ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *stocks sale* {END} [Seventeen] Hybrid doll [MinWon JunHao ft.seveteen]

    ลำดับตอนที่ #22 : Hybrid :: The sixteenth "The last" ( 100% ! )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 838
      14
      24 ก.พ. 60



    Chapter XVI

    "The Last"



    ศาลที่เงียบสนิทเริ่มมีเสียงจอแจเมื่อหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน ใบหน้าของเธอดูซีดเซียว ผมยาวสีน้ำตาลเข้มมีสีขาวแซมอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะถูกปล่อยออกมาให้คนอื่นเห็น

    ร่างโปร่งบางเดินไปอยู่ตรงด้านหลังแท่นผู้ต้องหา ฝั่งตรงข้ามของเธอเป็นแท่นของโจทก์ที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่กับอัยการ ดวงตาเรียวรีชั้นเดียวคู่สวยที่ดูว่างเปล่านั้นกลับมีไฟแค้นโชติช่วงอยู่ด้านใน มันร้อนจนจุนฮุยรู้สึกได้

    เมื่อผู้พิพากษาเดินเข้ามาทุกคนในศาลจึงลุกขึ้นยืนเพื่อทำความเคารพ เสียงจอแจต่าง ๆ ก็เวียบลงแทบจะในทันที

    ศาลที่เคารพวันนี้จะเป็นการตัดสินคดีความของนางสาวตงหลินหลิวที่ได้ทำการยักยอกทรัพย์ ลักทรัพย์และทำร้ายร่างกายของนายเหวินจุนฮุย

    เริ่มการพิจารณาคดีได้เมื่อผู้พิพากษาพูดจบ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ผผู้ซึ่งอยู่ต่อหน้าศาลและขณะลูกขุน

    ซักโจทก์ได้

    สิ้นเสียง ชายหนุ่มจึงเดินออกมายืนอยู่หลังที่ซักความแล้วยืนด้วยท่าทางสงบนิ่งเพื่อเคารพศาล

    ข้าพเจ้าของสาบานตนต่อศาล คณะลูกขุน อัยการ ทนายความและผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการตัดสินครั้งนี้ ว่าข้าพเจ้าจะเบิกความต่อศาลด้วยความเป็นจริงเท่านั้น

    เชิญอัยการครับ

    เมื่อพูดจบ อัยการหญิงอายุประมาณสามสิบก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปยืนเบื้องหน้าศาล โค้งทำความเคารพแล้วหันไปถามโจทก์ของคดีนี้ด้วยน้ำเสียงที่ดังมากพอจะทำให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง

    คุณเหวินจุนฮุย คุณรู้จักกับผู้หญิงคนนี้มานานขนาดไหนแล้วคะ

    สิบเอ็ดปีได้แล้วครับ

    แล้วคุณคิดว่าคุณรู้จักผู้หญิงคนนี้ดีแค่ไหนคะอัยการสาวถามต่อ

    ไม่เลยครับ ผมไม่รู้จักเธอแบบจริง ๆ จัง ๆ ด้วยซ้ำ

    ทำไมล่ะคะ

    คุณแม่ของผมบอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่น่าไว้ใจครับจุนฮุยตอบไปตามความจริง ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับให้หลินหลิวเป็นอาสะไภ้แต่ก็ไม่เคยคิดไว้ใจหล่อนเลยสักนิดเดียว

    แล้วทำไมคุณถึงยอมรับการแต่งงานของคุณตงกับคุณอาของคุณคะ

    เพราะตอนนั้นผมยังเด็ก

    อัยการพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันไปมองหญิงที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับตนที่ยืนอยู่กับทนายฝีปากเอกด้วยสายตาครุ่นคิด

    นอกจากอาของคุณแล้วมีใครไว้ใจเธออีกไหมคะ

    ไม่มีครับ

    ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ของคุณเลยเหรอคะ

    ไม่มีครับ

    ค่ะหญิงสาวตอบอย่างรับรู้ก่อนจะเปลี่ยนไปหาคำถามถัดไปคุณเคยรู้ระแคะระคายมาก่อนหน้านี้ไหมคะเรื่องการโกงครั้งนี้

    ไม่ครับ เรื่องนี้ผมยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของผมจุนฮุยตอยเสียงเรียบ

