คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter7 คุณได้รับสายจากเบื้องบน [แก้]
Chapter7
คุณแทบจะกลายเป็นคนดังของโรงเรียนไปแล้ว
ตอนนี้ไม่ว่าจะที่ไหน ทุกครั้งจะต้องมีคนพูดถึงยายสาวเอเชียผิวสวยขึ้นมาทุกที เรียกว่าเป็นการแจ้งเกิดด้านลบแบบดังระเบิดไปเลยก็ได้ ตอนนี้แทบจะทุกคนที่พุ่งเป้ามาที่แฮร์รี่และคุณ หลายคนเกิดข้อสงสัยและเอาไปเม้ากันสนุกปาก จนคุณอดแอบคิดไม่ได้ว่าคนพวกนี้ไม่มีอะไรอย่างอื่นทำกันแล้วหรือ
พักกลางวันของคุณนับว่าเป็นมื้อกลางวันที่สงบสุขที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในรั้วโรงเรียนเลยก็ว่าได้ พวกแอบบริดจ์ยังคงไม่โผล่มาเพราะคุณรีบลากก้นตัวเองมาถึงโรงอาหารให้เร็วที่สุดทันทีที่ออดดัง รีบกินแล้วคุณก็จะรีบไป ว่าแล้วก็ไล่นึกไปถึงจัสตินกับมื้อกลางวันมือแรกของคุณ ไม่มีแม้กระทั่งเงาหัวของเขา ถ้าไม่หลบไปสูบบุหรี่ บางทีอาจจะกำลังนอนหลับอยู่ก็เป็นได้ สุดท้ายแล้วแฮร์รี่ หลังจากแยกกับเขาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว จนตอนนี้คุณก็ไม่เห็นเขาอีกเลย
คุณยัดมะเขือเทศเข้าปาก เคี้ยวสบายอารมณ์แต่ทว่าเร่งรีบ คุณเลือกโต๊ะอาหารที่อยู่มุมไม่อับ ติดกับผนัง แต่ตอนนี้ขาดก็แต่เพื่อนร่วมโต๊ะเท่านั้น แน่นอนว่าบทเรียนมื้อกลางวันมื้อแรกคราวก่อนสอนให้คุณรู้แล้วว่าไม่ควรแย่ง หรือใช้โต๊ะรับประทานอาหารร่วมกับใคร และทุกคนที่นี่ก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนั้นดี เพราะถึงแอบบริดจ์ จัสตินและเซนไม่อยู่ ก็ไม่มีใครกล้านั่งโต๊ะของพวกเขา มีก็แต่โต๊ะแฮร์รี่ที่มีเพื่อนๆของเขานั่งอยู่แล้ว แต่นั่นไม่แปลกเพราะเขาเป็นพวกมนุษย์สัมพันธ์ดี คือคุณหมายถึงอย่างน้อยเขาก็มีคนคบมากกว่าหนึ่งคนล่ะนะ
แอปเปิ้ลที่ถูกหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าชิ้นเล็กๆราดด้วยน้ำสลัดกำลังจะเข้าปากคุณ แต่ก็ทำได้แค่ค้างเติ่งไว้แบบนั้น เพราะบัดนี้ เซน มาลิควางถาดอาหารที่มีแค่แอปเปิ้ลสีแดงหนึ่งลูก สเต็กเนื้อ และกระป๋องเบียร์ (เขาไปเอามันมาจากไหนนะ--) ลงบนโต๊ะ เขาไม่พูดอะไรนอกจากนั่งลงตรงข้ามคุณ ค่อยๆใช้มีดหั่นสเต็กเบามือราวกับกลัวว่ามันจะเจ็บอย่างนั้นแหละ
“เอ่อ หวัดดี” คุณเอ่ยทักขณะที่เซนเปิดกระป๋องเบียร์ “ให้ช่วยอะไรไหม”
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ว่าแล้วเขาก็ลงมือกับอาหารต่อ
เกิดอะไรขึ้น—
คุณหันไปมองรอบตัว เอาอีกแล้ว สายตาแบบนั้นอีกแล้ว มันเหมือนกับว่าคุณยืนอยู่ในป่ามืดตื๋อ และตามพุ่มไม้มีสายตาหมาป่าเรืองแสงหลายคู่กำลังเพ่งเล็งมาที่คุณ เซนยังคงบรรจงหั่นสเต็กเข้าปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว คุณฝืนกลืนเนื้อทูน่าลงคออย่างยากลำบากด้วยความงุนงง ทำไมคุณถึงสลัดพวกเขาออกจากระบบโคจรชีวิตไม่ได้ซะทีนะ
“มีอะไรหรือเปล่า…ทำไมนาย ถึงมานั่งกินที่โต๊ะ กับฉัน นี่ล่ะ”
เซนยักไหล่น้อยๆ
“ขอโทษนะ แต่…เรารู้จักกันหรอ” คุณเอ่ยถามกล้าๆกลัวๆ
“รู้จักสิ”
“เอ่อ…นาย รู้จักฉัน? ได้ยังไง?”
