ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *stocks sale* {END} [Seventeen] Hybrid doll [MinWon JunHao ft.seveteen]

    ลำดับตอนที่ #20 : Hybrid :: The fourteenth "Must" ( 100% ! )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 809
      14
      6 ก.พ. 60



    Chapter XIV




    เปลือกตาสีแทนปรือขึ้นในสถานที่ที่แปลกตา ฝ้าสีขาวสะอาดของโรงพยาบาลปรากฏขึ้นสู่สายตาของเขาพร้อมกับความรู้สึกปวดหนึบที่ศีรษะทางด้านขวา เมื่อลองยกมือขึ้นแตะก็รู้สึกถึงเนื้อผ้าก๊อซที่พันรอบอยู่

    สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือหลินหลิวที่เรียกให้เขาไปรับโทรศัพท์ก่อนจะตกลงจากบันไดลงไปนอนเดี้ยงอยู่ที่พื้นชั้นหนึ่ง จำได้ว่าเลือดเข้าตาจนมองอะไรไม่เห็นและที่สำคัญ

    เขาถูกผลักตกจากบันได

    หลินหลิวต้องเป็นคนทำแน่นอน แต่ว่าทำไปทำไมล่ะ

    “อาจวิ้น!” จินอินที่เปิดประตูเข้ามาในห้องหลังจากออกไปคุยกับหมอวิ่งเข้ามาในห้องแล้วโผเข้ากอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างโล่งอก เขาได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของหญิงวัยกลางคนที่ข้างหู จุนฮุยหัวเราะในลำคอก่อนจะชะเง้อคอหาร่างบางของใครบางคน

    “ม๊านึกว่าแกจะเป็นอะไรไปแล้ว” ผู้เป็นแม่ดันตัวออกแล้วใช้มือลูบแก้มกร้านเบา ๆ

    “โถ่ม๊า ผมน่ะหัวแข็งจะตาย ไม่ต้องห่วงหรอกครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้ “แล้วหมิงฮ่าวล่ะครับม๊า ไม่มาด้วยเหรอ”

    “ตอนจะมาส่งแกที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นแล้วนะ หลินหลิวด้วย แต่ถ้าแกอยากเจอน้องเดี๋ยวม๊าโทรให้อาหงมาส่งแล้วกัน” จินอินพูดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาคนขับรถ พูดบางอย่างสองสามคำแล้วขมวดคิ้วแน่นจนแทบเป็นปม

    “อะไรนะ หมิงฮ่าวไม่อยู่ อาหลินหลิวด้วยเหรอ?”

    เพียงเท่านั้น เขาก็เข้าใจทุกอย่าง ทุกอย่างประกอบเข้ากันอย่างลงตัว เมื่อคืนหลินหลิวเป็นคนเรียกให้เขาไปรับโทรศัพท์ประจวบเหมาะกับตอนที่หมิงฮ่าวจะบอกเขาว่าใครเป็นคนทำ แถมวันนี้ตุ๊กตาตัวเล็กกับอาผู้หญิงของเขากลับหายไปทั้งสองคน คำที่จุนมยอนใช้เรียกเจ้านายคือหลิน การโกงเริ่มต้นเมื่อสิบปีก่อนในช่วงที่หลินหลิวแต่งงานกับอาของเขาพอดี แถมช่วงเวลาก็ตรงกับที่หมิงฮ่าวเล่าว่าเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ เรื่องที่หมิงฮ่าวถูกตัวเขาทิ้ง ทุกอย่างมันลงล็อคจนน่ากลัว

    มือหนาทำท่าจะกระชากสายน้ำเกลือออกจนจินอินห้ามแทบไม่ทัน

    “ทำอะไรน่ะอาจวิ้น!”

    “ผมจะไปช่วยหมิงฮ่าว!”

    “ไปช่วย? ไปช่วยทำไม” หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว

    “ตงหลินหลิวอยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด! เรื่องราวทั้งหมดเมื่อสิบปีก่อน!” จุนฮุยตวาดกร้าวเสียงดังจนชุนฮวงกับตงฝูที่ยืนอยู่หน้าห้องได้ยิน พี่น้องทั้งสองเดินรี่เข้ามาในห้อง ยืนที่ข้างเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าจริงจังระคนตกใจ

    “แกอย่ามากล่าวหาเมียอามั่วซั่วนะเว้ย!” ตงฝูพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวเพราะระงับความโกรธไว้ไม่อยู่

    “ผมไม่ได้พูดมั่วซั่ว!”

    “แล้วแกมีหลักฐานอะไรไม่ทราบ!”

    “หยุดเลยทั้งสองคน!” ชุนฮวงพูดเสียงดังลั่นห้องแล้วส่งสายตาดุ ๆ ไปให้น้องและลูกชาย “ที่นี่โรงพยาบาล ทำอะไรเกรงใจสถานที่ด้วย”

    “ขอโทษครับป๊า / ของโทษครับเฮีย” ทั้งสองก้มหน้างุดอย่างยอมจำนน ใครก็ไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้โกรธทั้งนั้นแหละ

    “อาจวิ้น แกมีหลักฐานอะไรถึงไปกล่าวหาอึ้มเขา” คนอายุมากสุดในที่นั้นถามคนป่วยเสียงเรียบ

    “ทุกอย่างมันลงล็อกพอดีครับป๊า เวลาทุกอย่างมันพอเหมาะพอเจาะมากเกินไป” จุนฮุยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “กะอีแค่เวลาตรงกัน จะเอามายืนยันอะไรได้” ตงฝูพึมพำ

    “ถ้ามันไม่ใช่เมียแปะจะเอาตัวหมิงฮ่าวของผมไปทำไมล่ะ! ทำไมล่ะแปะ!” คนเป็นหลานตะคอกพร้อมน้ำตาที่เริ่มคลอ

    “ทำไมเงินในบัญชีของแปะเพิ่มขึ้นล่ะ ใครที่ใกล้ชิดมากพอที่จะแทรกแซงบัญชีของแปะได้ ใครที่คิดจะป้ายสีให้แปะ ใครที่เพิ่งก้าวเข้ามาในชีวิตของพวกเราเมื่อสิบปีก่อน สิบปีก่อนที่ทุกอย่างเริ่มขึ้น ใครครับแปะ ตอบผมสิ!” ชายหนุ่มพูดพลางสะอื้นจนตัวโยน น้ำตาที่นาน ๆ ทีจะได้เห็นจากผู้ชายคนนี้เริ่มไหลอาบแก้ม ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำและบิดเบี้ยว

    เสียงของตกกระทบลงกับพื้นทำให้ทุกคนในห้องหันไปมอง ซือเฉิงยืนตัวแข็งทื่อด้วยความงงงันรวกับถูกใครเอาค้อนมาทุบศีรษะ ขวดน้ำเปล่าที่เพิ่งซื้อมากลิ้งบนพื้นเข้าไปที่ใต้เตียง ริมฝีปากเล็กของคนอายุน้อยที่สุดอ้าค้าง

    “ม๊าผม… ม๊าผมเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?”

