ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] น้องหมอฮุน ??”???’? : kaihun

    ลำดับตอนที่ #1 : Chap 01 ❤ rewrite 100%

    • อัปเดตล่าสุด 22 ม.ค. 60



     

     

     

    Chapter 01

    [Oh Sehun]

     

                    “แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว”


                    “แจวเรือไปเด็ดกระถิน  แจวเรือไปเด็ดกระถิน”


                    “ขอเชิญพี่จงอินลุกขึ้นมาแจว”


                    “เด็ดกระถินพ่อมึงสิ”


                    ผมหันมองตามเสียงกลองเคล้าเสียงเพลงแจวรับน้องของนักศึกษากลุ่มหนึ่ง  ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังทำกิจกรรมวอล์คแรลลี่อยู่  ช่วงนี้หลายๆ  คณะยังคงมีการรับน้องกันอยู่แม้จะเปิดเรียนมาได้เดือนกว่าแล้ว  โชคดีที่คณะแพทย์ของผมได้เร่งให้กิจกรรมจบภายในเจ็ดวันเพราะการเรียนที่หนักหนากว่าคณะอื่นหลายเท่า  ผมเห็นผู้ชายผิวแทนคนหนึ่งที่คาดว่าชื่อจงอินลุกขึ้นมาเต้นแจวเรือทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังสบถด่าเพื่อน  ผมหลุดขำคิกที่จู่คนๆ นั้นก็เต้นท่าอะไรสักอย่างที่มันน่าเกลียดพิลึกก่อนจะก้มหน้าอ่านชีทในมือต่อ


                    “เต้นเชี่ยไรของมึงเนี่ย”


                    “เอ้า  ก็มึงอยากให้กูเต้นไม่ใช่ไง?”


                    “ให้เต้นครับให้เต้น  ไม่ได้ให้มาเด้าลมให้น้องดู”


                    “เอวดีก็ต้องโชว์”


                    ผมพลิกชีทไปอีกหน้าหนึ่งพลางเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียวตอบข้อความเพื่อนสนิททั้งสองคนที่กำลังตามหาตัวผมให้ควัก  แบคฮยอนกับไอรีนบ่นผมเสียยกใหญ่ที่ชอบหายตัวไปตอนพักเที่ยงแล้วไม่บอกให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน  ผมไม่ชอบกินข้าวโรงอาหารเพราะจำนวนคนที่มันเยอะจนน่ากลัว  ทั้งที่โรงอาหารคณะก็ไม่ได้ใหญ่โตและนักศึกษาแพทย์ก็มีจำนวนเพียงหยิบมือเดียว  แต่สาเหตุที่ทำให้โรงอาหารแทบแตกนั้นเป็นเพราะเด็กจากคณะอื่นเข้ามาใช้บริการโรงอาหารคณะแพทย์ต่างหาก  โดยเฉพาะวิศวะกับสถาปัตย์  ผมยังจำวันแรกที่ย่างกรายเข้าไปในโรงอาหารที่คนเยอะจนต้องตะโกนคุยกับไอรีน  ผมโดนชนจนน่วมไปทั้งตัวแต่นั่นไม่แย่เท่ามีผู้ชายใส่ช็อปสีเทาเข้มมาขอไลน์


                    แต่วันถัดมาเขาก็ไม่ได้มาเรียน  แบคฮยอนเล่าให้ฟังว่าหมอนั่นถูกเด็กสถาปัตย์เอากระดานรองวาดตีจนหน้าบวมไปครึ่งซีก  และต้นเหตุก็เพราะหมอนั่นมาทำตัวเจ๊าะแจ๊ะกับผม


                    นั่นแค่ครั้งแรก  เพราะหลังจากนั้นถัดมาอีกสองวันก็มีรุ่นพี่จากสาขาอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์มาขอไลน์ขอเฟสผมอีก  แล้วเย็นวันนั้นเขาก็ถูกพบในสภาพเลือดกลบปาก  หัวคิ้วแตกอยู่ในโรงยิมของเอกพละศึกษา  ยังไม่หมดแค่นั้น  ไหนจะรุ่นพี่ปีสามจากสโมสรนักศึกษาคณะมนุษย์ที่มาทาบทามผมให้ลงประกวดเดือนมหาวิทยาลัยอีกที่ต้องไปนอนหยอดน้ำเกลือในโรงพยาบาลเพราะอาหารเป็นพิษในวันถัดมา  ระยะเวลาแค่สองสัปดาห์ที่เปิดเรียนมีคดีนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทไปทั้งหมดสิบสองคดี  และทุกคดีทุกคนให้การณ์ว่าต่อยกันเพื่อแย่งผม  แย่งเพื่ออออออ?  หลังจากนั้นมาผมก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่อยู่ในที่ที่คนพลุกพล่านอีกทำให้เรื่องต่างๆ  เบาลงไปบ้าง  แล้วครั้งล่าสุดมันก็เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เอง...ตอนนี้ทุกคนในมหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จักผมแล้ว  แม้แต่อาจารย์นอกคณะยังเรียกชื่อผมถูกเลย...-_-;;