    แล้วเรื่องการจับตัวไฮบริดประเภทที่หนึ่งของคุณไปล่ะคะ ช่วยเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมคะอัยการซักต่อ

    ผมถูกผลักตกบันไดแล้วไปรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็มีการให้ตำรวจตามหาตัวและแกะรอยจากสัญญาณโทรศัพท์ของหมิงฮ่าวครับชายวัยกลางคนพูดด้วยอาการสงบนิ่ง มือสองข้างประสานกันอยู่บนโต๊ะ

    คุณบอกว่าโทรศัพท์

    ใช่ครับ เป็นโทรศัพท์ของหมิงฮ่าว ทำให้ได้ยินอะไรเยอะเลยจุนฮุยเหลือบตามองคนที่กำลังพยายามทำเหมืนไม่รู้ร้อน แต่มือสองข้างนั้นเริ่มลุกลี้ลุกลน

    คุณได้ยินว่าอย่างไรบ้างคะ

    ก็ทั้งเรื่องชาใส่สารหนู เรื่องรถคว่ำ อีกเยอะครับ ถามพ่อ แม่ คุณอา ลูกพี่ลูกน้องแล้วก็เพื่อนของผมได้ ตอนนั้นเขาก็อยู่ด้วย

    อัยการหญิงพยักหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะหันไปพูดกับคนอื่นในศาลด้วยน้ำเสียง

    เห็นไหมคะทุกท่าน ชายคนนี้บอกว่าสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำไม่ได้ทำกับครอบครัวของเขาครอบครัวเดียว เธอยังเคยทำอะไรที่ร้ายแรงกว่าการลักพาตัวหลายเท่าคือการฆ่าคน ศาลที่เคารพคะหากผู้เสียหายเป็นท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร ยังอยากจะให้ผู้หญิงคนนั้นใช้ชีวิตอยู่ในสังคมต่ออีกหรือคะหมดคำถามค่ะร่างกระฉับกระเฉงในสูทผู้หญิงสีเข้มเอ่ยแล้วโค้งคำนับให้ศาลก่อนจะเดินกลับไปยังที่นั่งของตน

    ต่อไปตาของทนายจำเลยที่ยืนรออยู่ เขาเป็นชายอายุประมาณสี่สิบกว่า ๆ ท่าทางดูน่าเชื่อถืออย่างที่ทนายทุกคนสมควรจะเป็น เขาเดินไปยืนด้านหน้าบัลลังค์โค้งตัวทำความเคารพศาลก่อนจะหนไปทางโจทก์ของคดีนี้

    คุณเหวินครับ ผมมีคำถาม

    ครับจุนฮุยพยักหน้า ดวงตาเรียวรีพยายามมองดูชายตรงหน้าว่าจะมีลูกไม้อะไรมาใช้ในการพลิกคดีให้ถูกเป็นผิดได้

    ถ้าคุณจนมาตั้งแต่เกิด คุณไร้โอกาส คุณถูกมองว่าไร้ค่า ถูกเหยียดหยาม คุณจะรู้สึกอย่างไรครับ

    ไม่รู้สึกอะไรครับ

    จริงเหรอครับ คุณรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ เหรอครับทนายวัยกลางคนถามซ้ำและคำตอบก็ยังคงเป็นเช่นเดิมคือการส่ายหน้า

    จริงครับ

    ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคำถามต่อไปเลยนะครับ ทำไมคุณเลือกที่จะเชื่อแม่ของคุณแทนที่จะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอเอง

    ผมเชื่อแม่ครับ แถมมานึก ๆ ดูแล้วก็ไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ การที่ใครบางคนจะแต่งงานกัน มาใช้ชีวิตร่วมกัน ในมุมมองของผมเอง เวลาแค่ปีเดียวไม่พอหรอกครับในการศึกษาคนหนึ่งคน แถมผมว่าผู้หญิงเป็นเพศที่ค่อนข้างต้องการความแน่ใจว่าคนคนนั้นสามารถดูแลเธอได้จริง ๆ ผมว่าหนึ่งปีมันน้อยเกินไปชายหนุ่มพูดตอบเสียงเรียบ

