ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE ROYAL STORY โรงเรียนยอดพลัง

    ลำดับตอนที่ #1 : ดวงชะตา

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 51


    The Royal Story

    โรงเรียนแห่งพลัง

     

    บทที่ 1

                    กริ๊ง!!!!!!!!!! เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจากหัวเตียง  ธนกานต์ เด็กหนุ่มรูปงามที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างเพลิดเพลินเริ่มรู้สึกตัวและเอื้อมมือไปกดเจ้านาฬิกาให้หยุดคำรามก่อนจะค่อยๆงัดตัวเองให้ลุกออกจากเตียง จากนั้นก็เดินงัวเงียไปหน้าห้องน้ำ ปลดกางเกงบ๊อกเซอร์ที่ตนใช้เป็นชุดนอนออกจากร่างกายโยนลงไปในตะกร้าและเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ

     

                    15 นาทีให้หลัง ในขณะที่ธนกานต์กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก  ธนกานต์รีบเช็ดมือกับผ้าขนหนูก่อนรีบออกมารับโทรศัพท์ในร่างเปลือยเปล่า

     

                    ว่าไงจ๋า  มาแต่เช้าเลยนะวันนี้

     

    ธนกานต์กล่าวทักทายเมื่อรับสาย

     

                    อะไรแต่เช้าต้าร์ นี่มันแปดโมงสิบนาทีแล้วนะ  อยู่ไหนเนี่ย

     

    โชษิตา คู่สนธนาที่เป็นเพื่อนหญิงในกลุ่มพูดพร้อมมองนาฬิกาข้อมือของตน ก่อนจะได้ฟังคำตอบกลับมาจากธนกานต์ว่า

     

    ก็อยู่หออ่ะ กำลังแต่งตัวอยู่ เพื่อนๆมากันหมดแล้วหรอจ๋า เรียนแปดโมงครึ่งอ่ะ เราไปทันแน่นอน แต่งตัวอีกแป๊บเดียว

     

    แปดโมงครึ่งที่ไหนหล่ะ  นี่ต้าร์จำตารางผิดอีกแล้วใช่มั้ย  วันนี้วันอังคารเรามีเรียนแปดโมงตรงนะ ไม่ใช่แปดโมงครึ่ง แล้วนี่ก็หมายความว่าเราสายมาสิบนาทีแล้วด้วย

     

    โชษิตาพูดเป็นชุด  ธนกานต์รีบพูดด้วยความตกใจว่า

     

    งั้นจ๋าบอกเพื่อนๆให้เข้าห้องเรียนไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอ เดี๋ยวไว้ค่อยไปเจอกันในห้องเลยแล้วกันนะ  OK นะเราจะรีบไปแต่งตัว

     

    ธนกานต์วางสายแล้วรีบกลับเข้าไปอาบน้ำต่อ 

     

              หลังจากที่โชษิตาวางสายก็เดินกลับไปยังโต๊ะประจำกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัย ทันทีที่โชษิตานั่งลง วิทยาก็พูดขึ้นว่า

     

                    ไง...ไอ้ต้าร์มันจำตางรางเรียนผิดอีกอ่ะดิ

     

                    ก็ใช่หน่ะสิ  ต้าร์บอกให้พวกเราเข้าห้องเรียนไปก่อนไม่ต้องรอ

     

    โชษิตาพูดกับเพื่อนๆ  วนิดาพูดเสริมว่า

     

                    มันแหงอยู่แล้วหล่ะ ถึงต้าร์ไม่พูดพวกเราก็ต้องไปก่อนอยู่ดี ป่ะ..ไปกันเถอะ

     

    เดี๋ยวสิกิ๊บ  พวกเราจะไม่รอต้าร์มันจริงดิ  เดี๋ยวมันก็มาแล้วไม่ใช่หรอ หอมันก็อยุ่แค่นี้เองหนิ

     

    สุรเดชออกความเห็น  วิทยาใช้มือตบหัวสุรเดชเบาๆก่อนพูดว่า

     

    ถ้าแกจะรอ ก็รอไปคนเดียวนะ ขืนรอกันหมดก็โดนตัดคะแนนกันทุกคนพอดี แล้วฉันก็ไม่ยอมโดนตัดคะแนนทั้งๆที่ฉันมาก่อนเวลาหรอกนะ

     

                    ไปเถอะน่า เดี๋ยวค่อยไปเจอต้าร์ ในห้องเลยก็ได้

     

    โชษิตาสรุป สุรเดชพูดว่า

     

                    OK ไม่รอก็ไม่รอ

     

                    ในห้องเรียนขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่นั้น ธนกานต์ก็เดินเข้ามาด้วยอาการกระหืดกระหอบ และไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนที่อยู่เกือบหลังห้อง อาจารย์พูดตามหลังธนกานต์มาว่า

     

    ถ้าเธอเข้าสายอีกสองครั้งครูจะนับเป็นขาดอีกหนึ่งครั้ง มันก็พอดีกับโควต้าของเธอแล้วนะ ธนกานต์ ฉะนั้น เธออาจหมดสิทธิ์สอบได้

     