    ทุกคนในห้องเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมจากเครื่องปรับอากาศที่ครางฮือ ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามส่ายหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองผู้เป็นพ่อที่ก็มีท่าทางไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก

    “บอกผมสิป๊าว่ามันไม่จริง ม๊าไม่ได้โกง ม๊าไม่ได้โกงใช่ไหม”

    ตงฝูหรุบตาต่ำก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย ทุกอย่างที่หลานชายพูดมาถูกต้องทั้งหมด เงินในบัญชีของเขาเพิ่มขึ้นโดยไม่มีที่มามาตลอดสิบปี แต่หลินหลิวที่เป็นคนดูแลบัญชีบอกว่าหุ้นที่ซื้อไว้ได้ปันผลมาให้ และเขาก็รักเธอจนโง่มากและยอมเชื่อในสิ่งที่บอกโดยไม่ไตรตรองอะไรเลย

    ซือเฉิงเม้มปากแล้วส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อหู ไม่มีทางหรอก แม่เขาไม่มีทางทำ แม่ที่แสนเข้มงวดกับกฎระเบียบเช่นนั้นไม่มีทางทำผิดกฎหมายเพื่อแค่แลกกับเงินเป็นพันล้านหรอก

    “อาฝู แกพาลูกแกออกไป”

    “ผมไม่ใช่ลูกเขา”

    ลูกพี่ลูกน้องของจวิ้นฮุยพูดไปอย่างที่คิด ทำให้คนทั้งห้องชะงักงัน

    “ถ้าสิ่งที่แม่ผมทำเป็นเรื่องจริง เท่าที่ดูแล้วแม่ของผมแต่งงานกับคุณเหวินเพื่อมาหาผลประโยชน์ มาสูบเลือดสูบเนื้อพวกคุณด้วยซ้ำ” ซือเฉิงเม้มปาก “ผมละอายใจเกินกว่าจะเป็นลูกชายของคุณต่อครับ ตอนนี้ผมก็เป็นแค่ตงซือเฉิง ลูกนังคนขี้โกงเท่านั้น”

    “อาเฉิง…”

    “ถ้าเรื่องทั้งหมดจบ แม่ของผมคงถูกส่งกลับจีน และแน่นอนว่าผมจะไปด้วยเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

    “แต่ตอนนี้เธอต้องอยู่เป็นพยานก็แล้วก็พวกเราต้องแน่ใจว่าเธอไม่มีส่วนรู้เห็น” ชุนฮวงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “และตอนนี้เราต้องรู้ก่อนว่าตงหลินหลิวเอาตัวหมิงฮ่าวไปไว้ที่ไหน”

    แน่นนอน ผมร่วมมือด้วย” ซือเฉิงประกาศอย่างมั่นใจ “ผมไม่อยากให้แม่ของผมทำบาปไปมากกว่านี้แล้ว”




    แน่นอนว่าเขาไม่เคยมาที่นี่สักนิด

    หมิงฮาวเงยหน้ามองไปโดยรอบ พยายามหรี่ตามองทันยภาพที่มืดสลัว แสงแดดที่สาดเข้ามาผ่านช่องลมเหนือศีรษะส่องให้เห็นละอองฝุ่นที่ลองลอยอยู่ในอากาศ กล่องไม้ที่ถูกวางอยู่ระเกะระกะและแน่นอนว่าเขาไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เขาก้มลงมองหลังเท้าของตนก็เห็นว่ามีแผลถลอกขนาดประมาณฝาขวดน้ำที่เริ่มแห้งอยู่

    โทรศัพท์

    เขานึกถึงเครื่องมือสื่อสารสีดำที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงซึ่งนาน ๆ ที่จะถูกนำออกมาใช้แว่บขึ้นมาในสมอง หมิงฮ่าวพยายามดันตัวขึ้นแล้วหยิบสิ่งนั้นอออกมาจากกระเป๋าอย่างทุลักทุเล แต่การเปิดเครื่องหาเบอร์โทรนั้นยากยิ่งกว่าเสียอีก แต่ความพยายามที่เหล่มองนั้นก็เป็นผล สายที่ต่อถึงจวิ้นฮุยนั้นอย่างน้อยก็โทรติด

    ร่างโปร่งกกลับลงไปนั่งตามเดิม โทรศัพท์มือถือถูกวางลงบนพื้นด้านหลังเขา อากาศที่เย็นจัดทำเอาเขาตัวสั่นเป็นลูกนก ควันขาว ๆ ปรากฏขึ้นตามจังหวะลมหายใจที่ถูกเป่าออก แกนเหล็กที่เป็นโครงด้านในยิ่งทำให้เขารู้สึกปวดยิ่งกว่าเดิม ความเย็นเริ่มทำให้ระบบเขารวนอีกครั้ง กลิ่นยายังคงเหลืออยู่ชวนเขาอาเจียนนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่เข้าไปใหญ่

    ฟื้นแล้วเหรอเสียงคุ้นหูดังขึ้นยิ่งทำให้หวาดกลัวมากกว่าเดิม ร่างโปร่งกระถดตัวหนีไปชิดกำแพงที่เย็นเฉียบ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นสบสายตาคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

    ไหน ขอดูหน้าหน่อยซิหลินหลิวย่อตัวลงมองหน้าตุ๊กตาตัวเล็กที่ดูก็รู้ว่ากลัวอยู่แล้วดึงเทปกาวที่ปิดปากอยู่ออกอย่างไร้ความปราณีแกได้ยินอะไรบ้าง

    “ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”

    “ตอแหล!!!”

    เพียะ!

    มือเรียวตวัดฟาดลงบนแก้มใสจนหน้าหัน รอยแดงเริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าน่ารักในเวลาไม่นานนัก ตุ๊กตาชายตัวเล็กพยายามไม่แสดงความเจ็บปวดให้เห็น เขาเม้มปากแน่น มือเรียวกำแน่น พยายามไม่ขยับข้อมือเพื่อไม่ให้เชือกสีกับข้อมือแล้วตัวเองเจ็บตัวเล่นอีก

    “แกได้ยินทีฉันคุยโทรศัพท์ ฉันว่าแล้ว ฉันว่าแล้ว ไอ้แมวบ้านั่นมันอยู่กับแกตลอด ถ้าแกไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจะเป็นใครไปได้!” หลินหลิวพูดพลางเดินวนไปมาอย่างกับคนเสียสติ

    “โทรศัพท์เรื่องเกียวกับคุณจุนน่ะเหรอ” หมิงฮ่าวแกล้งทำหน้าตกใจเหมือนว่าเผลอหลุดปากพูดออกไป และนั่นคงเป็นการแสดงที่เยี่ยมยอดพอดูจึงทำให้หลินหลิวเชื่อ

    “นั่นไง แกได้ยินทั้งหมด!”