    แล้วเรื่องตกบันได คุณแน่ใจได้อย่างไรครับว่านั่นเป็นฝีมือของอาสะไภ้ของคุณเอง

    ตอนนั้นมีแค่ผมกับคุณตง นอกจากนั้นก็ไม่มีใครแล้วครับ

    แน่ใจนะครับว่าคุณไม่ได้ซุ่มซ่มไปเองชายวัยกลางคนถามต่อ จุนฮุยพยักหน้าอย่างหนักแน่น

    แน่ใจครับ

    แน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ใจอีกครับจุนฮุยเอ่ยอย่างมั่นใจก่อนจะตามมาด้วยคำถามอีกสองสามคำถามซึ่งเขาคิดว่าไม่มีส่วนช่วยในการทำให้หญิงวัยกลางคนพ้นผิดเลยสักนิด รวมถึงการซักจำเลยก็เช่นกันจนมาถึงช่วงการใช้พย่านหลักฐาน

    ขอเบิกตัวพยานฝ่ายโจทก์ค่ะอัยการหญิงพูดก่อนที่ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในศาล ทำความเคารพคนบนบัลลังค์ก่อนจะเดินไปด้านหลังแท่นซักความ




    คุณตงซือเฉิง


    ครับ



    คุณรู้ใช่ไหมคะว่าแม่ของคุณเป็นจำเลยในคดีครั้งนี้

    ครับซือเฉิงพยักหน้า

    แล้วทำไมคุณถึงมาเป็นพยานให้ญาติของคุณ แทนที่จะเป็นแม่แท้ ๆ ของตัวเองล่ะคะเธอถามต่อ

    เพราะผมไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นทำผิดไปมากกว่านี้อีกแล้วชายหนุ่มตอบเสียงเรียบก่อนจะเหลือบมองผู้เป็นแม่ซึ่งกำลังทำหน้าตกใจระคนโกรธด้วยสยตาที่เฉยชาแต่ยังคงมีเยื่อใยอยู่ แต่ก็น้อยเสียเหือเกินจนแทบมองไม่เห็น

    ค่ะ แล้วคุณเคยรู้หรือเห็นอะไรบ้างคะ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

    ไม่เคยครับ รู้แต่เรื่องโทรศัพท์ตอนอยู่ในโรงพยาบาล

    มันว่าอย่างไรคะ ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหม

    ซือเฉิงพยักหน้าก่อนจะเม้มปากทำหน้าครุ่นคิด

    มีเรื่องเกี่ยวกับรถคว่ำเมื่อสิบปีก่อน ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอก แต่ดูเหมือนคุณหลินหลิวจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

    ค่ะ

    อีกเรื่องก็สารหนูในน้ำชาที่เธอใส่ลงในน้ำชาของคุณพ่อแท้ ๆ ของผมจนท่านเสียและการหลอกแต่งงานกับคุณตงฝูแล้วก็…” น้ำเสียงของสายเลือดเพียงหนึ่งเดียวของผู้ต้องหาเริ่มสั่นเครือจนคล้ายว่าใกล้จะร้องไห้เต็มที

    แล้ว…”

    ผมขอไม่พูดอะไรแล้วนะครับซือเฉิงเม้มปากเอ่ยเสียงเครือ น้ำตาเริ่มคลอรื่นตรงหัวตา

    งั้นดิฉันขอหมดคำถามเพียงเท่านี้ค่ะอัยการสาวพูดก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพศาลแล้วเดินกลับเข้าที่ของตนไปนั่งข้าง ๆ โจทก์ที่ทำหน้านิ่งมองเหตุการณ์ไปเงียบ ๆ ปล่อยให้เป็นคราวของทนายฝ่ายตรงข้าม

    ชายวัยกลางคนเดินไปทำความเคารพศาลเหมือนอย่างเคยก่อนจะหันไปมองพยานของฝ่ายตรงข้ามตัวใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูไม่จริงใจเป็นที่สุด

    คุณตงซือเฉิง

    ครับชายหนุ่มพยายามคุมน้ำเสียงให้เป็นปรกติทั้ง ๆ ที่น้ำตายังอยู่เต็มหน่วย เขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยออกแล้วสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่ง

    คุณซือเฉิงครับ คุณอยากรวยไหมครับ

    เคยอยากครับซือเฉิงเม้มปาก

    แล้วตอนนี้ไม่อยากแล้วเหรอครับ เพราะอะไรครับ

    ไม่ครับเขาสั่นศีรษะเพราะผมเห็นแล้วว่าอำนาจของเงินทำให้คนหลงทำผิด หลงคิดว่าเงินเป็นพระเจ้า ผมไม่อยากเป็นคนที่หลงไปอยู่ในวังวนนั้นเหมือนกับ…”

