คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [Draft / HopeGa] Here I Will Dwell
โฮซอกกับคุณดาวตก
โฮซอกเป็นเด็กกำพร้าเพราะพ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก พินัยกรรมฉบับล่าสุดที่เคยเขียนไว้ระบุให้โฮซอกสามารถครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดได้เมื่ออายุครบ 24 ปี โฮซอกเลยต้องไปอาศัยอยู่กับญาติแล้วทำงานบริษัทเล็ก ๆ มีความฝันว่าจะเปิดร้านดอกไม้แล้วก็มีครอบครัว แต่เป็นคนที่ทำงานหนักมากจนไม่มีเวลาได้คบหากับใคร แล้วก็ยังไม่เจอใครที่เขาชอบถึงขั้นอยากใช้ชีวิตด้วยกัน เลยเพิ่งได้กลับมาคิดเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อต้องกลับไปรับมรดก ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ดาวดวงหนึ่งได้ตกลงมาในสวนหลังคฤหาสน์ โฮซอกกับเจ้าดวงดาวเลยพบกัน และเขาก็ตั้งชื่อดาวดวงนั้นว่า "ยุนกิ"
ไอเดียนี้มันแวบมาตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ ก็อยากลองอะไรแนว ๆ นี้ดูเหมือนกันแต่ไม่ค่อยถนัดเลยได้มาแค่ Draft ถ้ามีโอกาสก็อยากจะเอาไปพัฒนาต่อเป็นฟิคสั้น ๆ สัก 2-3 ตอน แต่ฝีมือการเขียนไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไรเลย ก็ถือว่ามาแชร์ไอเดียนะคะ ใครปิ๊งก็เอาไปเขียนต่อได้ แปะลิ้งค์มาด้วยนะคะจะรออ่าน 5555555
...
[Meteor, if I were one of you]
“ข้าอยากเป็นมนุษย์”
ณ บัดนี้เป็นเทศกาลเฉลิมฉลอง คนต่างแซซ้องให้กับการมาเยือนของท่านเทพสุริยะ และมีผู้ถูกเลือกเพียงร้อยจากดาวนับล้านดวงในห้วงจักรวาลที่จะเข้ารับพร ดาวบางดวงอยากมีขนาดใหญ่ขึ้น บางดวงอยากมีแสงสว่างในตนเอง บางดวงอยากมีชั้นบรรยากาศที่ห่อหุ้มปกป้อง
ยิ่งคำขอนั้นมาจากดวงดาวผู้งดงาม ดวงดาวสีเงินวาวส่องสว่างด้วยแสงในตัวเอง งามเกินกว่าที่ใครจะใฝ่หา ยิ่งทำให้เสียงโห่ร้องดังกึกก้องทั่วสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
“เหตุใดเจ้าจึงยอมลดตัวจากการเป็นผู้อยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวงไปเป็นสิ่งมีชีวิตป่าเถื่อน”
สิ้นสุรเสียงของท่าน ดาวทุกดวงต่างเงียบสนิทรอคอยอย่างใจจดใจจ่อกับคำตอบ ดาวดวงน้อยไม่หันไปทางไหนแต่ยังคงตั้งตรงอยู่แต่ทิศเบื้องหน้า เอื้อนเอ่ยถ้อยคำอย่างไม่หวั่นเกรง