“เพื่อนฉันพูดถึงเธอ”
เพื่อนของเซน คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากจัสติน เพราะนอกจากเขาคุณก็ไม่เห็นว่าสองคนนี้จะมีใครกล้าเข้าใกล้พวกเขาเท่าไหร่ ประหลาดใจว่าคนมนุษย์สัมพันธ์ติดลบแบบพวกเขามาคบกันจะไม่พากันใบ้กินไปก่อนงั้นหรือ อืมจะว่าไปก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะเวลาอยู่ด้วยกันพวกเขาดูเข้ากันได้ดีออกนะ คุณคิด แต่อะไรนะ เซนเพิ่งบอกว่าจัสตินพูดถึงคุณงั้นหรือ เขาพูดว่าอะไร ‘ยายโง่นี่งี่เง่าเป็นบ้า’ หรือบางทีอาจจะ ‘ยัยงี่เง่านี่โง่เป็นบ้า’ น่าจะเป็นอะไรทำนองนี้ล่ะ สัญชาตญาณคุณบอกแบบนั้น
คุณไม่ได้ตอบกลับไปอีก และแอบเหลือบมองเซนเป็นระยะ จนเขารู้สึกตัว “มีอะไร”
คุณสะดุ้ง “เปล่า คือฉันก็แค่…ประหลาดใจน่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก” เซนตอบราวกับมันไม่สลักสำคัญ “มีคนให้ฉันมานั่งกับเธอน่ะ”
“ใคร…บอกให้นายมานั่งกับฉัน” คุณถามงงๆ ใครให้เขามานั่งกับฉัน แล้วทำไมต้องให้มานั่ง อีกอย่าง…ทำไมต้องเป็นเซน เขาเกี่ยวข้องอะไรกับมื้อกลางวันของคุณงั้นหรือ— คุณอยากจะถามคำถามทั้งหมดนั่นกับเซน แต่ใจไม่ถึงพอ เพราะมีเปอร์เซ็นต์สูงว่าเซนอาจตอบกลับมาว่า ‘นั่งกินไปเฉยๆเถอะน่า’ นิ่งกันไปนานพอสมควร เซนมั่วแต่สนใจกับเนื้อสเต็ก เขาหลุบตาลงขณะที่จัดการกับอาหารมื้อกลางวัน ขนตายาวเป็นแพกระพือเล็กน้อย คิ้วเรียวเข้มขมวดกันเป็นปมราวกับการหั่นสเต็กคือเรื่องที่ต้องใช้สมาธิมากที่สุดในชีวิต (สำหรับตอนนี้น่ะนะ)
นี่เขาได้ยินคุณหรือเปล่านะ—
“ฉันว่า…” ขณะที่คุณกำลังจะถามซ้ำ เซนพูดเอื่อยๆขึ้นมา “…ฉันว่า เธอคงไม่อยากโดนตบอีกซ้ำสองของวันหรอก อยู่กับฉัน พวกนั้นไม่เข้ามาแตะเธอแน่”
“นายหมายถึงแอบบริดจ์”
เซนพยักหน้า
“ฉันไม่เข้าใจ”
เซนดื่มเบียร์เข้าไปอึกใหญ่ เขาดูง่วงๆนะ— ด้วยความสงสารคุณจึงเลือกปิดปากเงียบ ไม่ถามอะไรอีกจนกระทั่งเซนเพยิดหน้าไปข้างหลังคุณ “หมอนั่นมาแล้ว ฉันไปล่ะ” เขากัดแอปเปิ้ลคำใหญ่เข้าปาก ถือถาดแล้วทำท่าจะลุกออกไป
เสียงที่คุยกันก่อนหน้านี้พลันเงียบสงัด คุณรู้ทันทีด้วยสภาพแวดล้อมของคนรอบข้างว่าใครมา “จะไปไหนวะ”
เซนพูดง่วงๆ “ฉันว่าจะไปสูบบุหรี่ เจอกัน”
เมื่อเซนเดินจากไป จัสตินก็เดินมานั่งแทนที่เขาก่อนจะลงมือกินแอปเปิ้ลโดยไม่เอ่ยคำทักทาย เหมือนเพื่อนของเขาไม่มีผิด เยี่ยมเลย ตอนนี้คุณเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นเพื่อนกัน
“ก็สบายดีนะ นายล่ะ” คุณถามประชด
จัสตินเงยหน้า เขาไม่ทำอะไรนอกจากกัดแอปเปิ้ลและขมวดคิ้วมองหน้าคุณ โอเค คุณคิดผิดนิดหน่อยที่คิดไปว่านี่จะเป็นมื้อกลางวันแสนสงบ ครั้งที่เซนมานั่งร่วมโต๊ะกับคุณมันก็แย่น่ะนะเพราะหลายสายตาต่างจับจ้องมากันชนิดไม่ให้ความเกรงใจ แต่กับจัสตินแย่กว่า ไม่มีใครกล้ามองมาแต่คุณแทบเห็นเรดาร์ล่องหนปักอยู่บนหัวพวกเขาแต่ละคน เหมือนหลายคนพยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาของพวกคุณอย่างใจจดใจจ่อ
“เยี่ยมไปเลย” คุณบ่นพึมพำ
“ทำไมถึงยอมล่ะ”
“อะไรนะ”
จัสตินเพยิดหน้าไปทางแก้มบวมๆของคุณ “ทำไมถึงยอม” ตอนนี้สภาพของคุณมันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่หรอกแค่แก้มบวมตุ่ยเหมือนอมก้อนน้ำแข็งไว้ในปากตลอดเวลา ปากมีรอยแผลและเลือดแห้งๆ ถึงจะเป็นตบที่รวดเร็ว แต่มือยายเทย์เลอร์เบาเสียที่ไหน แถมหล่อนยังตบคุณตั้งสองทีนะ สองที ไม่ใช่สาม!
“ฉันไม่ได้ยอมนะ แค่…พวกนั้นลงมือตอนฉันยังไม่ทันตั้งตัวเฉยๆ”
“แล้วเธอไปมีเรื่องอะไรกับพวกนั้นนักหนา”
ก็เพราะนายน่ะสิ บอกตามตรงนะ การที่นายนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวกับฉันแบบนี้บางทีคืนนี้ ดีไม่ดี ฉันอาจโดนดักตบก่อนจะถึงบ้านก็ได้ ตาทึ่มเอ๊ย คุณคิดในใจ เขาไม่รู้เลยหรือไงนะว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เซเลน่าจะกัดคุณไม่ปล่อย “ลืมๆมันไปเถอะ ไม่สำคัญหรอก”