    ดวงตาเรียวรีปรายเหลือบมองหญิงวัยกลางคนอีกครา เธอยังอยู่ที่เดิม ทำสีหน้าเหมือนอย่างเดิม ต่างไปเพียงแค่สายตาที่มองมาทางเขาอย่างอาฆาตมาดร้าย ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดคำสุดท้ายออกมาเพื่อเติมเต็มประโยคนั้น

    แม่ของผม

    แล้วเรื่อง…”


    ไอ้ลูกเนรคุณ!


    หลินหลิวตะโกนขึ้นดังลั่นห้องพิจารณาคดี แขนข้างหนึ่งยกขึ้นชี้หน้าทั้ง ๆ ที่ยังคงมีกุญแจมือยืดเหนี่ยวข้อมือเเรียวบางทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน ดวงตาสองข้างแดงก่ำด้วยความโกรธ

    แม่…”

    ไอ้คนไม่รู้จักบญคุณคน! ฉันอุตส่าห์ส่งเสียเลี้ยงดูแกมาตั้งกี่ปี!

    แม่ครับ…”

     เลี้ยงเสียข้าวสุกแท้ ๆ ฉันรึก็อุ้มท้องแกมาตั้งเก้าเดือน ส่งแกจนเรียนจบ ไอ้คนอกตัญญู!

     

    แต่แม่ก็เป็นคนบอกเองนี่ครับว่าผมเป็นมารหัวขน!

     

    ประโยคล่าสุดทำเอาห้องไต่สวนที่เงียบกริบมีเสียงซุบซิบจอแจดังขึ้นจนกลายเป็นดังฮือไปทั้งห้อง หลินหลิวหน้าชาเหมือนมีใครนำน้ำเย็นมาสาดใส่หน้า มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโกรธ ตอนนี้หน้าของเธอแดงพอ ๆ กับเนคไทที่สวมอยู่และสีลิปสติกของเธอด้วยซ้ำ

    แก…”

    แม่พูดเหมือนว่าผมเป็นคนที่ทำให้ชีวิตของแม่ตกต่ำ และนั่นก็จริงซือเฉิงหัวเราะดังหึในลำคอผมทำให้แม่ต้องฆ่าคน ทำให้แม่ต้องทำบาป ทำให้แม่รู้จักความไม่รู้จักพอ ผมเป็นมารชีวิตของแม่จริง ๆ อ้อ ไม่สิ คุณตงหลินหลิวเขาพูดประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเฉยชาที่สุด มือขวากำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ

    แม่…”

    พอเถอะครับ หยุดพูดเหมือนว่าคุณทำดีกับผมมาตลอดชีวิตชายหนุ่มกระพริบตาถี่ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงอาบแก้มผมเบื่อแล้วที่ต้องเดินไปตามทางที่คุณขีดไว้ ผมอยากเลือกทางของผมเอง ขอบคุณสำหรับตลอดยี่สิบสามปีที่ผ่านมาครับคุณทนาย ผมขอตอบคำถามแค่เพียงเท่านี้นะครับ

    อ่าได้ครับทนายพยักหน้าแล้วเดินไปโค้งคำนับศาลก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างหญิงวัยกลางคนด้วยท่าทางถอดใจ ดูเหมือนคดีเขาคงเป็นฝ่ายแพ้แล้วเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพยานบุคคล พยานหลักฐาน เขามองภาพในศาลด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีก่อนจะหันไปมองประตูทางเข้า ตอนนี้มีนักข่าวและสื่อมวลชนหลายเจ้ายืนออกันรอสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับคดีครั้งนี้ ด้วยว่าทั้งสองฝ่ายค่อนข้างมีหน้ามีตาอยู่ในวงสังคมอยู่ไม่น้อย

    เขาหันไปมองลูกความของตนที่กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วถอนหายใจ ต่อไปก็คงเป็นเธอที่ต้องผลของการกระทำทั้งหมดซึ่งตัวของเขาเองก็ช่วยไม่ได้

