายแมนๆแบบผมยังชอบเค้าได้ แล้วทำไมผมจะทำให้ผู้ชายตัวเล็กน่ารักแต่ห้าวจัดแบบเค้าหันมาชอบผมบ้างไม่ได้ล่ะ (เอ่อ รู้สึกทฤษฎีมันขัดๆกันนะยอล)
เฮ้อ เอาจริงๆนะ ผมก็พูดปลอบใจตัวเองไปงั้นแหละ อันที่จริงผมไม่ควรจะทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้เลย จริงๆนะ..
กริ๊ก! ผมล็อคประตูห้องดนตรีที่ร้างผู้คนก่อนจะปล่อยให้แบคฮยอนลงมายืนบนพื้นในที่สุด
“เชี่ย! มึงทำอะไรเนี่ย!”
“มันทำอะไร” ผมไม่สนใจเสียงโวยวายของแบคฮยอนแล้วตรงไปจับไหล่ถามเค้าด้วยความร้อนรนทันที
“อะไร” เค้าทำหน้างงใส่ผมเมื่ออยู่ๆก็โดนยิงคำถามใส่
“ไอ้เชี่ยยูโฮซอกมันทำอะไรนาย”
“ไม่รู้เว้ย! ปล่อยกู!” ผมรู้ เค้าไม่อยากให้ผมถามอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อกี้ แต่ผมทนไม่ได้ ผมจะลบมันออกไปให้หมด สัมผัสของไอ้เชี่ยหน้าปลาบู่นั่น!
“แบคฮยอน” ผมจับเค้าให้อยู่นิ่งๆก่อนจะกดไหล่บางให้นั่งลงพิงกำแพง “มันจูบนายหรือเปล่า”
“ถามไปทำตะหลิวหรือไง” เค้าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมแล้วพยายามจะผลักผมออกไปไกลๆ แต่แรงเค้าหรือจะสู้แรงผม พอผมเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆแบคฮยอนก็เริ่มหยุดดิ้นแล้วยกมือขึ้นยันอกผมเพื่อรักษาระยะห่างแทน
“ออกไปนะ” เค้าหันหน้าหนีแล้วหลับตาปี๋ตอนปลายจมูกผมแตะกับปลายจมูกของเค้า
“ตอบสิ มันจูบนายหรือเปล่า”
“ปะ..เปล่า”
“แล้วที่ฉันเห็นมันไซร้คอนาย…” ผมพูดพร้อมกับเคลื่อนใบหน้าไปตรงลำคอขาวของแบคฮยอนแล้วแกล้งเอาปลายจมูกแตะกับผิวเนื้อนุ่มเบาๆ
“ชานยอล ฮื้ออออ อ” เค้าหดคอหนีผมแล้วร้องเสียงหงิงๆเหมือนลูกหมา “นะ..ไหน มึงบอกว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้วไง” ผมชะงักก่อนจะดึงใบหน้ากลับไปมองหน้าแบคฮยอน เค้ายอมหันมาจ้องตากับผมดีๆเมื่อรับรู้ว่าผมถอนใบหน้าออกมาแล้ว
“เพื่อนไง เพื่อนไม่ปล้ำเพื่อนนะเว้ย” ..เพื่อน นี่ผม ขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ใช่มั้ย
“กูเปล่าปล้ำซักหน่อย ก็แค่.. ช่วยปลอบ” ^^
???
ผมมองหน้ามึนๆของแบคฮยอนยิ้มๆก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าไปอีกครั้ง
“แบคฮยอนนา”
ปลายจมูกแตะปลายจมูก ริมฝีปากแตะเบาๆ..ที่ริมฝีปาก ก่อนจะกระซิบติดกรีบปากนุ่ม
“หายใจลึกๆนะ”
!!!???
ตอนแรกก็แค่จูบเบาๆ พอแบคฮยอนเริ่มปรับสภาพได้ก็เริ่มลึกซึ้ง แล้วพอนานๆเข้าผมก็ได้ใจจนลามปามไปที่ลำคอขาวของแบคฮยอน นี่ถ้าไม่ใช่เสียงร้องห้ามของแบคฮยอนกับเสียงประกาศชื่อผมกับแบคฮยอนจากห้องปกครองเสียก่อน ..ผมเองก็คงเลยเถิดจนกู่ไม่กลับ
อันตรายจริงๆ ผมไม่ควรทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้ ..ปาร์คชานยอล ป่วยเลยคราวนี้
- - - - - - - - - - TBC - - - - - - - - - -
ขอโทษจริงๆค่ะที่หายไปนาน TT ..คือไรเตอร์หายไปเพราะติดสอบค่ะ
ตอนนี้ก็ยังสอบไม่เสร็จ อ่านหนังสือ ติว ทำงานส่ง หัวหมุนมาก
แต่เห็นคอมเม้นต์เรียกร้องมาก มันอดไม่ได้ที่จะนั่งหน้าคอมแล้วแต่งให้เสร็จซักตอน
วันที่หนึ่งไรเตอร์สอบวันสุดท้ายค่ะ คาดว่าเครีย์งาน+ทุกอย่างเสร็จสิ้นคงวันที่สาม
ขอโทษที่หายไปนานแล้วก็ขอบคุณจริงๆค่ะที่ยังรอและติดตาม หลังวันที่สามเจอกันนะคะ ^^
ปล.คิดถึงรีดเดอร์เหมือนกันค่ะ ฝันดีนะคะ ><
ความคิดเห็น