    หญิงวัยกลางคนชักปืนขึ้นเล็งศีรษะตุ๊กตาสอดรู้ ร่างโปร่งเลิ่กลัก สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการถ่วงเวลารวมถึงรีดความลับและเหตุจูงใจของอีกคนมาให้มากเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าหากจุนฮุยมาไม่ทันแน่นอนว่าชิปในส่วนประมวณผลของเขายังพอเป็นหลักฐานใช้ในการจับกุมคนตรงหน้าได้

    “แต่ผมก็อยากรู้ว่าคุณทำไปเพื่ออะไร” หมิงฮ่าวถาม

    “ฉันรู้ว่าแกจะถ่วงเวลา แต่ไหน ๆ ก็จะตายแล้วนี่ เดี๋ยวฉันสงเคราะห์ให้แล้วกัน” หลินหลิวหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกไปไกลจากเขา เหม่อมองไปรอบตัวราวกับคนเสียสติ “ฉันก็แค่เบื่อความจน เบื่อชีวิตที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ฉันไม่อยากถูกใครดูถูกอีกแล้ว”

    “คุณคงผ่านอะไรมาเยอะ” ร่างโปร่งถามพลางควานหาอะไรที่คมพอจะใช้ตัดเชือกก่อนจะเจอเป็นเศษแก้วที่คงคิดว่าคมมาพอ จึงกำเอาไว้ก่อนหลวม ๆ รอจังหวะที่จะใช้มันตัดเชือกแล้วหนีออกไปจากตรงนี้

    “เยอะ เยอะกว่าที่แกคิดอีก” หลินหลิวตวาดแว้ด “ฉันถูกไอ้เฒ่าเจ้าของร้านทองข่มขืนจนมีไอ้มารหัวขนนั่นออกมาดูโลกไง!”

    “คุณหมายถึงคุณซือเฉิงเหรอ ไหนคุณบอกว่าสามีคุณตาย…” หมิงฮ่าวถามด้วยความตกใจกับเรื่องราวที่ได้ยินเมื่อครู่ เท่าที่เขารู้มานั้นหลินหลิวเป็นแม่ม่ายลูกติดไม่ใช่หรือ

    “แกคิดว่าทุกอย่างบนโลกนี้มันเป็นเรื่องจริงหมดเลยหรือไง” หญิงวัยกลางคนหัวเราะ “ก็จริงที่แค่ฉันเป็นแม่ม่ายแล้วไอ้ผัวแก่ของฉันมันตายเท่านั้นเอง เราจดทะเบียนสมรสกันเพราะมันหลงฉัน โชคดีที่เมียไอ้แก่นั่นก็เพิ่งโดนรถชนตายโหงไปไม่นาน”

    “…” เชือกเส้นหนึ่งขาดแต่ยังไม่ออกจากกัน เขาจงใจเหลือไว้นิดหน่อยเพื่อไม่ให้ดูเป็นพิรุธมากนัก แต่ก็น่าจะพอให้กระชากออกได้ด้วยสองมือของเขา

    “มันหลงฉันจะแย่ ไม่รู้เลยสักนิดว่าไอ้ยาบำรุงที่ฉันให้มันในน้ำชามาตลอดสี่ปีน่ะคือสารหนู”

    หมิงฮ่าวนิ่งเงียบ ฟังหลินหลิวที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับที่บ้านเหวินกันลิบลับ จากสะไภ้คนที่สองของตระตูลเหวินที่ไว้ตัวเป็นอย่างดี ปฏิบัติตนเป็นระเบียบทุกกตารางนิ้วและมักจะมีรอยยิ้มอารีย์ประดับใบหน้าสะสวยอยู่แทบจะตลอดเวลา ผมยาวประบ่าที่ถูกหวีแสกอย่างเป็นระเบียบ บัดนี้กับยุ่งฟูกระเซิงจนแทบไม่เป็นทรง ใบหน้าเลื่อนลอยราวกับคนเสียสติ

    “ต้มกับน้ำชา วันละนิด… วันละนิด จนมันตาย!” คุณนายตงพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันนั้นทำให้เขารู้สึกขนลุก

    “ทำไมตำรวจถึงจับคุณไม่ได้” หมิงฮ่าวถามต่อ

    “อยากรู้เหรอ?... เพราะอะไรรู้ไหม” หลินหลิวเดินเข้ามาหา ใช้ปลายกระบอกปืนเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา

    “เพราะเงินคือพระเจ้า”

    ร่างโปร่งกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อเห็นมัจจุราชที่เย็นเฉียบจ่ออยู่ที่ลำคอ หากสำหรับคนตรงหน้าแล้วเงินคือพระเจ้านั้น ผู้ครอบครองอาวุธสีดำมะเมื่อมนี้คงเป็นพระเจ้าตัวเขาเองที่มีสิทธิว่าจะตัดสินให้เขาอยู่หรือตาย

    “กะอีแค่เอาเงินฟาดหัวพวกตำรวจน่าโง่นั่น คดีก็ปิด”

    ร่างบอบบางลดปืนลงแล้วเดินแตร่ไปทั่วโกดังร้าง เสียงรองเท้าคัทชูคู่เดิมกระทบกับพื้นซีเมนต์ดัง ตึก ตึก ผสมกับเสียงหัวเราะแหลมสูงทำให้ฟังดูน่าหวาดระแวง

    “หลังจากนั้น ฉัน คุณนายตงผู้ชีวิตอาภัพที่ผัวตายแถมมีลูกติดก็ได้รับมรดกจากไอ้แก่นั่นมาทั้งหมดตามพินัยกรรมที่เขียนไว้”

    “แล้วคุณก็มาเจอคุณฝู” หมิงฮ่าวเดาเรื่องต่อ

    “ฉลาดนี่… ก็ใช่ เขาเป็นเพื่อนฉันสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตานั่นก็หลงฉันไม่ต่างจากไอ้แก่นั่นเลยสักนิด แค่ออเซาะนิด ๆ หน่อย ๆ แกล้งทำว่ารักตอบไปก็ขอฉันแต่งงานเสียแล้ว ไม่ต่างจากไอ้เฒ่าสมองทึบนั่นเลยสักนิด โง่ชะมัด”




    “... โง่ชะมัด”

    เสียงที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์สีดำบนโต๊ะที่ปลายเตียงของโรงพยาบาลที่จุนฮุยรักษาตัวเพื่อดูอาการนั้นถูดกรุมล้อมด้วยเหวินรุ่นพ่อทั้งสอง คนป่วย ตำรวจ ซือเฉิงและวอนอูที่เพิ่มตามมาสมทบทีหลัง

    จุนฮุยมองน้องชายต่างสายเลือดที่ทำหน้าเรียบเฉยแต่สายตานั่นเหมือนว่าโลดทั้งใบได้พังทลายลงไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อรู้ว่าแม่แท้ ๆ ของเขาได้สังหารพ่อแท้ ๆ ที่เป็นเพียงคนแก่ไร้ทางสู้ไปได้อย่างเลือดเย็นผิดมนุษย์ ก่อนจะเบนสายตาไปมองผู้เป็นอาที่มีสีหน้าไม่ต่างกัน

    ชุนฮวงลูบหลังปลอบใจน้องชายของตนตามประสาพี่น้องซึ่งตัวติดกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ตงฝูเม้มปากแล้วเบือนหน้าหนีจากเครื่องมือสื่อสารนั้นด้วยหัวใจที่ถูกกรีดจนเหวอะเสียไม่มีชิ้นดี คงมีเพียงเขาที่รักเธอข้างเดียวมาตลอดสิบเอ็ดปี

    “แล้วเรื่องรถคว่ำเมื่อสิบปีก่อนล่ะ”

    ประเด็นที่ไม่มีใครนึกถึงถูกหยิบยกมาพูดโดยตัวประกันเจ้าของสาย เสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามาและเสียงโทรศัพท์ครูดไปกับพื้นรวมถึงเสียงครางเบา ๆ ด้วยความเจ็บนั้นทำให้เดาได้ว่าต้องเกิดการทำร้ายร่างกายอย่างจิกผมขึ้นเพราะไม่มีเสียงตบหรือว่าเสียงปืน ส่วนครูดไปกับพื้นนั่นคงเป็นอะไรสักอย่างไปเขี่ยโดนเข้าหรือหมิงฮ่าวเป็นคนดันให้กลับเข้าไปด้านหลังเอง

    “ตอนนั้นฉันหวังให้ไอ้จุนฮุยตาย… แต่คนที่เสือกจะตายดันเป็นแก!”

