คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS / HopeGa] Secondhand Book
ฉันชอบเสียงฝนนะ... ฉันเคยใช้เวลาทั้งวันในการนั่งมองฝนแล้วนำเสียงหยดน้ำที่ตกกระทบลงบนพื้นผิวต่างๆมาแต่งรวมกันเป็นเพลง คีย์ของฝนที่หยดลงบนพื้นหญ้า ร่วมพลาสติก ถังน้ำ ท่อระบายน้ำ คือเมเจอร์ ตอนนั้นฉันนึกถึงเนื้อเพลงที่สดใสไม่ออกมันเลยกลายเป็นเพลงเศร้าในคีย์เมเจอร์ แต่ในวันนี้ไม่มีฝน มีแต่เกล็ดหิมะบางเบาร่วงหล่นลงมา หากเสียงของมันก้องกังวาลได้เท่าหยาดฝนคีย์ของมันคงเป็นไมเนอร์ เพราะมันตกกระทบลงมาบนตัวของฉันที่เป็นไมเนอร์
❄ ❄ ❄ ❄ ❄
แสงสว่างที่ฉันไม่คุ้ยเคยส่องผ่านกระจกบานใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจนต้องกะพริบตาถี่ๆเพื่อปรับโฟกัสและให้คุ้นชินกับแสงนั้น สิ่งที่รับรู้ได้ตอนนี้คือผนังสีขาวนวลและกลิ่นใบสน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
ฤดูใบไม้ผลิงั้นหรอ...
นี่คืิอความคิดแรกที่ผุดขึ้นมา จิตใต้สำนึกของงฉันไม่กล้าคิดว่านี่คือสวรรค์ ไม่ใช่เพราะฉันไม่อยากตาย แต่ความเวิ้งว้างและหนาวเหน็บในโลกใต้พื้นดินน่าจะเป็นที่ของฉันมากกว่า
“คุณโอเคไหม”
อยู่ดีๆดวงตากลมโตคู่หนึ่งก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้า ใกล้จนดึงความคิดที่กำลังล่องลอยของฉันกลับมาได้ในแทบจะทันที แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรร่างกายของฉันก็พาตัวเองถอยหนีจนไม่ทันได้หันไปมองว่าข้างหลังฉันมีแต่ความว่างเปล่า
“ระวัง!”
มืออีกคู่พยายามจะรั้งฉันไว้แต่อำนาจของแรงโน้มถ่วงดูจะไม่เป็นใจ ตัวของฉันร่วงลงบนพื้นไม้สีอ่อนที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำจากถังพลาสติกที่เคยวางอยู่ใต้เท้า อุณหภูมิที่อุ่นเมื่อแรกสัมผัสแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวจับใจอย่างรวดเร็วจนชาไปทั้งตัว
ฉันคิดว่าตัวเองกำลังกรีดร้อง แต่ไม่มีเสียงใดๆผ่านออกมาจากลำคอเล็กๆที่แห้งผาก แขนที่แทบจะไม่มีแรงของฉันถูกยกขึ้นมาด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ปัดป่ายป้องกันตัวอย่างสะเปะสะปะ
“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณ”
เขาค่อยจับข้อมือขอฉันทั้งสองข้างอย่างเบามือก่อนจะดึงฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด เขานี่เองคือกลิ่นของต้นสน
อ่อนโยน คือคำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวทั้งๆที่ฉันไม่เคยสัมผัสกับคำๆนี้ แต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขาคือความอ่อนโยน ร่างกายที่ก่อกบฎของฉันเชื่อฟังอย่างง่ายดายเหมือนเขาเป็นเจ้าของของมัน และฉันก็ปล่อยร่างกายของตัวเองให้จมอยู่ในความอุบอุ่นที่แผ่ออกมาจากแผงอกกว้างของเขา
❄ ❄ ❄ ❄ ❄
“คุณนี่เหมือนแมวเลย”
เล็บของฉันไม่ได้แหลมคมมากพอที่จะทำให้เลือดซึมแต่มันก็เห็นเป็นสีแดงชัดเจนบนท้องแขนของเขา มันน่าจะเจ็บอยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งเดียวที่เขาทำก็คือแค่หัวเราะกับตัวเองเบาๆขณะบรรจงพันผ้ารอบนิ้วมือของฉันที่แตกแห้งและมีเลือดซึมจากความหนาวเย็น ทุกสัมผัสของเขาบางเบาเหมือนมีใครเอาขนนกมารองไว้ใต้ข้อมือของฉัน เหมือนเป็นพรจากทูตสวรรค์
“ฉันอยู่ที่นี่ได้ไหม แค่ชั่วคราวก็ได้”
ความอบอุ่นที่ได้รับในไม่กี่ชั่วโมงนี้ทำเอาความนึกคิดของฉันวิ่งตามความต้องการไม่ทัน ฉันพลั้งปากออกไป
“คุณไม่มีที่ให้กลับไปหรอ”
“มีค่ะ แค่ฉันไม่อยากกลับไป”
“เหตุผลล่ะ?”
ฉันบอกไม่ได้...