    เรื่องทั้งหมดได้จบลงด้วยความที่ว่า ตัวของเคียวยะและหลินหลิวได้รู้จักกันตอนในระยะเวลาใกล้เคียงกับตงฝู ทั้งสองมีความสัมพันธุ์ลึกซึ้งกันและรวมถงการฉ้อโกงในครั้งนี้ ชายฉกรรจ์ทั้งหมดในโกดังนั้นก้เป็นคนของชายชาวญี่ปุ่นทั้งหมด จึงได้รับข้อหาสมรู้ร่วมคิดและทำร้ายร่างกายไปโดยไม่สามารถโต้แย้งได้ ทำให้ชายหญิงทั้งสองต้องคอตกรับกรรมที่ตนทำไปโดยปริยาย

    นั่นแหละ บ้านเหวินจะได้สงบสุขเสียที

     



    หลังจากเรื่องของจุนฮุยจบลงหลินหลิวและเคียวยะได้รับโทษไปตามกฎหมาย และแน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้ฝั่งโอซาเนะกรุ๊ปได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอย่างมากทำให้ลูกสาวของนักธุรกิจหนุ่มหายหน้าไปจากวงสังคมเพื่อหลบนักข่าวซึ่งรอรุมสัมภาษณ์กันราวกับสัตว์กระหายเลือดกำลังรุมเหยื่อ และแน่นอนว่าหญิงสาวได้มีการโทรศัพท์มาหาเพื่อขอโทษเรื่องที่พ่อของเธอเป็นคนทำทั้งหมด และคนที่เสียใจในเรื่องนี้นอกจากคุณหนูโอซาเนะแล้วก็คือตงฝูนั่นเอง ส่วนซือเฉิงนั้นประธานเหวินกรุ๊ปยังยินดีให้ทำงานต่อในตำแหน่งเลขานุการแทนฮันโซลที่ต้องรับโทษไปตามความผิดและตงฝูไม่มีความคิดที่จะยกเลิกการเป็นพ่อลูกกับลูกชายบุธรรมคนนี้เลยสักนิดเดียว

    จุนฮุยไม่ได้ดูดายเรื่องครอบครัวขงพนักงานเก่า และยังคงยินดีรับชายลูกครึ่งอเมริกันในตำแหน่งแต่สวัสดิการจะต้องลดลงไปตามความเหมาะสมรวมถึงต้องมีการจับตาดูพฤติกรรมอยู่ ส่วนน้องสาวของอีกฝ่ายทาง บริษัทยินดีในการช่วยให้ทุนจนกว่าจะเรียนจบ แต่ว่าฮันโซลต้องกลับมาทำงานชดใช้เงินทั้งหมดเช่นกัน

    ทุกอย่างจบลงด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความ บริษัท ครอบครัว แม้กระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างใครบางคนกับตุ๊กตาของเขา

    แต่เรื่องของจอนวอนอูดูเหมือนจะยังไม่จบง่าย ๆ

    มินกยูมองกระเป๋าดินสองแบนเรียบบนพื้นอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างสงสัยด้วยว่าทำไมอยู่ดี ๆ มือก็เกิดไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาเสียเฉย ๆ

    เขาถอนหายใจก่อนจะก้มลงไปหยิบของบนพื้น แต่มันไร้ผล นิ้วทั้งห้าของเขาไร้การขยับเขยื้อนแม้จะพยายามสักเท่าไหร่

    ผิดปรกติ

    ร่างสูงจึงใช้แขนขวาซึ่งอยู่อีกข้างหนึ่งหยิบกระเป๋าบนพื้นมาวางบนโต๊ะเรียนตามเดิมแล้วกลับไปสนใจกระดานไวท์บอร์ดที่มีสูตรคณิตเป็นลายมือหวัด ๆ ด้วยสายตาเคลือบแคลง

    นั่นส่งผลให้เขาไม่มีมาธิในการเรียนตลอดทั้งวัน มินกยูปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยความสงสัยคาใจตลอดทาง ถึงแม้จะจอดจักรยาน เข้าลิฟต์ไปแล้วคิ้วเรียวเข้มก็ยังคงขมวดกันมุ่นจนแทบจะเป็นโบอยู่รอมร่อ นอกจากมือซ้ายจะใช้การไม่ได้แล้ว อาการยังเริ่มลามไปถึงต้นแขนเสียอีกด้วย

