คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ดวงชะตา
The Royal Story
โรงเรียนแห่งพลัง
บทที่ 1
กริ๊ง!!!!!!!!!! เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจากหัวเตียง ธนกานต์ เด็กหนุ่มรูปงามที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างเพลิดเพลินเริ่มรู้สึกตัวและเอื้อมมือไปกดเจ้านาฬิกาให้หยุดคำรามก่อนจะค่อยๆงัดตัวเองให้ลุกออกจากเตียง จากนั้นก็เดินงัวเงียไปหน้าห้องน้ำ ปลดกางเกงบ๊อกเซอร์ที่ตนใช้เป็นชุดนอนออกจากร่างกายโยนลงไปในตะกร้าและเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ
15 นาทีให้หลัง ในขณะที่ธนกานต์กำลังอาบน้ำชำระร่างกายอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาจากข้างนอก ธนกานต์รีบเช็ดมือกับผ้าขนหนูก่อนรีบออกมารับโทรศัพท์ในร่างเปลือยเปล่า
“ว่าไงจ๋า มาแต่เช้าเลยนะวันนี้”
ธนกานต์กล่าวทักทายเมื่อรับสาย
“อะไรแต่เช้าต้าร์ นี่มันแปดโมงสิบนาทีแล้วนะ อยู่ไหนเนี่ย”
โชษิตา คู่สนธนาที่เป็นเพื่อนหญิงในกลุ่มพูดพร้อมมองนาฬิกาข้อมือของตน ก่อนจะได้ฟังคำตอบกลับมาจากธนกานต์ว่า
“ก็อยู่หออ่ะ กำลังแต่งตัวอยู่ เพื่อนๆมากันหมดแล้วหรอจ๋า เรียนแปดโมงครึ่งอ่ะ เราไปทันแน่นอน แต่งตัวอีกแป๊บเดียว”
“แปดโมงครึ่งที่ไหนหล่ะ นี่ต้าร์จำตารางผิดอีกแล้วใช่มั้ย วันนี้วันอังคารเรามีเรียนแปดโมงตรงนะ ไม่ใช่แปดโมงครึ่ง แล้วนี่ก็หมายความว่าเราสายมาสิบนาทีแล้วด้วย”
โชษิตาพูดเป็นชุด ธนกานต์รีบพูดด้วยความตกใจว่า
“งั้นจ๋าบอกเพื่อนๆให้เข้าห้องเรียนไปก่อนเลยนะไม่ต้องรอ เดี๋ยวไว้ค่อยไปเจอกันในห้องเลยแล้วกันนะ OK นะเราจะรีบไปแต่งตัว”
ธนกานต์วางสายแล้วรีบกลับเข้าไปอาบน้ำต่อ
หลังจากที่โชษิตาวางสายก็เดินกลับไปยังโต๊ะประจำกลุ่มเพื่อนในมหาวิทยาลัย ทันทีที่โชษิตานั่งลง วิทยาก็พูดขึ้นว่า
“ไง...ไอ้ต้าร์มันจำตางรางเรียนผิดอีกอ่ะดิ”
“ก็ใช่หน่ะสิ ต้าร์บอกให้พวกเราเข้าห้องเรียนไปก่อนไม่ต้องรอ”
โชษิตาพูดกับเพื่อนๆ วนิดาพูดเสริมว่า
“มันแหงอยู่แล้วหล่ะ ถึงต้าร์ไม่พูดพวกเราก็ต้องไปก่อนอยู่ดี ป่ะ..ไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวสิกิ๊บ พวกเราจะไม่รอต้าร์มันจริงดิ เดี๋ยวมันก็มาแล้วไม่ใช่หรอ หอมันก็อยุ่แค่นี้เองหนิ”
สุรเดชออกความเห็น วิทยาใช้มือตบหัวสุรเดชเบาๆก่อนพูดว่า
“ถ้าแกจะรอ ก็รอไปคนเดียวนะ ขืนรอกันหมดก็โดนตัดคะแนนกันทุกคนพอดี แล้วฉันก็ไม่ยอมโดนตัดคะแนนทั้งๆที่ฉันมาก่อนเวลาหรอกนะ”
“ไปเถอะน่า เดี๋ยวค่อยไปเจอต้าร์ ในห้องเลยก็ได้”
โชษิตาสรุป สุรเดชพูดว่า
“OK ไม่รอก็ไม่รอ”
ในห้องเรียนขณะที่อาจารย์กำลังสอนอยู่นั้น ธนกานต์ก็เดินเข้ามาด้วยอาการกระหืดกระหอบ และไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนที่อยู่เกือบหลังห้อง อาจารย์พูดตามหลังธนกานต์มาว่า
“ถ้าเธอเข้าสายอีกสองครั้งครูจะนับเป็นขาดอีกหนึ่งครั้ง มันก็พอดีกับโควต้าของเธอแล้วนะ ธนกานต์ ฉะนั้น เธออาจหมดสิทธิ์สอบได้”
ธนกานต์ยิ้มรับเจื่อนๆก่อนหยิบสมุดขึ้นมาจดสิ่งที่อยู่บนกระดาน ในขณะนั้น โชษิตาก็หยิบนิตยสารขึ้นมาบนโต๊ะ วนิดาก็พูดเบาๆว่า
“ฉันยืมแป๊บนึงดิจ๋า จะอ่านคอลัมป์ดวงอ่ะ”
“ยัยกิ๊บนี่ ฉันซื้อมายังไม่ได้อ่านเลยนะ ฉันก็กำลังจะอ่านคอลัมป์นั้นก่อนเหมือนกัน เอางี้ เดี๋ยวฉันอ่านให้ฟังทุกคน เรียงราศีเลยแล้วกัน ราศีแรก ของต้าร์นะจ๊ะ เขาบอกว่า ช่วงนี้กำลังมีคนแอบรักอยู่ ส่วนเรื่องเรียนหรือการงาน ให้ตั้งใจมากขึ้นเพราะอาจจะผิดหวังได้ ช่วงนี้อาจมีการเดินทางไกล โยกย้ายถิ่นฐานหรืออาจพลัดหลงได้ อ่ะคนต่อไปนะจ๊ะ...”