“คงงั้น”
จัสตินบอกเสียงเรียบ ถามจริงเถอะ เขาจะเฉยชาน้อยกว่านี้ได้ไหมฮึ เขารู้บ้างหรือเปล่าว่าชีวิตตัวเองจะอ้างว้างขนาดไหนถ้าไม่สานสัมพันธ์กับคนอื่นเข้าไว้น่ะ—
“ปัญหางี่เง่าของฉันน่ะช่างมันเถอะ” คุณถอนหายใจ “นายต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ทำไม…” เขากัดแอปเปิ้ลคำใหญ่ “…ทำไม ฉันต้องการอะไรจากเธอด้วยล่ะ”
“ไม่งั้นแล้ว…นายจะมายุ่งกับฉันทำไม”
“นั่นมันเรื่องของฉัน”
“อ้องั้นหรอ” คุณอดไม่ได้และต้องกลอกตา “จริงด้วยสินะ”
“สรุปว่า เธอจะกินอาหารมื้อนี่ให้มันหมดๆไป หรือจะมานั่งตั้งแง่กับฉัน”
“น่าสนใจนะ น่าสนใจมาก แต่ว่าไม่ทั้งสองอย่าง” คุณวางช้อนและมีดลงข้างๆถาด ซับปากด้วยทิชชู่และส่งยิ้มให้จัสตินน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้น “ไว้เจอกัน เอ่อไม่สิ ไม่เจอดีกว่าเนาะ”
ถึงจะหันหลังเดินออกมาแล้ว แต่สายตาคุณก็ยังไวกว่าตัวอยู่ดี คุณแอบเห็นเขายิ้มหรอกนะ แต่คงไม่ใช่ยิ้มที่น่าดูหรอก คุณเดินผ่านโต๊ะว่าง ที่ก่อนหน้าที่เป็นของจัสติน นับว่าเป็นเรื่องประวัติการณ์เลยก็ว่าได้เพราะแม้กระทั่งคาตี้แม่ครัวที่ทำหน้าที่ตักอาหารเองก็ยังไม่เคยเห็นจัสตินหรือเซนนั่งโต๊ะตัวไหนในโรงอาหารนอกจากตัวนี้ เขาติดใจอะไรยายสาวเอเชียคนนี้นักหรือ คำถามที่หลายคนตั้งแง่และต้องการคำตอบ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเสียทีเดียวหรอกนะ
เวรล่ะ…
คุณมองเลยโต๊ะอาหารของจัสติน และพบกับพวกหล่อน แอบบริดจ์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่— พวกเธอนั่งอยู่ตรงนี้มานานหรือยังนะ เพราะถ้านาน ก็มหาซวยแล้วล่ะเพราะหลังจากเมื่อเช้าแล้วอย่างน้อยก็ควรรอให้แผลหายก่อนสิถึงจะได้เจอกับยายซาตานพวกนี้น่ะ คุณพยายามยกมือที่ว่างจากการถือถาดอาหารปิดบังรอยแผล แต่แหม ทำอย่างกับว่ามันจะได้ผล
“ดูไม่ได้” นั่นเสียงของเซเลน่า
คุณหยุดกึก ยกถาดบังรอยกาแฟที่เป็นวงไม่หาย
“เราซื้อเสื้อตัวใหม่ให้เธอได้นะ” แอชลีย์ส่ายหน้า เสียงของเธอเจือด้วยความสมเพชแต่ก็ยังแอ๊บหน้าราวกับสงสารคุณจับใจ เรื่องเสแสร้งได้โล่นี่ต้องยกให้พวกคุณเธอล่ะ
“บางทีเราอาจช่วยเธอได้มากกว่าซื้อเสื้อ” เทย์เลอร์เสริม
“คือเราหมายถึง…” เซเลน่ายิ้ม ดวงตาประกายแพรวพราว “…ถ้าเธอดูได้กว่านี้ บางทีอาจจะขายออกน่ะ เราช่วยเธอเต็มที่นะ” ไม่พูดเปล่าแต่กลับลุกขึ้น เอื้อมมือมาลูบไล้ใบหน้าของคุณราวกับกำลังพิจรณาว่าจะจัดการยังไง
คุณปัดมือหล่อนออก “ขอบใจนะ แต่เก็บความหวังดีของพวกเธอไว้…บำรุงจิตใต้สำนึกของตัวเองดีกว่า เสื่อม น่าดูแล้วล่ะตอนนี้”
คุณอาจโดนฝากรอยไว้บนใบหน้าอีกรอยแล้วก็ได้ ถ้าไม่มีใครบางคนกำลังจ้องมองเหตุการณ์อยู่ จัสตินนั่นเอง ก็จริงที่เขาก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมนั่นล่ะ เพียงแต่สายตาเขาไม่ได้ละไปจากคุณเลยตั้งแต่คุณลุกขึ้นจากโต๊ะ และเหมือนเซเลน่ารู้ดีเพราะเธอทำได้เพียงพูดเบาๆว่า “ว้าว! เยี่ยมเลย ขอบใจที่บอกจ้ะ” ถึงใบหน้าจะมีรอยยิ้ม แต่บอกได้เลยว่าตอนนี้หล่อนกำลังสาปแช่งคุณอยู่ในใจ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จากน้ำเสียง ถ้าไม่มีจัสติน คุณได้ตายคามือเซเลน่าไปแล้วล่ะ
“ยินดีเสมอจ้ะ! รีบๆเข้าล่ะ ก่อนที่อะไรๆมันจะสายไปซะก่อน แบบว่า…เธอรู้ดีนี่!” คุณเอ่ยเสียงใส “และแน่นอนว่าฉันจะไม่ยอมมีรอยบนหน้าคนเดียวแน่” ก่อนจะหมดความกล้า คุณชิ่งเดินออกจากโรงอาหารอย่างสวยหรู
สำเร็จ! ถือว่าเป็นอีกขั้นสำหรับพวกที่อยากจะต่อกรกับแอบบริดจ์ คือพ่นคำเสียดแทงที่จะทำให้ยายพวกนี้เจ็บใจ และเดินชิ่งออกมาโก้ๆ แน่นอนว่าพวกที่ทำแบบนี้มักจะสลบก่อนรู้ตัวด้วยซ้ำ คุณเองก็เหมือนกันถ้าไม่มีจัสติน