    เครียดอะไรมา

    วอนอูถามพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่หว่างคิ้วซึ่งยับย่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มขัน ร่างสูงคลายสีหน้าออกแล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้ร่างโปร่งบางในชุดทำงานที่เพิ่งถอดเสื้อนอกออกพลาง่ายหน้าเล็กน้อย

    เปล่าครับ พี่ก็เถอะ วันนี้ทำงานหนักแย่สิมินกยูตอบก่อนจะเอนศีรษะซบเข้าที่บ่าเล็กบาง มือซ้ายที่ใช้การไม่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุวางอยู่บนตัก

    ไม่หรอก ก็เหมือนทุกวันร่างโปร่งตอบแล้วยกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะมนของอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

    จริงนา ไม่อย่างนั้นผมจะไปถามคุณซึงชอลจริง ๆ ด้วย

    จริงสิ ทำตัวอย่างกับพ่อเลยนะเราน่ะ

    ก็เป็นห่วงนี่

    ร่างสูงพูดแล้วเงยหน้าไปหอมแก้มคนข้างตัวดังฟอดใหญ่ วอนอูหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก มินกยูยิ้มตอบแล้วใช้มือขวายกขึ้นเกลี่ยแก้มอีกคน ใบหน้าคมเคลื่อนเข้าไปหาริมฝีปากบางเฉียบ คนอายุมากกว่าหัวเราะเบา ๆ แล้วทำท่าจะเข้าไปทำตามในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แต่ดวงตาเรียวรีก็เหลือบไปเห็นมืออีกข้างซึ่งยังคงนอนนิ่งอยู่บนตักทั้ง ๆ ที่โดยปรกติมักจะต้องใช้ในการลอบจับตรงนู้นที ตรงนี้ทีอย่างฉวยโอกาส

    แปลก

    แขนซ้ายเป็นอะไรน่ะ

    มินกยูรีบผละออกทันที มือขวารีบกุมแขนซ้ายเอาไว้ก่อนจะหันหนี

    เปล่าครับ

    วอนอูหรี่ตามองอีกฝ่ายแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มือเรียวคว้าแขนข้างที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามปกปิดออกมาดูก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของอวัยวะส่วนนั้น

    แขนยาวที่มีมัดกล้ามเล็กน้อยกลายเป็นสีม่วงคล้ำจนดูน่ากลัวคล้ายกับการขาดเลือด คนตัวขาวเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

    มินกยู…”

    มันก็แค่ไม่สบายนิดหน่อยเอง

    ไม่เอาน่า นายเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยคนอายุมากกว่าถามเสียงแผ่ว

    เมื่อเช้าเมื่อเห็นว่ายากจะปกปิด จึงบอกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ คนถามส่ายหน้าอย่างไม่ใคร่อยากจะเชื่อหูคนเองนัก

    อะไรกัน มัน…”

    ใช่ มันเร็วมินกยูพยักหน้าก่อนจะดึงร่างโปร่งบางเข้ามากอด บรรยากาศทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ไร้เสียงพูดคุยใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจและเครื่องปรับอากาศ

    คิดว่าจะมีเวลาอีกเท่าไหร่วอนอูกระซิบถามเสียงเครือ

    ตุ๊กตาตัวสูงส่ายหน้าอย่างไม่ขอออกความคิดเห็น มือเรียวพยายามออกแรงบีบมือบางแต่ก็ไร้ผล ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไร้การเคลื่อนไหวทุกอย่าง ใบหน้าคมสันซุกซบลงบนลาดไหล่บาง พยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่

    มือขวาผมขยับไม่ได้แล้วมินกยูพูดเสียงแผ่วเบา คนตัวเล็กกว่าโคลงศีรษะแล้วกอดร่างสูงแน่นจนแทบจะจมเข้าไปในอกกว้าง น้ำตาเริ่มซึมออกจากหัวตา ถึงแม้จะรู้ว่าวันนี้จะต้องมาถึงในไม่ช้า แต่ว่าเขาก็ไม่คิดว่าจะรวดเร็วถึงเพียงนี้

    ไม่เอาน่า อย่าพูดให้ฉันเสียกำลังใจสิ

    แต่ว่า…”

