คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : November Love : Memory [Chunjoe] Part 2
วันนี้เป็นวันที่ผมและเพื่อนๆพี่ๆจะไปอบรมที่ค่าย เป็นการอบรมเรื่องการถ่ายรูปของชมรมถ่ายรูปซึ่งผมก็ไม่ได้อยู่หรอกชมรมถ่ายรูปหน่ะแต่ทางชมรมเขาอยากพาคนไปเยอะๆเลยรับสมัครคนที่อยู่ชมรมอื่นไปด้วย ผมอยากไปค่ายนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ติดสอบทุกทีทำให้ไม่มีโอกาสไป
“ชอนจีฮยองงงงงงง” เสียงเรียกพร้อมกับเสียงหอบหนักๆของนีแอลทำให้ผมที่กำลังถือกระเป๋าไปใส่หลังรถต้องหันกลับมามอง
“หอบมาเลยนะเรา”
“ผมรีบมาลาชอนจีฮยองน่ะสิ แต่แคปฮยองน่ะสิช้า”นีแอลบ่นคนตัวโตที่กำลังค่อยๆเดินมาทางผม แคปยิ้มให้น้อยๆก่อนจะยีหัวนีแอลที่ทำหน้าบึ้งอยู่ เอะ สองคนนี้สนิทกันตอนไหนเนี่ย
“แล้วหอบอะไรมาตั้งเยอะหน่ะ”ผมถามขึ้นเมื่อเห็นนีแอลหอบของพะรุงพะรังเต็มสองมือ
“ขนมที่ร้านฮะ แม่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ อยากให้ชอนจีฮยองกินก่อนไป”
“ขอบใจนะนีแอล อ่ะ”ผมร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดีๆกระเป๋าที่ถืออยู่ก็ถูกคนที่เพิ่งมาถึงแย่งไปเก็บที่หลังรถ
“คุยเพลินไหมครับ รถจะออกแล้วนะ”มยองซูที่เพิ่งเก็บกระเป๋าของผมเสร็จเดินมาก่อนจะดึงกระเป๋าถือของผมไปถือหน้าตาเฉย
“งั้นฮยองไปก่อนนะ ดูแลเด็กอีกสองคนแทนฮยองด้วยนะ บาย”ผมลาน้องชายคนโปรดกับเพื่อนสนิทก่อนจะก้าวขึ้นรถไป พร้อมกับมยองซูที่เดินตามมาทีหลัง
แล้วผมก็เลือกนั่งริมหน้าต่างช่วงกลางของรถบัส แล้วก็มีมยองซูที่ตามมานั่งข้างๆ เรามองหน้ากันนิดหน่อย ก่อนที่มยองซูจะหยิบแซนวิสไส้ทูน่ารสโปรดของผมขึ้นมาก่อนจะยื่นให้ ผมมองเขางงๆ
“กินดิ รู้นะว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้า”
“ของนีแอลที่ให้มาก็มี แอลกินไปเถอะ”ผมพูดเพราะผมก็เกรงใจเขาเหมือนกันนะ ปกติเขาจะเอาแซนวิสมาให้ผมทุกเช้าเพราะเขารู้ว่าผมตื่นสายจนไม่มีเวลากินข้าว ขนาดมาเข้าค่ายก็ยังเอามาเผื่อเลย เขาน่ารักจริงๆนะ
“เรารู้นะว่าชานฮีไม่ชอบกินของหวานตอนเช้าๆ”เขาพูดออกมา เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม รู้ว่าผมชอบอะไรไม่ชอบอะไร แต่ผมนี่สิกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
ผมรับแซนวิสมาก่อนจะยื่นขนมจากนีแอลให้ เรามองหน้ากันแล้วยิ้ม มีเรื่องนึงที่ผมรู้เกี่ยวกับมยองซู เขาหน่ะหลงรักรสชาติของขนมหวานของนีแอลสุดๆเลยหล่ะ ก็ผมพาเขาไปชิมเองกับมือเลยนะ
พอกินเสร็จหนังตาก็เริ่มปิดหัวเริ่มหลุดจากการควบคุมของสมอง เพราะตอนนี้มันเริ่มจะเอนลงเรื่อยก่อนจะหยุดลงที่ไหล่ของคนข้างๆ อืม สบายจังเลย
“ชานฮีรู้ไหม ชานฮีน่ารักที่สุดเลย”