                    ผมบอกสถานที่ที่ผมอยู่ให้รู้และพวกมันสองคนก็บอกว่าจะมาหาผมจึงกลับมาสนใจกับชีทภาษาอังกฤษตรงหน้าที่มีรูปประกอบเป็นรูปตับผ่าครึ่งซีกพร้อมชี้บอกส่วนต่างๆ  ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเท่าไร  เพราะลูกพี่ลูกน้องของผมโตมาที่แคนาดาผมเลยได้ซึมซับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ  แต่ที่ผมต้องขยันอ่านหนังสือแบบนี้ไม่ใช่อะไร  วิชาบ่ายวันนี้ผมมีควิซ  และถึงมันจะไม่กี่คะแนนแต่มันก็สามารถพลิกเกรดจาก B เป็น B+ ได้เลย


                    “นายๆ”


                    ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ  ลานเฟื่องฟ้า  ตรงนี้มีนักศึกษานั่งอยู่ประปรายเพราะมันแทบจะล้ำเข้าไปในเขตของคณะวิศวะ(ที่ไม่ค่อยมีใครอยากผ่านไปผ่านมา)  ผมรู้สึกว่าเสียงนั้นมันใกล้ผมมากๆ  แต่ใคร จะมาทักผม  ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างถือคติคุยกับผมเท่ากับเจ็บตัว -_-  เขาคงจะเรียกคนอื่นล่ะมั้ง


                    “นายยยยยยย”


                    ผมก้มหน้าก้มตาอ่านชีทต่อ  โอ้ะ...ตรงนี้น่าจะออกสอบไฮไลต์ไว้หน่อยดีกว่าจะได้ไม่ลืมว่าต้องบอกแบคฮยอนกับไอรีนด้วย.. >_<


                    เป๊าะ!


                    “เฮ้!  นายไม่ได้ยินฉันเหรอ?”


                    “ห้ะ!


                    ผมสะดุ้งตกใจที่จู่ๆ  ก็มีคนมาดีดนิ้วดังเป๊าะข้างหู  ผมเงยหน้าขึ้นมา  ภาพตรงหน้าคือผู้ชายคนนั้นที่เต้นท่าพิลึกๆ  เมื่อกี้นี่นา  เขาส่งยิ้มจากๆ  ให้พลางยกมือขึ้นเสยผมสีควันบุหรี่ของตัวเอง  รูปหน้าของเขาสวยเหมือนนายแบบตามห้างดังๆ  ดวงตาคู่สวยมองมาด้วยความขบขันนิดหน่อย  ผมเผลอกลืนน้ำลายดังอึก...เขาดูดีจัง


                    “ขอโทษที  ฉันเรียกนายตั้งหลายรอบแล้วแต่นายไม่ยอมตอบอะไรเลย”


                    เขาอธิบายช้าๆ  สำเนียงการพูดของเขาเหมือนจะไม่ใช่คนโซลแต่มันกลับฟังแล้วรื่นหู...


                    เอ้ะ!  เขาพูดกับผมหรอกเหรอ?  ผมเนี่ยนะ -_-


                    ผมมองไปรอบๆ  อีกครั้ง  นักศึกษาแพทย์ที่เคยนั่งอยู่ให้เห็นสองสามคนกลับหายไปหมดแล้ว  เท่ากับว่าที่ลานเฟื่องฟ้านี้มีแค่เขากับผมเท่านั้น


                    “ฉันคุยกับนายนั่นแหละ”


                    “เรา?”  ผมชี้ที่ตัวเอง  เขายิ้มเล็กๆ  แล้วพยักหน้าตอบรับ


                    เอาแหลวววววว!  เขากำลังคุยกับผม  แต่ผมจะทำยังไงล่ะ  ขืนคุยด้วยเดี๋ยวก็มีใครมาต่อยตีกันเพราะผมเป็นต้นเหตุอีก  เรื่องเมื่อเช้าก็ยังไม่รู้ผลเลยว่าอธิการจะจัดการยังไง =_=


                    “เราเหรอ?”


