คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Hybrid :: The Fifteenth "Cleared" ( 100% ! ) - !!อ่านทอล์คด้วยนะคะ!!
Chapter
XV
เสียงการปะทะกันด้านนอกทำให้ร่างโปร่งบางสะดุ้งตื่น
ชายสองคนที่เฝ้าเขาอยู่หายไปแล้ว เป็นโอกาสที่เหมาะมากหากต้องการจะหนี
แขนเรียวกระชากเชือกที่เหลือติดอยู่เล็กน้อยออกอย่างง่ายดายก่อนจะใช้เศษแก้วชิ้นเดิมตัดเชือกที่มัดข้อเท้าออก
เก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงดังเดิมแล้วลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก
การนั่งท่าเดิมเป็นเวลาติดกันหลายชั่วโมงทำให้เกิดอาการทรงตัวไม่อยู่
จึงได้แต่เดินเกาะลังไม้ที่กองอยู่ออกไปเรื่อย ๆ
จนสายตาเหลือบไปเห็นหลินหลิวนั่งหลบอยู่ด้านหลังถังน้ำมันทำหน้าตื่น
มือสองข้างกำปืนไว้แน่น เขารีบหลบด้านหลังลังไม้
คอยดูสถานการณ์ก่อนแทนที่จะรีบบุ่มบ่ามออกไป
ร่างสูงของใครบางคนในเสื้อแจ็คเก็ตสีดำตัวหนาวิ่งเข้ามาในโกดัง
กระสุนพุ่งตรงไปเจาะอยู่ตรงปลายรองเท้าหนังสีดำขลับ
จุนฮุยวิ่งตรงไปหลบหลังกองถังน้ำมัน
ห่ากระสุนไล่ตามหลังไปเจาะเข้าที่ถังน้ำมันดังโป้งเป้งจนร่างเล็กต้องยกมือขึ้นอุดหูหลับตาปี๋
เสียงวัตถุกระทบเหล็กยังคงดังต่อเนื่องอยู่สักพักจนฟังเงียบลงจึงชะโงกหน้ามอง
เห็นหลินหลิวที่กำลังหน้าซีด เพราะแผลที่ไหล่ซ้าย
รวมถึงตัวเองอยู่ในช่วงกำลังเพลี่ยงพล้ำ กระสุนก็หมด
ผิดกับฝ่ายหลานชายที่ดูเหมือนจะมีแบ็คอัพเข้ามาเสริม
ผิดกับเธอที่ลูกน้องก็หายกันไปหมด
“ไอ้พวกเฮงซวย”
หญิงวัยกลางคนพึมพำอย่างหัวเสีย
ในเมื่อถลำเข้ามาขนาดนี้ คงต้องสู้ต่อ
เจ้าหล่อนหันมองหาสิ่งของที่จะพอเอามาเป็นอาวุธได้แต่ก็ไม่พบนั่นหมายความว่าเธอจนมุมอย่างสมบูรณ์
สะไภ้หวินคนที่สองของบ้านเหวินกัดฟันกรอดก่อนจะถูกตำรวจที่เข้ามาทางด้านหลงรวบตัวจับทันทีโดไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืน
เสียงกุญแจมือดังกริ๊กหมายถึงสัญญาณศึกที่สงบลง
ตุ๊กตาที่หลบอยู่ด้านหลังถอนหายใจดังเฮือกแล้วลุกขึ้นเดินตรรงไปหาร่างสูงเพื่อทุกสิ่งจะได้จบลงอย่างสมบูรณ์
“หยุด”
แรงหนัก ๆ
กระชากตัวเขาจากด้านหลังดึงเขาไปล็อกคอไว้ ปืนพกสีดำถูกจ่อเข้าที่ศีรษะ กดลที่ขมับจนรู้สึกถึงความร้นที่ปลายกระบอกปืน
เรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“คุณโอซาเนะ”
จุนฮุยพูดเสียงเบาหวิว
เมื่อมีคนที่ไม่คาดถึงปรากฏขึ้นอีกคน
