ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Seungri 5
หลังจากเปิดตัวในฐานะส่วนหนึ่ง ของวง Bigbang ทุกอย่างในตอนนั้นดูเหมือนเรื่องที่ฝันไปของ Seungri
แต่ ไม่นานจากนั้นเค้า ก็ได้รับรู้ถึงประสบการณ์ที่ทำให้ความรู้สึกของเค้าตกต่ำลงไป
“ในบาง เวลา มีบางครั้งที่เค้าไม่สามารถควบคุมการแสดงออกทางสีหน้า
อารมณ์ระหว่าง ช่วงออกอากาศได้ ผมเกลียดมากตอนที่ผมต้องยิ้ม
เวลาที่ผมรู้สึกโมโห หรือต้องจริงจัง ทั้งที่ผมรู้สึกมีความสุข”
Seungri ในตอนนั้นอยู่ในวัยที่น่าจะได้แสดงความรู้สึกของความเยาว์วัย
ทั้ง เรื่องดี หรือไม่ดี เพื่อเป็นประสบการณ์ในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
แต่กลับ เหมือนว่าเค้าติดอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ที่เรียกว่า โทรทัศน์
มันเริ่มทำ ให้เค้ารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ในที่สุดมันทำให้เค้าเริ่มแสดงความรู้สึกที่แท้จริง
ออกมาทางหน้าจอ เวลาที่ถูกถามถึงเรื่องที่เค้ารู้สึกไม่สบายใจ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่เค้ารู้สึกไม่พอใจ
“ตอนนั้น ผมถูก G-Dragon ต่อว่าใหญ่โต มันทำให้ผมถึงกลับร้องไห้ออกมาหลังจากโดนดุ
ผมคิดในตอน นั้นว่า ทำไมผมถึงแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาไม่ได้? ผมคิดว่าผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว"
ท่านประธาน Yang Hyun Seok เรียกผมเข้าไปพบ พร้อมทั้งให้เหตุผลกับเค้าว่า
“ถ้านายยังไม่สามารถควบ คุมตัวเองได้ นายจะไปอยู่ในใจคนอื่นได้ยังไง”
ในที่สุดมันทำให้ Seungri ตระหนักว่าคำพูดของรุ่นพี่อย่างท่านประธานนั้นถูกต้อง
หลังจาก นั้น มันทำให้เค้ารู้สึกสบายขึ้น เวลาไปออกรายการต่างๆ
ถึงแม้จะมีคำถาม ที่เค้ารู้สึกลำบากใจ หรือสถานการณ์ที่เค้าไม่ชอบ
เค้าก็เรียนรู้ที่จะ ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“ผมจะไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สอง”
ชีวิต ในวงการบันเทิง มักเต็มไปด้วยปัญหา และเรื่องอื้อฉาว ทำให้หลังจากผ่านเรื่องราวนั้นไป
ก็ยังมีเรื่องราวอันยากลำบากที่ทำให้ Seungri ต้องก้าวผ่านมันไป
“ข่าวลือ คือ สิ่งที่น่ากลัวสำหรับวงการบันเทิง ตัวอย่างเช่น ผมเป็นเพื่อนกับ Goo Hara ใช่ไหมครับ
ซึ่งหลังจากนั้นมันมักจะมีข่าวลือ แพร่ออกไป อย่างเช่น ฉันได้ยินมาว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน
ส่วนฉันได้ยินมาว่าเค้ากินข้าวกลางวันด้วยกัน เค้าไปเดทด้วยกัน เค้าไปเที่ยวกันนะ
ฉันได้ยินว่าเค้า ... อย่างนั้นนะ ผมคิดว่าคนเรามักจะพูดเกินจริง
เวลาเล่าเรื่องต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัว และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม
ผมถึงไม่เคยพูดถึง ปัญหาของผมให้ใครฟัง”
บางครั้งเวลาที่เค้ามีปัญหา Seungri พูดว่าเค้าไม่เคยเล่าปัญหาให้ใครฟัง บุคลิกที่มั่นใจ
และสดใสของเค้า อาจเป็นเสมือนเกราะกำบัง ความรู้สึก และตัวตนที่แท้จริงของเค้าหรือเปล่า