“อือ”เสียงอู้อี้ของคนที่นอนเกยอยู่บนไหลทำให้คนที่กำลังมองหยุดยิ้มไม่ได้ ชานฮีรู้ตัวไหมว่ามยองซูคนนี้กำลังจะเป็นบ้า
เพียงแค่สบตาผมก็อยากให้คุณจำผมได้......เพียงแค่นิดหน่อยก็ยังดี.....ดีกว่าเมินเฉยใส่กัน...คุณคิดว่ามันจะเป็นจริงไหม
“ถึงแล้ววววววว”เสียงโวกเวกโวยวายของคนที่มาเข้าค่ายครั้งนี้ปลุกให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมมองพระอาทิตย์ตกดินไปพลาง การเดินทางที่แสนยาวนานทำให้พวกเราเหนื่อยล้าไม่มากก็น้อย ดังนั้นการถึงที่พักในตอนนี้เป็นการเรียกพลังงานของพวกเราเป็นอย่างดี
“ไปกินข้าวกันก่อน กินเสร็จพี่จะแจกกุญแจห้องพัก”พูดจบทุกคนก็เดินไปยังห้องอาหารของทางรีสอร์ท รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทกลางภูเขา ธรรมชาติที่สวยงามดึงความเหนื่อยล้าให้ออกไปจากตัว ผมมองแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันก่อนจะยิ้มให้มันเบาๆ ก่อนที่ความมืดจะกลืนวิวทิวทัศน์ที่สวยงามนี้ไป
ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันที่ลานกว้างหน้ารีสอร์ทหลังจากที่ทานอาหารแสนอร่อยจากแม่ครัวที่จัดเตรียมให้เราเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นคำสั่งของนายน้อยของรีสอร์ท
เวลาทุ่มครึ่งตอนนี้มืดมากเนื่องจากเป็นหน้าหนาว ลานกว้างในตอนนี้มันมืดจนผมกลัว กลัวว่าผมจะไม่สามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้ อยากได้เพียงผู้นำทางที่จะทำให้ผมได้เดินต่อไปอย่างมั่นคง ขอแค่มืออุ่นๆที่พร้อมจะเดินกับผมได้ตลอดทาง
“ชอนจี บอกแล้วว่าให้รอ ทำไมไม่รอกันหล่ะ”ผมได้รับความอบอุ่นบนฝ่ามือหนาของเจ้าของเสียงที่เหมือนจะปลอบประโลมและปัดเป่าความกลัวให้หายไป
“เราขอโทษ เรานึกว่ามยองซูมาแล้ว”ผมพูดไป พร้อมกับค่อยๆเดินไปข้างหน้าช้าๆในความมืดมน ผมกลัวจริงๆนะความมืด ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผมถึงกลัวความมืดได้ขนาดนี้ กลัวมากขนาดที่ไม่สามารถไปไหนคนเดียวในตอนมืดได้ ตอนนอนก็ต้องเปิดไฟ
“น้องๆจำเลขที่พี่เคยให้จับได้หรือเปล่าครับ”เสียงพี่สตาฟบอกผ่านความมืด จำได้สิ ผมได้ใบที่พิเศษกว่าคนอื่นเพราะว่ามันไม่ใช่ตัวเลขแต่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัว A ส่วนมยองซูได้เลข 12
“เลขนั้นเป็นเลขห้องของทุกคนนะ จะมีสองคนที่ได้เลขเดียวกัน หมายถึงห้องนึงจะนอนได้สองคน”พอพี่ๆพูดจบเสียงนักศึกษาก็ดังแบบไม่เกรงใจใคร บ้างก็หาคู่บ้าง บ้างก็บ่นว่าทำไมถึงได้คนนี้ บ้างก็ตะโกนด้วยความดีใจที่ได้อยู่กับเพื่อน แล้วผมควรทำอย่างไรหล่ะ หาคู่หรอ ผมขี้เกียจอ่ะ นั่งอยู่เฉยๆดีกว่า