โชษิตายังอ่านไม่ทันจบอาจารย์ที่กำลังเขียนกระดานอยู่ก็หันกลับมาเห็นกลุ่มธนกานต์ที่กำลังมุงกันอยู่จึงดุว่า
“นี่พวกเธอทำอะไรกันหน่ะ บนกระดานอ่ะจดเสร็จแล้วหรอ ถ้าไม่อยากเรียนก็เชิญออกไปข้างนอกได้เลยนะ”
โชษิตารีบเก็บนิตยสารลงจากโต๊ะ และทุกคนก็กระจายตัวไปนั่งจดสิ่งที่อยู่บนกระดานต่อ
หลังจากเรียนเสร็จนักศึกษาคนอื่นๆรวมทั้งอาจารย์ก็เดินออกไปจากห้องจนหมดเหลือแต่กลุ่มธนกานต์ที่มัวตกลงกันอยู่ว่าจะไปทานข้าวกลางวันกันที่ไหน ทั้ง 5 เดินออกมาจากห้องไปยังลิฟท์ที่อยู่ด้านหน้าอาคาร ในระหว่างที่ทั้ง 5 พุดคุยกันอย่างสนุกสนานภายในตู้ลิฟท์นั้น จู่ๆไฟในลิฟท์ก็กระพริบ 2-3 ทีก่อนที่จะดับพร้อมกับลิฟท์ที่หยุดเคลื่อนตัว เสียงวนิดากับโชษิตาร้องกรี๊ดก่อนที่โชษิตาจะไปซบธนกานต์และวนิดาไปซบลงที่วิทยา เหลือแต่สุรเดชที่ยืนอยู่ตรงกลางคนเดียวประมาณ 10 วินาที ไฟในลิฟท์ก็ติดและลิฟท์ทำงานตามปกติ
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออกเมื่อถึงชั้นหนึ่ง ทุกคนก็ต้องอึ้ง เมื่อด้านหน้าอาคารที่เคยเป็นทางเดินกับสวนหย่อมสวยงาม ตอนนี้มันกลับกลายเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่มองไปข้างหน้าไม่เห็นสิ่งอื่นได้นอกเสียจากเนินทรายกับตอไม้ที่แห้งตายหลายต้น ทั้ง 5 อ้าปากข้างด้วยความงง ก่อนค่อยๆเดินออกมาจากลิฟท์และพ้นชายคาอาคารเรียน วิทยาขยี้ตาตัวเองก่อนพูดว่า
“นี่มันอะไรกันวะ ฉันไม่ได้ตาฝาดใช่ป่ะ”
“ใช่แกไม่ได้ตาฝาดหรอกแก๊งค์ เพราะฉันก็เห็นเหมือนแกนั่นแหละ”
โชษิตาพูด วนิดาโวยวายขึ้นว่า
“หรือพวกเราจะโดนผีหลอกอ่ะ ฉันยิ่งกลัวๆอยู่นะ”
“ผีเผอที่ไหนจะมาหลอกแกตอนกลางวันฮะกิ๊บ ฉันว่ามันต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ”
สุรเดชพูดขึ้นหยุดความโวยวายของเพื่อน ธนกานต์พูดว่า
“เพื่อนๆ อย่าเพิ่งเดินไปไหน เรากลับไปที่ตึกเรียนก่อนเหอะ”
“ใช่ๆ มันเป็นภาพหลอน เรากลับไปตั้งต้นใหม่ที่ตึกเรียน บางทีมันอาจจะเป็นเหมือนเดิมก็ได้”
วนิดาพูดเสริมและหันหลังกลับไปทางอาคารเรียนที่เพิ่งเดินพ้นออกมา และคนอื่นๆก็ต้องตกใจกับเสียงกรีดร้องของวนิดา ทุกคนรีบหันตามวนิดาไป ก็ต้องตกใจอีกเพราะว่าอาคารเรียนที่เพิ่งเดินออกมานั้นตอนนี้มันหายไป สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดจึงตัดสินใจกลับหลังหันแล้วเดินไปเรื่อยๆหวังว่าคงจะพบกับบางสิ่งที่มันจะเป็นปกติ ทั้ง 5 เดิน มาสักพักใหญ่ก็เจอกับเนินทรายใหญ่ลูกหนึ่ง แล้วทุกคนก็เดินขึ้นไปบนเนินนั้นเรื่อยๆ
“ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วอ่ะพวกแก”
