คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chap 01 ❤ rewrite 100%
Chapter 01
[Oh Sehun]
“แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว”
“แจวเรือไปเด็ดกระถิน แจวเรือไปเด็ดกระถิน”
“ขอเชิญพี่จงอินลุกขึ้นมาแจว”
“เด็ดกระถินพ่อมึงสิ”
ผมหันมองตามเสียงกลองเคล้าเสียงเพลงแจวรับน้องของนักศึกษากลุ่มหนึ่ง ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังทำกิจกรรมวอล์คแรลลี่อยู่ ช่วงนี้หลายๆ คณะยังคงมีการรับน้องกันอยู่แม้จะเปิดเรียนมาได้เดือนกว่าแล้ว โชคดีที่คณะแพทย์ของผมได้เร่งให้กิจกรรมจบภายในเจ็ดวันเพราะการเรียนที่หนักหนากว่าคณะอื่นหลายเท่า ผมเห็นผู้ชายผิวแทนคนหนึ่งที่คาดว่าชื่อจงอินลุกขึ้นมาเต้นแจวเรือทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังสบถด่าเพื่อน ผมหลุดขำคิกที่จู่คนๆ นั้นก็เต้นท่าอะไรสักอย่างที่มันน่าเกลียดพิลึกก่อนจะก้มหน้าอ่านชีทในมือต่อ
“เต้นเชี่ยไรของมึงเนี่ย”
“เอ้า ก็มึงอยากให้กูเต้นไม่ใช่ไง?”
“ให้เต้นครับให้เต้น ไม่ได้ให้มาเด้าลมให้น้องดู”
“เอวดีก็ต้องโชว์”
ผมพลิกชีทไปอีกหน้าหนึ่งพลางเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียวตอบข้อความเพื่อนสนิททั้งสองคนที่กำลังตามหาตัวผมให้ควัก แบคฮยอนกับไอรีนบ่นผมเสียยกใหญ่ที่ชอบหายตัวไปตอนพักเที่ยงแล้วไม่บอกให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน ผมไม่ชอบกินข้าวโรงอาหารเพราะจำนวนคนที่มันเยอะจนน่ากลัว ทั้งที่โรงอาหารคณะก็ไม่ได้ใหญ่โตและนักศึกษาแพทย์ก็มีจำนวนเพียงหยิบมือเดียว แต่สาเหตุที่ทำให้โรงอาหารแทบแตกนั้นเป็นเพราะเด็กจากคณะอื่นเข้ามาใช้บริการโรงอาหารคณะแพทย์ต่างหาก โดยเฉพาะวิศวะกับสถาปัตย์ ผมยังจำวันแรกที่ย่างกรายเข้าไปในโรงอาหารที่คนเยอะจนต้องตะโกนคุยกับไอรีน ผมโดนชนจนน่วมไปทั้งตัวแต่นั่นไม่แย่เท่ามีผู้ชายใส่ช็อปสีเทาเข้มมาขอไลน์
แต่วันถัดมาเขาก็ไม่ได้มาเรียน แบคฮยอนเล่าให้ฟังว่าหมอนั่นถูกเด็กสถาปัตย์เอากระดานรองวาดตีจนหน้าบวมไปครึ่งซีก และต้นเหตุก็เพราะหมอนั่นมาทำตัวเจ๊าะแจ๊ะกับผม
นั่นแค่ครั้งแรก เพราะหลังจากนั้นถัดมาอีกสองวันก็มีรุ่นพี่จากสาขาอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์มาขอไลน์ขอเฟสผมอีก แล้วเย็นวันนั้นเขาก็ถูกพบในสภาพเลือดกลบปาก หัวคิ้วแตกอยู่ในโรงยิมของเอกพละศึกษา ยังไม่หมดแค่นั้น ไหนจะรุ่นพี่ปีสามจากสโมสรนักศึกษาคณะมนุษย์ที่มาทาบทามผมให้ลงประกวดเดือนมหาวิทยาลัยอีกที่ต้องไปนอนหยอดน้ำเกลือในโรงพยาบาลเพราะอาหารเป็นพิษในวันถัดมา ระยะเวลาแค่สองสัปดาห์ที่เปิดเรียนมีคดีนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทไปทั้งหมดสิบสองคดี และทุกคดีทุกคนให้การณ์ว่าต่อยกันเพื่อแย่งผม แย่งเพื่ออออออ? หลังจากนั้นมาผมก็ยื่นคำขาดว่าจะไม่อยู่ในที่ที่คนพลุกพล่านอีกทำให้เรื่องต่างๆ เบาลงไปบ้าง แล้วครั้งล่าสุดมันก็เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้เอง...