นั่นไงล่ะ พูดถึงเขาแล้วเขาก็มา “เธอคงอยากตายมากจริงๆสินะ”
คุณหัวเราะน้อยๆ “นายได้ยิน”
“ได้ยินทั้งโรงอาหาร” เขายอมรับ “สาบานสิว่านั่นเธอกระซิบแล้ว”
“ช่างฉันเถอะ แล้วนาย ตาม ฉันมาทำไมเนี่ย” คุณหยุดเดิน
จัสตินมองมาที่คุณราวกับคุณมันโง่เสียเต็มประดา “ถ้าฉันไม่ตามเธอมา เช้าวันพรุ่งนี้คงมีศพสาวเอเชียนอนตายใต้โต๊ะโรงอาหารแล้วล่ะ”
“เดาว่านั่นเป็นอีกหนึ่งความปราถนาของนายล่ะสิ”
“ก็นะ” เขาหยิบมวนบุหรี่ขึ้นจุด “ตอนนี้ไม่ แต่อีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้คงจะ ใช่”
“ฉันไม่ชอบให้นายสูบบุหรี่” คุณบอกเสียงรังเกียจอย่างเปิดเผย
“แล้วฉันขอให้เธอดมหรือไง”
“อ้อ จริงด้วย”
คุณกลอกตาเซ็งๆและเดินเลี่ยงออกมาอีกทาง ไม่อยากต่อบทสนทนากับจัสตินต่อเพราะมีเปอร์เซ็นต์มากทีเดียวที่จะทำให้คุณประสาทหลอนก่อนวัยอันควร ทางเดินเรียบจากโรงอาหารทะลุออกมาเป็นสวนหย่อมขนาดใหญ่ทว่าน้อยคนอยู่ มีเพียงเสียงลมและเสียงน้ำพุเท่านั้นที่ทำหน้าที่ไม่ให้สถานที่แห่งนี้เงียบเหงา ถือว่าเป็นทำเลดีๆสำหรับพวกรักสงบ เพราะนักเรียนส่วนใหญ่มักจะรวมตัวกันที่สนามหญ้าด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนเสียมากกว่า
“ให้ตายสิ เธอมาจุ้นอะไรด้วยหา”
คุณดูเป็นงง หันกลับไปก็เห็นจัสตินที่กำลังขยี้บุหรี่ด้วยท่าทีหัวเสีย “มีปัญหาอะไรของนาย”
“เธอคิดว่าเธอจะสั่งอะไรฉันก็ได้งั้นเรอะ” เขาเดินเข้าคว้าข้อมือคุณ บีบจนแน่น “เธอคิดว่าเธอเป็นใครกันแน่” ถึงจะงง แต่ตอนนี้นี่เองที่คุณตระหนักได้ว่าเขาน่ากลัวแค่ไหน น้ำเสียงดุดัน สายตาที่สามารถฆ่าคุณได้เพียงแค่เสี้ยวนาที แว้บหนึ่งคุณก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ว่าไงนะ”
“อย่ามาออกคำสั่งกับฉันอีก”
“นี่!” คุณสะบัดมือออกและก็พบว่าข้อมือของคุณขาวซีด มีรอยถลอกเล็กน้อย “ฉันควรตบนายเสียทีดีไหมนะ ผีเข้าหรือไง”
“เฮ้” แฮร์รี่วิ่งเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆคุณ “มีอะไรกัน”
เป็นไปตามคาด…ทีนี้ก็ชัดเจนเสียที
จัสตินยกยิ้มขึ้นมุมปาก เขารู้อยู่แล้ว เขาเห็นแฮร์รี่มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
ถ้าพูดกันในเชิงธรรมด๊าธรรมดา จัสตินและแฮร์รี่เป็นผู้ชายหน้าตาดีที่กินกันไม่ขาดจริงๆ เพราะถ้าให้เลือกระหว่างทั้งคู่คงต้องใช้เวลาทำใจหลายวันที่จะเสียอีกคน แฮร์รี่ดูเป็นพวกเพลย์บอย ขี้หลี อารมณ์ดีและเข้ากับคนง่าย (แบบว่าง๊ายงายน่ะ) เขามีเสน่ห์เป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม คำพูด หรือแม้แต่บุคลิก แต่กับจัสติน เขาเข้าถึงยาก ลึกลับ อย่าว่าแต่รอยยิ้มเลย คุยกับเขาได้นี่ก็สุดยอดคนแล้ว ท่าทางใจร้อนทว่ากลับนิ่งได้อย่างน่าประหลาด แต่มีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่บอกกับคุณได้ว่า ทุกครั้งที่อยู่กับเขา คุณรู้สึกอุ่นใจ
ทั้งจัสตินและแฮร์รี่รู้จักกันในระดับพวกมีชื่อเสียงทางฐานะ แต่ไม่สนิทอะไรกันมากมาย
การเผชิญหน้าของสองครั้งนี้โดยมีสาวเอเชียเป็นบุคคลคั่นกลาง นับว่าน่าสนใจไม่น้อย
“อย่าแส่” จัสตินพูดเสียงเรียบ สายตาและท่าทางที่ดูนิ่งเฉยนั้นดูน่ากลัว คุณไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ได้เลย
“โว้ว ใจเย็นเพื่อน” โชคดีที่แฮร์รี่ไม่ใช่คนวู่วาม “ฉันไม่ได้จะมาหาเรื่อง”
“งั้นก็หลีกไปสิวะ”
“หลีกน่ะหลีกแน่ แต่ผู้หญิงคนนี้ต้องไปกับฉัน” แฮร์รี่พูดพลางโอบแขนไว้รอบเอวคุณ ทำดีมากแฮซ เพราะทีนี้จะไม่ใช่แค่เขาแล้วล่ะที่จะจบศพไม่สวย ดูเหมือนคุณเองก็เช่นกัน เพราะตอนนี้จัสตินเลื่อนสายตามาป๊ะกับคุณแทน
เวรสิ
“เอ่อ ขอเวลานอก!” หลังจากโพล่งออกไป คุณก็ไม่รอช้ารีบแงะมือที่ทำหน้าที่เหมือนหนวดปลาหมึกของแฮร์รี่ออกและลากคอเขาห่างออกมาจากจัสติน “พวกนายเล่นอะไรกัน!”