หวใจยิ่งตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นว่าปลายกระบอกอาวุธนั้นอยู่ที่ไหน
“ปล่อยคุณตง แล้วผมจะไม่ทำอะไรเขา” โอซาเนะผู้พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยจนน่ากลัวทำให้ตำรวจเริ่มลังเล
หลินหลิวกระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ
ชายหนุ่มกัดฟันกรอดก่อนจะหันไปมองประมุขของบ้านอย่างขอความช่วยเหลือ
ชุนฮวงมองภาพนั้นก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบยิ่งกว่า
“จะยิงก็ยิง”
สมองของจุนฮุยหมุนคว้างเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยจบประโยค
ก้อนเสียงที่กำลังจะเอ่ยถูกดูดกลืนหายไปในลำคอกลายเป็นบางสิ่งวิ่งจุกขึ้นมาแทน
มือของเขาแทบจะถือปืนต่อไปไม่อยู่
ฝ่ายเคียวยะและหลินหลิวเริ่มหน้าเสียด้วยว่าแผนที่ผิดไปจากที่คิด
หมิงฮ่าวกัดฟัน
แขนสองข้างถูกรวบกำไว้ด้านหลังจึงขยับแขนขัดขืนไม่ได้
ด้วยส่วนสูงที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักทำให้เมื่อเหลือบมองคนข้างหลังจึงจ้องดวงตาคู่นั้นได้โดยตรง
มันแข็งกร้าว หวาดกลัว ลังเล และอะไรอีกหลาย ๆ
อย่างผสมปนเปกันไปจนกลายเป็นอะไรบางอย่างที่ดูมั่วซั่วคล้ายต้มจับฉ่าย
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหนื่อยที่จะขัดขืน ในเมื่อคนสุดท้ายที่คิดว่าช่วยได้กลับกลายเป็นว่าปล่อยมือเขาให้อยู่คนเดียวกับปืนที่จะลั่นไกออกมาเมื่อไหร่ก็ได้
“ผมพูดจริงนะ”
“งั้นก็ทำสิ”
หมิงฮ่าวหลับตาลง
ไม่อยากฟังอะไรเลยสักนิด รู้สึกเหมือนตัวเองไม่สำคัญ
สำหรับคนในที่นี้เขาคงเป็นได้แค่ตุ๊กตา และอีกไม่กี่นาทีคงกลายเป็นแค่โครงสร้างพัง
ๆ และกลับไปอยู่ในที่เดิมหรือว่าอาจแย่กว่านั้น
มันก็ไม่ต่างจากตอนอยู่ในศูนย์สักเท่าไหร่หรอก
ความเดียวดาย
ความเหงา หลาย ๆ อย่างเริ่มประดังเข้ามาอีกครั้ง
ความรู้สึกมากมายถูกปลดล็อกออกมาจนหมด ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นยังคงฉายชัด เสียงเบรค
เสียงระเบิด ความเจ็บจากอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพกายหรือว่าจิตใจ
‘จุนฮุยไม่ต้องการนายแล้ว
ไม่ต้องการ’
‘นายมันไม่มีค่าอะไรเลยสวี่หมิงฮ่าว
ไม่มี’
“พอที” ร่างโปร่งพึมพำเสียงเครือ
ดวงตาชั้นเดียวเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอ มือสองข้างเริ่มสั่นเทา นัยน์ตาสั่นระริก
หลายอย่างประดังเข้ามาในความคิดจนตีกันมั่วไปหมด
‘แกมันก็แค่ของถูกทิ้ง’
“ไม่”
‘แกมันไม่สำคัญ’
“ไม่!”