    เสียงวัตถุกระทบอะไรสักอย่างที่ดังขึ้นก่อนจะตามด้วยเสียงครางเบาหวิวทำให้ใจของจุนฮุยกระตุกด้วยความเป็นห่วงตุ๊กตาที่ปลายสาย

    “แกมันชอบเข้าไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะอยู่และในเวลาที่ไม่ควรจะอยู่ สวี่หมิงฮ่าว ทำไมไม่ใช่แกที่กระเด็นออกไปนอกหน้าต่าง ทำไมไม่ใช่แกที่ได้รับความช่วยเหลือจากกู้ภัย!”

    “เคยมีเหตุการณ์แบบนั้นด้วยเหรอครับม๊า”

    จุนฮุยหันไปถามผู้เป็นแม่ที่นั่งเงียบอยู่ด้านหลัง รวมถึงวอนอูและซือเฉิงที่มองอย่างสงสัย ตอนนี้ในหัวของชายหนุ่มมีแต่เครื่องหมายเควชชั่นมาร์กลอกอยู่เต็มไปหมด

    จินอินหันไปมองผู้เป็นสามีและน้องเขยอย่างขอความช่วยเหลือ ชุนฮวงเม้มปากก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความที่ว่าปิดบังต่อไปก็เปล่าประโยชน์

    “เราจะเล่าให้ลูกฟังทีหลัง” ผู้หญิงคนเดียวในห้องนั้นตอบ

    “แต่…”

    “ที่หลังน่าไอ้จุน… คุณตำรวจแกะสัญญาณได้หรือยังครับว่าโทรมาจากที่ไหน” วอนอูปรามก่อนจะหันไปถามตำรวจในชุดนอกเครื่องแบบที่นั่งอยู่ด้านหลังเครื่องตรวจหาคลื่นสัญญาณ

    “หาได้แล้วครับ มันมาจาก…”

    ตำรวจคนนั้นให้ข้อมูลที่อยู่ได้เป็นเพียงแค่ตัวจังหวัด ดังนั้น เมื่อวางแผนกันเรียบร้อยแล้วชุนฮวง ตงฝูและซือเฉิงกับตำรวจเกือบทุกคนยกเว้นคนที่นั่งอยู่หลังเครื่องมือตรวจหาจึงรีบออกไปตามตัวผู้หญิงคนนั้น และแน่นอน

    “แกห้ามออกไปไหนทั้งนั้น เหวินจุนฮุย รักษาตัวให้หายดีก็พอ”



     

    ป๊าแกนี่รู้ใจลูกชายตัวเองดีจริง ๆ ว่ะวอนอูพูดในขณะที่กำลังอ่านหนังอย่างใจจดใจจ่อ

    ทำไมป๊าต้องห้ามกูด้วยคนป่วยบ่นอุบในขณะที่อยู่ด้วยกันแค่สองคน จินอินนั้นกลับไปแล้วเพราะเป็นเวลาห้าทุ่ม

    ก็มึงน่ะใจร้อนจะตาย เออใช่ คุณจงแดเฝ้าอยู่หน้าประตูแหละ พาเด็กมาด้วยสองคน น่ารักเชียว

    สงสัยเป็นหลานพี่เขา ให้มานอนข้างในดีกว่า ดีกว่าไปนั่งเมื่อยอยู่ด้านนอกจุนฮุยพูดแล้วก้าวลงจากเตียงไปอย่างทุลักทุเลเพราะสายน้ำเกลือที่ยาวระโยงระยางจนน่าหงุดหงิด เอาเข้าจริง ๆ ตอนนี้เขาหงุดหงิดมันหมดทุกอย่างนั่นแหละ กะอีแค่แผลหัวแตกเย็บไม่กี่เข็มถึงขั้นต้องให้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

    เห้ย ๆ จะไปไหนวอนอูถามคนป่วยที่กำลังลุกยืนพลางลดหนังสือในมือลง

    ไปนอกห้องแป๊บเดียว แกคิดว่าฉันจะหนีได้เหรอ คนของพ่อฉันเฝ้าอยู่หน้าลิฟต์กับทางเข้าออกทั้งหมดตั้งแต่ตอนไหนแล้ว คงคุยกับยามเพลินเลยแหละร่างสูงพึมพำแล้วเปิดประตูออกไปด้านนอกโดยไม่ลืมลากเสาน้ำเกลือไปด้วย

    ภาพของอาหลานสามคนที่ผู้เป็นอานั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีหลานชายตัวเล็กนั่งกอดตุ๊กตาสีชมพูสีหน้างัวเงียเต็มทน ส่วนหลานสาวอีกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ด้วยท่าทีที่เรียบร้อยอย่างรู้สถานที่

    พี่จงแดให้หลาน ๆ เข้ามานั่งในห้องก็ได้นะพี่ อยู่ตรงนี้คงไม่สบายเท่าไหร่คนป่วยพูดพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะกลม ๆ ของเด็กชายตัวเล็กบนตักของจงแดอย่างเอ็นดู

    จะดีเหรอครับ ผมกลัวว่าจะเป็นการรบกวนคุณเสียเปล่า ๆเลขานุการรองประธานบริษัทเอ่ยอย่างเกรงใจ

    เอาน่า วันนี้พี่เหนื่อยมาเยอะแล้ว แถมดาอึลน่าจะอยากนอนแล้วด้วยใช่มั้ยครับดาอึล

    หนุ่มน้อยเจ้าของชื่อพยักหน้าหงึกหงักพร้อมใช้มือป้อม ๆ ของตนลูบหน้าลูบตาไปมาพลางพิงเข้ากับคุณอาด้วยท่าทางงัวเงีย

    อีโซอึลและอีดาอึลเป็นหลานแท้ ๆ ของจงแดที่มักจะมาใช้เวลาในช่วงปิดเทอมกับจงแดหรือไม่ก็เวลาที่พ่อกับแม่ของเด็กทั้งสองคนไปทำงานต่างประเทศหรือว่าต่างจังหวัดที่ไม่สามารถพาเด็กทั้งสองไปได้ ตัวจุนฮุยนั้นเห็นดาอึลมาตั้งแต่เด็กชายอายุได้สองขวบเศษและโซอึลอายุสี่ขวบกว่า ๆ เพราะจงแดต้องกระเตงหลานทั้งสองมาทำงานด้วย โชคดีหน่อยที่โซอึลโตเกินอายุ ดูแลน้องชายได้ในระดับที่เรียกว่าดี ทำให้จงแดไม่ต้องเหนื่อยสักเท่าไรนัก

    ผมก็ว่าอย่างนั้น แต่จะไม่เป็นการรบกวนคุณเหรอครับจงแดเอ่ยอย่างเกรงใจ จริง ๆ เขาก็สงสารหลานเหมือนกันที่ต้องมานั่งเมื่อยหลับคอพับอยู่อย่างนี้ แต่ถ้าจะให้อยู่ที่คอนโดฯกันเองสองคนก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