ตอนนี้ทุกคนในมหาวิทยาลัยไม่มีใครไม่รู้จักผมแล้ว แม้แต่อาจารย์นอกคณะยังเรียกชื่อผมถูกเลย...-_-;;
ผมบอกสถานที่ที่ผมอยู่ให้รู้และพวกมันสองคนก็บอกว่าจะมาหาผมจึงกลับมาสนใจกับชีทภาษาอังกฤษตรงหน้าที่มีรูปประกอบเป็นรูปตับผ่าครึ่งซีกพร้อมชี้บอกส่วนต่างๆ ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมเท่าไร เพราะลูกพี่ลูกน้องของผมโตมาที่แคนาดาผมเลยได้ซึมซับภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่ผมต้องขยันอ่านหนังสือแบบนี้ไม่ใช่อะไร วิชาบ่ายวันนี้ผมมีควิซ และถึงมันจะไม่กี่คะแนนแต่มันก็สามารถพลิกเกรดจาก B เป็น B+ ได้เลย
“นายๆ”
ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ลานเฟื่องฟ้า ตรงนี้มีนักศึกษานั่งอยู่ประปรายเพราะมันแทบจะล้ำเข้าไปในเขตของคณะวิศวะ(ที่ไม่ค่อยมีใครอยากผ่านไปผ่านมา) ผมรู้สึกว่าเสียงนั้นมันใกล้ผมมากๆ แต่ใคร จะมาทักผม ในเมื่อตอนนี้ทุกคนต่างถือคติคุยกับผมเท่ากับเจ็บตัว -_- เขาคงจะเรียกคนอื่นล่ะมั้ง
“นายยยยยยย”
ผมก้มหน้าก้มตาอ่านชีทต่อ โอ้ะ...ตรงนี้น่าจะออกสอบไฮไลต์ไว้หน่อยดีกว่าจะได้ไม่ลืมว่าต้องบอกแบคฮยอนกับไอรีนด้วย.. >_<
เป๊าะ!
“เฮ้! นายไม่ได้ยินฉันเหรอ?”
“ห้ะ!”
ผมสะดุ้งตกใจที่จู่ๆ ก็มีคนมาดีดนิ้วดังเป๊าะข้างหู ผมเงยหน้าขึ้นมา ภาพตรงหน้าคือผู้ชายคนนั้นที่เต้นท่าพิลึกๆ เมื่อกี้นี่นา เขาส่งยิ้มจากๆ ให้พลางยกมือขึ้นเสยผมสีควันบุหรี่ของตัวเอง รูปหน้าของเขาสวยเหมือนนายแบบตามห้างดังๆ ดวงตาคู่สวยมองมาด้วยความขบขันนิดหน่อย ผมเผลอกลืนน้ำลายดังอึก...เขาดูดีจัง
“ขอโทษที ฉันเรียกนายตั้งหลายรอบแล้วแต่นายไม่ยอมตอบอะไรเลย”
เขาอธิบายช้าๆ สำเนียงการพูดของเขาเหมือนจะไม่ใช่คนโซลแต่มันกลับฟังแล้วรื่นหู...
เอ้ะ! เขาพูดกับผมหรอกเหรอ? ผมเนี่ยนะ -_-
ผมมองไปรอบๆ อีกครั้ง นักศึกษาแพทย์ที่เคยนั่งอยู่ให้เห็นสองสามคนกลับหายไปหมดแล้ว เท่ากับว่าที่ลานเฟื่องฟ้านี้มีแค่เขากับผมเท่านั้น
“ฉันคุยกับนายนั่นแหละ”
“เรา?” ผมชี้ที่ตัวเอง เขายิ้มเล็กๆ แล้วพยักหน้าตอบรับ
เอาแหลวววววว! เขากำลังคุยกับผม แต่ผมจะทำยังไงล่ะ ขืนคุยด้วยเดี๋ยวก็มีใครมาต่อยตีกันเพราะผมเป็นต้นเหตุอีก เรื่องเมื่อเช้าก็ยังไม่รู้ผลเลยว่าอธิการจะจัดการยังไง =_=
“เราเหรอ?”