“เฮ้ย! เงียบ!” เคียวยะตะคอก
แแต่ดูเหมือนกับยิ่งทำให้ตัวประกันของตัวเองเริ่มลนลานและอยู่ไม่สุข
“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับผม” หมิงฮ่าวใช้เรี่ยวแรงที่เอามาจากไหนไม่รู้ผลักตัวชายวัยกลางคนออก
ชายญี่ปุ่นเซล้มลงกับพื้น
ด้วยความโกรธจึงหันปืนไปทางตุ๊กตาที่กำลังยืนเป็นเป้านิ่งด้วยกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
ปัง!!!
เสียงกระสุนดีดตัวออกจากลำเพลิงตรงเข้าไปหาร่างโปร่งที่ตอนนี้กำลังยืนไม่ได้สติท่ามกลางความตกใจของทุกคนมันเกิดขึ้นพร้อมกับที่ใครบางคนวิ่งออกไปคว้าตัวของตุ๊กตาตัวเล็กมากอดเอาไว้แนบอกและลูกตะกั่วที่วิ่งเข้ามาฝังอยู่ในไหล่ซ้าย
“ไม่เป็นไรแล้วหมิงฮ่าว ไม่เป็นไร”
มือหนาลูบศีรษะของอีกคน
แขนทั้งสองข้างยังคงโอบกอดตัวของใครที่เขารักไว้
เสียงทุ้มนุ่มกระซิบปลอบประโลมที่ข้างหูโดยไม่สนใจแผลที่อยู่ตรงไหล่ซ้ายของตัวเองเลยสักนิด
ในขณะที่ตุ๊กตาในอ้อมกอดก็ร้องไห้ต่อไปไม่หยุด
เสียงสะอื้นฮักคลอกับเสียงไซเรนและเสียงกดกุญแจมือลงบนของมือของนักธุรกิจต่างชาติที่บัดนี้กำลังกล่าวคำผรุสวาทออกมาเป็นภาษาบ้านเกิดซึ่งไม่มีใครเข้าใจ
จุนฮุยกัดฟันเมื่อความเจ็บแล่นปราดไปที่สมอง แต่ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ควรจะเข้มแข็งเพื่ออีกคนก่อนจะนึกถึงเรื่องของตัวเอง เสียงกระซิบแผ่วอารียังคงแข่งกับคำบั่นทอนกำลังใจของใครบางคนที่ก้องอยู่ในโสตประสาทของหมิงฮ่าวต่อไป แม้กระทั่งตอนอยู่ในรถพยาบาล ตอนแพทย์ที่ทำปฐมพยาบาลก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเล็กที่เย็นเฉียบนั่นไปเลย
“คุณคงเป็นมยองโฮ”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองคนผิวซีดที่กำลังยืนค้ำศีรษะของตนอยู่ด้วยใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาและเสื้อที่ยังเปื้อนคราบเลือด
ตอนนี้หมิงฮ่าวกลับมาได้สติแล้วและกำลังรอร่างสูงที่กำลังผ่าเอากระสุนออกอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลเดิมที่จุนฮุยเข้ามารักษาตัวตอนโดนผลักตกบันได
“ครับ ผมเอง” ร่างเล็กพยักหน้า
“ผมนั่งด้วยได้ใช่ไหม”
“ได้ครับ เชิญ” ไฮบริดพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตประกอบกับคำพูด
วอนอูจึงนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ
ดวงตาเรียวรีหลังแว่นตามองไฟสีเขียวเหนือประตูบานคู่สีขาวขุ่นอย่างไม่นึกกังวล
เพื่อนของเขาอึดเกินคนทั่วไปอยู่แล้ว
“ผมชื่อวอนอู จอนวอนอู
