ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seven Sins Mansion เคหาสน์ปีศาจ คำสาปหมายเลข7

    ลำดับตอนที่ #1 : Seven Sins Mansion : 01 Lost [30%]

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 56


              


                        
    “ คามิลล่า... ”

    เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด เสียงนั้นก้องกังวาน...และเจือปนไปด้วยด้วยความเจ็บปวด...

    “ คามิลล่า...กลับมา กลับมาชดใช้ในสิ่งที่เธอทำ... ”

    เสียงปริศนายังคงดังก้องโดยที่ไม่รู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากไหน ฉันเริ่มมองไปรอบตัว ก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่รู้จัก ลักษณะเหมือนเป็นห้องโถงกว้าง พื้นหินอ่อนสีเข้มที่ฉันยืนอยู่เย็นเฉียบจนเหมือนน้ำแข็ง

    “ คามิล!

    คนบางคนตะโกนมาจากด้านหลังจนฉันต้องหันกลับไปมอง ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่ฉัน...คิ้วเรียวเข้ม ดวงตาเหมือนเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้า สายตาของเขาแข็งกร้าว แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

    “ ที่นี่ที่ไหน? ” ฉันถามเขาออกไป แต่ก็รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงตัวเองแหบแห้งจนฟังแทบไม่ออก

    “ เธอต้องอยู่ที่นี่...คามิล! ” เขายังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

    ปึง!

    เสียงบางอย่างดังขึ้นจนฉันต้องหันกลับไปมอง บัดนี้ห้องโถงเปล่าๆที่ฉันยืนอยู่กลับกลายเป็นห้องที่เต็มไปด้วยประตูไม้บานใหญ่รายล้อมไปทุกด้านของผนัง

    “ อย่าไป ” ผู้ชายคนเดิมเรียกฉันเอาไว้เมื่อเห็นว่าฉันกำลังก้าวเท้าเดินไปที่ประตูบานตรงหน้า

    “ เธอมันสมควรตาย ”

    นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยิน

     

    22.23 น.

    ฉันเด้งตัวขึ้นจากโต๊ะด้วยความตกใจ ฝันบ้าอะไรอีกแล้วเนี่ยเรา...เผลอหลับไปแค่แป๊บเดียวแท้ๆ ฉันใช้มือเสยผมที่ยุ่งเหยิงอย่างลวกๆแล้วยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

    “ ตายล่ะ...นี่สี่ทุ่มครึ่งแล้วเหรอ ”

    ฉันคว้าหนังสือทั้งหมดที่อยู่บนโต๊ะไปวางบนชั้นสำหรับใส่หนังสือที่อ่านแล้วแต่ก็เลือกไว้สองเล่มเพื่อยืมกลับบ้าน ห้องสมุดปิดห้าทุ่ม หวังว่าฉันคงไม่ถูกขังไว้ในนี้หรอกนะ...

     

    01

    Lost

    ห้าทุ่มพอดีและฉันกลับถึงแฟลตโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับแบกหนังสือที่ทั้งเก่าทั้งหนามาถึงสองเล่ม ฉันเดินเข้าครัวแล้วคว้าแก้วมาชงกาแฟร้อนๆดื่มเป็นอย่างแรก อากาศข้างนอกเย็นชะมัด พรุ่งนี้คงมีหิมะตกแน่ๆ 

    “ ประวัติตราสัญลักษณ์โบราณ ”

    ฉันอ่านทวนชื่อหนังสือที่ฉันยืมมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะยืมหนังสือโบราณฝุ่นเขรอะเล่มนี้มาทำไม หนังสือตีพิมพ์ตั้งแต่ปี1950 เก่าจนกระดาษแทบขาดติดมือทุกครั้งที่เปิดอ่าน แต่ที่ฉันยืมมาก็คงเพราะฉันหวังว่ามันอาจเป็นกุญแจที่จะพาฉันไปเจอกับพี่ชายก็เป็นได้

    พี่ชายของฉัน...เลโอ เดอ เจนนาโร หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยได้เกือบปีแล้ว ไม่มีการบอกลา ไม่มีคำอธิบายใดๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน แม้แต่ฉันซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ เขาจากไปทั้งๆที่รู้ว่าฉันเหลือแค่เขาคนเดียวในชีวิต...