“เงียบได้แล้ว ตอนนี้พี่จะแจกกุญแจนะ แต่ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำว่าที่เจ้าของที่นี่ก่อน อีบยองฮอน”ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่ ใบหน้านิ่งๆที่ติดจะเย็นชาซะมากกว่ากำลังกวาดตามองไปเรื่อยๆเหมือนหาอะไรอยู่ยังไงยังงั้น
เขาคนนั้นแนะนำตัว เขาชื่อ อีบยองฮอน หรือเรียกอีกชื่อว่า แอลโจ เขากวาดตาไปมาไม่หยุดก่อนที่เราจะสบตากัน เขาดูอึ้งไปนิดๆ ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มที่สดใสมาให้ผม ผมยิ้มตอบกลับไปก่อนที่อาการปวดหัวจะกำเริบทั้งที่ไม่ได้เป็นมานาน ผมนั่งนิ่งๆเพื่อระงับอาการปวดหัวไม่อยากแสดงออกมาให้ใครเห็นแม้กระทั่งคนที่นั่งข้างๆอย่างมยองซู
การแนะนำตัวจบไปพี่ๆเรียกพวกเราให้ไปหยิบกุญแจคนละดอก ผมที่อาการปวดหัวค่อยเบาลงได้แต่นั่งอยู่กับที่ มยองซูที่ลุกไปเอากุญแจเดินกลับมาหาผมก่อนจะบอกว่ากุญแจ A ไม่มี ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้
“น้องคนไหนได้ A ครับ” ผมรีบยกมือขึ้น “น้องนี่โชคดีจัง ได้นอนห้องใหญ่สุดของที่นี่เลยนะ”
“ครับ?” ผมถามงงๆก่อนที่พี่ๆจะตอบคำถามในหัวให้กระจ่างคือผมได้นอนห้องเดียวกับแอลโจ ซึ่งเป็นห้องพักส่วนตัวของแอลโจ มันก็คงไม่แปลกถ้าห้องจะใหญ่กว่าห้องอื่นๆ
“ชอนจี มาช่วยถือ”บยองฮอนเดินมาพร้อมกับแย่งกระเป๋าของผมก่อนที่ผมจะอนุญาตซะอีก นิสัยเขาเหมือนใครบ้างคนเลยว่าไหม มยองซูไงหล่ะ
“เราบยองฮอน เรียกเราว่า แอลโจก็ได้ แล้วนายชอนจีใช่ไหม”เขาถามผมก่อนที่ผมจะพยักหน้าเป็นคำตอบ เขารู้จักชื่อผมได้ยังไงผมไม่รู้หรอกตอนนี้ผมขอแค่เรามีมิตรภาพที่ดีต่อกันเป็นพอ เพราะจะต้องพักที่เดียวอีกหลายวัน
แต่ยังไม่ทันไรกระเป๋าที่บยองฮอนถือก็อยู่ในมือของอีกคนนึง มยองซูมองหน้าบยองฮอนก่อนที่เขาจะจูงมือผมไปทางไหนซักทาง เขารู้จักห้องพักของผมหรือไงถึงได้พามาอย่างนี้ แต่ยังไม่ทันไรบยองฮอนก็เดินตามมาทัน
“โธ่ มยองซู นายจะไม่ปล่อยเพื่อนของนายไปไหนเลยหรือไง”เสียงของบยองฮอนดังมาจากข้างหลัง เรียกให้มยองซูต้องหยุดเดินก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเล็กกว่า “ฉันดูแลชานฮีของฉันได้”
“นายจะดูแลชานฮีได้จริงๆหรอ ฉันไม่ไว้ใจนาย”เหมือนกับเป็นการประกาศสงครามประสาทที่คนทั้งสองเอาแต่ยืนจ้องหน้ากันไม่มีคำพูดใดออกจากปากของแต่ละฝ่าย
“มยองซูอา ไม่ต้องห่วงนะ นายกลับไปพักผ่อนเถอะ”ผมบอกเพราะเนื่องจากวันนี้เราเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน ผมก็อยากให้เขาพักผ่อนบ้าง
“ก็ได้ชานฮี ไว้พรุ่งนี้จะมาหา ฝันดีนะ”คำหลังมยองซูได้แต่กระซิบไปที่หูของอีกฝ่ายเบาๆ เรียกให้หน้าของชานฮีแดงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
-L.joe’s part-