    ธนกานต์ยิ้มรับเจื่อนๆก่อนหยิบสมุดขึ้นมาจดสิ่งที่อยู่บนกระดาน  ในขณะนั้น โชษิตาก็หยิบนิตยสารขึ้นมาบนโต๊ะ  วนิดาก็พูดเบาๆว่า

     

                    ฉันยืมแป๊บนึงดิจ๋า จะอ่านคอลัมป์ดวงอ่ะ

     

    ยัยกิ๊บนี่ ฉันซื้อมายังไม่ได้อ่านเลยนะ  ฉันก็กำลังจะอ่านคอลัมป์นั้นก่อนเหมือนกัน เอางี้ เดี๋ยวฉันอ่านให้ฟังทุกคน  เรียงราศีเลยแล้วกัน ราศีแรก ของต้าร์นะจ๊ะ เขาบอกว่า ช่วงนี้กำลังมีคนแอบรักอยู่ ส่วนเรื่องเรียนหรือการงาน ให้ตั้งใจมากขึ้นเพราะอาจจะผิดหวังได้ ช่วงนี้อาจมีการเดินทางไกล โยกย้ายถิ่นฐานหรืออาจพลัดหลงได้ อ่ะคนต่อไปนะจ๊ะ...

     

    โชษิตายังอ่านไม่ทันจบอาจารย์ที่กำลังเขียนกระดานอยู่ก็หันกลับมาเห็นกลุ่มธนกานต์ที่กำลังมุงกันอยู่จึงดุว่า

     

    นี่พวกเธอทำอะไรกันหน่ะ  บนกระดานอ่ะจดเสร็จแล้วหรอ  ถ้าไม่อยากเรียนก็เชิญออกไปข้างนอกได้เลยนะ

     

    โชษิตารีบเก็บนิตยสารลงจากโต๊ะ และทุกคนก็กระจายตัวไปนั่งจดสิ่งที่อยู่บนกระดานต่อ

     

                    หลังจากเรียนเสร็จนักศึกษาคนอื่นๆรวมทั้งอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องจนหมดเหลือแต่กลุ่มธนกานต์ที่มัวตกลงกันอยู่ว่าจะไปทานข้าวกลางวันกันที่ไหน  ทั้ง 5 เดินออกมาจากห้องไปยังลิฟท์ที่อยู่ด้านหน้าอาคาร ในระหว่างที่ทั้ง 5 พุดคุยกันอย่างสนุกสนานภายในตู้ลิฟท์นั้น  จู่ๆไฟในลิฟท์ก็กระพริบ 2-3 ทีก่อนที่จะดับพร้อมกับลิฟท์ที่หยุดเคลื่อนตัว เสียงวนิดากับโชษิตาร้องกรี๊ดก่อนที่โชษิตาจะไปซบธนกานต์และวนิดาไปซบลงที่วิทยา เหลือแต่สุรเดชที่ยืนอยู่ตรงกลางคนเดียวประมาณ 10 วินาที ไฟในลิฟท์ก็ติดและลิฟท์ทำงานตามปกติ

     

                    ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้นหนึ่ง ทุกคนก็ต้องอึ้ง เมื่อด้านหน้าอาคารที่เคยเป็นทางเดินกับสวนหย่อมสวยงาม  ตอนนี้มันกลับกลายเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่มองไปข้างหน้าไม่เห็นสิ่งอื่นได้นอกเสียจากเนินทรายกับตอไม้ที่แห้งตายหลายต้น ทั้ง 5 อ้าปากข้างด้วยความงง ก่อนค่อยๆเดินออกมาจากลิฟท์และพ้นชายคาอาคารเรียน วิทยาขยี้ตาตัวเองก่อนพูดว่า

     

                    นี่มันอะไรกันวะ ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ป่ะ

     

                    ใช่แกไม่ได้ตาฝาดหรอกแก๊งค์ เพราะฉันก็เห็นเหมือนแกนั่นแหละ

    โชษิตาพูด วนิดาโวยวายขึ้นว่า

     

                    หรือพวกเราจะโดนผีหลอกอ่ะ ฉันยิ่งกลัวๆอยู่นะ

     

                    ผีเผอที่ไหนจะมาหลอกแกตอนกลางวันฮะกิ๊บ ฉันว่ามันต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ

     

    สุรเดชพูดขึ้นหยุดความโวยวายของเพื่อน ธนกานต์พูดว่า

     

                    เพื่อนๆ อย่าเพิ่งเดินไปไหน เรากลับไปที่ตึกเรียนก่อนเหอะ

     

    ใช่ๆ มันเป็นภาพหลอน เรากลับไปตั้งต้นใหม่ที่ตึกเรียน บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้

     

    วนิดาพูดเสริมและหันหลังกลับไปทางอาคารเรียนที่เพิ่งเดินพ้นออกมา  และคนอื่นๆก็ต้องตกใจกับเสียงกรีดร้องของวนิดา ทุกคนรีบหันตามวนิดาไป ก็ต้องตกใจอีกเพราะว่าอาคารเรียนที่เพิ่งเดินออกมานั้นตอนนี้มันหายไป สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด  ทั้งหมดจึงตัดสินใจกลับหลังหันแล้วเดินไปเรื่อยๆหวังว่าคงจะพบกับบางสิ่งที่มันจะเป็นปกติ  ทั้ง 5 เดิน มาสักพักใหญ่ก็เจอกับเนินทรายใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วทุกคนก็เดินขึ้นไปบนเนินนั้นเรื่อยๆ

