คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Hybrid :: 'Real END'
สามเดือนต่อมา
ร่างโปร่งบางเดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลพร้อมกระเช้าของเยี่ยมในมือ
สายตามองหาป้ายห้องพักที่เพื่อนสนิทมารักษาตัวอยู่
ดูท่าปีนี้จะเป็นปีชงของจุนฮุยเพราะปีนี้ปีเดียวกลับมีเรื่องเสียมาก
แถมล่าสุดยังมาตกบันไดทั้ง ๆ ที่แผลตรงไหลยังไม่หายดี
ดวงซวยเสียเหลือเกิน
เอาจริง
ๆ ปีนี้เขาอาจจะชงด้วยก็ได้ เพราะดวงก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักหรอก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องชีวิต หรือแม้แต่ด้นความรัก
หลังจากวันนั้นเมื่อเขาตื่นนอน
ก็เห็นว่ามินกยูหลับตาสนิทด้วยอาการที่สงบ ไร้การตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น
ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายได้จากไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสามเดือนได้แล้ว เขายังคงคิดถึงมินกยูอยู่ทุกวัน
บ้านดูกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิมจนยิ่งทำให้ดูว้าเหว่นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วอนอูไม่ค่อยอยากอยู่ติดบ้านสักเท่าไหร่
วิถีชีวิตเดิม ๆ
เริ่มกลับมาอีกครั้งแต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือการที่ร่างโปร่งบางออกไปเที่ยวกลางคืนถี่ขึ้นยิ่งกว่าเดิมมากกว่าปรกติ
มือเรียวเคาะลงบนประตูบานหนาก่อนจะเปิดเข้าไปเห็นเพียงเพื่อนสนิทที่นอนเป็นผักเนื่องจากขาข้างซ้ายถูกจับวางบนหมอนรวมถึงใบหน้าที่ดูเซ็งโลกสุดขีดนั่นทำให้เป็นสภาพที่ค่อนข้างน่าขันอยู่ไม่น้อย
“เบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็แหงสิ”
จุนฮุยตอบ
วอนอูหัวเราะแล้ววางของเยี่ยมลงบนโซฟาก่อนจะนั่งคุยอยู่สักพักโดยส่วยมากจะเป็นเรื่องจิปาถะไมก็เรื่องงาน
และแน่นอน
คนป่วยขาหักพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของมินกยูเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจขนาดไหนจมมาถึงเวลาที่สมควรกลับ
“ไปล่ะ”
“อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ“
“มยองโฮล่ะ
ไปไหน” ร่างโปร่งเอ่ยถามไฮบริดของคนป่วยที่ตอนนี้แทนที่จะนั่งเฝ้าอยู่ในห้องกลับไม่อยู่เสียนี่
“ไปเดินเล่นน่ะ
เดี๋ยวคงกลับ” จุนฮุยตอบ “ว่าแต่แกเถอะ โอเคไหม”
คนถูกถามรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องใด
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มพลางเอ่ยตอบไปว่า
“โอเคน่า”
ทั้งที่ในใจร้าวระบม…
“จริงเหรอ”
ร่างสูงมองร่างโปร่งของเพื่อนสนิทด้วยสายตารู้ทัน
วอนอูเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ต่อให้เศร้าแค่ไหนอีกฝ่ายก็จะเก็บไว้กับตนเองเพียงเพราะเหตุผลที่ว่าไม่อยากทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย
แต่นั่นก็ทำให้วอนอูก็เหมือนฟองน้ำที่ซึมซับแต่น้ำตาของความเศร้า
แถมการที่มินกยูไม่อยู่แล้วคงทำให้ฟองน้ำนั้นยิ่งชุ่มไปด้วยน้ำตาจนเริ่มเก็บต่อไปไม่ไหว
ถึงแม้จะไม่ใช่ตอนนี้ แต่คงในไม่ช้าหรอก
“จริงน่า
ไปล่ะ เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ”
“ตามใจเถอะ
แต่อย่าเที่ยวเยอะแล้วกัน นี่โทรมยิ่งกว่าเดิมอีกนา”
ร่างโปร่งบางพยักหน้าตอบแล้วเอ่ยลาก่อนจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ใคร่ต่างจากขามานัก
เขาเดินไปตามทางเดินอย่างเหม่อลอยจนกระทั่งไปชนเข้ากับใครบางคน
อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย
ตัวสูงกว่าเขาและอยู่ในชุดไปรเวศ หลังมือยงคงมือผ้าก๊อซแปะอยู่คงเป็นคนป่วยที่เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลในวันนี้
เขาเดินมากับใครบางคนที่น่าจะเป็นผู้หญิง
“ขอโทษครับ”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขอโทษโดยไม่คิดมองหน้าคู่กรณีก่อนจะเดินออกไปตรงไปที่ลานจอดรถ
แสงสลัวในสถานบันเทิงใจกลางกรุงสะท้อนกับของเหลวสีอำพันและละอองน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้ว วอนอูมองภาพที่ดูสับสนวุ่นวายด้วยสายตาว่างเปล่า เขาถอนหายใจดังเฮือกแล้วยกแก้วบนเคาน์เตอร์บาร์ขึ้นดื่ม ตัวเขาก็ไม่ได้ชอบสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่นักหรอก แต่เพราะการที่อยู่ในห้องคนเดียวมันเป็นเรื่องที่พยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุดเพิ่อกันไม่ให้ความเหงาและเรื่องราวที่ดีมากมายเข้ามาโจมตี
ความทรงจำต่าง
ๆ ล้วนแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั่น ไม่ว่าจะเป็นบนโซฟา โต๊ะกินข้าว
หรือแม้กระทั่งในห้องนอน การที่อยู่กับสิ่งเหล่านั้นมันเหมือนเป็นการตอกย้ำความรู้สึกที่เคว้งคว้างและว่างเปล่า
ถึงอย่างนั้นแค่เพียงคิดก็รู้สึกโหวง ๆ ที่หัวใจคล้ายว่าหายไปบางส่วนเสียแล้ว
แต่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก
ชายหนุ่มหัวเราะหึหลังน้ำสีสวยหยดสุดท้ายไหลลงคอพร้อมใบหน้านวลที่ขึ้นสีแดงจัด
แต่กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักเพราะแก้วที่เพิ่งหมดไปไม่ใช่แก้วแรกของคืนนี้
อาจจะนับได้ว่าเป็นแก้วที่สี่หรือห้าเสียด้วยซ้ำ
เขาเดินโซซัดโซเซตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้าน
แต่ก็ถูกใครบางคนขวางทางเอาไว้ ด้วยทางเดินที่แคบและคนตรงหน้าสรีระค่อนข้างสูงใหญ่ทำให้ขวางทางจนแทบเดินไม่ได้
“ขอโทษนะครับ
ขอทางผมหน่อย”
วอนอูเอ่ยอย่างสุภาพผู้ชายตัวสูงตรงหน้าก็ยอมหลีกทางแต่โดยดี
ร่างโปร่งเดินไต่ไปตามกำแพงเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่จนสุดทางด้วยท่าทางล้มแหล่มิล้มแหล่
“ให้ผมช่วยไหมครับ”
ชายคนเมื่อครู่เอ่ยเสนอน้ำใจ
วอนอูสั่นศีรษะแล้วพูดเสียงอ้อแอ้
“ไม่เป็นไรครับ… ผมไหว”
“แน่ใจเหรอครับ”
“แน่จ้ายยย”
คนตรงหน้าหัวเราะในลำคอเบา
ๆ แล้วเอื้อมมือมาจับต้นแขนเรียวเพื่อช่วยพยุง
“ยังคออ่อนเหมือนเดิมเลยนะครับ”
วอนอูขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นชี้ใบหน้าคร้ามคมของคนตรงหน้า
ริมฝีปากบางสั่นระริกกึ่งจะยิ้มดีไม่ยิ้มดี
“นาย…”
“สวัสดีครับจอนวอนอู ผมคิมมินกยูเองครับ”
คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มเจิดจ้าที่เขาคุ้นเคยเป็นที่สุด
รอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกเผลอไผล
“ฉันคิดถึงนาย… มาก ๆ เลย” เมื่อพูดจบ
ร่างโปร่งก็โผเข้ากอดอีกคนแล้วปล่อยโฮออกมาทันที
ร่างสูงมองคนที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนจะกอดตอบอีกคนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
“ครับ ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน นี่รู้ไหม ตอนผมตื่นมาเนี่ยผมนึกถึงพี่เป็นคนแรกเลยนะ”
“ส่วนฉันคิดถึงนายตลอดเวลา คิดถึงจนอยู่ที่บ้านไม่ได้
คิดถึง…”
คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่ประกบเข้ามา
ร่างสูงอีกคนอย่างโหยหาไม่ต่างจากคนในอ้อมกอดสักเท่าไหร่นัก
ร่างโปร่งไม่ขัดขืนเลยสักนิดแต่กลับยอมให้คนอายุอ่อนกว่าปรนเปรอความรู้สึกนั้นอย่างเต็มใจ
แขนเรียวโอบรอบลำคอหนา
รสชาติขมฝาดของแอลกอฮอล์จากโพรงปากเล็กทำให้ร่างสูงรู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษ
คนอ่อนกว่าดูดเม้มริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ มือหนาล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ
ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนสวยด้วยอารมณ์เผลอไผลก่อนที่มือบางผลักแผ่นออกกว้างออก
ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อยิ่งกว่าเดิมเพราะไปได้พักหายใจเมื่อครู่
วอนอูเหลือบมองแขนข้างที่ล้วงเข้าไปในเสื้อของตนก่อนจะชกเข้าที่ต้นแขนข้างนั้นด้วยแรงที่ค่อนข้างมากอยู่ไม่น้อย
“บ้ากาม”
“รู้หรอกน่าว่าอยาก”
“อยากกะผีสิ เจอกันก็ทำอย่างนี้เลยเหรอไง”
คนแก่กว่ายกมือขึ้นกอดอก ริมฝีปากบวมเจ่อเบ้ออกเป็นกิริยาที่ดูน่ารักเสียเต็มประดาสำหรับเจ้าเด็กแสบที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เด็กแล้วแต่ก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้นอยู่
“ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยนี่” ร่างสูงยกยิ้มกรุ้มกริ่ม
มือหนาเกลี่ยแก้มใสของคนตรงหน้าอย่างเบามือ “ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลผมก็เจอพี่นะ”
“ถามจริง” วอนอูเลิกคิ้ว
“จริงสิ พี่ชนผมด้วย วันที่ผมออกจากโรงพยาบาล”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” ร่างโปร่งถามโดยเปลี่ยนสีหน้าและแววตาไปโดยไม่รู้ตัว
“หึงผมเหรอ” มินกยูถามกลั้วหัวเราะ
“ประมาณนั้น”
“นั่นแฟนผมเอง”
“ปล่อยแขนเลย ไปไกล ๆ เท้าฉันด้วย
มีแฟนแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกันดิ” วอนอูพูดเสียงเขียวพลางปัดมืออีกคนออกดังเผียะ
“ผมล้อเล่นน่า” มินกยูพูดแล้วคว้ามือเรียวมากุมไว้หลวม ๆ
“นั่นน้องผมต่างหาก”
“ล้อเล่นอย่างนี้ไม่ตลก”
“ก็ผมคิดถึงพี่นี่” คนตัวสูงทำปากยู่ซึ่งค่อนข้างดูน่าตลกอยู่ไม่น้อย
“เออ เหมือนกันแหละน่า แต่ไม่ล้อเล่นอย่างนี้นะ ใจหายหมด”
“ครับผม” ร่างสูงคลี่ยิ้ม “แล้วนี่ผมยังอยู่บ้านพี่ได้อยู่ใช่ไหมเนี่ย”
วอนอูหัวเราะแล้วพยักหน้ารัว
“แน่นอนสิ ยินดีต้อนรับนายเสมอ”
สิ้นคำตอบทั้งสองก็จ้องหน้ากันอยู่สักพักราวกับว่าจะให้หายคิดถึงก่อนจะเดินออกไปด้านนอกสถานบันเทิงแห่งนั้นด้วยกัน
ถึงบรรยากาศรอบด้านจะเป็นสีดำเพราะเวลาที่เป็นช่วงกลางคืนแต่ถึงอย่างไรหากให้ใครมาอยู่ใกล้
ๆ ก็คงบอกกันว่ารอบด้านเป็นสีชมพู
และนี่ก็เป็นวันที่วอนอูยิ้มและหัวเราะได้เต็มที่ที่สุดในรอบสามเดือน
---- THE END ----
มาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่มีอะไรจะบอกทุกคนเลยค่ะนอกจากคำว่าขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ
ตัวเราเองเรายังไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้อะ วันที่แต่งฟิคสักเรื่องจบแล้วรวมเล่ม
แต่ที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอคือทุกคนที่เข้ามาอ่านไม่ว่าจะมาตั้งแต่ช่วงแรกๆหรือว่าเพิ่งมาอ่านตอนหลังๆ
สำหรับคนที่อ่านมาตั้งแต่แรกๆต้องขอบคุณมากๆนะคะที่ยังอ่านอยู่จนถึงตอนนี้ที่อดทนกับสกิลการดองของเรามาจนถึงตอนจบ
ขอบคุณสำหรับเวลาหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันนะคะ
สำหรับคนที่เพิ่งมาอ่านช่วงหลัง ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้นะคะ ดีใจจุง กรี๊ด
ไม่รู้จะขอบคุณอะไรต่อแล้วอะฮือ ;---; ตื่นเต้นอะเพิ่งเคยพิมพ์อะไรแบบนี้
สุดท้ายนี้ที่อยากจะบอกก็คือบีรักทู๊กคนนนนน
ป.ล.ติดตามกันด้วยนะ ‘ㅅ’
เออช่ายยยยยยยยยยยย เรื่องพรีเล่มมมมม เราให้โอนช้าได้นะ แต่ไม่เกินวันที่สิบห้า
บอกกันก่อนด้วยนะ!
ด้วยรัก
.
#ฟิคไฮบริดมินวอน
@yinde119
ความคิดเห็น