    ไม่หรอกพี่ ห้องก็ออกจะใหญ่โตแต่นอนกันแค่สองคน มีเด็กเพิ่มมาอีกสองคนคงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่หรอกมั้งจุนฮุยพูดก่อนจะอุ้มเด็กชายที่ท่าทางอยากนอนเต็มแก่ขึ้นโดยไม่เกรงใจสายน้ำเกลือที่อยู่บนหลังมือซ้ายที่เริ่มมีเลือดไหลย้อนเข้าไปในสายเลยสักนิด

    แล้วเพื่อนคุณและครับ

    ก็นอนได้ทุกที่แหละครับ มันเป็นสลอธ ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่าชายหนุ่มพูดแล้วใช้เท้าเขี่ยประตูกลับเข้าไปในห้องโดยมีโซอึลซึ่งกระโดดลงมาจากเก้าอี้เมื่อสักครู่ช่วยเข็นเสาน้ำเกลือให้อย่างรู้งานโดยไม่มีใครเอะใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา

     

    หนาว

    หมิงฮ่าวกัดฟันแน่น พยายามต่อสู้กับความหนาวที่แทงเสียดเข้าไปในโครงเหล็กของตน ตอนกลางวันที่ว่าหนาวแล้วกลางคืนนั้นหนาวกว่าหลายเท่าชุดนอนแขนยาวช่วยกันให้เขาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

    เขาหันมองไปรอบตัว สำรวจทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ตอนที่หลินหลิวเข้ามาคุยกับเขาก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยู่เลยสักคนแต่ตอนนี้กลับมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้วางใจสองคนนั่งคุมเชิงอยู่และมีการผลัดเวรกันมาประมาณสามสี่ครั้งได้แถมไม่ซ้ำหน้ากันสักคนเดียว

    แต่ตัวหลินหลิวมีลูกน้องด้วยอย่างนั้นหรือ?

    ความคิดที่แว่บเข้ามาในส่วนประมวลผลทำให้ต้องกลับมาครุ่นคิดอีกรอบ ทำไมตงหลินหลิวถึงมีลูกน้องในปกครองทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัทเลยสักนิดเท่าที่เขาสังเกตุมา แล้วคนพวกนี้เป็นใครกันล่ะ

    ร่างโปร่งพยายามคิด คิดและคิด คิดจนส่วนประมวลผลเริ่มตื้องงด้วยยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อเช้าทำให้พลังงานร่อยหรอใกล้หมด เรียกได้ว่าหากเขาเเป็รโทรศัพท์แบตเตอรี่คงเหลือไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และแน่นอนทางเดียวที่จะประหยัดพลังงานได้คือการปิดเครื่อง

    เขามองช่องลมที่อยู่บนกำแพงสูงจากพื้นไปประมาณเกือบสี่เมตรแค่ดูคร่าว ๆ ก็รู้แล้วว่าเขาผ่านออกไปไม่ได้แน่นอน ส่วนประตูโกดังอยู่ข้าง ๆ โต๊ะที่เจ้าสองคนนั้นนั่งอยู่ด้วย ทางหนีเรียกได้ว่าแทบจะเป็นศูนย์

    หมิงฮ่าวกระเถิบไปอยู่ติดกับลังไม้ใบใหญ่ คู้ตัวเอาหลังชนกับแผ่นไม้พยายามข่มตาหลับเพือเก็บพลังงานไว้ให้ได้มากที่สุด

    ไฮบริดเหมือนคนตรงที่หากขาดน้ำ ของเหลวในร่างกายจะไม่สมดุลย์และการที่ของเหลวไม่สมดุลย์จะทำให้ระบบของเครื่องขัดข้องและนำไปสู่การปิดตัวเองแบบ ฉุกเฉินในที่สุด

    ตอนนี้เขากำลังภาวนา ขอให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์ตรงนี้ หรือว่าให้ชิปส่วนจัดเก็บข้อมูลรอดพ้นไปถึงมือของจุนฮุย

    หลินหลิวน่ากลัวเกินกว่าที่คิดไว้ หล่อนเป็นทั้งฆาตกร นักต้มตุ๋น หรือว่าบางทีอาจจะมีอาการของโรคจิตอ่อน ๆ เสียด้วยซ้ำ

    เปลือกตาทิ้งตัวลงเข้าหากันด้วยความเหนื่อยล้าและความหนาว ใครจะไปรู้ การที่หลับตาพักผ่อนครั้งนี้อาจจะเป็นการพักผ่อนครั้งสุดท้ายของเขาด้วยก็ได้

    ขอที ขอใครสักคนมาช่วยเขาที

     

    จุนคะ!

    เสียงแหลมสูงดูน่ารำคาญทำเอาคนที่อยู่ในห้องทุกคนสะดุ้งตื่น วอนอูที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ โซฟาซึ่งมีเด็กอีกสองคนนอนอยู่ยืดตัวขึ้นนั่งตัวตรงก่อนจะขยับแว่นตาให้เข้าที่เข้าทางพลางหยิบหนังสือที่ไหลตกลงไปอยู่บนพื้น

    คุณเป็นใครเหรอครับชายหนุ่มถามพลางปิดปากหาวหวอดด้วยท่าทางที่ไม่ค่อบสบอารมณ์สักเท่าไรที่เห็นใครไม่รู้มายืนพูดเสียงแว้ด ๆ อยู่ในห้อง

    ฉันโอซาเนะ มิกะ ว่าที่หุ้นส่วนชีวิตของคนที่อยู่บนเตียงนั่นแหละ แล้วคุณล่ะ เลขาใหม่แทนฝรั่งนั่นเหรอ? ดีเลยฉันกำลังเบื่อ ๆ หน้ามันอยู่พอดี

    คนโดนยัดเยียดตำแหน่งขมวดคิ้ว แต่เมื่อจะอ้าปากเถียง หญิงสาวท่าทางดูน่ารำคาญก็ปรี่เข้าไปที่เตียงคนไข้ซึ่งร่างของคนป่วยนอนคลุมโปงอยู่และนั่นยิ่งทำให้วอนอูขมวดคิ้วแน่นเข้าไปอีก

    จุนคะ มิกะมาเยี่ยมจุนแล้วนะ

    ใร้การตอบรับจากกองผ้าห่ม มิกะจิ๊ปากเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงหวานต่อไปอีก

    ตอนมิกะรู้ว่าจุนเข้าโรงพยาบาลจากรีเซบชั่น มิกะนี่ใจหายแว้บเลยค่ะ รีบให้คนบึ่งรถมาที่นี่เลย แล้วจุนเป็นยังไงบางคะ ไหนขอให้มิกะดูหน่อย

    เมื่อจะเอื้อมไปเลิกผ้าห่ม คนใต้ผ้าห่มก็เบี่ยงตัวหนี นั่นแหละที่ทำให้วอนอูคิดว่ามันผิดปรกติสุด ๆ ตอนนี้คิ้วของเขาขมวดแน่นพอ ๆ กับหญิงสาวผู้มาเยือนได้แล้ว

    จุนไม่คิดจะคุยกับมิกะหนอยเหรอคะหญิงสาวสัญชาติญี่ปุ่นเอ่ยอย่างน้อยใจ

    คนใต้ผ้าห่มยังคงเงียบนั่นทำให้ความอดทนของมิกะถึงขีดสุด มือเรียวบางที่เล็บประดับด้วยสีชมพูมุกดึงกระชากผ้าห่มออกจากเตียง