                    “อือฮึ”  เขาขานตอบในคอก่อนจะสงโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้  “นายเห็นไอ้หูกางตัวสูงๆ เป็นเปรตยืนอยู่นั่นไหม?  มันสั่งให้ฉันมาขอเบอร์นาย”


                    ผมส่ายหน้าพรืดทันที  ไม่ได้  แค่คุยนี่ก็เสี่ยงพออยู่แล้ว  ขืนให้อะไรกลับไปมีหวังพรุ่งนี้ได้เป็นข่าวดังทั่วมหาวิทยาลัยแน่ว่ามีคนเจ็บตัวเพราะผมอีกแล้ว


                    “ขอโทษนะ  แต่เราให้ไม่ได้หรอก”  ผมขมวดคิ้วคิดหนัก  ผมไม่รู้หรอกว่านี่เป็นคำสั่งลงโทษจริงๆ  หรือเขาแค่หาเรื่องมาขอเบอร์ผมเท่านั้น

     

                    “อ้าว  ทำไมล่ะ  รังเกียจกันเหรอ?”


                    “หึ  ไม่ใช่”  ผมรีบส่ายหน้ารัวเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้าดูผิดหวัง  ริมฝีปากหยักหนาที่เคยยิ้มให้น้อยๆ  เม้มเป็นเส้นตรง  “เราคือโอเซฮุนนายน่าจะเคยได้ยิน  พักนี้มีแต่คนต่อยตีกันแล้วอ้างว่าทำไปเพราะแย่งเรา  เราก็เลยกลัวว่านายจะถูกคนพวกนั้นทำร้ายน่ะ  เราไม่อยากให้ใครมาเจ็บตัวเพราะเราอีก”


                    เพราะมันเสี่ยงต่อการถูกพักการเรียนของผมน่ะสิ =__=


                    คนตรงหน้าผมชะงักค้างก่อนแย้มยิ้มกว้างชวนให้หัวใจเต้นรัวๆ  โอ้ย...ทำไมเขาต้องดูดีขนาดนี้ด้วยอ่ะ  แม่จ๋า  น้องฮุนกลัว...


                    “ไม่เป็นไร  ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไรฉันก็พอจะได้ยินเรื่องของนายมาบ้างเหมือนกัน”  เขาเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋ากางเกงไปแล้ว  แต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่  ผมนึกแปลกใจที่เขาไม่ตื๊อเอาให้ได้เหมือนคนอื่นๆ  ทั้งๆ  ที่มันเป็นเรื่องดี  แต่ผมกลับชั่งใจหนักว่าผมควรจะให้เบอร์โทรเขาไปดีไหม


                    “ขะ...ขอโทษนะ”


                    “ไม่เป็นไร  งั้นฉันไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของนายแล้ว”


                    “อะ...อื้อ”


                    “อ้อ  แล้วถ้าเดินสวนกัน  ก็ทักทายกันได้นะ  ฉันจะถือว่าอย่างน้อยเราก็รู้จักกันบ้างแล้ว”


                    เขาโบกมือให้ผมก่อนจะหมุนตัวกลับไปหากลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม  คล้อยหลังเขาไปได้ไม่ถึงนาที  สองเพื่อนสนิทก็โผล่หน้ามาให้เห็น  แบคฮยอนบ่นเรื่องคนจำนวนมหาศาลในโรงอาหารในขณะที่ไอรีนก็ขอชีทของผมไปดูส่วนที่ไฮไลต์เพิ่มเติมเอาไว้ 


                    ผมเหลือบกลับไปทางกลุ่มนักศึกษาที่กำลังรับน้องกันต่อแล้วก็พบว่าเขาเองก็กำลังมองมาเช่นกัน  นัยน์ตาคู่สวยคมนั่นกำลังมองมาที่ผม...และแจกยิ้มกว้าง  เราสบตากันนานพอที่ผู้ชายหน้าคมมุมปากยกขึ้นคล้ายกับคนยิ้มอยู่ตลอดเวลานั่นจะรู้และสะกิดเขาก่อนจะหันมามองทางผมด้วยความสงสัย


                    ผมหันกลับมามองหน้าแบคฮยอนก่อนจะแกล้งหัวเราะกับเรื่องที่มันเล่า  ทั้งๆ  ที่ตอนนี้ใจผมพะวักพะวนกับนัยน์ตาคู่สวยกับรอยยิ้มดูดีของผู้ชายคนนั้นมากกว่า...





    talk ;

    ไม่มีไรมาก  ฉันแค่รีไรท์ใหม่อ่ะแก
    ว่างมากไหมถามใจดู 555555

    #ฟิคน้องหมอฮุน




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×