เพื่อนของจุน” เขาพูดพลางหันไปมองตุ๊กตาของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ทำหน้าเป็นห่วงคนในห้องตรงหน้าอย่างไม่ปิดบัง
“คุณจุนเขาก็พูดถึงคุณค่อนข้างบ่อย” หมิงฮ่าวพูดโดยไม่สนใจจะมองใบหน้าของคู่สนทนา
วอนอูพยักหน้าเล็กน้อยแล้วมองประตูห้องผ่าตัดอีกครั้ง
ไฟสีเขียวยังคงสว่างอยู่และมันเป็นแบบนี้มาได้ประมาณสิบนาทีได้ เสียงพูดคุยระหว่างญาติผู้ป่วยในบริเวณนั้นอีกประมาณสองสามกลุ่ม
เสียงเข็นรถทำความสะอาดของแม่บ้านช่วยให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไป
ที่หน้าห้องผ่าตัดนี้มีแค่คนหนึ่งคนกับไฮบริดอีกหนึ่งตัว
“แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะ” เขาถามด้วยที่ว่าอยู่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนซือเฉิงที่ไม่อยากไปพบหน้าหลินหลิวตอนนี้ด้วยเพราะยังทำใจไม่ได้
“พวกเขามากันอีกคัน”
“งั้นหรือ”
ชายหนุ่มพยักหน้าอีกครั้งพอดีกับที่พยาบาลเปิดประตูห้องผ่าตัดพร้อมกับรถเข็นที่มีใครบางคนนั่งยิ้มแป้นที่ดูซีดเซียวอยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาล
วอนอูมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าหมั่นไส้เต็มทน
“คนไข้ต้องอยู่โรงพยาบาลเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อนะคะ
สักสองสามวัน” นางพยาบาลในชุดผ่าตัดพูดก่อนจะเข็นนำไปที่ห้องพักห้องข้าง
ๆ กับห้องเดิมที่เคยมารักษาตัว
คล้อยหลังนางพยาบาล
วอนอูมองจุนฮุยสลับกับหมิงฮ่าวในขณะที่คนหนึ่งมองอีกคนไม่วางตา แต่ว่าคนถูกมองกลับหลบสายตาคู่นั้นเสีย
คนใส่แว่นถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาว่าเขาอ่านสายตาคู่นั้นออก
มันสื่อความรู้สึกได้มากเกินกว่าที่คนอื่นจะอธิบายได้นอกจากเจ้าตัวเอง
“ฉันจะลงไปร้านกาแฟข้างล่าง
เอาอะไรหรือเปล่า”
“เอาเอส…”
“ของมึงให้แค่โกโก้”
“แล้วจะถามทำไมวะ”
จุนฮุยพึมพำ
วอนอูหัวเราะในคอเสียงเบาเมื่อเห็นใบหน้าบึ้งตึงของผู้เป็นเพื่อนก่อนจะหันไปมองไฮบริดร่างเล็กอย่างขอความคิดเห็น
ไฮบริดส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่เจ้าของคำถามจะเปิดประตูออกจากห้องไปปล่อยให้คนที่เหลืออยู่ด้วยกันในห้องเพียงลำพังสองคน
ความเงียบเริ่มกลับเข้ามามีพื้นที่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้
จุนฮุยมองร่างโปร่งบางที่นั่งนิ่งบนโซฟาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่หลากหลาย
ดีใจ โล่งใจ และอีกหลาย ๆ อย่าง
“นาย… โอเคใช่ไหม หมายความว่าไม่บาดเจ็บอะไร”
“ไม่ครับ”
“เปลี่ยนเสื้อก่อนไหม