    ผ้าห่มลอยหวือลงไปอยู่ที่พื้นพร้อมใบหน้าของใครบางคนที่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้ หลังจากนั้นก็วุ่นวายกันไปทั้งโรงพยาบาล

    คนไข้ในเตียงไม่ตรงกับชื่อที่อยู่บนหัวเตียง



    ทุกคนทั้งพยาบาลทั้งคนจากบริษัทต่างตามหาประธานเหวินกรุ๊ปคนปัจจุบันกันเสียให้วุ่น ส่วนจงแดที่นั่งอยู่บนเตียงก็ได้แต่ส่งยิ้มแหย ๆ ให้อดีตประธานและรองประธานบริษัทที่บัดนี้จ้องมาทางเขาตาเขม็ง เลขาฯรองประธานเหงื่อตกเมื่อสบเข้ากับตาคม ๆ ของสองพี่น้องเหวินก่อนจะทำคอตกบอกความจริงทั้งหมดไป

    คุณจุนให้ผมสลับตัวครับ คุณจุนเขาบอกว่าจะไปตามหาตัวคุณหมิงฮ่าว

    เรื่องนั้นฉันรู้ชุนฮวงพูดเสียงเรียบแต่ที่อยากรู้คือไอ้จวิ้นตอนนี้อยู่ไหนและทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์คุณคืออะไรด้วยคุณคิม

    จงแดเม้มปากกลืนน้ำลายดังเอื๊อก นึกต่อว่าตัวเองว่าไม่น่าไปยอมทำตามที่คนอายุน้อยกว่าขอเลย น่าจะยอมนั่งเลี้ยงหลานอยู่เฉย ๆ ดีกว่าแต่จุนฮุยก็ดันขู่ดักไว้ก่อนเสียอีกว่าหากบอกจะโดนลดเงินเดือนจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ

    เรามาคุยกันก่อนดีกว่านะคุณคิมตงฝูเห็นว่าคนสมรู้ร่วมคิดกับหลานชายตัวดีไม่ยอมเปิดปากง่าย ๆ จึงพูดขึ้นบ้าง เสือแก่เดินไปด้านข้างเตียงแล้วนั่งลงข้าง ๆ คนกำลังถูกสอบสวน แขนที่เหี่ยวย่นไปตามวัยแต่กลับดูแข็งแรงเอื้อมไปกอดคอของรองประธานเหวินกรุ๊ปไว้หลวม ๆ นั่นทำให้จงแดรู้สึกถึงลางไม่ดีไปยิ่งกว่าเดิม เขาหันหน้าไปขอความช่วยเหลือจากวอนอูซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ซือเฉิงที่ตอนนี้กำลังกอดเด็กทั้งสองคนไว้หลวม ๆ เพื่อไม่ให้เข้าไปกวนการสืบสวนสอบสวนที่ตึงเครียดทำให้คนผิวซีดทำได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ ไปให้เท่านั้นเพราะตัวเขายังคงอยู่ในกลุ่มคนนอก

    คุณรู้นิสัยเจ้านายคุณใช่ไหม

    ครับจงแดพยักหน้า

    แล้วคุณคิดว่าคนใจร้อนอย่างหลานชายผมนี่มันจะไม่เผลอทำอะไรจนโดนพวกของหลินหลิวจับได้เหรอตงฝูถามเสียงเย็น

    เอ่อ…”

    ไอ้จุนมันบอกคุณไว้ว่ายังไงเดี๋ยวพี่ฮวงจะคุยให้เอง แต่ถ้าคุณไม่บอกนี่ผมก็ไม่รู้นะ ว่ามังกรจะว่ายังไงเหวินคนน้องยักไหล่แล้วดึงมือของตนกลับมากอดอก

    คุณเหวินพูดจริงนะครับจงแดถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ

    ชุนฮวงพยักหน้ากำชับ นั่นเป็นสัญญาณที่ว่าคำกล่าวของตงฝูเป็นจริงอย่างแน่นอน เลขาฯรองประธานเหวินกรุ๊ปจึงยอมปริปากบอกไป

    ทะเบียนของผมคือ…”

    พ่อของจุนฮุยพยักหน้าอีกครั้งแล้วหันไปพูดกับลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

    ตามหารถเลขทะเบียนตามนี้ เราจะรอตำรวจจัดการอย่างเดียวต่อไปไม่ได้แล้ว


    ตอนนี้คนไข้บนเตียงกำลังบึ่งมอเตอร์ไซค์อยู่บนถนนสายหลัก หลบไปทางซ้ายที ขวาที ตามสภาพของการจราจร จนเข้าไปในตัวจังหวัดที่คาดว่าตุ๊กตาตัวเล็กของเขาจะอยู่ก่อนจะมาหยุดลงตรงพื้นที่ข้างโรงงานของบริษัทที่ตอนนี้ตัวโรงงานถูกปิดตัวลงไปด้วยผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อนซึ่งมีแผนกำลังจะกลับมาใช้งานอีกครั้ง สถานที่ที่เขาพอจะนึกออกก็มีเพียงทีนี่ที่เดียวในจังหวัดนี้

    รถจักรยานยนต์ของจงแดถูกจอดหลบไว้ที่ข้างทาง จุนฮุยนั่งลงก่อนจะนำปืนพกที่แอบขโมยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้องออกมาเช็คกระสุน เหลืออยู่อีกสามสี่นัดพอให้อุ่นใจได้บ้าง แต่นั่นหมายความว่าเขาต้องจัดการเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด และออกจากที่นี้ไปให้ได้เร็วยิ่งกว่าก่อนที่หลินหลิวจะรู้ตัว

    เขาถอนหายใจดังเฮือกพลางกำมือทั้งสองข้างที่จับปืนไว้แน่น เป็นการกระทำที่บ้า บ้า บ้ามาก ๆ ! บ้าที่บุกเดี่ยวเข้ามาโดยมีแค่ปืนหนึ่งกระบอกและจักรยานยนต์หนึ่งคัน ที่บ้าอีกอย่างคือตัวเขาเองไม่เคยทำเรื่องอย่างพวกไปชิงตัวใครมา ปืนผาหน้าไม้นี่จับแทบนับครั้งได้เสียด้วยซ้ำ วัน ๆ เอาแต่นั่งจับปากกา จะเอาอะไรไปสู้เขาวะเหวินจุนฮุย

    ชายหนุ่มเม้มปาก แต่ไหน ๆ ก็มาอยู่ถึงตรงนี้แล้ว ถ้านี่เป็นรังของพวกนั้นขึ้นมาจริง ๆ การที่ถอยกลับไปตอนนี้คงเป็นอะไรที่ผิดพลาดมาก เขาค่อย ๆ เดินอ้อมไปข้างหลังรั้วโรงงานและเมื่อเห็นว่ามีชายฉกรรจ์ประมาณสองถึงสี่คนยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่หน้าประตู แถมทุกคนมีปืนเหน็บไว้ที่่ข้างเอว นั่นทำให้เขาแน่ใจว่าคิดไม่ผิด

    เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถือไว้อย่างลังเล ของอย่างนี้จะให้ไปออนสเตจคนเดียวคงจะใช่เรื่องหรอก ตายฟรีแน่อย่างนั้น

    จุนฮุยกดโทรศัพท์หาใครสักคนที่พอจะช่วยได้และมั่นใจได้ว่าจะไม่ตะคอกใส่หูตั้งแต่วินาทีแรกที่รับสาย เพียงสักครู่ปลายสายก็กดรับก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่ตกใจสุดขีดของลูกผู้น้อง

    (ตอนนี้เฮียอยู่ไหนเนี่ย!)

