ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    love story in Asgard

    ลำดับตอนที่ #6 : บทลงโทษ

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 57


    บทที่ 6

    โอดินนั่งจ้องมองสองชายหนุ่มที่อีกคนกำลังคุกเข่า แต่อีกคนกลับยืนหน้าเชิด อย่างไม่รู้สึกผิดอะไร ทาริคเหลือบมองโลกิด้วยหางตา แต่โลกิกลับไม่สะทกสะท้าน เขายืนกอดอกด้วยความมั่นใจว่าท่านพ่อของเขาจะต้องทำโทษทาริคแน่นอน โอดินได้แต่ส่ายหน้า พร้อมกับกระทุ้งหอกเพื่อให้ชายหนุ่มอีกคนคุกเข่าด้วย โลกิหันมองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างเชิงถามพร้อมใช้สายตาประหนึ่งว่าเขาจำเป็นต้องคุกเข่าด้วยหรือ แต่โอดินกลับกระทุ้งหอกอีกครั้ง โลกิจึงยอมคุกเข่าลง

                “ข้าคิดว่าการต่อสู้จะเกิดแต่กับสนามรบอย่างเดียวซะอีก เจ้าสองคนเห็นห้องโถงที่มีผู้คนกำลังสนุกสนานกับงานรื่นเริงเช่นนี้เป็นสนามรบงั้นหรือ”

                “ท่านพ่อ ที่จริงไม่ว่าที่ไหนก็สามารถเป็นสนามรบได้ ถ้าจิตใจคนเรายังมีกิเลศอยู่ ข้าคิดว่า...”

                “โลกิ เจ้าทำผิดอะไร เจ้ารู้ตัวหรือปล่าว” โอดินถาม โลกิมองหน้าโอดินแล้วเลิกคิ้วสูง

                “เจ้าจะทำตามใจตัวเองแบบนี้ไปถึงเมื่อไร” โลกิเริ่มไม่พอใจ นี้ท่านพ่อกำลังดุเขาต่อหน้าไอ้คนที่เพิ่งจะชกหน้าเขาไป และดูเหมือนทาริคจะยิ้มเยาะเย้ยเขาด้วยสิ (คิดไปเองหรือปล่าว...)

                “ทำไมท่านต้องกล่าวโทษข้าแบบนี้ ในเมื่อคนที่ถูกกระทำคือข้า”

                “เจ้าแย่งคู่เต้นรำของเขาไป”

                “แล้วท่านพ่อก็เชื่อเจ้าแวนาไฮร์มคนนี้แทนที่จะเชื่อข้างั้นหรือ” โลกิพูดตัดพ้อ

                “นั้นไม่ใช่แค่คู่เต้นรำของเขา แต่นางเป็นคู่หมั้นหมายของเขา เจ้าคงจะรู้จักกฎของชาวแวนาไฮร์มดีนะว่าหากหญิงใดได้หมั้นหมายกับชาวแวนาไฮร์มแล้ว ชายอื่นใดก็ไม่มีสิทธิ์แตะตัวนางได้” โลกิตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของโอดิน คู่หมั้นงั้นหรือ ทำไมแซนเทียไม่เคยบอกเค้ามาก่อน

                “แล้วท่านพ่อจะลงโทษลูกใช่ไหม เอาอะไรดีละ จับขาข้าผูกกับสเลปเนียร์แล้วลากข้าไปรอบแอสการ์ดเลยไหม หรือจะเนรเทศข้าไปโยธันไฮร์มดีละ” คำว่า โยธันไฮร์ม ที่หลุดออกมาจากปากของโลกิทำเอาโอดินหน้าตึงทันที *เจ้าเด็กโง่นี้พูดถึงที่นั้นทำไม เขารู้อะไรมากกว่านั้นหรือ ปล่าว* โอดินได้แต่คิดในใจ โอดินเดินมากลับมานั่งที่บัลลังค์อีกครั้ง พร้อมกับประกาศก้อง

                “โลกิเจ้าถูกกักบริเวณ 1 อาทิตย์ ส่วนเจ้าชาวแวนาไฮร์ม เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาที่แอสการ์ดเป็นเวลา 1 อาทิตย์”

    ..........................................