“ไม่รู้สิ เกมสแครบเบิลมั้ง”
“แหม ขำหรอกนะ” คุณกลอกตาสุดเซ็ง
“นี่ แล้วหมอนั่นทำอะไรเธอ บอกฉันได้นะ เขารังแกเธอรึเปล่า” แฮร์รี่จ้องคุณด้วยสายตาเป็นห่วง เขาดูเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นรอยเป็นจ้ำที่ข้อมือของคุณ แว้บหนึ่งเท่านั้นที่คุณรู้สึกดีที่เขาเป็นห่วง แต่ก็แค่แว้บเดียวเท่านั้นเพราะจู่ๆจัสตินก็คว้าข้อมือคุณแล้วกระชากไปใกล้ตัวสุดแรง “หมดเวลา” นอกจากนั้นไม่พอยังออกแรงลากให้คุณเดินตามแล้วหันไปมองแฮร์รี่ด้วยท่าทางหาเรื่อง “อย่าเข้ามาแส่ แล้วก็อย่าให้ฉันพูดซ้ำล่ะ”
“นายเป็นอะไรของนาย” คุณถามเมื่อเดินห่างออกมาจากแฮร์รี่สักระยะแล้ว อันที่จริงคุณก็ถามไปหลายคำถามล่ะนะ แต่หมอนี่ไม่ปริปากเอ่ยอะไรสักคำนอกจากทำหน้าตาถมึงทึง ราวกับว่าคุณและแฮร์รี่ไปขโมยแมวบ้านเขามาเสียอย่างนั้น (บางทีจัสตินอาจจะไม่โมโหหรอกถ้ามีคนไปขโมยแมวเขา แต่ใครจะรู้ล่ะ ผู้ชายเถื่อนๆเขารักสัตว์กันไม่ใช่หรอ)
“ถามอะไรอย่างสิ” จัสตินคลายแรงบีบมือลง “ไอ้สวะนั่นมันตามหลีเธออยู่หรือไง”
โอเค มันก็ไม่มีเหตุผลหรอกนะ แต่คุณรู้สึกโกรธแทนแฮร์รี่ซะงั้น เขาไม่มีสิทธิ์ ว่าแฮร์รี่ว่าสวะนะ อย่างน้อยก็ควรเป็นคำอื่น อย่างเช่นไอ้หัวหยิกหรือไม่ก็ไอ้เชื้อราเน่าในถุงเท้าออสติน “เขาไม่ได้ตามหลีฉัน แล้วเขาก็ไม่ใช่สวะด้วย” อันที่จริงถ้าพูดให้ถูกหมอนั่นก็หลีคุณจริงๆนั่นล่ะ คุณเกือบลืมไปแล้วเชียวว่าแฮร์รี่ชอบคุณ แต่สำหรับผู้ชายที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของคุณ…ขอไม่นับนะ
“ฉันรู้ว่าเธอโง่นะ แต่ไม่คิดว่าจะโง่ขนาดนี้” จัสตินเลิกคิ้ว “ดูไม่ออกจริงๆรึไง”
“จริงๆก็ออกแต่…ให้ตาย นี่มันใช่เรื่องของนายไหมเนี่ย” คุณโวย เหลือบมองข้อมือของตัวเองที่มีรอยแผลก็ทวีความโกรธเข้าไปอีก ครั้งอยู่ในโรงอาหารเขาช่วยชีวิตคุณจากพวกแอบบริดจ์ แต่แล้วจู่ๆก็พูดจาหาเรื่องคุณโดยไร้เหตุผล บอกตามตรง ใครตามอารมณ์หมอนี่ทันนี่มันโคตรเทพแล้ว
จัสตินนิ่งไปซักพัก เขาดูอารมณ์เสีย หงุดหงิด และงุนงง ถ้าประเมินจากสถานการณ์แล้ว ความจริงก็ไม่ต่างจากคุณในตอนนี้เท่าไหร่ “เธอมันโง่ ยายโง่เอ๊ย ถ้าเย็นนี้ฉันไม่เจอเธอ ได้โดนดีแน่” จัสตินชี้ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าคุณ จากนั้นก็เดินหายไป
นี่มันบ้า— บ้าที่สุด
คุณยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองจนผมยุ่งไปหมด จู่ๆก็รู้สึกคิดถึงเมืองไทยเสียจนน่าเศร้า คนที่นี่ไม่ปกติกันหมด หาพวกเต็มเต็งแทบไม่ได้ซักคน คุณมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม แลกเปลี่ยนความรู้ แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นเรื่องบ้าบออะไรก็ไม่รู้แทน ชีวิตตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรไปกับการเดินอยู่บนเส้นด้าย ถ้าพวกเขารู้เรื่องระหว่างคุณกับแอบบริดจ์ ทางโครงการมีสิทธิ์อันเชิญคุณกลับประเทศไทยได้ทุกเมื่อ และทางบ้านคุณคงไม่แฮปปี้แน่ถ้าจู่ๆก็เห็นหน้าคุณโผล่ไปทางหน้าต่างบ้าน โบกมือหงิกๆและพูดว่า ไฮ! หนูถูกไล่กลับประเทศน่ะค่ะ
ชั่วโมงจิตวิทยา แองเจล่า ครูประจำวิชาผู้มีใบหน้างดงามราวนางแบบชุดชั้นในชื่อดัง เธออายุเพียงยี่สิบต้นๆและยังดูใจดีสุดๆ ไม่แปลกใจที่นักเรียนหลายๆคนตั้งฉายาใหม่ให้เธอว่า แองเจล นางฟ้าแห่งโรงเรียน ทุกๆอย่างดำเนินไปด้วยดีถ้าแองเจล่าไม่ขอให้คุณลองแนะนำตัวกับเพื่อนๆในชั้น เธอบอกกับทุกคนว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวงดงามที่สุดที่เธอเคยค้นพบ และเธออยากให้คุณลองสาธยายสถานที่ท่องเที่ยว แนะนำอาหารไทยรสเด็ด และอธิบายวัฒนธรรมของไทย
“เอาเลยจ้ะ บอกเราเกี่ยวกับประเทศของเธอสิ!”
ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายหรอกนะ เพียงแต่…เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของคนในห้องไม่มีใครเห็นหัวคุณซักคน แก๊งค์ผู้ชายสี่ห้าคนหลังห้อง ที่หัวโจกมีชื่อว่าไบรอันตะโกนโหวกเหวกโวยวาย อีกคนในมุมหน้าต่างกำลังนั่งสูบยาอะไรซักอย่าง เขาดูขาวซีด ผอมกระหร่อง มีเสียงก่อกวนคุณดังขึ้นเป็นระยะๆ เครื่องบินกระดาษถูกปาใส่กลางหน้าผากของคุณขณะที่คุณกำลังบรรยายถึงวัฒนธรรมประเพณีไทย มีเพียงแองเจล่าที่นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ นี่เธอไม่รู้ หรือแสร้งไม่รู้กันแน่ว่าเด็กเกินครึ่งห้องไม่ได้สนใจคุณซักนิดเดียว