“นั่น เป็นวิธีหนึ่งที่ผมใช้ในการอยู่รอดในวงการบันเทิง เมื่อนานมาแล้ว
ผมเคย เล่าถึงปัญหาของผมให้บางคนที่ผมสนิทด้วยฟัง ผมพูดทิ้งท้ายกับเค้าว่า
ผม ไม่อยากให้พี่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะครับ แต่วันต่อมา มีคนเข้ามาพูดกลับผมว่า
ไอ้หนู ร่าเริงเข้าไว้ ในตอนนั้น มันเหมือนกับผมยืนเปลือยกายต่อหน้าทุกคน”
เค้าไม่ต้องการแสดงถึงสิ่งที่ เค้าคิด หรือรู้สึกต่อหน้าผู้คนรอบตัวเค้า
สิ่งที่ดารา กลัวที่สุด คือการที่เรื่องส่วนตัวถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน
“ผมอยากปกปิดร่าง กายด้วยเสื้อผ้าต่อหน้าผู้คน ตอนที่ยังเด็กอยู่นั้น ผมตระหนักว่า
ผมควร เข้าหาคนอื่นด้วยหัวใจ แต่บางครั้ง มีบางช่วงเวลาที่ผมคิดกับตัวเองว่า
คนๆ นี้แค่อยากเข้าใกล้ผมเท่านั้นแหละ มันทำให้บางครั้งผมเหมือนกับ เครื่องจักร สำหรับคนอื่น”
Seungri มักจะรู้สีกสับสนระหว่างความเป็นตัวตนจริงๆของเค้า
กับภาพลักษณ์ที่ต้อง แสดงออกต่อหน้าสาธารณชน
“ผมเด็กที่สุดในวง ดังนั้น บางครั้งผมต้องทำในสิ่งที่พี่ๆไม่อยากทำ หรือทำไม่ได้
อย่างตอนที่พวก เราต้องไปพบกับ โปรดิวเซอร์ ผมต้องทำตัวน่ารัก
หรือทำบางอย่างที่คนคาด หวังให้ทำในรายการทีวี ทั้งหมดก็เพราะว่าผมเด็กสุด
แต่ยังไงก็ตาม ผมก็รู้สึกขอบคุณ ที่ผมสามารถยืนอยู่บนเวทีเดียวกับพี่ๆ”
ผมยังคิด อีกว่า ผมต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ผมว่าเหตุผลที่คนเลือกรุ่นโทรศัพท์ที่มี
มีหน้าที่หลายอย่าง มากกว่าอันที่ใช้เพียงแค่โทร ผมคิดว่าผมต้องเก่งขึ้นในหลายๆด้านให้ได้ครับ
แต่ ไม่นานจากนั้นเค้า ก็ได้รับรู้ถึงประสบการณ์ที่ทำให้ความรู้สึกของเค้าตกต่ำลงไป
“ในบาง เวลา มีบางครั้งที่เค้าไม่สามารถควบคุมการแสดงออกทางสีหน้า
อารมณ์ระหว่าง ช่วงออกอากาศได้ ผมเกลียดมากตอนที่ผมต้องยิ้ม
เวลาที่ผมรู้สึกโมโห หรือต้องจริงจัง ทั้งที่ผมรู้สึกมีความสุข”
Seungri ในตอนนั้นอยู่ในวัยที่น่าจะได้แสดงความรู้สึกของความเยาว์วัย
ทั้ง เรื่องดี หรือไม่ดี เพื่อเป็นประสบการณ์ในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
แต่กลับ เหมือนว่าเค้าติดอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม ที่เรียกว่า โทรทัศน์
มันเริ่มทำ ให้เค้ารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ในที่สุดมันทำให้เค้าเริ่มแสดงความรู้สึกที่แท้จริง
ออกมาทางหน้าจอ เวลาที่ถูกถามถึงเรื่องที่เค้ารู้สึกไม่สบายใจ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่เค้ารู้สึกไม่พอใจ
“ตอนนั้น ผมถูก G-Dragon ต่อว่าใหญ่โต มันทำให้ผมถึงกลับร้องไห้ออกมาหลังจากโดนดุ
ผมคิดในตอน นั้นว่า ทำไมผมถึงแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาไม่ได้? ผมคิดว่าผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว"
ท่านประธาน Yang Hyun Seok เรียกผมเข้าไปพบ พร้อมทั้งให้เหตุผลกับเค้าว่า
“ถ้านายยังไม่สามารถควบ คุมตัวเองได้ นายจะไปอยู่ในใจคนอื่นได้ยังไง”
ในที่สุดมันทำให้ Seungri ตระหนักว่าคำพูดของรุ่นพี่อย่างท่านประธานนั้นถูกต้อง