“เพราะข้ามีความรักกับมนุษย์ผู้หนึ่ง”
“มีดวงดาวนับร้อยพันที่เจ้าจะเลือกเป็นคู่เคียง เหตุใดจึงเป็นมนุษย์ผู้นั้น”
เจ้าดวงดาวส่ายหน้า เพราะเขาเองก็หาเหตุที่จะเอ่ยออกมาเป็นคำเล่าได้ยาก เพียงแต่หัวใจของเขาที่ส่งเสียงเรียกร้องมาในคำที่ฟังไม่เป็นศัพท์
“ข้าเห็นจะให้คำอวยพรนี้แก่เจ้าไม่่ได้”
หมู่ดาวรอบข้างต่างส่งเสียงสรรเสริญ เทพสุริยะชูมือขึ้นเหนือศีรษะจนทุกอย่างนิ่งสงบ
“หากแต่เป็นคำสาปจะเห็นสมควร เจ้าจะมีกายที่งดงามอย่างที่เจ้าเป็นอยู่ หากแต่ว่าเจ้าจะมีอายุขัยเทียบเคียงกับเผ่าพันธุ์อันต่ำต้อยนี้ มีกายดั่งบุรุษเพศ และไร้ซึ่งเสียงที่จะเอื้อนเอ่ยคำใด”
เจ้าดวงดาวสีเงินได้ยินเสียงแม่ของเขาสะอื้นไห้จากหมู่ชน อายุขัยของดวงดาวแทบจะเป็นอมตะนิรันดร์เคียงคู่ไปกับระบบสุริยะ การมีชีวิตอันแสนสั้นของมนุษย์เป็นเรื่องที่น่าเศร้านัก แต่ดาวดวงน้อยกลับยิ้มอย่างเปี่ยมสุข
เขาใช้เวลานับหมื่นปีเฝ้าตามหาอะไรบางอย่าง เขาชอบมองดูดาวที่เรียกว่าโลก ที่บรรจุสิ่งมีชีวิตนับล้านที่แตกต่างกัน ดาวสีเงินเฝ้ามองความแตกต่างนั้นอย่างหลงไหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปราวพันปีเขาก็ได้เห็นมนุษย์แทบไม่มีอะไรต่างไปจากกัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบกับมนุษย์โลกคนหนึ่ง
เจ้าดวงดาวเฝ้ามองเขาที่มีชีวิตไม่ต่างออกไปจากใคร ๆ หากแต่ยามเมื่อเขาแย้มยิ้ม รอยยิ้มนั้นกลับงดงามและสุกสว่างกว่าดวงดาวใด ๆ ดาวสีเงินดวงนี้ก็เฝ้าอธิษฐานให้ชายผู้นั้นพบเจอแต่ความสุขเพื่อจะให้รอยยิ้มนั้นคงอยู่ตลอดไป และกว่าที่เขาจะได้ทันรู้ตัว
“ข้ายินยอม”
...เขาก็ปรารถนาที่จะเป็นผู้สร้างรอยยิ้มนั้นเสียเอง
ถึงแม้ว่ามนุษย์ที่เขาตกหลุมรักนั้นก็เป็นบุรุษเพศเฉกเช่นเดียวกัน และดวงดาวรู้ดีว่าความรักนั้นจะเกิดขึ้นได้ยาก แต่ถึงกระนั้นเขาก็พร้อมเสี่ยงเพียงเพื่อได้อยู่เคียงข้างชายผู้นั้น แม้จะเป็นช่วงชีวิตอันแสนสั้น
เขาบอกลาครอบครัวและสหายที่ผ่านพ้นเวลานับพันหมื่นปีมาด้วยกัน ก่อนที่เจ้าดาวดวงน้อยจะปล่อยตัวเองให้ตกเข้าไปอยู่ในห้วงของแรงโน้มถ่วง
เขารู้สึกถึงสัมผัสที่ร้อนวาบจากการเสียดสี ท้องฟ้าไร้สีและหมู่ดาวค่อย ๆ เคลื่อนห่างไป เหลือเพียงแต่สัมผัสจากผืนดินที่ย้ำเตือนการมีอยู่ของเขา และร่างกายของเขา
...
