ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *stocks sale* {END} [Seventeen] Hybrid doll [MinWon JunHao ft.seveteen]

    ลำดับตอนที่ #23 : Hybrid :: 'Real END'

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      17
      1 มี.ค. 60





    REAL END




                สามเดือนต่อมา

    ร่างโปร่งบางเดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลพร้อมกระเช้าของเยี่ยมในมือ สายตามองหาป้ายห้องพักที่เพื่อนสนิทมารักษาตัวอยู่ ดูท่าปีนี้จะเป็นปีชงของจุนฮุยเพราะปีนี้ปีเดียวกลับมีเรื่องเสียมาก แถมล่าสุดยังมาตกบันไดทั้ง ๆ ที่แผลตรงไหลยังไม่หายดี

    ดวงซวยเสียเหลือเกิน

    เอาจริง ๆ ปีนี้เขาอาจจะชงด้วยก็ได้ เพราะดวงก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นักหรอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องชีวิต หรือแม้แต่ด้นความรัก

    หลังจากวันนั้นเมื่อเขาตื่นนอน ก็เห็นว่ามินกยูหลับตาสนิทด้วยอาการที่สงบ ไร้การตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายได้จากไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลาสามเดือนได้แล้ว เขายังคงคิดถึงมินกยูอยู่ทุกวัน บ้านดูกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิมจนยิ่งทำให้ดูว้าเหว่นั่นจึงเป็นเหตุผลที่วอนอูไม่ค่อยอยากอยู่ติดบ้านสักเท่าไหร่ วิถีชีวิตเดิม ๆ เริ่มกลับมาอีกครั้งแต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาคือการที่ร่างโปร่งบางออกไปเที่ยวกลางคืนถี่ขึ้นยิ่งกว่าเดิมมากกว่าปรกติ

    มือเรียวเคาะลงบนประตูบานหนาก่อนจะเปิดเข้าไปเห็นเพียงเพื่อนสนิทที่นอนเป็นผักเนื่องจากขาข้างซ้ายถูกจับวางบนหมอนรวมถึงใบหน้าที่ดูเซ็งโลกสุดขีดนั่นทำให้เป็นสภาพที่ค่อนข้างน่าขันอยู่ไม่น้อย

    “เบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “ก็แหงสิ” จุนฮุยตอบ

    วอนอูหัวเราะแล้ววางของเยี่ยมลงบนโซฟาก่อนจะนั่งคุยอยู่สักพักโดยส่วยมากจะเป็นเรื่องจิปาถะไมก็เรื่องงาน และแน่นอน คนป่วยขาหักพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของมินกยูเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจขนาดไหนจมมาถึงเวลาที่สมควรกลับ

    “ไปล่ะ”

    “อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ“

    “มยองโฮล่ะ ไปไหน” ร่างโปร่งเอ่ยถามไฮบริดของคนป่วยที่ตอนนี้แทนที่จะนั่งเฝ้าอยู่ในห้องกลับไม่อยู่เสียนี่

    “ไปเดินเล่นน่ะ เดี๋ยวคงกลับ” จุนฮุยตอบ “ว่าแต่แกเถอะ โอเคไหม”

    คนถูกถามรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องใด ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มพลางเอ่ยตอบไปว่า

    “โอเคน่า”

    ทั้งที่ในใจร้าวระบม

    “จริงเหรอ” ร่างสูงมองร่างโปร่งของเพื่อนสนิทด้วยสายตารู้ทัน วอนอูเป็นคนเก็บความรู้สึกไม่เก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ต่อให้เศร้าแค่ไหนอีกฝ่ายก็จะเก็บไว้กับตนเองเพียงเพราะเหตุผลที่ว่าไม่อยากทำให้คนอื่นเครียดไปด้วย แต่นั่นก็ทำให้วอนอูก็เหมือนฟองน้ำที่ซึมซับแต่น้ำตาของความเศร้า แถมการที่มินกยูไม่อยู่แล้วคงทำให้ฟองน้ำนั้นยิ่งชุ่มไปด้วยน้ำตาจนเริ่มเก็บต่อไปไม่ไหว ถึงแม้จะไม่ใช่ตอนนี้ แต่คงในไม่ช้าหรอก

    “จริงน่า ไปล่ะ เดี๋ยวต้องไปทำงานต่อ”

    “ตามใจเถอะ แต่อย่าเที่ยวเยอะแล้วกัน นี่โทรมยิ่งกว่าเดิมอีกนา”

    ร่างโปร่งบางพยักหน้าตอบแล้วเอ่ยลาก่อนจะเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ใคร่ต่างจากขามานัก เขาเดินไปตามทางเดินอย่างเหม่อลอยจนกระทั่งไปชนเข้ากับใครบางคน

    อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ตัวสูงกว่าเขาและอยู่ในชุดไปรเวศ หลังมือยงคงมือผ้าก๊อซแปะอยู่คงเป็นคนป่วยที่เพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ เขาเดินมากับใครบางคนที่น่าจะเป็นผู้หญิง