    เฮ้ย…”

    (ทำชาวบ้านเขาเป็นห่วงกันหมดแล้วรู้ไหม แล้วนี่อยู่ที่ไหน คิดจะทำอะไรกันแน่)

    ถ้าจะให้ตอบก็ช่วยหุบปากก่อนสักแป๊บได้มั้ย เว้นช่วงไม่ให้พูดเลย สนใจไปออกโชว์มีเดอะมันนี่มั้ย เดี๋ยวซีซั่นหน้าสงไปแข่งคนอายุมากกว่าพูดเสียงเบาคล้ายกระซิบตอนนี้เฮียอยู่ที่โรงงานเก่าของบริษัทที่…”

    เขาบอกชื่อเขตที่ตัวโรงงานตั้งอยู่แล้วรีบกดวางสายโดยไม่รอฟังคำถามต่อไปแล้วปิดเครื่องทันทีแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกง สองข้างกำด้ามปืนไว้แน่น เขารู้สึกว่าที่อุ้งมือมีเหงื่อไหลซึมเต็มไปหมดจนแทบจับปืนไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือตื่นกลัวกันแน่ บางทีอาจจะเป็นทั้งสองอย่าง ร่างสูงหันออกไปมองชายทั้งสี่คนเล็กน้อย ถึงจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้แต่มันก็เป็นสิ่งง่าย ๆ ที่ว่าหากเดินดุ่ม ๆ ออกไปอย่างนั้นคงโดนยิงพรุนกลับมาทั้งตัวเป็นแน่ ดูแล้วฝีมือแต่ละคนก็ใช่ว่าจะธรรมดา

    คิดจะทำอะไรน่ะ

    เสียงที่คุ้นราวกับว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนดังขึ้นพร้อมกับมีอะไรบางอย่างมาจ่อตรงบริเวณหลังศีรษะ

    นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง

    จุนฮุยถามพลางยกมือขึ้นทั้งสองข้างทั้ง ๆ ที่มือข้างหนึ่งยังคงถือปืนไว้แน่น

    ผมมากกว่าที่ต้องถามคุณ คุณเหวินทิ้งปืน

    ฮันโซลใช้ปลายปากปืนดันศีรษะเจ้านายของตน ร่างสูงกัดฟันก่อนจะยอมปล่อยอาวุทสีดำเมื่อมลงที่พื้นทันที เลขานุการที่เขาคิดว่าไว้ใจได้หัวเราะในลำคอแล้วใช้มือข้างที่่ว่างอยู่เก็บสิ่งนั้นขึ้นจากพื้นมาเก็บไว้กับตัว

    ทำแบบนี้ทำไม

    เขาถามลูกน้องเก่าพลางกัดฟันกรอด ชายหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันกระตุกยิ้ม

    ผมไม่ใช่คนที่จะยอมถูกใครสั่งตลอดหรอกนะ โดยเฉพาะคนอย่างคุณ

    คนอย่างฉันมันทำไมเหรอจุนฮุยถามกลับด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำให้ดูยียวนทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นกลัวจะแย่หรือบางทีมันอาจจะมาจากคำพูดที่พูดไม่คิดของเขาเอง ฮันโซลเหลือบมองมือหนาที่กำลังสั่นน้อย ๆ ด้วยความกลัวอย่างย่ามใจ

    คุณจำเมื่อสามปีก่อนได้หรือเปล่าอดีตพนักงานที่คิดว่าไว้ใจได้ถามกลับ

    ถ้าจะถามจริง ๆ ก็จำได้ ทำไมหรือ

    มีบริษัทนึงล้มละลาย เพราะถูกเหวินกรุ๊ปแย่งลูกค้าไปหมด หุนก็ตก หนี้สินก็เพิ่มขึ้น

    ความทรงจำที่เริ่มรางเลือนย้อนกลับมา เขานึกออกแล้ว ช่วงนั้นหนังสือพิมพ์ทั่วประเทศกระพือข่าวว่ามีบริษัทเวชภัณฑ์แห่งหนึ่งล้มละลายพร้อมหนี้สินที่ท่วมหัว จนประธานบริษัทนั้นยิงตัวตายในบ้านของตัวเองพร้อมภรรยาและลูกสาวอีกหนึ่งคน แต่ก็ถูกลืมเลือนไปในเวลาไม่นานด้วยข่าวละครเรื่องหนึ่งซึ่งเรตติ้งพุ่งทะลุเพดานแทนทำให้ไม่มีใครคิดจะสือสาวเหตุอะไรต่อ

    แล้ว…”

    ผมเกี่ยวอะไรด้วย ใช่ไหม?” ฮันโซลเดินอ้อมมาด้านหน้าโดยที่ปลายกระบอกปืนยังคงจ่ออยู่ที่ศีรษะของอีกคนนอกจากประธานคนนั้นจะมีลูกสาวแล้วเขาก็ยังมีลูกชายกับลูกสาวอีกสองคนด้วย

    หรือว่า…"

    ใช่ ผมเอง คุณนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตผมกับน้องสาวต้องเปลี่ยนไป แทนที่ผมจะได้ อยู่กับครอบครัว กลับมาทำงานกับพ่อคนอายุน้อยกว่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ขอบตาและปลายจมูกเริ่มขึ้นสีเรื่อ

    “...”

    แต่คุณ เหวินจุนฮุย คุณทำให้บริษัทของคุณก้าวหน้า คุณทำให้เหวินกรุ๊ปก้าวกระโดดไปสู่จุดสูงสุด พนักงานทุกคนมองคุณเป็นฮีโร่ แต่ไม่ใช่ผมฮันโซลกำด้านปืนแน่นขึ้นจนสิ่งของในมือสั่นพอกับมือของคนที่ถืออยู่คุณมันหัวขโมย บริษัทของพ่อกำลังจะไปได้ดี พ่อทุ่มกำไรทั้งหมดกับสินค้าชุดใหม่ แทนที่เราจะไปได้สวย แต่บริษัทของคุณก็ดึงลูกค้าไปหมด หุ้นที่กำลังขึ้นก็ตกฮวบ หนี้ก็เพิ่มขึ้น บ้านที่กับที่ดินก็ถูกเอาไปจำนอง ของมีค่าก็ถูกเอาไปขาย พวกเราไม่เหลืออะไรเลยไม่เหลือเลย

    “...”

    พ่อเครียดมาก ทั้งเรื่องหนี้ เรื่องบริษัท พ่อกลายเป็นบุคคลล้มละลาย และพ่อผมไม่ได้ล้มบนฟูก บ้านที่อยู่ก็กลายเป็นของคนอื่น วันสุดท้ายก่อนที่จะถูกไล่ออกจากบ้าน พ่อหยิบปืนขึ้นมาแล้วก็ยิงแม่กับโซมี…”

    “...”