    ขออยู่อย่างนี้สักพักนะวอนอูพูดเสียงสั่น ก่อนที่เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งใกล้เที่ยงคืน

    ร่างสูงผินหน้ามองคนที่กำลังนอนหนุนตักอยู่ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดี ๆ เท่าที่เขาจะให้ได้ มือหนาเกลี่ยน้ำตาออกจากพวงแก้มใสแล้วก้มลงไปประกบริมฝีปากเข้ากับอวัยวะเดียวกัน ค้างอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานก่อนจะเอนหลังพิงกับเบาะตามเดิม ตอนนี้ขาสองข้างชาดิกจนรู้สึกไม่ได้แล้ว มินกยูมองคนตักแล้วเอนศีรษะกับเบาะพนัก หลับตาลงข่มอาการปวดศีรษะและความพร่าเบลอที่ปรากฏขึ้นในดวงตา หัวตื้อไปหมด คงถึงเวลาของเขาแล้วแน่

    ไฮบริดร่างสูงมองคนบนตักเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหลับตาลง ปล่อยให้ความมืดครอบงำไปทุกส่วน เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงลมหายใจของวอนอูบนตัก

     

    เปลือกตาบางปรือเปิดก่อนจะลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจเสียสองสามทีแล้วหันไปมองคนที่ถูกเขาหนุนตักหมายจะพูดบอกอรุณสวัสดิ์และได้รับรอยยิ้มมาจากอีกฝ่าย

    แต่สิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยและร่างกายที่ไร้การขยับเขยื้อนอะไรแม้แต่ปลายนิ้วเดียว วอนอูนั่งนิ่ง มองคนข้างตัวอยู่เนิ่นนานด้วยใบหน้าที่ยิ้มค้างไว้อย่างนั้นแม้กระทั่งน้ำตาจะเริ่มไหลลงมาอาบแก้ม ไปถึงปลายคาง หยดลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาว

    “ไปแล้วเหรอ”

    มือเรียววางแตะลงบนแก้มสาก น้ำเสียงสั่นเครือ ร่างโปร่งเอื้อมแขนไปกอดตุ๊กตาข้างตัวไว้แน่นจนตัวไปนั่งอยู่บนตักแกร่งข้างหนึ่ง ใบหน้าค่อนไปทางสวยซุกเข้ากับซอกคอเย็นเฉียบ เสียงสะอื้นดังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมนั้นเนิ่นนานจนคนร้องไห้คอแหกผากและปวดหนึบ

    เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมของเจ้าเด็กตัวแสบอีกครั้ง ภาพของสมัยที่ร่างในอ้อมยังเป็นเด็กสูงเกินชายโครงมาเพียงนิดเดียววิ่งกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำ คำเรียกที่ดูแก่กว่าอายุจริงนั้นเหมือนยิ่งกระตุ้นน้ำตาของเขาให้ไหลออกมาต่อ นี่เขาต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้งแล้วหรือ

    ริมฝีปากบางจูบลงบนเปลือกตาของอีกฝ่ายที่คงไม่ตื่นขึ้นมาก่อนจะเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากได้รูปกระกบค้างไว้เนิ่นนานคล้ายกับการบอกลาเป็นครั้งสุดท้ายหรือการรอมาพบกันใหม่ โอกาสมีสองแบบ ทางเลือกมีเพียงสองทางคืออีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาหรือเสียชีวิตเท่านั้น

    และเขาภาวนาขอให้เป็นข้อแรก

    ชายหนุ่มมองภาพของตุ๊กตาซึ่งบัดนี้ดูสมกับสถานะภาพของตัวเองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ เขานั่งอยู่อย่างนั้นเนิ่นนานพลางจดจำใบหน้าของมินกยูไว้และเขามั่นใจ

    ว่าเขาจะไม่มีวันลืม


    v

    v

    v

    (100%)

    จะจบแล้วนะคะ

    ป.ล.ซื้อฟิคกัน 

    ป.ล.ล.รายละเอียดอยู่ในตอนที่18นะคะ

    ป.ล.ล.ล.ปิดโอนเดือนหน้าแล้วนะ!!


    ♡ ด้วยรักและสปาเกตตี้ง่อยๆฝีมือน้องเราที่อร่อยกว่าเดิม

    @yinde119

    #ฟิคไฮบริดมินวอน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×