หลังจาก นั้น มันทำให้เค้ารู้สึกสบายขึ้น เวลาไปออกรายการต่างๆ
ถึงแม้จะมีคำถาม ที่เค้ารู้สึกลำบากใจ หรือสถานการณ์ที่เค้าไม่ชอบ
เค้าก็เรียนรู้ที่จะ ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“ผมจะไม่ทำผิดเป็นครั้งที่สอง”
ชีวิต ในวงการบันเทิง มักเต็มไปด้วยปัญหา และเรื่องอื้อฉาว ทำให้หลังจากผ่านเรื่องราวนั้นไป
ก็ยังมีเรื่องราวอันยากลำบากที่ทำให้ Seungri ต้องก้าวผ่านมันไป
“ข่าวลือ คือ สิ่งที่น่ากลัวสำหรับวงการบันเทิง ตัวอย่างเช่น ผมเป็นเพื่อนกับ Goo Hara ใช่ไหมครับ
ซึ่งหลังจากนั้นมันมักจะมีข่าวลือ แพร่ออกไป อย่างเช่น ฉันได้ยินมาว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน
ส่วนฉันได้ยินมาว่าเค้ากินข้าวกลางวันด้วยกัน เค้าไปเดทด้วยกัน เค้าไปเที่ยวกันนะ
ฉันได้ยินว่าเค้า ... อย่างนั้นนะ ผมคิดว่าคนเรามักจะพูดเกินจริง
เวลาเล่าเรื่องต่างๆ มันทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัว และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม
ผมถึงไม่เคยพูดถึง ปัญหาของผมให้ใครฟัง”
บางครั้งเวลาที่เค้ามีปัญหา Seungri พูดว่าเค้าไม่เคยเล่าปัญหาให้ใครฟัง บุคลิกที่มั่นใจ
และสดใสของเค้า อาจเป็นเสมือนเกราะกำบัง ความรู้สึก และตัวตนที่แท้จริงของเค้าหรือเปล่า
“นั่น เป็นวิธีหนึ่งที่ผมใช้ในการอยู่รอดในวงการบันเทิง เมื่อนานมาแล้ว
ผมเคย เล่าถึงปัญหาของผมให้บางคนที่ผมสนิทด้วยฟัง ผมพูดทิ้งท้ายกับเค้าว่า
ผม ไม่อยากให้พี่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังนะครับ แต่วันต่อมา มีคนเข้ามาพูดกลับผมว่า
ไอ้หนู ร่าเริงเข้าไว้ ในตอนนั้น มันเหมือนกับผมยืนเปลือยกายต่อหน้าทุกคน”
เค้าไม่ต้องการแสดงถึงสิ่งที่ เค้าคิด หรือรู้สึกต่อหน้าผู้คนรอบตัวเค้า
สิ่งที่ดารา กลัวที่สุด คือการที่เรื่องส่วนตัวถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน
“ผมอยากปกปิดร่าง กายด้วยเสื้อผ้าต่อหน้าผู้คน ตอนที่ยังเด็กอยู่นั้น ผมตระหนักว่า
ผมควร เข้าหาคนอื่นด้วยหัวใจ แต่บางครั้ง มีบางช่วงเวลาที่ผมคิดกับตัวเองว่า
คนๆ นี้แค่อยากเข้าใกล้ผมเท่านั้นแหละ มันทำให้บางครั้งผมเหมือนกับ เครื่องจักร สำหรับคนอื่น”
Seungri มักจะรู้สีกสับสนระหว่างความเป็นตัวตนจริงๆของเค้า
กับภาพลักษณ์ที่ต้อง แสดงออกต่อหน้าสาธารณชน
“ผมเด็กที่สุดในวง ดังนั้น บางครั้งผมต้องทำในสิ่งที่พี่ๆไม่อยากทำ หรือทำไม่ได้
อย่างตอนที่พวก เราต้องไปพบกับ โปรดิวเซอร์ ผมต้องทำตัวน่ารัก
หรือทำบางอย่างที่คนคาด หวังให้ทำในรายการทีวี ทั้งหมดก็เพราะว่าผมเด็กสุด
แต่ยังไงก็ตาม ผมก็รู้สึกขอบคุณ ที่ผมสามารถยืนอยู่บนเวทีเดียวกับพี่ๆ”
ผมยังคิด อีกว่า ผมต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ผมว่าเหตุผลที่คนเลือกรุ่นโทรศัพท์ที่มี
มีหน้าที่หลายอย่าง มากกว่าอันที่ใช้เพียงแค่โทร ผมคิดว่าผมต้องเก่งขึ้นในหลายๆด้านให้ได้ครับ
credit: http://bbviplover2.exteen.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น