    แล้วคุณหลินก็เข้ามาช่วย ยื่นมือเข้ามาเรื่องจัดการหนี้สิน ส่งน้องกับผมผมให้เข้าเรียนจนตอนนี้อยู่มหาวิทยาลัย

    นายเลยช่วยเขาโกงฉัน ว่าอย่างนั้นเถอะ

    ร่างสูงพูดโดยลืมความกลัวที่มีให้ต่ออาวุธสีดำตรงหน้าไปเสียหมดสิ้น ตอนนี้ซือเฉิงคงบอกพ่อของเขาแล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน แถมที่นี่ก็อยู่ไม่ห่างจากโซลมากนัก คงใกล้มาช่วยเขาแล้วล่ะ

    ก็ประมาณนั้น ก็ผมได้ส่วนแบ่งด้วยนี่ฮันโซลยักไหล่

    บ่อนไส้เสียยิ่งกว่าคิมจุนมยอนเสียอีกนะ

    หุบปาก!ชายหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันตะคอก ปลายกระบอกมาหยุดอยู่ตรงปลายจมูกโด่ง เขามองผ่านลำกล้องไปจนถึงดวงตาโศกที่มักจะส่งผ่านแววตาที่จริงใจให้เสมอ แต่ตอนนี้เหลือเพียงความแค้นที่เก็บงำมาตลอดสามปีและดวงตาที่แดงก่ำเท่านั้น

    เกลียดกันขนาดนั้นก็ยิงเลยสิจุนฮุยพูด ใจก็นึกว่าตัวเองว่าทำไมปากไวขนาดนี้ อยากตายหรือไงกัน ปากล่อกระสุนมากถ้าตายก็ไม่ข้องใจอะไรแล้วว่าเพราะอะไรอะไร “แต่นายยังมีโอกาสตัดสินใจนะ ถ้านายยอมปล่อยฉันไปฉันจะไม่เอาเรื่องนาย”

    “นายจะไม่ต้องเข้าคุก น้องนายจะได้เรียนต่อจนจบ”

    “เชื่อฉันสิฮันโซล พ่อนายคงไม่อยากให้นายทำอย่างนั้นหรอก”

    “เงียบ

    “ถ้านายยิง น้องนายจะหมดอนาคต”

    คิดว่าผมไม่กล้าเหรอ

    ถ้ากล้าก็ยิงไปนานแล้ว

    นั่น วอนโดนเจาะหัวอีกแล้ว

    ได้ อยากตายนักใช่ไหมนิ้วชี้ที่เกี่ยวไกปืนอยู่ทำท่าจะกดให้กระสุนดีดตัวออกจากปากกระบอก อะไรบางอย่างก็วิ่งผ่านใต้แขนของเขาไปก่อนที่ฮันโซลจะทรุบฮวบลงกับพื้น กระสุนจากปืนในมือของอดีตเลขานุการพุ่งเฉียงขึ้นฟ้า เฉียดศีรษะของเขาไปอย่างเฉียดฉิว และเมื่อหันไปมองคนอายุน้อยกว่าที่ร้องโอดโอยนอนตัวงอเป็นกุ้งอยู่ที่พื้น เลือดสีแดงสดไหลออกจากปากแผลตรงท้องไม่หยุด

    ไม่บาดเจ็บใช่ไหม

    ป๊า!

    เขาเห็นพ่อผู้บังเกิดเกล้ายืนอยู่เบื้องหลัง ปืนในมือของผู้เป็นพ่อถูกทิ้งลงข้างกลัวโดยไม่ลืมล็อกไกปืน ชายวัยกลางคนโคลงศีรษะก่อนจะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าลูกชายคนเดียว เหลือบมองคนที่นอนอยู่บนพื้นซึ่งตอนนี้มีคนอีกสองคนซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นคนของทางตำรวจมาดูอาการ และหนึ่งในนั้นกำลังโทรเรียกรถพยาบาลส่วนอีกคนกำลังทำปปฐมพยาบาลเพื่อห้ามเลือดไว้ก่อนจะเสียเลือดมากเกินไป เมื่อหันกลับไปมองประตูทางเข้าก็เห็นชายสี่คนเมื่อครู่นอนอยู่บนพื้นในสภาพที่ไม่ต่างจากฮันโซลมากนัก

    คิดยังไงหนีออกมาจากโรงพยาบาลชุนฮวงถามเสียงเข้ม ชายหนุ่มก้มหน้ามองพื้นหญ้าที่ขึ้นรกชัฏ ตอนนี้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กแล้วโดยพ่อดุอย่างไรอย่างนั้น

    ผมแค่…”

    คิดว่าบุกเดี่ยวแล้วมันเท่งั้นเหรอ ถ้าแกเป็นอะไรขึ้นมาป๊ากับม๊าแกจะทำยังไง

    ผม…”

    ทำไมชอบหาเหาใส่หัว หาเรื่องใส่ตัว ปากนี่นะก็ไวจริง ๆ ทำไมถึงพูดไม่คิด

    นี่ป๊าฟังอยู่ตลอดเลยเหรอ

    ตั้งแต่เลขาแกเอาปืนจ่อหัวแกแล้วผู้เป็นพ่อพูดเสียงเรียบ ทำหน้าขรึมใส่ลูกชายทำเอาคนปากดีเมื่อครู่กลับมายืนเงียบเหมือนเดิม ชุนฮวงถอนหายใจดังเฮือกก่อนจะหยิบปืนของฮันโซลบนพื้นขึ้นมาเปิดเช็คกระสุน ดวงตาเรียวรีเหลือบมองจุนฮุยอย่างเอือมระอากับนิสัยของคนตรงหน้า

    จะไล่แกกลับไปที่โรงพยาบาลก็คงไม่ยอมสิ

    ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ทำให้ชายวัยกลางคนพอจะเข้าใจว่าเขาเดาไม่ผิดสักเท่าไหร่ มือที่เริ่มเหี่ยวย่นส่งอาวุธสีดำมะเมื่อมให้ลูกชายหัวรั้น

    อย่าเป็นอะไรไปแล้วกัน

    V

    V

    V

    (100%)


    ----------------------

    โอเน็ทไม่ได้ยากนะ แต่ทำไมเราทำไม่ได้วะ งง

    มาลงส่วนก่อนอาฮ่าวโดนตบหน้านะคะ พอดีก็อปมาวางแล้วมันหายไปไหนไม่รู้ง่าTT TT

    ใครจะแจ้งโอนมาช่วงวันที่ 18-24 ก.พ. ขออนุญาตงดตอบเมลในช่วงนั้นนะคะเพราะเราสอบปลายภาค5555555555555555555555555555555


    เออใช่ มีคนถามเรามาเรื่องว่าจองฟิคยังไง นี่เลยยยยย โอนแล้วส่งสลิปมาทางเมล helloisbee@gmail.com เลยค่ะ เดี๋ยวทางเราจะติดต่อกลับไปเองค่าาาา (^0^)/

    ป.ล.ซื้อฟิคกัน มีสุ่มของขวัญให้ด้วยนะถึงจะไ่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมายแต่ใช้ประโยชน์ได้นะคะ (> v <)


    (ทำไมใส่อีโมเยอะ5555555)


    ♡ ด้วยรักและข้าวมันไก่ทอด♡

    @yinde119

    #ฟิคไฮบริดมินวอน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×