หลังจบชั่วโมง อลิซ แบสแม่สาวขาโหดก็เดินมาทำความรู้จักกับคุณ เธอเป็นคนนิสัยแปลกๆ ทาปากสีดำและกรีดตา เสื้อสีขาวสกรีนลายหัวบาร์บี้ถูกปักด้วยลูกธนูเพลิงถูกใส่ทับด้วยเสื้อกั๊กสีดำ อลิซพกกระปุกเจลติดตัวเสมอ ผมสีดำเข้มไฮไลท์แดงของเธอถูกตัดสั้นและโปะด้วยเจล เธอเจาะหูแปดรู เจาะจมูก และสักอีกสี่จุดบนร่างกาย
แบบว่าอลิซก็ไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกนะ เธอแค่ชอบทำเสียงขึ้นจมูกนิดหน่อย ชอบโบกไม้โบกมือขณะพูด และ…คุณคิดว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอก็เจ๋งเด็ดมาก…
“ฉันคิดว่า เย็นนี้เราน่าจะไปหาอะไรดื่มกันหน่อย” อลิซพยายามลูบเส้นผมที่ชี้โด่ออกมาทางหน้าผาก เธอควักกระปุกเจลออกมาอย่างหงุดหงิด “ฉันรู้จักบาร์เจ๋งๆแถวนี้เพียบ รับรองว่าเธอจะต้องติดใจ”
“ความจริงแล้วฉันก็ชอบไอเดียนี้น่ะนะ” คุณฝืนเอ่ย “แต่…เย็นนี้ ฉันต้องรีบกลับบ้านน่ะจ้ะ”
“ไม่เอาน่า ฉันว่าฉันชอบเธอนะ เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้” เธออ้อนวอน “ความจริงแล้ว ฉันอยากรู้เรื่องมวยไทยมากเลยล่ะ”
คุณปลีกตัวออกมาจากอลิซจนได้ คือเธอก็น่ารักดีนะ ถ้าไม่นับเสื้อยืดบาร์บีหรือที่ว่าเธอมักจะทาเจลทุกๆสิบนาที เอ่อเอาเป็นว่าช่างเถอะ คุณรู้สึกยินดีที่กำลังจะมีเพื่อน (ถึงแม้จะเป็นอลิซก็ตาม) แต่ตอนนี้คุณยังไม่อยากออกไปแฮงค์เอาท์กับใคร อีกอย่าง ตอนนี้ออสตินกำลังป่วย เขาน่าสงสารออก คุณน่าจะรีบกลับไปดูเขาซักนิดก็ยังดี
‘เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง’
คุณกดส่งข้อความไปหาออสติน ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นข้อความจากเขาก็เด้งขึ้น
‘เธอยุ่งอะไรด้วย’
คุณจ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความหมั่นไส้ อะไรกัน คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง กำลังจะยัดโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋า แต่แล้วอีกข้อความก็เด้งขึ้น
‘ล้อเล่นน่ะ ฉันดีขึ้นแล้ว ขอบใจนะ วันนี้ถ้าผ่านร้านอะไรอร่อยๆก็ซื้อของกินมาฝากด้วยนะครับคุณเพื่อนร่วมบ้าน’
‘ปล่อยให้นายอดข้าวดีกว่า จะได้ไม่มีแรงมาก่อกวนฉัน’
คุณหัวเราะไปพิมพ์ไป รอไม่นานข้อความจากเขาก็ส่งกลับมา แต่ไม่ทันจะได้เปิดอ่าน โทรศัพท์มือถือของคุณก็ถูกแย่งไปซึ่งๆหน้า
“เพี้ยนไปแล้วหรอ” เขากดปิดโทรศัพท์คุณ จากนั้นก็ยัดมันกลับใส่ในมือและลงมือลากคุณให้ตามตัวไปติดๆ
“โอ พระเจ้า นาย อีกแล้ว หรอ” คุณพยายามสลัดตัวออกจากเขา แต่ก็ไม่เป็นผล จัสตินคว้าข้อมือคุณได้และเขาจะไม่มีวันปล่อย ไม่มีคำทักทายเช่นเคย ไม่มีคำบอกกล่าวว่ากำลังจะไปไหน คุณนึกอยากเอาหัวโขกพื้นถนนให้สลบมันเสียตรงนั้น เพราะอย่างน้อยมันก็ดีกว่าการไปไหนซักแห่งก็ตามกับจัสติน ใบหน้าของคนตัวสูงดูนิ่งเฉย เขาไม่เคยสนใจว่าคุณจะยอมหรือไม่ เขาสนแค่ว่าถ้าเขาจะไปกับคุณ คุณไม่มีสิทธิ์ขัดขืน
และเมื่อรู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ที่จะขัดข้อ คุณจึงเดินตามจัสตินไปเงียบๆ เขาโยนคุณเข้ารถสปอร์ตสีแดงราคาแพง อ้อมเดินไปนั่งฝั่งคนขับและสตาร์ทรถ
“นายกำลังจะพาฉันไปไหน”
เขาไม่ได้ตอบ ไม่รู้ว่าได้ยินแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจหรือว่าไม่ได้ยินจริงๆกันแน่ จัสตินคาดเบลท์ที่ฝั่งคนขับ ก่อนจะหันมามองคุณ “คาดเข็มขัดสิ”
“ฉันถามว่า นายกำลังจะ…ว้าย” คุณร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆจัสตินก็โน้มตัวลงมาใกล้คุณและจัดการคาดเข็มขัดให้เสร็จสรรพ แต่เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของคุณ จัสตินจึงตัดสินใจค้างไว้ท่าเดิม คุณที่แรกเริ่มหลับตาปี๋ ตอนนี้ค่อยๆลืมตาขึ้น และก็ได้แต่คิดว่าไม่เลย ใบหน้าของคุณและเขาห่างกันแค่เอื้อม เป็นครั้งแรกที่คุณจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเขา มันดูว่างเปล่าและไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วๆของคุณทั้งคู่เท่านั้น
“ฉันไม่จับเธอปล้ำบนรถหรอกน่า” เขาหัวเราะสั้นๆและผละออกไป “หรือ…จะลองดูก็ได้นะ”
