ปกติเวลานอนผมจะเป็นคนหลับลึก เป็นประเภทรู้สึกตัวอีกทีก็เช้าเลย ไม่ค่อยมีฝงมีฝันเหมือนชาวบ้านชาวช่องซักเท่าไร
ทว่าฝันเมื่อคืนถือว่าน่าสนใจ มีเรื่องมีราวที่น่าติดตาม และรู้สึกคันปากอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังให้ลองอ่านกันสนุกๆดู
สตอรี่นี้เหมือนไม่มีที่มาที่ไป ความรู้สึกประมาณเปิดทีวีมาเจอตอนต่อของละครโนเนมที่เราไม่เคยได้รับรู้เนื้อเรื่องก่อนหน้านี้เลย
ที่พอจำความได้คืออยู่ๆผมกำลังนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซด์คันนึง เป็นการนั่งซ้อนสามเสมือนเป็นเด็กแว็นซ์อยู่กับเพื่อนๆที่คุ้นเคย คาดว่าจะเป็นการขับรถเล่นชมวิวโดยไม่มีจุดหมาย
ระหว่างที่รถแล่นกำลังจะถึงสะพานข้ามคลองแห่งหนึ่ง ภาพที่อยู่เบื้องหน้ามี มอเตอร์ไซด์ 2 คันขับขนานกันอยู่ที่กลางสะพาน โดยหนึ่งใน 2 ขันนั้นมีคนที่พวกเรา 3 คนรู้จัก
บรรยากาศของทั้งคู่เหมือนกำลังมีปากเสียงอะไรซักอย่าง และช่วงเวลาเพียงเสียวนาที ไม่ทันที่พวกเราจะได้แอบฟัง หรือคิดวิเคราะห์ว่าคนทั้งสองกำลังสนทนาด้วยเรื่องอันใด
บุคคลที่ผมรู้จักจัดการถีบบุคคลข้างๆเข้าเต็มแรง รถมอเตอร์ไซด์เสียการทรงตัวสะบัดพุ่งไปชนราวสะพาน ตัวคนขับพุ่งหลาวร่วงลงไปสู่แม่น้ำ ก่อนที่คู่กรณีจะสปีดหนีจากจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว
พวกเรา 3 คนที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน เกิดความตกอกตกใจรีบขับพาหนะมาจอดข้าง "ฟีโน่สีแดงเพลิง" ที่ล้มแน่นิ่งอยู่ และรีบลงจากรถไปชะโงกดูว่าไอ้ที่ตกน้ำอยู่เป็นอย่างไร
หลังจากเพ่งกันอยู่นาน ภาพของชายด้านล่างที่พยายามเอามือตีน้ำ หัวดำผุดดำโผล่ อาการเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ
พอเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พวกเรา 3 คนอุทานทันทีว่า "เชี่ยแล้ว แม่งว่ายน้ำไม่เป็นนิหว่า" พร้อมกลับอาการรนราน ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย โดยไม่รู้จะทำอย่างไรกันดี
ไอ้ตัวผมมันถูกตัดบทไปโดยปริยาย เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น ครันจะโดดลงไปช่วย ก็คงจะกลายเป็นศพที่สอง ตายเคียงคู่พ่อหนุ่มคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ระหว่างที่กำลังสับสนกันอยู่ "ไอ้เตี้ย" (นามสมมติ) หนึ่งในสมาชิก 3 โทนของพวกเรา ที่ดูบุคลิกน่าจะว่ายน้ำแข็งที่สุดในกลุ่ม ตัดสินใจถอนเสื้อปีนขึ้นราวสะพาน แล้วโดดตู้มลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว
ผมกับเพื่อนคนที่เหลือตอนแรกได้แต่อ้าปากค้าง ต่างหัวใจเต้นระรัวและภาวนาให้เพื่อนผู้กล้าหาญของเราสามารถช่วยไอ้หนุ่มดวงแตกรายนี้ได้สำเร็จ
ภาพที่เราเห็นราวกับดูหนังในภาพยนต์อะไรทำนองนั้น คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นไม่เคยงอมืองอเท้าให้ช่วยง่ายๆ เขาเอามือก่ายไปก่ายมาด้วยความทุรนทุราย จน "ไอ้เตี้ย" ไม่สามารถเข้าช่วยได้ถนัด
"ไอ้เตี้ย" พยายามแหกปากให้ชายหนุ่มคนนั้นอยู่นิ่งๆ ไม่เช่นนั้นแล้วจะกลายเป็นตัวถ่วงที่ฉุดให้มันต้องมีอันเด๊ดสะมอเร่ไปด้วยอีกราย
แต่เราทุกคนทราบดี คนที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย ย่อมจะขาดสติเป็นธรรมดา ชายหนุ่มคนนั้นไม่ฟังคำพูดของเพื่อนพวกเราเลย
จนสุดท้าย "ไอ้เตี้ย" ต้องงัดวิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้น สมัยที่เคยเรียนลูกเสือเข้ามาเป็นไม้ตายสุดท้าย เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันสายเกินไป
เจ้าของร่างที่มีความสูงเพียง 160 เซนติเมตร ตัดสินใจว่ายน้ำอ้อมไปด้านหลังผู้ประสบภัย ก่อนเอาแขนซ้ายข้างที่มักจะถูกใช้งานในยามดึก สอดเข้าไปใต้รักแร้ ซึ่งคราวนี้ทุกอย่างราบรื่นเหมือนอย่างที่เรียนมาในตำราเป๊ะ
พอได้เห็นภาพเพื่อนรักสามารถช่วยชายนิรนามคนนั้น "ไอ้เตี้ย" พยายามว่ายน้ำลากเขาคนนั้นเข้าฝั่งอย่างไรปัญหา เราสองคนที่อยู่ด้านบนก็รู้สึกโล่งใจ พร้อมกับหันหน้ามาปะมือซึ่งเป็นท่าประจำที่ทำอยู่เสมอๆ
ทว่าสีหน้าของเรา 2 คนมีอันต้องถอดสีอย่างกระทันหัน เมื่อหันไปเห็นชายปริศนารูปร่างสูงใหญ่ ตัวดำเงา ลักษณะคล้ายพวกโจรใต้ เอาปืนยืนจ่อใส่ตัวพวกเราอยู่
ชายคนนั้นตะคอกเสียงดังทันทีที่พวกเราหันไปเจอว่า "ไอ้พวกเวร พวกมึงทำอะไรลูกกู อยากเป็นผีเฝ้าสะพานนี้กันนักหรือไง"
ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียด ปกติพวกเราที่เป็นนักเลงคีบอร์ด กล้าสู้เสมอเมื่ออยู่ในโลกโซเชียล ไม่เคยเจอใครเอาปืนมาจ่อพร้อมยิงอย่างนี้มาก่อน
เรา 2 คนพยามยามสลับกันอธิบายด้วยอาการหวาดกลัว ปากสั่น พูดไม่ค่อยชัด แต่เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ฟังพวกเราเลย ยิ่งทำให้เราไม่แน่ใจว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไร
ชายผิวสีสังเกตุภาพด้านล่างจนมั่นใจว่าลูกตัวเองปลอดภัย ก่อนจะหันตัวกลับมาหาพวกเราพร้อมแหกปากเสียงดังอีกครั้งว่า "ถึงเวลาคิดบัญชีพวกมึงแล้ว"
อาการขาสั่นที่ไม่ได้มาจากการช่วยตัวเอง น้ำหูน้ำตาเริ่มหลั่งรินออกมาโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเรา 2 คนมองหน้ากันโดยเหมือนจะรู้ชะตาตัวเองกำลังจะถึงฆาต
ทันใดนั้นก็มีเสียงมอเตอร์ไซด์แว่วดังเข้ามาขัดจังหวะ ไอ้คนที่เรารู้จักและเป็นคนถีบลูกชายไอ้หอกหักตัวนี้ลงน้ำไปเมื่อไปกี่นาทีที่ผ่านมา กลับมาอยู่ในเหตุการณ์หลักอีกครั้ง สงสัยเขาคงแอบดูสถานการณ์อยู่ไกลๆ
ชายหนุ่มคนดังกล่าวลงรถมาอย่างมาดแมน สารภาพเรื่องทุกอย่างให้กับพ่อของโจทย์ของเขาฟัง ในความรู้สึกของผมตอนนี้ชายที่อยู่เบื้องหน้าราวกับพระโพธิสัตว์มาโปรดก็มิปาน
พอได้รู้ความจริง หนุ่มใหญ่หน้าเยี่ยงโจรใต้ โมโหสุดขีด เดินเข้าไปตบหน้าเด็กวัยลูกตัวเองอย่างแรง พร้อมกับเอาปืนจี้หัวและพร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อ
จากที่เราโล่งใจได้เพียงแว็บเดียว ความหวาดเสียวก็เข้ามาครอบงำอีกครั้ง แม้ว่าหนนี้จะไม่ใช่ชีวิตของเราที่ถูกเดิมพัน แต่หากกระสุนถูกลั่น มีเลือดสาดเละต่อหน้าต่อหน้าก็คงไม่ใช่ภาพที่สวยชวนมองนัก
หัวใจของผมเต้นถี่และดังอย่างต่อเนื่อง เสียง "ตึก ตึก ตึก" ก้องกังวานอยู่ในหัวสมอง เหตุการณ์ทุกอย่างราวกับภาพสโลโมชั่น ที่ต้องลุ้นระทึกไปในทุกวินาที
กล้องซูมเข้าไปที่ด้ามปืนเงาดำดูน่าเกรงขาม ใบหน้าทุกคนเหยเกไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย นิ้วก้อยของชายสูงอายุค่อยๆบดเข้ากับที่ไกปืน
เปรี้ยง.......ผมสะดุ้งตื่นพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุกที่ถูกเซ็ตเพลง "เอาให้ตาย" ของ อีโบล่า ที่ดังสนั่น
เหงื่อผมไหลท่วมกาย ใบหน้าสุดสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ผมมองไปรอบๆเห็นตัวเองนั่งอยู่ในห้องใต้บันไดของที่ทำงาน
ผมตระหนักทันทีว่าทุกอย่างมันคือเพียงความฝัน หันไปมองนาฬิกาที่บอกเวลาใกล้รุ่งสาง ผมรีบลุกจากที่นอนพร้อมไปสะกิดเพื่อนร่วมงานที่หน้าเหมือน บลังก้า ใน สตีทไฟเตอร์ ว่า
"พี่ๆกลับบ้านกันเถอะ เดี่ยวรถจะติด"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น