                แซนเทียนั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่กลางห้อง โดยมีไลริต้ายืนร้องไห้อยู่อีกมุมห้อง ตรงหน้าของแซนเทียคือชายร่างใหญ่ยืนจังก้าด้วยหน้าตาที่ดุดัน เขาคือเฮมดัล

                “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้ไปยุ่งเกี่ยวกับโลกิ เจ้ากลับไม่ฟังข้า” เสียงดังกังวานของเฮมดัลทำเอาแซนเทียสะดุ้งทุกครั้ง แม้เขาจะเป็นพ่อเธอ แต่เธอก็ไม่คุ้นน้ำเสียงนี้เลยสักนิดเดียว ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยได้รับไออุ่นจากพ่อของเธอเลยสักครั้ง พ่อไม่เคยกอด ไม่เคยสนใจว่าเธอจะเป็นยังไง

                “ข้าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลยนะคะท่านพ่อ”

                “เจ้ายังจะมาพูดอีกหรือ” เฮมดัลพูดแล้วหันหน้าไปทางไลริต้า

                “แล้วเจ้าดูแลลูกยังไงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ กลางงานวันเกิดของธอร์แบบนี้”

    ไลริต้าที่กำลังร้องไห้ จึงได้แต่ร้องไห้หนักเข้าไปอีก เฮมดัลได้แต่ส่ายหน้า

                “เอาละ ริต้า ต่อไปเจ้าต้องคอยดูอย่าให้เกิดเรื่องทำนองนี้อีก เข้าใจไหม” ไลริต้าได้แต่พยักหน้า เฮมดัลจึงเดินออกจากบ้านไป พร้อมกับทาริคเดินมา เขาหยุดชะงักเมื่อเจอกับเฮมดัล

                “ข้าหวังว่าเจ้าคงทำให้แซนมีความสุขได้ ข้าฝากแซนด้วยนะ” เฮมดัลตบบ่าทาริคเบา ๆ ก่อนเดินจากไป เฮมดัล เขาไม่ต้องการให้ลูกสาวคนเดียวของเขาต้องไปยุ่งเกี่ยวกับโลกิ แล้วภาพในความทรงจำของเขาก็ปรากฎขึ้น

                *ภาพของทหารแอสการ์ดล้มตายจำนวนมาก และที่บาดเจ็บอยู่ในห้องโอสถก็อีกมาก เฮมดัลได้แต่ช่วยพยุงทหาร แล้วเขาก็ต้องตะลึงเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้านั้น

                “ท่านโอดิน...” ภาพตรงหน้าคือภาพที่โอดินอุ้มเด็กทารกชาวโยธันไฮร์มสีฟ้า ตัวเล็กแคระเกร็นซึ่งอาการเหมือนกำลังจะหมดลมหายใจ

                “เฮมดัล ห้องโอสถ เจ้าพาเขาไปที่ห้องโอสถ เดี๋ยวนี้”

                “ท่านโอดิน ท่านจะเอาเด็กมาทำไม ในเมื่อเราไม่ต้องการจับเชลย”

                “ถ้าเจ้าเป็นข้า เจ้าต้องทำแบบนี้เหมือนกัน เฮมดัล” โอดินนำเด็กทารกสู่อ้อมกอดของเฮมดัล เค้าสัมผัสถึงลมหายใจที่แผ่วเบา และเค้าก็มองเห็นว่าทารกนี้จะนำความเดือดร้อนมาสู่

    แอสการ์ด เค้าจึงต้องเฝ้าจับตาดูโลกิอย่างไม่ไว้ใจมาตลอด แม้โอดินและฟริกก้าจะใช้เวทมนตร์ในการอำพรางร่างไม่ให้โลกิต้องมีลักษณะผิดแปลกไปจากชาวแอสการ์ด หากแต่พวกเค้าลืมว่าจิตใจของโลกินั้นกำลังจะถูกครอบงำด้วยอำนาจมืดบางสิ่ง ซึ่งยิ่งนานวันมันก็เริ่มจะคุกคามจิตใจเขาเข้าไปทุกที

    .............................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×