วนิดาบ่นกับเพื่อนๆ วิทยาพูดเสริมว่า
“ใช่ หิวมาก แล้วก็เหนื่อยมากด้วย รู้มั้ยว่าเดินบนทรายเนี่ยมันเหนื่อยมาก เดินมาตั้งนานแล้วยังไม่เห็นเจออะไรเลย”
“อย่าเพิ่งบ่นเลยน่า เรื่องแบบนี้มันคงไม่อยู่กับพวกเรานานหรอกน่า เออใช่สิ โทรศัพท์ ทำไมพวกเราไม่โทรไปหาคนอื่นๆดูหล่ะ”
ธนการณ์แสดงความเห็นที่ทุกคนก็ลืมคิดไป ทุกคนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือของตนออกมาแต่ก็พบว่าไม่สามารถใช้งานได้ทุกระบบ วนิดาเริ่มโวยวายขึ้นมาอีกว่า
“นี่เราเจอกับอะไรอยู่เนี่ย มันไม่สนุกเลยนะ ต้องเป็นเพราะดวงที่จ๋าอ่านเมื่อกี้แน่ๆเลย เขาบอกว่าดวงต้าร์จะพลัดหลง ทำไมแกต้องทำให้ฉันซวยไปด้วยหล่ะต้าร์”
“อย่ามากล่าวหาต้าร์นะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละ”
โชษิตาตวาดใส่วนิดา วนิดาโมโหผลักโชษิตาแล้วก็ตะคอกกลับไปว่า
“ก็มันจริงมั้ยหล่ะ แกไม่ต้องมาเข้าข้างเลยนะ ดวงต้าร์ไม่ใช่ดวงฉันที่ซวย”
ทั้งคู่ตวาดใส่กันไปมา สุรเดชเข้ามาตะคอกใส่ทั้งคู่ว่า
“นี่แกสองคนจะทะเลาะกันไปทำไมวะ มันจะช่วยอะไรมั้ย เอาดิ ถ้าช่วยก็ตบกันเลยดิ ตบกันให้ตายไปเลย แทนที่จะช่วยกันคิด แล้วอีกอย่างถ้าเพื่อนลำบากแล้วเราจะเอาตัวรอดคนเดียวนั่นก็ไม่ใช่เพื่อนหรอกนะกิ๊บ”
“คือ...ฉันขอโทษนะ ก็เรื่องแบบนี้มันไม่น่าเชื่อหนิ แล้วนี่มันก็ผ่านนานแล้วนะ”
วนิดาพูดอ่อยๆ ธนกานต์พูดตัดบทว่า
“เอาหล่ะๆ อย่ามัวเถียงกันเลย เราลองเดินไปต่อนะยังไงมันก็ดีกว่าอยู่กับที่แล้วรอเฉยๆ เดินไปอาจจะเจออะไรก็ได้นะ”
วิทยาเดินนำเพื่อนๆขึ้นไปจนสุดเนินทราย และคนอื่นๆก็กำลังเดินตามไปโดยที่โชษิตาเดินเกาะแขนธนกานต์ขึ้นไป ทุกคนตกใจอีกครั้งกับเสียงตะโกนเรียกของวิทยา
“เพื่อนๆ มานี่เร็ว มาดูอะไรนี่”
ทุกคนวิ่งขึ้นไปจนสุดเนินทรายก็พบกับป่าไม้เขียวชะอุ่มที่อยู่ห่างออกไปประมาณ300เมตร ทั้ง 5 จึงรีบวิ่งเข้าไปหาความร่มรื่นนั้น ทุกคนหามุมโคนต้นไม้นั่งพักเหนื่อยๆอยู่ใกล้ๆกัน โชษิตาพูดขึ้นว่า
“นี่เราอยู่โลกไหนกันแน่เนี่ย เมื่อกี้ยังทะเลทรายแดดเผาอยู่เลย มันจะติดกับป่าที่ร่มรื่นขนาดนี้ได้ไงอ่ะ”
“เรื่องแบบนี้ก็หาคำตอบยากเหมือนกันนะ หลักวิทยาศาสตร์ก็คงใช้ไม่ได้หรอก”
ธนกานต์พูด วิทยาก็พูดเสียงดังว่า
“หรือว่าพวกเราตายแล้ววะ ตอนที่ลิฟท์ค้าง มันอาจจะตกแล้วพวกเราก็ตาย เลยมาอยู่โลกนี้ไง”
“จะบ้าหรอ แก๊งค์ ช่วยพูดให้กำลังใจเพื่อนหน่อยเหอะ”
วนิดาพูดตัดพ้อประโยคที่ได้ยิน
สำหรับตอนที่ 1 อ่านแล้วเป็นยังไง ชอบไม่ชอบก็คอมเม้นท์มานะครับ จะได้ไปปรับปรุง
ความคิดเห็น