หรือว่าไปล้างหน้าสักหน่อย”
“ผมโอเค ว่าแต่คุณเถอะ”
หมิงฮ่าวมองที่ไหล่ซ้ายที่มีผ้าคล้องแขนพาดอยู่เพื่อกันไม่ให้แผลถูกกระทบกระเทือนด้วยสายตาเป็นห่วง
ร่างสูงมองตามสายตาก่อนจะก้าวลงจากเตียง
มือซ้ายจับเสาน้ำเกลือแล้วเดินตรงไปหาคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว ทรุดตัวนั่งลงข้าง
ๆ ร่างโปร่ง ส่งยิ้มบางให้เหมือนอย่างทุกที
“ก็เอากระสุนออกไปแล้วแหละ
โชคดีที่ยิงตรงไหล่ ถ้าเบี่ยงมาหน่อยนี่ได้ไปสบายแน่” ร่างสูงพูดยิ้ม ๆ
หมิงฮ่าวทำหน้าย่นมองคนข้างตัวด้วยสีหน้าติดไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
“เรื่องนี้ใครเขาเอามาพูดเล่นกันล่ะคุณ”
“ถ้าไม่พูดเล่นก็ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก”
“แล้วคุณก็บ้ามากเลยนะ
ที่หนีออกจากโรงพยาบาลน่ะ” ตุ๊กตาตัวเล็กพูดเสียงเขียว
มือเรียวแตะท่อนแขนที่คล้องผ้าอยู่อย่างแผ่วเบา “ผมใจหายหมดเลย”
“แล้วปล่อยให้นายเจ็บตัวน่ะหรือ”
“ก็ดีกว่าคุณเจ็บแล้วกัน” ร่างบางเบ้ปาก
ดวงตากลมโตช้อนมองใบหน้าคมพร้อมน้ำตาที่เริ่มกลับมาไหลอีกรอบ
“ร้องไห้เพราะเป็นห่วงฉันเหรอ” จุนฮุยคลี่ยิ้มบางคิดว่าคงทำให้อีกฝ่ายเขินหรืออึ้งไปได้สักเล็กน้อย
“ใช่” แต่แทนที่จะเป็นใบหน้าเล็กขึ้นสีและการหลุบตาต่ำ
หมิงฮ่าวกลับพยักหน้าแทบจะในทันทีแล้วพูดประโยคต่อไปได้โดยไม่เก้อเขินสักนิด
“ผมเป็นห่วงคุณ”
“...”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะเหวินจุนฮุย”
ร่างสูงนิ่ง
กลับเป็นเขาเสียเองที่เป็นฝ่ายอึ้งไป
เมื่อดึงสติกลับมาได้ก็ส่งยิ้มให้คนตรงหน้าอีกครั้ง
มือข้างที่ไม่เจ็บเอื้อมไปคว้ามือเรียวมากำไว้หลวม ๆ
ดวงตาคู่คมมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เปิดเปลือยความรู้สึกทุกสิ่งอย่าง
“ก็ทำไงได้ล่ะ
ก็เห็นใครยืนร้องไห้อยู่ไม่สนใจจะหลบปืนนี่ ถ้าไม่ช่วยก็ใจร้ายเกินไปหน่อยมั้ง”
“ก็ผมกลัวนี่”
“แล้วคิดว่าฉันไม่กลัวเหรอ”
“จะจริงเหร้อ
ถ้ากลัวคุณคงไม่เข้ามาช่วยผมหรอก” หมิงฮ่าวทำปากยื่นมองคนข้างตัวด้วยท่าทางเหมือนเด็กกำลังเถียงผู้ใหญ่ตัวโต
คนป่วยหัวเราะในลำคอแล้วก้มลงมองมือเล็กในมือของตน
“กลัวสิ” เขาเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับดวงตาสีนิลด้านของตุ๊กตาตรงหน้าพลางใช้นิ้วเกลี่ยหลังมือเนียนเบา
ๆ “แต่ฉันกลัวจะเสียนายไปมากกว่า
ฉันไม่อยากเสี่ยงอะไรทั้งนั้น”
“ทำไมล่ะครับ
ยังไงผมก็เป็นแค่ตุ๊กตานี่ เป็นแค่ไฮบริดตัวนึง คุณไม่ต้องสนใจผมยังได้เลย
แค่ส่งศูนย์ซ่อม”
“ฉันรู้” จุนฮุยเม้มปาก “แต่ฉันก็ไม่อยากเสี่ยง ฉันไม่อยากเสียนายไป”