    “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขอโทษโดยไม่คิดมองหน้าคู่กรณีก่อนจะเดินออกไปตรงไปที่ลานจอดรถ

     


    แสงสลัวในสถานบันเทิงใจกลางกรุงสะท้อนกับของเหลวสีอำพันและละอองน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้ว วอนอูมองภาพที่ดูสับสนวุ่นวายด้วยสายตาว่างเปล่า เขาถอนหายใจดังเฮือกแล้วยกแก้วบนเคาน์เตอร์บาร์ขึ้นดื่ม ตัวเขาก็ไม่ได้ชอบสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่นักหรอก แต่เพราะการที่อยู่ในห้องคนเดียวมันเป็นเรื่องที่พยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุดเพิ่อกันไม่ให้ความเหงาและเรื่องราวที่ดีมากมายเข้ามาโจมตี

    ความทรงจำต่าง ๆ ล้วนแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั่น ไม่ว่าจะเป็นบนโซฟา โต๊ะกินข้าว หรือแม้กระทั่งในห้องนอน การที่อยู่กับสิ่งเหล่านั้นมันเหมือนเป็นการตอกย้ำความรู้สึกที่เคว้งคว้างและว่างเปล่า ถึงอย่างนั้นแค่เพียงคิดก็รู้สึกโหวง ๆ ที่หัวใจคล้ายว่าหายไปบางส่วนเสียแล้ว

    แต่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอก

    ชายหนุ่มหัวเราะหึหลังน้ำสีสวยหยดสุดท้ายไหลลงคอพร้อมใบหน้านวลที่ขึ้นสีแดงจัด แต่กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนักเพราะแก้วที่เพิ่งหมดไปไม่ใช่แก้วแรกของคืนนี้ อาจจะนับได้ว่าเป็นแก้วที่สี่หรือห้าเสียด้วยซ้ำ

    เขาเดินโซซัดโซเซตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าแล้วนั่งแท็กซี่กลับบ้าน แต่ก็ถูกใครบางคนขวางทางเอาไว้ ด้วยทางเดินที่แคบและคนตรงหน้าสรีระค่อนข้างสูงใหญ่ทำให้ขวางทางจนแทบเดินไม่ได้

    “ขอโทษนะครับ ขอทางผมหน่อย”

    วอนอูเอ่ยอย่างสุภาพผู้ชายตัวสูงตรงหน้าก็ยอมหลีกทางแต่โดยดี ร่างโปร่งเดินไต่ไปตามกำแพงเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่จนสุดทางด้วยท่าทางล้มแหล่มิล้มแหล่

    “ให้ผมช่วยไหมครับ”

    ชายคนเมื่อครู่เอ่ยเสนอน้ำใจ วอนอูสั่นศีรษะแล้วพูดเสียงอ้อแอ้

    “ไม่เป็นไรครับผมไหว”

    “แน่ใจเหรอครับ”

    “แน่จ้ายยย”

    คนตรงหน้าหัวเราะในลำคอเบา ๆ แล้วเอื้อมมือมาจับต้นแขนเรียวเพื่อช่วยพยุง

    “ยังคออ่อนเหมือนเดิมเลยนะครับ”

    วอนอูขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นชี้ใบหน้าคร้ามคมของคนตรงหน้า ริมฝีปากบางสั่นระริกกึ่งจะยิ้มดีไม่ยิ้มดี

    “นาย

    “สวัสดีครับจอนวอนอู ผมคิมมินกยูเองครับ” คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ มันเป็นรอยยิ้มเจิดจ้าที่เขาคุ้นเคยเป็นที่สุด รอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกเผลอไผล

    “ฉันคิดถึงนายมาก ๆ เลย” เมื่อพูดจบ ร่างโปร่งก็โผเข้ากอดอีกคนแล้วปล่อยโฮออกมาทันที ร่างสูงมองคนที่กำลังร้องไห้เหมือนเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนจะกอดตอบอีกคนด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน

    “ครับ ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกัน นี่รู้ไหม ตอนผมตื่นมาเนี่ยผมนึกถึงพี่เป็นคนแรกเลยนะ”

    “ส่วนฉันคิดถึงนายตลอดเวลา คิดถึงจนอยู่ที่บ้านไม่ได้ คิดถึง

    คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายไปพร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่ประกบเข้ามา ร่างสูงอีกคนอย่างโหยหาไม่ต่างจากคนในอ้อมกอดสักเท่าไหร่นัก ร่างโปร่งไม่ขัดขืนเลยสักนิดแต่กลับยอมให้คนอายุอ่อนกว่าปรนเปรอความรู้สึกนั้นอย่างเต็มใจ

    แขนเรียวโอบรอบลำคอหนา รสชาติขมฝาดของแอลกอฮอล์จากโพรงปากเล็กทำให้ร่างสูงรู้สึกตื่นตัวเป็นพิเศษ คนอ่อนกว่าดูดเม้มริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ มือหนาล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนสวยด้วยอารมณ์เผลอไผลก่อนที่มือบางผลักแผ่นออกกว้างออก ใบหน้าสวยขึ้นสีเรื่อยิ่งกว่าเดิมเพราะไปได้พักหายใจเมื่อครู่ วอนอูเหลือบมองแขนข้างที่ล้วงเข้าไปในเสื้อของตนก่อนจะชกเข้าที่ต้นแขนข้างนั้นด้วยแรงที่ค่อนข้างมากอยู่ไม่น้อย