“อย่า!” คุณสะดุ้งเหมือนกับถูกลวนลามทางน้ำเสียง “อย่าแม้แต่จะคิด เพราะฉันจะไม่…”
“ไม่อะไร อยากรู้จริงๆว่าสารรูปแบบเธอจะทำอะไรฉันได้”
“มากกว่าที่คนสมองตื้นแบบนายจะคิดได้ก็แล้วกัน”
“อยากถูกส่งไปลงโรงมากนักหรือไง” จัสตินว่าขณะหักพวงมาลัยรถ พวกวัยรุ่นแถบนี้ขับรถกันเป็นหมดแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่คุณจะเห็นเด็กอายุสิบหกสิบเจ็ดขับเฟอร์รารี่มาโรงเรียน แต่คงไม่ใช่ทุกคนแน่ที่ขับรถความเร็วรีบไปลงนรกแบบนี้ คุณกำลังจะอ้าปากว่าจัสติน ซึ่งเหมือนเจ้าตัวจะรู้ทันจึงเอื้อมมือกดปุ่มเพลงเสียงดังกระหึ่ม
แน่นอนว่าเขาไม่มีทางได้ยินเสียงก่นด่าสาปแช่งจากคุณแน่ๆ เพราะตอนนี้เขากำลังเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยและฮัมเพลงตามเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้คุณจึงเอื้อมมือไปกดปิดมันซะ โอ้โห เหลือเชื่อเลย เหมือนกับเกิดใหม่แน่ะ คุณตบบ้องหูตัวเองดูเบาๆเพื่อให้แน่ใจว่าหูไม่ได้เสียแน่แล้ว จัสตินส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “ยายเตี้ย นั่งอยู่เฉยๆจะได้ไหมฮะ”
“คำตอบก็คือไม่ ฉันจะไม่นั่งเฉยๆจนกว่านายจะบอกว่าเรากำลังจะไปไหน แล้วฉันก็ไม่ได้ เตี้ย ซักหน่อยนะ!” ก็ใช่ มันจริงที่ว่าคุณเตี้ยกว่าจัสติน กว่าแฮร์รี่ กว่าออสติน กว่าคนอื่นๆ แต่ถ้าเทียบกับคนไทยแล้วอย่างน้อยคุณก็ผ่านเกณฑ์สาวไทยล่ะนะ
“เอาเวลาสงสัยไปคิดว่าตัวเองจะดื่มนมก่อนนอนวันละกี่ขวดดีกว่านะ” เขาหัวเราะเยาะ จัสติน บีเบอร์หัวเราะเป็นเรื่อง หายาก น่ะมันก็จริงอยู่หรอก คุณอาจเป็นคนแรกที่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่มันไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ จริงใจ เท่าไหร่นี่สิ
ให้ตายเถอะ เรื่องส่วนสูงคุณขอไม่สู้จริงๆ
คุณนั่งหมุนกำไลข้อมือฆ่าเวลา มองเส้นทางผ่านกระจกรถแล้วก็รู้สึกคุ้นอย่างประหลาด ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที รถของจัสตินก็มาจอดเทียบถนนสายหนึ่ง ข้างๆเป็นบ้านหลังใหญ่สีขาวคุ้นตา
“ทำไมนายถึงรู้?”
“มีเรื่องไหนที่ฉันไม่รู้ด้วยหรือไง” จัสตินปลดล็อคและเพยิดหน้าไปทางประตู “จะไปไหนก็ไป”
คุณค้างไปสามวินาที จากนั้นก็ยึดตัวตรง เดินลงจากรถและส่งยิ้ม…ไม่น่าดูให้ผู้ชายเอาแต่ใจหน้าพวงมาลัยรถ “ขอบใจที่มาสะ…ว้าย” คุณร้องเสียงหลงเมื่อจัสตินเหยียบคันเร่ง คุณปิดประตูตามแทบไม่ทันและเกือบหงายหลังเพราะแรงกระแทก รถราคาแพงแล่นออกตามถนน ก่อนจะหายลับตาไป
เขามาส่งคุณ
ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะ แต่เขาควรจะบอกคุณดีๆซักหน่อยว่า เฮ้ ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านซักหน่อย ไม่ว่ากันนะ อะไรแบบนี้ ไม่ใช่ฉุดกระชากลากถู แต่ก็เป็นที่รู้ดีว่าจัสตินไม่มีวิธีพูดแบบคนปกติชนเขาทำกันหรอก คุณส่ายหัวเบาๆและเดินเข้าบ้าน คุณได้ยินเสียงทีวีดังออกมาจากห้องนั่งเล่น ถึงแม้ออสตินจะป่วย (ซึ่งหายดีแล้ว) แต่วันนี้ริซ่าไม่อยู่บ้านแน่ เธอมีปาร์ตี้ย้อนวัยกับเพื่อนสาว และคงจะกลับค่ำๆ คุณถอดรองเท้าวางบนชั้น ได้กลิ่นอาหารผสมกับกลิ่นไหม้ กลิ่นเน่า ยากจะอธิบายลอยอบอวลอยู่ภายในบ้าน โลโม่ที่คาบแผ่นชีสเดินเหยาะแหยะผ่านหน้าคุณไป ลางสังหรณ์แปลกๆบอกให้คุณเดินตามเจ้าแมวแสนรู้ไปและ—
นี่มันบ้า—
เกิดเรื่องบ้า—
คุณค้างไปเลย แบบว่าช็อคสนิทอะไรทำนองนั้น
คุณอดย่นจมูกไม่ได้เนื่องจากกลิ่นเหม็นในอากาศ ซึ่งเดาว่าน่าจะมาจากเศษซากอาหารที่หกเกลื่อนเลอะเทอะอยู่บนเคาน์เตอร์ แฟ้มกระดาษวางตั้งเป็นกองๆบนโต๊ะรับประทานอาหาร รองเท้าผู้ชายข้างหนึ่งตั้งอยู่บนเก้าอี้ อีกข้างอยู่ในอ่างล้างจานที่มีกองจานโตตั้งเป็นภูเขา คราบสกปรกตามพื้น คุณเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องนั่งเล่น เห็นออสตินที่กำลังนั่งสบายอารมณ์วางขาพาดบนโต๊ะ ในมือถือถ้วยไอศครีมรสสตอว์เบอร์รี่— ข้างๆกันบนโซฟามีจานสปาเก้ตตี้มีทบอลและบราวน์นี่ที่กินไว้ค้างๆคาๆ ในห้องมีกลิ่นอับของพรมขนสัตว์
เขายังไม่สังเกตแน่ว่าคุณมา สายตาจับจ้องจอทีวี หัวเราะเพราะพิธีกรรายการดันเล่นมุขอะไรตลกๆออกมา