    สิ่งเดียวที่พี่ชายทิ้งไว้ให้ฉัน มีเพียงแต่ความทรงจำ

    สิ่งของทุกอย่างถูกทิ้งไว้ที่แฟลตของเขา ทุกๆอย่างยังอยู่ตรงที่เดิม มันยิ่งทำให้ดูเหมือนว่าเขาจากไปอย่างรีบร้อน ไม่มีเวลาจะเก็บข้าวของด้วยซ้ำ และนี่คือสิ่งที่ฉันเฝ้าถามตัวเองมาตลอดเกือบหนึ่งปีที่พี่ชายหายตัวไป

    เขาหายไปไหน และมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

    ฉันเอื้อมมือไปหยิบของในกระเป๋าถือ มันเป็นซองจดหมายเก่าๆสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งฉันเดาว่าก่อนหน้านี้มันคงเคยเป็นสีขาวมาก่อน ฉันได้ซองจดหมายฉบับนี้มาจากบริการเช่าล็อคเกอร์ที่พี่ชายของฉันเคยเช่าไว้ และตอนนี้มันก็เป็นสิ่งเดียวที่ฉันมี...

    ฉันยกกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งพร้อมกับไล้นิ้วๆมือไปบนจดหมายอย่างครุ่นคิด ซองจดหมายฉบับนี้จ่าหน้าซองถึง เลโอ พี่ชายของฉัน หน้าซองนั้นถูกแกะอ่านไปแล้ว ซึ่งฉันเดาว่าพี่ชายฉันคงอ่านมันและทิ้งไว้ในล็อคเกอร์ แต่ที่น่าแปลกใจคือซองถูกผนึกด้วยครั่งสีแดงก่ำอย่างโบราณและยังมีตราประทับเป็นสัญลักษณ์หมายเลข7 ตราประทับที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน และคิดว่ามันคงไม่ใช่ของทั่วไปที่จะหาได้ตามท้องถนน ฉันเดาว่าตราประทับจดหมายนั่นต้องเป็นของโบราณแน่ เพราะลวดลายของมันช่างซับซ้อนเกินบรรยายทั้งลายเถาวัลย์ ตัวอักษรโบราณที่ฉันอ่านไม่ออก และจะด้วยความเก่าหรืออะไรก็แล้วแต่ เวลาที่ฉันมองมันกลับรู้สึกว่ามันทั้งเย็นชา ทั้งน่าขนลุก เนื้อหาในจดหมายมีเพียงข้อความสั้นๆที่แทบจับใจความไม่ได้ ฉันว่ามันแทบไม่เป็นประโยคด้วยซ้ำ

     

    ไม้ใหญ่ถึงกาลสูญ บาปนั้นมิอาจแก้ไข หมายเลข7จะนำทาง ทายาทผู้ปลดปล่อย จงทำหน้าที่

     

    สงสัยเหลือเกินว่าจดหมายฉบับนี้มาถึงพี่ชายฉันได้ยัง แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับเขา คำว่า ทายาทผู้ปลดปล่อย จงทำหน้าที่ หมายถึงใคร? พี่ชายฉันงั้นเหรอ? อย่างเป็นอย่างนั้นจริง คนที่ส่งจดหมายมาต้องการให้พี่ชายฉันทำหน้าที่อะไร? และด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ฉันพยายามตามหาหนังสือเกี่ยวกับสัญลักษณ์โบราณ เพราะในเมื่อจดหมายหาความหมายไม่ได้ ไม่ลงชื่อผู้ส่ง ฉะนั้นเบาะแสเดียวที่ฉันมีอยู่คือตราประทับบนซองนั่น ถึงแม้จะฟังดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่มันก็ยังดีกว่าต้องกลับไปงมเข็มในอวกาศอย่างที่ฉันเคยทำมาตลอดเกือบปี

    “ ตราประทับเครื่องเงิน คริสต์ศตวรรษที่17...นี่ฉันหาไกลไปรึเปล่าเนี่ย ”

    ฉันนั่งใช้เวลาไปกับหนังสือกว่าสองชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์เลย...คงต้องกลับไปงมเข็มในอวกาศอีกรอบ...แต่เดี๋ยวนะ ฉันยังยืมมาอีกเล่มนึงนี่นา

    “ ไหนดูซิ... ”

     

     

     

     

     

    -----------------------------------------------------------

    30% ไปก่อนน้า อุอิ เรื่องนี้เป็นเรื่องความรักกึ่งแฟนตาซีเน้อะ เป็นอะไรที่ไม่เคยแต่ง ปกติแต่งแต่แบบรักหวานแหวว รวมถึงเป็นเรื่องแรกที่จะไม่ใช่อีโมติค่อนเลย ซึ่งเป็นงานที่หินมากๆ 555

    มีอะไรติชมกันได้น้า ถ้าเรื่องมันยืดยาด น่าเบื่อ อ่านแล้วง่วงหรือยังไง ช่วยเตือนๆไรท์เตอร์หน่อยนะฮะ แบบว่า เป็นครั้งแรกที่เขียนแนวเรียบๆนิ่งๆแบบนิยายแปล

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่า :) 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×