คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Seven Sins Mansion : 01 Lost [30%]
“ คามิลล่า... ”
เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด เสียงนั้นก้องกังวาน...และเจือปนไปด้วยด้วยความเจ็บปวด...
“ คามิลล่า...กลับมา กลับมาชดใช้ในสิ่งที่เธอทำ... ”
เสียงปริศนายังคงดังก้องโดยที่ไม่รู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากไหน ฉันเริ่มมองไปรอบตัว ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่รู้จัก ลักษณะเหมือนเป็นห้องโถงกว้าง พื้นหินอ่อนสีเข้มที่ฉันยืนอยู่เย็นเฉียบจนเหมือนน้ำแข็ง
“ คามิล! ”
คนบางคนตะโกนมาจากด้านหลังจนฉันต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่ฉัน...คิ้วเรียวเข้ม ดวงตาเหมือนเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้า สายตาของเขาแข็งกร้าว แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ ที่นี่ที่ไหน? ” ฉันถามเขาออกไป แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงตัวเองแหบแห้งจนฟังแทบไม่ออก
“ เธอต้องอยู่ที่นี่...คามิล! ” เขายังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
ปึง!
เสียงบางอย่างดังขึ้นจนฉันต้องหันกลับไปมอง บัดนี้ห้องโถงเปล่าๆที่ฉันยืนอยู่กลับกลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยประตูไม้บานใหญ่รายล้อมไปทุกด้านของผนัง
“ อย่าไป ” ผู้ชายคนเดิมเรียกฉันเอาไว้เมื่อเห็นว่าฉันกำลังก้าวเท้าเดินไปที่ประตูบานตรงหน้า
“ เธอมันสมควรตาย ”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน
22.23 น.
ฉันเด้งตัวขึ้นจากโต๊ะด้วยความตกใจ ฝันบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ยเรา...เผลอหลับไปแค่แป๊บเดียวแท้ๆ ฉันใช้มือเสยผมที่ยุ่งเหยิงอย่างลวกๆแล้วยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
“ ตายล่ะ...นี่สี่ทุ่มครึ่งแล้วเหรอ ”
ฉันคว้าหนังสือทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะไปวางบนชั้นสำหรับใส่หนังสือที่อ่านแล้วแต่ก็เลือกไว้สองเล่มเพื่อยืมกลับบ้าน ห้องสมุดปิดห้าทุ่ม หวังว่าฉันคงไม่ถูกขังไว้ในนี้หรอกนะ...
01
Lost
ห้าทุ่มพอดีและฉันกลับถึงแฟลตโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับแบกหนังสือที่ทั้งเก่าทั้งหนามาถึงสองเล่ม ฉันเดินเข้าครัวแล้วคว้าแก้วมาชงกาแฟร้อนๆดื่มเป็นอย่างแรก อากาศข้างนอกเย็นชะมัด พรุ่งนี้คงมีหิมะตกแน่ๆ
“ ประวัติตราสัญลักษณ์โบราณ ”
ฉันอ่านทวนชื่อหนังสือที่ฉันยืมมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะยืมหนังสือโบราณฝุ่นเขรอะเล่มนี้มาทำไม หนังสือตีพิมพ์ตั้งแต่ปี1950 เก่าจนกระดาษแทบขาดติดมือทุกครั้งที่เปิดอ่าน แต่ที่ฉันยืมมาก็คงเพราะฉันหวังว่ามันอาจเป็นกุญแจที่จะพาฉันไปเจอกับพี่ชายก็เป็นได้
พี่ชายของฉัน...เลโอ เดอ เจนนาโร หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้เกือบปีแล้ว ไม่มีการบอกลา ไม่มีคำอธิบายใดๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน แม้แต่ฉันซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ เขาจากไปทั้งๆที่รู้ว่าฉันเหลือแค่เขาคนเดียวในชีวิต...
สิ่งเดียวที่พี่ชายทิ้งไว้ให้ฉัน มีเพียงแต่ความทรงจำ
สิ่งของทุกอย่างถูกทิ้งไว้ที่แฟลตของเขา ทุกๆอย่างยังอยู่ตรงที่เดิม มันยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขาจากไปอย่างรีบร้อน ไม่มีเวลาจะเก็บข้าวของด้วยซ้ำ และนี่คือสิ่งที่ฉันเฝ้าถามตัวเองมาตลอดเกือบหนึ่งปีที่พี่ชายหายตัวไป
เขาหายไปไหน และมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ฉันเอื้อมมือไปหยิบของในกระเป๋าถือ มันเป็นซองจดหมายเก่าๆสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งฉันเดาว่าก่อนหน้านี้มันคงเคยเป็นสีขาวมาก่อน ฉันได้ซองจดหมายฉบับนี้มาจากบริการเช่าล็อคเกอร์ที่พี่ชายของฉันเคยเช่าไว้ และตอนนี้มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันมี...
ฉันยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งพร้อมกับไล้นิ้วๆมือไปบนจดหมายอย่างครุ่นคิด ซองจดหมายฉบับนี้จ่าหน้าซองถึง เลโอ พี่ชายของฉัน หน้าซองนั้นถูกแกะอ่านไปแล้ว ซึ่งฉันเดาว่าพี่ชายฉันคงอ่านมันและทิ้งไว้ในล็อคเกอร์ แต่ที่น่าแปลกใจคือซองถูกผนึกด้วยครั่งสีแดงก่ำอย่างโบราณและยังมีตราประทับเป็นสัญลักษณ์หมายเลข7 ตราประทับที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และคิดว่ามันคงไม่ใช่ของทั่วไปที่จะหาได้ตามท้องถนน ฉันเดาว่าตราประทับจดหมายนั่นต้องเป็นของโบราณแน่ เพราะลวดลายของมันช่างซับซ้อนเกินบรรยายทั้งลายเถาวัลย์ ตัวอักษรโบราณที่ฉันอ่านไม่ออก และจะด้วยความเก่าหรืออะไรก็แล้วแต่ เวลาที่ฉันมองมันกลับรู้สึกว่ามันทั้งเย็นชา ทั้งน่าขนลุก เนื้อหาในจดหมายมีเพียงข้อความสั้นๆที่แทบจับใจความไม่ได้ ฉันว่ามันแทบไม่เป็นประโยคด้วยซ้ำ
‘ ไม้ใหญ่ถึงกาลสูญ บาปนั้นมิอาจแก้ไข หมายเลข7จะนำทาง ทายาทผู้ปลดปล่อย จงทำหน้าที่ ‘
สงสัยเหลือเกินว่าจดหมายฉบับนี้มาถึงพี่ชายฉันได้ยัง แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเขา คำว่า ทายาทผู้ปลดปล่อย จงทำหน้าที่ หมายถึงใคร? พี่ชายฉันงั้นเหรอ? อย่างเป็นอย่างนั้นจริง คนที่ส่งจดหมายมาต้องการให้พี่ชายฉันทำหน้าที่อะไร? และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ฉันพยายามตามหาหนังสือเกี่ยวกับสัญลักษณ์โบราณ เพราะในเมื่อจดหมายหาความหมายไม่ได้ ไม่ลงชื่อผู้ส่ง ฉะนั้นเบาะแสเดียวที่ฉันมีอยู่คือตราประทับบนซองนั่น ถึงแม้จะฟังดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่มันก็ยังดีกว่าต้องกลับไปงมเข็มในอวกาศอย่างที่ฉันเคยทำมาตลอดเกือบปี
“ ตราประทับเครื่องเงิน คริสต์ศตวรรษที่17...นี่ฉันหาไกลไปรึเปล่าเนี่ย ”
ฉันนั่งใช้เวลาไปกับหนังสือกว่าสองชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์เลย...คงต้องกลับไปงมเข็มในอวกาศอีกรอบ...แต่เดี๋ยวนะ ฉันยังยืมมาอีกเล่มนึงนี่นา
“ ไหนดูซิ... ”
-----------------------------------------------------------
30% ไปก่อนน้า อุอิ เรื่องนี้เป็นเรื่องความรักกึ่งแฟนตาซีเน้อะ เป็นอะไรที่ไม่เคยแต่ง ปกติแต่งแต่แบบรักหวานแหวว รวมถึงเป็นเรื่องแรกที่จะไม่ใช่อีโมติค่อนเลย ซึ่งเป็นงานที่หินมากๆ 555
มีอะไรติชมกันได้น้า ถ้าเรื่องมันยืดยาด น่าเบื่อ อ่านแล้วง่วงหรือยังไง ช่วยเตือนๆไรท์เตอร์หน่อยนะฮะ แบบว่า เป็นครั้งแรกที่เขียนแนวเรียบๆนิ่งๆแบบนิยายแปล
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่า :)
ความคิดเห็น