     

                    ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วอ่ะพวกแก

     

    วนิดาบ่นกับเพื่อนๆ วิทยาพูดเสริมว่า

     

    ใช่ หิวมาก แล้วก็เหนื่อยมากด้วย รู้มั้ยว่าเดินบนทรายเนี่ยมันเหนื่อยมาก เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นเจออะไรเลย

     

    อย่าเพิ่งบ่นเลยน่า เรื่องแบบนี้มันคงไม่อยู่กับพวกเรานานหรอกน่า  เออใช่สิ โทรศัพท์ ทำไมพวกเราไม่โทรไปหาคนอื่นๆดูหล่ะ

     

    ธนการณ์แสดงความเห็นที่ทุกคนก็ลืมคิดไป ทุกคนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมาแต่ก็พบว่าไม่สามารถใช้งานได้ทุกระบบ  วนิดาเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกว่า

     

    นี่เราเจอกับอะไรอยู่เนี่ย มันไม่สนุกเลยนะ  ต้องเป็นเพราะดวงที่จ๋าอ่านเมื่อกี้แน่ๆเลย เขาบอกว่าดวงต้าร์จะพลัดหลง ทำไมแกต้องทำให้ฉันซวยไปด้วยหล่ะต้าร์

    อย่ามากล่าวหาต้าร์นะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละ

     

    โชษิตาตวาดใส่วนิดา  วนิดาโมโหผลักโชษิตาแล้วก็ตะคอกกลับไปว่า

     

                    ก็มันจริงมั้ยหล่ะ แกไม่ต้องมาเข้าข้างเลยนะ  ดวงต้าร์ไม่ใช่ดวงฉันที่ซวย

     

    ทั้งคู่ตวาดใส่กันไปมา สุรเดชเข้ามาตะคอกใส่ทั้งคู่ว่า

     

    นี่แกสองคนจะทะเลาะกันไปทำไมวะ มันจะช่วยอะไรมั้ย เอาดิ ถ้าช่วยก็ตบกันเลยดิ ตบกันให้ตายไปเลย แทนที่จะช่วยกันคิด แล้วอีกอย่างถ้าเพื่อนลำบากแล้วเราจะเอาตัวรอดคนเดียวนั่นก็ไม่ใช่เพื่อนหรอกนะกิ๊บ

     

              คือ...ฉันขอโทษนะ ก็เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเชื่อหนิ แล้วนี่มันก็ผ่านนานแล้วนะ

     

    วนิดาพูดอ่อยๆ ธนกานต์พูดตัดบทว่า

     

    เอาหล่ะๆ อย่ามัวเถียงกันเลย เราลองเดินไปต่อนะยังไงมันก็ดีกว่าอยู่กับที่แล้วรอเฉยๆ เดินไปอาจจะเจออะไรก็ได้นะ

     

    วิทยาเดินนำเพื่อนๆขึ้นไปจนสุดเนินทราย และคนอื่นๆก็กำลังเดินตามไปโดยที่โชษิตาเดินเกาะแขนธนกานต์ขึ้นไป ทุกคนตกใจอีกครั้งกับเสียงตะโกนเรียกของวิทยา

     

                    เพื่อนๆ  มานี่เร็ว มาดูอะไรนี่

     

    ทุกคนวิ่งขึ้นไปจนสุดเนินทรายก็พบกับป่าไม้เขียวชะอุ่มที่อยู่ห่างออกไปประมาณ300เมตร ทั้ง 5 จึงรีบวิ่งเข้าไปหาความร่มรื่นนั้น ทุกคนหามุมโคนต้นไม้นั่งพักเหนื่อยๆอยู่ใกล้ๆกัน โชษิตาพูดขึ้นว่า

     

    นี่เราอยู่โลกไหนกันแน่เนี่ย เมื่อกี้ยังทะเลทรายแดดเผาอยู่เลย มันจะติดกับป่าที่ร่มรื่นขนาดนี้ได้ไงอ่ะ

     

                    เรื่องแบบนี้ก็หาคำตอบยากเหมือนกันนะ หลักวิทยาศาสตร์ก็คงใช้ไม่ได้หรอก

     

    ธนกานต์พูด วิทยาก็พูดเสียงดังว่า

     

    หรือว่าพวกเราตายแล้ววะ ตอนที่ลิฟท์ค้าง มันอาจจะตกแล้วพวกเราก็ตาย เลยมาอยู่โลกนี้ไง

     

              จะบ้าหรอ แก๊งค์ ช่วยพูดให้กำลังใจเพื่อนหน่อยเหอะ

     

    วนิดาพูดตัดพ้อประโยคที่ได้ยิน

    สำหรับตอนที่ 1 อ่านแล้วเป็นยังไง ชอบไม่ชอบก็คอมเม้นท์มานะครับ จะได้ไปปรับปรุง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×