“ถ้าให้เทียบประเภทของผม
ผมเป็นแค่ของเล่นด้วยซ้ำ ผมคิดว่าคุณแก่เกินกว่าจะเล่นของเล่นชิ้นนี้แล้วนะ” หมิงฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ
“หมิงฮ่าว”
“เหวินจุนฮุย ก่อนหน้านี้คุณทำเหมือนเด็กที่พยายามแย่งของเล่นมาจากคนที่แย่งของเล่นของตัวเองไปกลับคืนมาก็แค่นั้น”
“คิดอย่างนั้นเหรอ”
“ถ้าไม่คิดผมจะพูดไหมล่ะ”
“ปากดีขึ้นเยอะนะเราน่ะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มบาง ๆ ให้ก่อนจะพิงหลังกับพนักโซฟา มือซ้ายยังกุมมือขวาของอีกฝ่ายอยู่ไว้อย่างนั้นแถมยังบีบแน่นขึ้นเสียอีกต่างหาก
“ไม่แปลกหรอกที่ฉันจะไปเอาของเล่นของฉันกลับมา
เด็กทุกคนก็รักและหวงของเล่นของตัวเองทั้งนั้นนี่ จริงไหมล่ะ”
“คุณ…”
“เหตุผลเท่านี้ก็คงพอแล้วใช่ไหม” จุนฮุยคลี่ยิ้มให้อีกครั้งแล้วยกมือเรียวขึ้นจุมพิต
เขาค้างริมฝีปากไว้เนิ่นนานและเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าใบหน้านวลขึ้นสีจนเรียกได้ว่าแดงก่ำเลยทีเดียว “คราวนี้ตานายพูดบ้างแล้วแหละ”
“หน้าแดงขนาดนี้ต้องให้ผมพูดอะไรอีกเหรอไง” หมิงฮ่าวพึมพำเสียงเบาพลางรีบดึงมือออกจากการเกาะกุม
“ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าคิดยังไงกันแน่ถ้านายไม่ยอมบอก” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผมก็เขินเป็นไหมล่ะ”
“แล้วคิดว่าฉันเขินไม่เป็นหรือไง”
“ก็นึกว่าไม่เป็นน่ะสิ”
“จะหาว่าหน้าด้านว่างั้น”
“ก็ประมาณนั้น”
“จะไม่แย้งสักนิดเลยเหรอ”
“เรื่องจริงนี่”
จุนฮุยหลุดหัวเราะพรืดก่อนจะใช้มือบิดแก้มนุ่มด้วยความมันเขี้ยว
“ปากดี”
“ตามเจ้าของนั่นแหละ”
“แล้วรู้สึกเหมือนเจ้าของบ้างหรือเปล่าครับ” มือขวาที้ยังคงเป็นปรกติคว้ามือเรียวบางของอีกคนมาวางไว้แนบอก
แรงกระเพื่อมถี่รัวส่งมาถึงฝ่ามือ
“ได้ยินไหมครับ”
“ได้ยินอะไรครับ” ร่างเล็กถามเสียงอ้อมแอ้ม
พยายามข่มไม่ให้ใบหน้าขึ้นสีแต่ใบหูแหลมเล็กกลับขึ้นสีแดงระเรื่อ
“หัวใจเฮียมันเต้นเป็นคำว่า
หมิงฮ่าว หมิงฮ่าว”
“น้ำเน่า”
“น้ำจะเน่าก็เห็นเงาจันทร์”
“อยากเป็นจันทร์คือแรมไหมครับ”
“ทำไมต้องขู่ด้วยเล่า
เน่าเพราะรักนะเนี่ย”
“ก็พูดทีเล่นททีจริงแบบนี้ใครจะเชื่อล่ะ”
“โถ้ งั้นจะจริงจังแล้วนะ” จุนฮุยคลี่ยิ้มขันแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกในขณะที่หมิงฮ่าวรู้สึกถึงขังหวะการเต้นของหัวใจที่ถี่เร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“เหวินจุนฮุยรักสวี่หมิงฮ่าว… ได้ยินไหมครับ แล้วเราล่ะ รู้สึกยังไง”