ผมตั้งตารอวันนี้มานานแค่ไหนจะมีใครรู้บ้าง ตั้งตารอคนที่เป็นรักแรกและรักเดียวของผม แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่นี้คืออะไร การที่คนที่เรารักอยู่ใกล้กับผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่ทำให้ผมกลัว กลัวว่าเขาจะพรากคนที่ผมรักไปจากผมอีก
“ไปได้แล้วชานฮี พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะถ้าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้น”ผมพูดกับคนตัวเล็กที่มีความหวาดกลัวอยู่ในดวงตาคู่สวยคู่นั้น ผมเดินเข้าไปจับมือเล็กๆนั่นเพื่อให้เขาคลายความกลัวไปบ้าง เขาทำสายตาซื่อๆมองมาที่ผม ผมได้เพียงแต่ส่งยิ้มเหมือนอย่างเคย
ผมหวังว่าค่ำคืนนี้จะผ่านไปด้วยดี ผมได้แต่เพียงวอนขอต่อฟ้าให้ช่วยส่งบทเพลงอันไพเราะมากล่อมคนดีของผมให้นอนหลับไป
“ฝันดีนะครับชานอีของผม” ผมพูดก่อนจะจูบลงไปที่ขมับของคนที่หลับไม่รู้เรื่อง มันคงไม่ผิดถ้าผมจะทำอย่างนี้เพราะอย่างน้อยผมก็ยังเป็นคนที่ชานฮีฝังลึกลงไปในจิตใจ ผมเชื่อว่าสักวันเขาจะดึงผมขึ้นมาและจำผมได้ จำได้ทุกเรื่องราวที่เรามีกันและกัน
-Myungsoo’s part-
หลายครั้งที่ผมพยายามจะเอาใจคนที่ดื้อดึงอย่างเขา แต่ก็เหมือนไร้ประโยชน์ในเมื่อหัวใจของเขายังไม่ใช่ผมที่เป็นเจ้าของมัน มันเป็นของคนคนนั้นที่ทำให้ชานฮีเจ็บปวด ถามว่าผมเหนื่อยไหม ผมบอกเลยว่า ไม่ เพราะชานฮีเป็นเหมือนพลังของผม
เพียงแค่รู้ว่าทั้งสองคนพักอยู่ห้องเดียวกัน ผมก็แทบนั่งไม่ติด ทำไมน่ะหรอ การที่สองคนนั้นอยู่ด้วยกันเหมือนเป็นการเพิ่มเวลาที่สองคนจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ความทรงจำของชานฮีอาจฟื้นขึ้นมาตอนไหนก็ได้ นั่นคือสิ่งที่ผมกังวล
กลัว กลัวว่าเมื่อทุกอย่างกลับมาแล้วผมจะกลายเป็นคนไร้ค่าเหมือนเดิม คนที่ถูกมองข้ามมาตลอด ผมไม่อยากมีชีวิตอย่างนั้นอีกแล้ว ผมไม่ควรพาชานฮีมาที่นี่จริงๆ
ได้แต่บอกจันทร์......ขอเถอะเธออย่าเพิ่งจากฉันไป......ให้ฉันอยู่กับเธออีกหน่อยได้ไหม....ก่อนที่เธอจะจากฉันไปหาเขา
..........................................................................................................................................................
04/02/57 เนื่องจากเด็กๆไปญี่ปุ่นก็ขออัพหน่อยแล้วกันเนอะ เหมือนว่าพระเอกของเราจะไม่มีบทเลย #โดนเมนบยองตบ ว่างๆจะมาอัพให้อีกนะ
7/02/57 ,มาอัพให้ครบแล้วนะ เปลี่ยนแนวไปนิดหน่อยเนอะ บรรยายจะเพิ่มขึ้น ชอบไหมค่ะรีด ชอบไม่ชอบบอกกันได้
คู่นี้ดูท่าแล้วน่าจะมีประมาณสามตอนนะ ไม่สั้นไม่ยาว
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ให้เรา อ่านแล้วก็มีกำลังใจแต่งต่อไป
รักรีดเดอร์สุดใจ
Twitter : @liwbing_bs
คุยได้นะ ไรืท์ไม่กัด
ขอบคุณธีมสวยๆด้วยค้าาาา (รูปพี่มยอง)
ความคิดเห็น