แรกเริ่ม คุณอยากจะกระโจนเข้าใส่ออสติน ตบหัวเขาและตะโกนด่าไม่ได้ศัพท์ แต่เมื่อคิดอีกทีมันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าสระน้ำหลังบ้านสามารถว่ายทะลุไปโผล่ที่เมืองไทยได้ คุณสะบัดความคิดงี่เง่าออกจากหัวและเดินตรงไปคว้ารีโมทบนโต๊ะ กดปิดทีวีและหันไปเผชิญหน้ากับออสตินอย่างหาเรื่อง“นายทำ บ้า อะไร”
สาบานได้ว่า จากน้ำเสียงของคุณตอนนี้ คุณสามารถฉีกเนื้อออสตินเป็นชิ้นๆจากนั้นก็นำไปต้มให้เปื่อยและเทเป็นอาหารมื้อใหญ่ของเจ้าโลโม่
“อ้าว หวัดดี” ออสตินทักทาย เขาดูไม่เดือดร้อนเท่าไหร่นะ “กลับมาแล้วหรอ ไหนล่ะของฝาก”
ยังมีหน้าจะขอของฝากอีกเรอะ คุณอยากจะจิกหัวตบเขาเสียตอนนั้น ดีเท่าไหร่แล้วที่คุณห้ามใจตัวเองได้ “ทำไมบ้านรกแบบนี้ล่ะออสติน ถ้าริซ่ามาเห็นเข้าล่ะ”
“ลืมไปสนิทเลย” เขาค่อยๆลุกขึ้นยืน “ที่เหลือนี่ก็…ฝากเธอจัดการด้วยนะ ปล่อยให้คนป่วยอยู่บ้านคนเดียวก็เป็นแบบนี้แหละ” ออสตินยิ้มหวาน เขาคว้ากระเป๋าสะพายไหล่ของคุณและค้นอะไรซักพัก จากนั้นก็หยิบมือถือของคุณขึ้นมา “ฉันโทรหาเธอไปเป็นสิบรอบ ปิดเครื่องทำไม”
“เอาคืนมานะ!” คุณแย่งกลับมา อารมณ์ยังเสียไม่หาย “แล้วนี่มันอะไรกันออสติน ถ้าคิดว่าฉันจะทำความสะอาดกองขยะพวกนี้ให้นายล่ะก็ เสียใจด้วยนะ คราวหลังก็โทรจ้างแม่บ้านมาก่อนก็แล้วกัน”
“เธอไงเป็นแม่บ้าน อย่าลืมสิว่าเธอมาอาศัยฉันกับนอนน่าอยู่นะ นี่เป็นหน้าที่ของเธอ”
“นายคิดว่าตัวเองเป็นนักเล่นมายากลหรือไง เพราะถ้าคิดแบบนั้น ตื่นได้แล้วตาทึ่ม”
คุณทำท่าจะเดินหนี แต่ออสตินกลับคว้าข้อมือของคุณไว้ได้ “เธอต้องจัดการทั้งหมด หรือจะให้ริซ่าเป็นคนจัดการ เลือกเอาเองก็แล้วกัน” เขายิ้มแบบมีชัยและลงไปนอนบนโซฟาต่อ ให้ตาย คุณอยากจะฆ่าเขาเสียตรงนี้ เขารู้แน่ว่าคุณไม่มีทางปล่อยให้ริซ่าจัดการเองแน่ และมันก็โคตรไม่แฟร์เลย ทำไมเขา นิสัยแย่ แบบนี้นะ
คุณรู้สึกวืดอย่างแรง ไม่ทันจะได้ปล่อยหมัดใส่หน้าใครบางคน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและอารมณ์ที่ก่อตัวแรงก็ขึ้นก็ถูกคลื่นซัดหายไปทันที คุณมองเบอร์บนหน้าจอและเลิกคิ้ว ทั้งรู้สึกประหลาดใจ ดีใจ และกังวลขึ้นมาในคราวเดียวกัน
“สวัสดีค่ะ” เมื่อได้ยินคุณพูดภาษาไทย ออสตินก็เงยหน้าขึ้นมอง
เสียงปลายสายเป็นเสียงของผู้ชาย ดูหนักแน่นและเจ้าระเบียบ คุณเคยได้ยินเสียงเขามาแล้วครั้งหนึ่งและไม่คิดว่าจะได้ยินอีก
“สวัสดี โทร.จากโครงการแลกเปลี่ยนนะครับ เป็นยังไงบ้าง”
………………………………………..
คนจากโครงการแลกเปลี่ยนโทรเข้ามาถามสารทุกข์สุขดิบของคุณตามมารยาท จากนั้นก็เข้าเรื่องที่เขาว่ากำลังเป็นปัญหาของคุณอยู่ขณะนี้
“อย่างที่รู้ๆกันว่า หากนักเรียนแลกเปลี่ยนคนใด กระทำ หรือ ปฏิบัติตนไม่เหมาะสม ทางโครงการมีสิทธิ์ส่งนักเรียนคนนั้นกลับประเทศ เธอรู้กฎข้อนี้ดีใช่หรือไม่ ทางเราย้ำกับเธอแล้ว ใช่หรือไม่ครับ”
“ค่ะ…ย้ำแล้ว” คุณตอบกลับเสียงสั่น รู้สึกเสียววาบอย่างบอกไม่ถูก ทางโครงการมีสายสืบลับเฉพาะหรือไงนะ ทำไมพวกเขารู้ พวกเขารู้ได้ยังไงว่าคุณกำลังมีปัญหา แต่ที่แน่ๆ คุณเดาไว้แล้วว่าปัญหาของคุณแน่ชัดในเรื่องของแอบบริดจ์ พวกนั้นอัดคลิปลงประจานคุณ ดีไม่ดีทางโครงการอาจกำลังว่าง พวกเขาจึงเสิร์ชกูเกิ้ลและเปิดเข้าเว็บแอบบริดจ์ ดูนักเรียนโดนแกล้งแก้เซ็งและดันมาเปิดเจอคลิปนักเรียนแลกเปลี่ยนคนไทยเข้า แหม…ตลกน่ะ มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น
ตอนนี้คุณเริ่มแน่ใจแล้วว่าทางโครงการคงมีสายสืบดูความพฤติกรรมของคุณอยู่ เพราะคุณค่อนข้างแน่ใจว่าผู้บริหารของโรงเรียนยังไม่รู้เรื่องนี้ เขาไม่สนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้อยู่แล้ว หรือถ้าสนใจ เขาก็ควรจะเรียกคุณและพวกแอบบริดจ์ไปเทศนาสิ แน่นอนว่าผู้บริหารยังไม่รู้ นั่นก็แปลว่าทางโครงการจะรู้เรื่องก่อนได้ก็ต่อเมื่อมีสายเท่านั้น
“ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ หากเธอยังมีความประพฤติที่ไม่เหมาะสมอีกเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าจะทางใดก็แล้วแต่ เห็นทีว่าทางโครงการจะต้องส่งตัวเธอกลับประเทศไทย” เขาบอกเนิบๆ “เราเข้าใจตรงกันแล้วนะครับ”
talk: มาอัพแล้วนะคะช่วยมองกันแบบเชื่อสายตาอีกซักรอบ ขอบคุณทุกๆคอมเมนต์นะคะ อ่านแล้วมีกำลังใจมากๆ ช่วยติดตามกันต่อไปด้วยค่ะ
ความคิดเห็น