[Terrene, I have been dreaming]
เสียงกรอบสแตนเลสที่ห่อหุ้มบานกระจกกระทบกันเสียงดังดึงความสนใจของโฮซอกไปที่ด้านหลัง นัมจุนเดินเข้ามาหย่อนตัวลงบนม้านั่งข้าง ๆ
“ทำอะไรอยู่คุณชาย”
“คิด”
ผู้มาใหม่ใช้ศอกกระทุ้งเข้าแรง ๆ ที่สีข้างกับคำตอบที่เขาได้ยิน
“คิดน่ะมันคิดเมื่อไรก็ได้ เขาจัดปาร์ตี้นี้อำลามึงนะ ไม่กลับไปใช้เวลากับเพื่อนกับฝูงหน่อยหรอ ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปี”
โฮซอกสูดหายใจเฮือกใหญ่เข้าไปและพ่นมันออกมาแรง ๆ เพื่อระบายสิ่งในใจ แต่มันก็ไม่สามารถเบาบางมันลงได้แม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงจับจ้องและเหม่อมองท้องฟ้า เขารีบวิ่งออกมาเมื่อเห็นข่าวว่ามีดาวหางเกิดขึ้นกระทันหัน จากนั้นเขาก็จ้องมองมันอยู่อย่างนั้น ทิ้งความวุ่นวายและกลุ่มเพื่อนของเขาเอาไว้ในห้องเล็ก ๆ
“ทำไมมึงถึงแต่งงานวะนัมจุน”
“ถามแปลก กูก็ต้องรักเขาสิ”
“กูรู้ แต่แบบ... อะไรทำให้มึงคิดว่าต้องเป็นคนนี้วะ ที่จะมาใช้ชีวิตร่วมกับมึง”
นัมจุนหยุดเล็กน้อย โฮซอกรู้สึกได้ว่าคนข้างตัวเขาหันหลังกลับไปจ้องมองภาพผ่านบานกระจก รอยยิ้มกว้างระบายอยู่บนในหน้าบรรจุไปด้วยความสุขอย่างเต็มเปี่ยม แน่นอนว่ามันคือความรัก ความรักที่โฮซอกก็เฝ้าฝันอยากจะมี
“กูอยากตื่นมาให้แน่ใจว่าเขาอยู่ตรงนั้น เป็นคนที่จะได้เห็นหน้าเป็นคนแรกของวัน คนที่อยากดูแลและใส่ใจ ทำทุก ๆ อย่างให้เขามีความสุข และก่อนนอนกูอยากเห็นหน้าเขาเป็นคนสุดท้าย เพื่อตื่นมาเจอเขาเป็นคนแรกอีกครั้ง”
“โรแมนติกดีเนอะ”
โฮซอกนิ่งเงียบ เขาวางกระป๋องเบียร์ที่แทบจะไม่ได้แตะต้องไว้บนพื้นข้างม้านั่งก่อนจะประสานมือไว้บนตัก จ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนในเมืองใหญ่ที่ปกติจะไร้ซึ่งแสงดาว แต่วันนี้เส้นแสงของเจ้าดาวหางโผล่มาทักทายเขาเหมือนมาต้อนรับเขาที่กำลังจะละทิ้งเมืองใหญ่กลับไปสู่ที่ที่เขาจะสามารถมองเห็นแสงดาวได้อย่างชัดแจ้ง
“สวยนะว่าไหม”
นัมจุนมองตามสายตาของโฮซอกไปทางดาวหาง จ้องมองแสงน้อย ๆ ค่อย ๆ ลดระดับลงมาสู่เส้นขอบฟ้า
“อ่า... สวย ข่าวบอกว่ามันเป็นดาวหางที่ใหญ่และเฉียดใกล้โลกมากที่สุด แถมไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าด้วย อยู่ดี ๆ ก็ตกลงมาวันนี้ คนแตกตื่นกันใหญ่”
“น่าจะเป็นนางฟ้าที่พลัดตกลงมา”
นัมจุนหัวเราะเสียงดังให้กับความคิดเด็ก ๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากเพื่อนคนนี้แต่โฮซอกกลับหันมามองหน้าเขาด้วยสายตาจริงจัง
“พี่ดาวอนเคยบอกว่าในดาวหางมีนางฟ้า เราถึงขอพรกับมันได้”
“ก็อาจจะนะ”
“ถ้ากูจะขอนางฟ้าคนนั้นเขาจะให้ไหมนะ”
นัมจุนยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะลุกขึ้นยืน โฮซอกยังคงเหม่อมองไปข้างหน้ารอให้เสียงประตูกระจกด้านหลังถูกเลื่อนปิดไป ทิ้งไว้เพียงเขาและเส้นแสงแสนสวยบนฟ้า เขาประสานมืออีกครั้ง ยกมันขึ้นมาในระดับหน้าอกและหลับตาลง เอ่ยคำอธิษฐาน
“ผมแค่อยากได้ใครสักคนที่จะมาเติมเต็มทุก ๆ วันของผมให้เป็นวันพิเศษ จะเป็นใครก็ได้”
เขาลืมตาขึ้นในจังหวะเดียวกับที่แสงสีเงินที่ลุกวาบในชั่วเสี้ยววิ เหมือนกับตอบรับคำขอนั้น โฮซอกยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“หรือจะเป็นคุณก็ได้นะ คุณนางฟ้า”
ความคิดเห็น