ดวงตาสีนิลเสมองพื้น
ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วนั้นแดงขึ้นยิ่งกว่าเดิมจนดูคล้ายลูกมะเขือเทศสุก
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นจนไร้สีเลือดด้วยความเขินสุดขีด
“ว่ายังไงครับ”
มือหนาปล่อยออกจากมือเรียวแล้วเปลี่ยนมาแตะคางมนให้เชยขึ้นสบตา
สายตาของร่างสูงทำให้ร่างเล็กรู้สึกเหมือนมีไฟมาลนตรงใบหน้าและใบหู
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ” หมิงฮ่าวตอบเสียงเบา
“เหมือนกันนี่เหมือนยังไงครับ”
“ก็เหมือนอย่างนั้นแหละ”
“ไม่ชัดเจนเลย ขอพูดชัด ๆ
เหมือนตอนว่าเฮียหน้าด้านได้มั้ยครับ”
“ผมไม่ได้ว่าเสียหน่อย” หมิงฮ่าวทำปากยู่ “ก็แค่พูดไปตามที่คิดเท่านั้นเอง”
“งั้นบอกมาหน่อยสิครับ”
“ถ้าไม่บอกล่ะ”
จุนฮุยหรี่ตามองตุ๊กตาข้างตัวอย่างเจ้าเล่ห์อีกครั้ง
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ประกบริมฝีปากค้างไว้สักพักโดยไร้การรุกล้ำใด ๆ
แล้วผละออก ฝ่ายไฮบริดที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ทำตาโตแล้วรีบผลักตัวอีกคนออกแล้วกระเถิบหนีไปจนชิดขอบโซฟาอีกข้างทันที
“ก็แบบนี้แหละครับ”
“ฉวยโอกาส” หมิงฮ่าวบ่นเสียงเบา
“ก็รู้แล้วจะเปิดโอกาสให้บ่อย ๆ
ทำไมล่ะ”
“ฮื่อ ไม่รู้จะด่ายังไงแล้ว”
“ด่าเลยเหรอ”
“เหมาะสมที่สุดแล้ว”
“แต่ตอนนี้บอกมาได้แล้วครับ
ไม่บอกจะไม่ใช่แค่แตะกันเฉย ๆ นะ”
ร่างบางเบ้ปากแล้วพูดเสียงเบาพอ
ๆ กับกระซิบ
“รัก…”
“ดังกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมครับ
ไม่ได้ยินเลย”
“เรื่องมาก”
“ได้ยินนะ”
ชายหนุ่มพูดขึ้นแล้วกระเถิบตามไปนั่งเบียดกับอีกฝ่ายที่ตอนนี้หน้าแดงลามไปถึงคอและใบหู
หมิงฮ่าวหลับตาปี๋แล้วก่อนจะตะโกนบอกไปเสียงดังลั่นห้องสี่เหลี่ยมสีขาว
“เออ! ผมก็รักคุณเหมือนกัน!”
แขนยาวรวบตัวอีกคนเข้าไปกอดไว้จนคนถูกกอดหายใจแทบไม่ออก
ใบหน้าน่ารักซุกหาอีกฝ่าย จุนฮุยฉีกยิ้มกว้าง เพียงเท่านี้ก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่มีให้อีกคน การที่เข้าไปเสี่ยงให้กระสุนเจาะหัว
มันคุ้มค่ามากแล้วเมื่อได้ยินคำเพียงคำเดียวจากริมฝีปากคู่นั้น เท่านั้นก็เพียงพอ
v
v
v
(100%)
เย่ จะจบแล้ววู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เรื่องนัดรับนี่ต้องบอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าเราสะดวกแค่วันอาทิตย์ที่สยามแล้วตอนนี้ ; ----- ; ขอโทษสำหรับใครบางคนด้วยนะคะ
♡ ด้วยรักและสปาเกตตี้ง่อยๆฝีมือเราเอง♡
@yinde119
#ฟิคไฮบริดมินวอน
ความคิดเห็น