    “บ้ากาม”

    “รู้หรอกน่าว่าอยาก”

    “อยากกะผีสิ เจอกันก็ทำอย่างนี้เลยเหรอไง” คนแก่กว่ายกมือขึ้นกอดอก ริมฝีปากบวมเจ่อเบ้ออกเป็นกิริยาที่ดูน่ารักเสียเต็มประดาสำหรับเจ้าเด็กแสบที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เด็กแล้วแต่ก็ยังคงมีนิสัยแบบนั้นอยู่

    “ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อยนี่” ร่างสูงยกยิ้มกรุ้มกริ่ม มือหนาเกลี่ยแก้มใสของคนตรงหน้าอย่างเบามือ “ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลผมก็เจอพี่นะ”

    “ถามจริง” วอนอูเลิกคิ้ว

    “จริงสิ พี่ชนผมด้วย วันที่ผมออกจากโรงพยาบาล”

    “แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” ร่างโปร่งถามโดยเปลี่ยนสีหน้าและแววตาไปโดยไม่รู้ตัว

    “หึงผมเหรอ” มินกยูถามกลั้วหัวเราะ

    “ประมาณนั้น”

    “นั่นแฟนผมเอง”

    “ปล่อยแขนเลย ไปไกล ๆ เท้าฉันด้วย มีแฟนแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกันดิ” วอนอูพูดเสียงเขียวพลางปัดมืออีกคนออกดังเผียะ

    “ผมล้อเล่นน่า” มินกยูพูดแล้วคว้ามือเรียวมากุมไว้หลวม ๆ “นั่นน้องผมต่างหาก”

    “ล้อเล่นอย่างนี้ไม่ตลก”

    “ก็ผมคิดถึงพี่นี่” คนตัวสูงทำปากยู่ซึ่งค่อนข้างดูน่าตลกอยู่ไม่น้อย

    “เออ เหมือนกันแหละน่า แต่ไม่ล้อเล่นอย่างนี้นะ ใจหายหมด”

    “ครับผม” ร่างสูงคลี่ยิ้ม “แล้วนี่ผมยังอยู่บ้านพี่ได้อยู่ใช่ไหมเนี่ย”

    วอนอูหัวเราะแล้วพยักหน้ารัว

    “แน่นอนสิ ยินดีต้อนรับนายเสมอ”

    สิ้นคำตอบทั้งสองก็จ้องหน้ากันอยู่สักพักราวกับว่าจะให้หายคิดถึงก่อนจะเดินออกไปด้านนอกสถานบันเทิงแห่งนั้นด้วยกัน ถึงบรรยากาศรอบด้านจะเป็นสีดำเพราะเวลาที่เป็นช่วงกลางคืนแต่ถึงอย่างไรหากให้ใครมาอยู่ใกล้ ๆ ก็คงบอกกันว่ารอบด้านเป็นสีชมพู

    และนี่ก็เป็นวันที่วอนอูยิ้มและหัวเราะได้เต็มที่ที่สุดในรอบสามเดือน


    ---- THE END ----



    มาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่มีอะไรจะบอกทุกคนเลยค่ะนอกจากคำว่าขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ

    ตัวเราเองเรายังไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้อะ วันที่แต่งฟิคสักเรื่องจบแล้วรวมเล่ม

    แต่ที่เราไม่คิดว่าจะได้เจอคือทุกคนที่เข้ามาอ่านไม่ว่าจะมาตั้งแต่ช่วงแรกๆหรือว่าเพิ่งมาอ่านตอนหลังๆ

    สำหรับคนที่อ่านมาตั้งแต่แรกๆต้องขอบคุณมากๆนะคะที่ยังอ่านอยู่จนถึงตอนนี้ที่อดทนกับสกิลการดองของเรามาจนถึงตอนจบ

    ขอบคุณสำหรับเวลาหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกันนะคะ

    สำหรับคนที่เพิ่งมาอ่านช่วงหลัง ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้นะคะ ดีใจจุง กรี๊ด

    ไม่รู้จะขอบคุณอะไรต่อแล้วอะฮือ ;---; ตื่นเต้นอะเพิ่งเคยพิมพ์อะไรแบบนี้

    สุดท้ายนี้ที่อยากจะบอกก็คือบีรักทู๊กคนนนนน

    ป.ล.ติดตามกันด้วยนะ ‘


    เออช่ายยยยยยยยยยยย เรื่องพรีเล่มมมมม เราให้โอนช้าได้นะ แต่ไม่เกินวันที่สิบห้า

    บอกกันก่อนด้วยนะ!




    ด้วยรัก

    .

    #ฟิคไฮบริดมินวอน

    @yinde119



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×