ฉันกัดริมฝีปากของตัวเองจนซีดขาวเหมือนผิวส่วนอื่นๆของฉันในขณะที่รอคำพิพากษา ไม่มีเสียงใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมาไม่ว่าจะเป็นของฉันหรือของเขา
จากนั้นไม่นานเสียงถอนหายใจแผ่วๆของเขาก็ดังกังวาลในห้องสีนวลแห่งนี้ นิ้วของเขายังคงตั้งใจพันผ้าบนนิ้วมืออีกข้างของฉัน มันเป็นลินินที่ถูกตัดเป็นผืนเล็กๆที่ฉันท้วงไปว่า ‘นั่นไม่ใช่ผ้าพันแผลนะคะ’
“ได้สิ”
เอ๊ะ
“แต่ผมต้องรู้ชื่อของคุณก่อน”
“ยุนจี”
ฉันทำตามสิ่งที่เขาขออย่างว่าง่ายราวกับต้องมนต์
“คุณล่ะ”
“โฮซอก”
เหมาะกับเขาจัง...
“คุณโฮซอก”
“อื้ม”
❄ ❄ ❄ ❄ ❄
เมื่อไม่มีอะไรทำฉันจึงได้แต่นั่งเล่นปลายแขนเสื้อสเวตเตอร์ที่เขาให้ฉันยืมสวมแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆในขณะที่คุณโฮซอกหายไปอยู่หลังชั้นหนังสือ ฟังจากเสียงก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังบรรจงเรียงหนังสือใส่ในชั้นอย่างเบามือเหมือนวางเด็กทารกลงในเปล
“งั้น... คุณก็เปิดร้านหนังสือ?”
มันก็เห็นชัดๆอยู่แล้วเพราะตอนที่เขาถือมันเดินผ่านไปฉันเห็นป้ายติดราคาอยู่บนปก แต่ก็ไม่แน่ใจนักเพราะหนังสือเหล่านั้นดูเหมือนจะอยู่ในห้องสมุดมากกว่าที่จะอยู่ในร้าน
“ร้านหนังสือมือสองต่างหาก”
“ทำไมต้องเป็นหนังสือมือสองล่ะ”
“หนังสือพวกนี้ก็เหมือนกับคุณนั่นแหละ”
ฉันขมวดคิ้วโดยที่จงใจให้เขาเห็นตอนที่เขายื่นหน้าออกมาจากชั้นหนังสือ
“หนังสือเก่าๆไร้ค่าที่เจ้าของไม่อยากเก็บไว้แล้วหรอ”
“เปล่า”
เขาหัวเราะ ไม่รู้เพราะคำพูดหรือหน้าตาที่ไม่พอใจของฉัน ก่อนจะหยิบหนังสือเล่มบางมาถือไว้แล้วชูมันขึ้นในระดับที่ฉันจะมองเห็นได้ชัดเจน จริงๆก็ไม่ชัดเจนเท่าไรเพราะตัวอักษรสีทองเริ่มจะเลือนหายไปตามการเวลา ขอบกระดาษหน้าปกของมันบางจุดเปื่อยยุ่ยและฉีกขาด มันน่าจะเป็นหนังสือรวมบทกลอน แบบที่ฉันไม่เคยคิดจะอ่านเพราะมันยากและน่าเบื่อ
“ความสวยงามที่คนลืมเลือนจะถูกทิ้งไว้ที่นี่ รอวันที่คนที่เห็นค่าของมันมากกว่าเจ้าของเดิมจะมารับมันไป”
นั่นยิ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
“ถ้าไม่มีใครมารับมันล่ะ”
คุณโฮซอกส่งยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มน้อยๆที่แก้มทั้งสองข้าง มันดูน่ารักดี ตอนที่ยิ้มดวงตาของเขาเป็นประกายยิ่งกว่าดวงดาวที่ฉันเคยเห็นข้างนอกหน้าต่างบานเล็กๆในที่ที่ฉันจากมา เขาดูเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งเลวร้ายภายนอก เป็นภูติตัวเล็กๆในสถานที่ที่มีแต่ฤดูใบไม้ผลิแห่งนี้
เขาค่อยๆประคองมือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลแล้ววางหนังสือเล่มบางนั้นลงไป
‘เยียวยา’ ปกหนังสือบอกฉันแบบนั้น
"งั้นผมจะดูแลมันเอง” เขาบอกฉันแบบนั้น
❄ ❄ ❄ ❄ ❄
Talk
สวัสดีค่า ไรท์กระต่ายคนเดิมไม่เพิ่มเติมอะไร จริงๆเรื่องนี้เคยลงไปแล้วใน #เชคสเปียร์โฮปก้า แต่พอดีมีไอเดียแวบๆแบบนี้เข้ามาเยอะมากค่ะเลยอยากเก็บมันไว้เป็นฟิครวม OS ไปเลย [อาจจะ]มีแต่โฮปก้านะคะ ต้องตามดูต่อไป อาจจะมีพล็อตคู่อื่นแวบๆมาบ้าง 55555555
เอาจริงๆก็มีต่อนะคะเป็นฟิคสั้น3ตอนแต่กลัวคนอ่านมาปาไข่ใส่บ้านไรท์เลยจบไว้ตรงนี้ละกันให้จินตนาการกันต่อ ของจริงไม่ค่อยแฮปปี้เอนด์เท่าไรเพราะมันเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ YvY
ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมโพรงกระต่ายเล็กๆนี้นะคะ #BTSinBorrow
ความคิดเห็น