“อือฮึ” เขาขานตอบในคอก่อนจะสงโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาให้ “นายเห็นไอ้หูกางตัวสูงๆ เป็นเปรตยืนอยู่นั่นไหม? มันสั่งให้ฉันมาขอเบอร์นาย”
ผมส่ายหน้าพรืดทันที ไม่ได้ แค่คุยนี่ก็เสี่ยงพออยู่แล้ว ขืนให้อะไรกลับไปมีหวังพรุ่งนี้ได้เป็นข่าวดังทั่วมหาวิทยาลัยแน่ว่ามีคนเจ็บตัวเพราะผมอีกแล้ว
“ขอโทษนะ แต่เราให้ไม่ได้หรอก” ผมขมวดคิ้วคิดหนัก ผมไม่รู้หรอกว่านี่เป็นคำสั่งลงโทษจริงๆ หรือเขาแค่หาเรื่องมาขอเบอร์ผมเท่านั้น
“อ้าว ทำไมล่ะ รังเกียจกันเหรอ?”
“หึ ไม่ใช่” ผมรีบส่ายหน้ารัวเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำหน้าดูผิดหวัง ริมฝีปากหยักหนาที่เคยยิ้มให้น้อยๆ เม้มเป็นเส้นตรง “เราคือโอเซฮุนนายน่าจะเคยได้ยิน พักนี้มีแต่คนต่อยตีกันแล้วอ้างว่าทำไปเพราะแย่งเรา เราก็เลยกลัวว่านายจะถูกคนพวกนั้นทำร้ายน่ะ เราไม่อยากให้ใครมาเจ็บตัวเพราะเราอีก”
เพราะมันเสี่ยงต่อการถูกพักการเรียนของผมน่ะสิ =__=
คนตรงหน้าผมชะงักค้างก่อนแย้มยิ้มกว้างชวนให้หัวใจเต้นรัวๆ โอ้ย...ทำไมเขาต้องดูดีขนาดนี้ด้วยอ่ะ แม่จ๋า น้องฮุนกลัว...
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไรฉันก็พอจะได้ยินเรื่องของนายมาบ้างเหมือนกัน” เขาเก็บโทรศัพท์มือถือกลับเข้ากระเป๋ากางเกงไปแล้ว แต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่ ผมนึกแปลกใจที่เขาไม่ตื๊อเอาให้ได้เหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องดี แต่ผมกลับชั่งใจหนักว่าผมควรจะให้เบอร์โทรเขาไปดีไหม
“ขะ...ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร งั้นฉันไม่รบกวนเวลาอ่านหนังสือของนายแล้ว”
“อะ...อื้อ”
“อ้อ แล้วถ้าเดินสวนกัน ก็ทักทายกันได้นะ ฉันจะถือว่าอย่างน้อยเราก็รู้จักกันบ้างแล้ว”
เขาโบกมือให้ผมก่อนจะหมุนตัวกลับไปหากลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม
คล้อยหลังเขาไปได้ไม่ถึงนาที สองเพื่อนสนิทก็โผล่หน้ามาให้เห็น แบคฮยอนบ่นเรื่องคนจำนวนมหาศาลในโรงอาหารในขณะที่ไอรีนก็ขอชีทของผมไปดูส่วนที่ไฮไลต์เพิ่มเติมเอาไว้
ผมเหลือบกลับไปทางกลุ่มนักศึกษาที่กำลังรับน้องกันต่อแล้วก็พบว่าเขาเองก็กำลังมองมาเช่นกัน นัยน์ตาคู่สวยคมนั่นกำลังมองมาที่ผม...และแจกยิ้มกว้าง เราสบตากันนานพอที่ผู้ชายหน้าคมมุมปากยกขึ้นคล้ายกับคนยิ้มอยู่ตลอดเวลานั่นจะรู้และสะกิดเขาก่อนจะหันมามองทางผมด้วยความสงสัย
ผมหันกลับมามองหน้าแบคฮยอนก่อนจะแกล้งหัวเราะกับเรื่องที่มันเล่า ทั้งๆ ที่ตอนนี้ใจผมพะวักพะวนกับนัยน์ตาคู่สวยกับรอยยิ้มดูดีของผู้ชายคนนั้นมากกว่า...
ไม่มีไรมาก ฉันแค่รีไรท์ใหม่อ่ะแก
ว่างมากไหมถามใจดู 555555
#ฟิคน้องหมอฮุน
ความคิดเห็น