คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Hybrid :: The first "Sweat?" ( 100% ! )
Chapter I
"Sweat?"
“เอ้า ถึงแล้ว” วอนอูเปิดประตูเข้าไปในที่อยู่ของตนซึ่งเป็นคอนโดมีเนียมบนชั้นที่สามพร้อมตุ๊กตาเด็กชายที่จูงมือไว้ “ต่อไปที่นี่คือบ้านนาย” ร่างบางปล่อยมือเล็กออกพลางเอาเท้าเขี่ยปิดประตูก่อนจะนั่งลงบนทางต่างระดับหน้าประตูเพื่อถอดรองเท้า
สองขาของมินกยูเดินสำรวจห้องนั่งเล่นตั้งแต่โป๊ะไฟไล่ไปจนถึงโซฟาตัวยาวสีครีมที่ตั้งอยู่กลางห้อง แล้วมาหยุดมองรูปวาดสีน้ำมันบนกำแพงสีขาวสะอาดด้วยความชื่นชม
สวยจัง...
“ฉันวาดเองแหละ สวยใช่ไหมล่ะ?” เจ้าของห้องบอกพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ
“ก็งั้นๆอ่ะ” ร่างเล็กบอกปัดก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งจุ้มปุ้กกอดตุ๊กตาหมีอยู่บนโซฟา
“โถ่ สวยก็บอกมาเถอะ” ร่างบางเดินไปทิ้งตัวนั่งข้างๆแล้วยกมือขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มจนยุ่งไม่เป็นทรง
“ทำอะไรของลุงเนี่ย หัวยุ่งหมด” มือป้อมปัดมือเรียวของวอนอูออกพลางทำหน้ามุ่ย ริมฝีปากเล็กบ่นเบาๆพร้อมยกมือลูบผมของตนเพื่อนจัดทรงให้เรียบเหมือนเดิม
ร่างเพรียวมองการกระทำของเด็กชายตรงหน้าอย่างพิจารณา ไม่ว่าจะไปนิ้วมือ เส้นผม ใบหน้า รวมไปถึงลำตัวออกแบบมาจนดูเหมือนอีกฝ่ายไม่ใช่ตุ๊กตาแต่เป็นคนจริงๆ
“หิวอ่ะ…” มินกยูเอ่ยพร้อมหันหน้าไปสบตาชายหนุ่ม
“หา” วอนอูเลิกคิ้ว “หิวเป็นด้วย?”
“คู่มือการใช้ที่พี่จีฮุนให้มา ทำไมไม่อ่านอ่ะ?” เด็กชายไฮบริดพูดพลางพยักเพยิดไปทางคู่มือการใช้เล่มหนาบนโต๊ะ
เขาให้อันนี้มาด้วยเหรอวะ?
“เดี๋ยวค่อยอ่าน หาอะไรให้กินก่อน” ร่างโปร่งลุกขึ้นเดินไปในครัว เปิดตู้เย็นหยิบขนมปังไส้ช็อคโกแลตกับนมจืดออกมาหนึ่งขวด แล้วใช้ศอกปิดตู้เย็นก่อนจะเดินกลับไปที่โซฟา
“กินได้ไหม?” ถามพลางส่งอาหารทั้งสองอย่างให้
มินกยูพยักหน้า “กินได้ ขอบคุณครับ” มือป้อมรับของทั้งสองอย่างมาทานเงียบๆ
“เดี๋ยวหกโมงค่อยทำข้าวเย็น กินนี่ไปก่อนแล้วกันนะ” วอนอูนั่งลงข้างๆแล้วเอื้อมไปหยิบคู่มือบนโต๊ะ “หนาจัง ขี้เกียจอ่านอ่ะ”
“อ่านไอ(อ่านไป)” มินกยูพูดทั้งๆที่ขนมปังยังเต็มปากและครีมสีน้ำตาลเข้มเลอะเป็นจุดเล็กอยู่บนแก้มใส
“ครับๆ” ร่างเพรียวตอบก่อนจะเอานิ้วโป้งข้างที่ถนัดปาดเอาครีมที่เลอะออกแล้วใช้ลิ้นเลียคราบครีมบนนิ้วโป้งออก “กินเลอะเป็นเด็กๆเชียว”
“ไม่เด็กเสียหน่อย” เด็กชายบ่นเสียงเบาแต่ก็ดังพอที่จะให้ผู้ใหญ่ข้างๆได้ยิน แก้มใสขึ้นสีเล็กน้อย
ร่างเพรียวหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนจะก้มลงอ่านคู่มือเล่มหนาที่เริ่มต้นด้วยรูปภาพจำลองส่วนประกอบ และอธิบายระบบต่างๆกินพื้นที่ไปเกือบหมดเล่ม
“ยาวชะมัด” เขาเอ่ยพลางเบะปากแล้วพลิกเปิดหน้าต่อไป
พัฒนาการ
ไฮบริดจะเจริญเติบโต 1 เดือน / 1 ปี เมื่อมีอายุครบ 10 เดือน ไฮบริดเด็กผู้ชายจะมีส่วนสูงประมาณ 170-190 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่ควรเกิน ส่วนสูง - 100 ส่วนไฮบริดหญิงจะมีส่วนสูงประมาณ 155-170 เซนติเมตร และน้ำหนักไม่ควรเกิน ส่วนสูง - 110
กฎเเละข้อบังคับการเลี้ยงไฮบริดดอล
1.พลังงานของไฮบริดคือไฟฟ้าและอาหารทั่วไป ยกเว้นอาหารที่มีกรดและไขมันสูง
2.หากไฮบริดมีอุณหภูมิสูงเกิน 39 องศาเซลเซียสหรือเส้นผมมีสีซีดจางให้รีบนำส่งศูยน์ซ่อมหรือสำนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด
3.หากไฮบริดไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ สุขภาพจิตจะแย่ลงและอาจส่งผลถึงด้านพัฒนาการ
4.ด้านการศึกษา ทางบริษัทมีสถานศึกษาเปิดรองรับอยู่ทุกประเทศที่ขยายสาขา โดยจะเปิดรับสามระดับ ดังนี้
อนุบาล
ประถม
มัธยม
และมีการเรียนการสอนเหมือนโรงเรียนทั่วไปทุกประการ
หากพบปัญหาหรือมีข้องสงสัย ติดต่อสอบถามได้ที่
บริษัท Aichitery Hybrid Company(Korea) เขตอับกูจอง,โซล รหัสไปรษณีย์ xxxxx
โทรศัพท์ : 02-xxx-xxxx
โทรสาร : xx-xxx-xxxx
“จบแล้ววววว” ร่างเพรียวเอ่ยพลางโยนคู่มือเล่มหนาในมือทิ้งแล้วยกมือขึ้นนวดกระบอกตา “เมื่อยลูกตาชะมัดเลย”
“ฟี้...ฟี้” เสียงหายใจที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้หันไปมองอย่างสงสัย เห็นมินกยูนั่งหลับคอพับกรนอยู่เพราะหายใจไม่สะดวก วอนอูอมยิ้มก่อนจะเปลี่ยนท่าเด็กชายให้นอนหลับสบายๆ มือเรียวประคองศีรษะเล็กอย่างทะนุถนอมแล้วนำมาวางบนตักของตนอย่างแผ่วเบา มือบางลูบกลุ่มผมนุ่มด้วยความเอ็นดู
“ตอนหลับก็น่ารักดีนี่นา” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงเบา “ตอนตื่นน่ารักเหมือนตอนหลับบ้างสิเจ้าเด็กบ้า”
“งื้อ” ตุ๊กตาตัวน้อยครางในลำคอแล้วหันหน้าซุกเข้าที่หน้าท้องแบนราบ “หนาว…”
คนแก่กว่ายิ้มบางแล้วค่อยๆอุ้มร่างป้อมขึ้นเพราะกลัวว่าเปลือกตาสีมุกคู่นั้นจะลืมขึ้นมาแล้วโวยวายอะไรอีก ขาทั้งสองเดินไปที่ห้องนอนของตนช้าๆ จังหวะการวางเท้าแต่ละครั้งเป็นไปอย่างเงียบเชียบจนเหมือนย่องเสียมากกว่าก่อนจะบรรจงวางมินกยูลงกับเตียงกว้างแล้วนั่งคุกเข่าเท้าคางกับเตียงมองเด็กชายด้วยรอยยิ้ม
“นี่เธอเป็นตุ๊กตาแน่เหรอ” ร่างบางเอ่ยเสียงเบา “ดูไม่เหมือนเลยนะ” มือเรียวเอื้อมไปเกลี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้าออก
เปลือกตาสีมุกปิดสนิทด้วยความง่วงงุน ริมฝีปากได้รูปเผยอน้อยๆน่าเอ็นดู ระหว่างเขาเคลิ้มไปกับใบหน้าน่ารักระคนหล่อเหลาพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเหงื่อบริเวณขมับ
เดี๋ยวนะ...เหงื่อ?
มือบางสัมผัวที่บริเวณเปียกชื้นก่อนจะยกขึ้นแตะตรงปลายลิ้น
เค็ม...ของจริงดิ?
วอนอูขมวดคิ้วพลางวางแผนการของวันพรุ่งนี้ ว่าหลังจากกลับจากบริษัทจะมารับเด็กชายแล้วพาไปซื้อเสื้อผ้าที่ห้างสรรพสินค้า หรือจะพาไปที่ทำงานด้วยดี
“ทนนอนอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน” ร่างเพรียวพึมพำแล้วลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ
“ราตรีสวัสดิ์” ร่างบางเอ่ยเสียงเบาก่อนจะปิดประตูอย่างแผ่วเบา
รถแลมโบกินีสีดำมันปลาบสะท้อนแสงไฟจากบ้านจอดเทียบกับรั้ว ก่อนที่ประตูรถดีไซน์หรูจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดลำลองก้าวออกมา
“ออกมาสิ” จุนฮุยมองเข้าไปที่เบาะหลังด้วยรอยยิ้มอารี
ร่างบางค่อยๆออกจากรถอย่างกล้าๆกลัวๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วด้วยแววตาสั่นระริก ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะ คนที่นี่ใจดี” มือหนากุมมือบางไว้หลวมๆก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้านหรือควรเรียกว่าคฤหาสน์จะดีกว่า
หลังประตูบานหรูจากไม้เนื้อดีเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ตรงกลางเป็นบันไดทอดยาวลงมา หัวบันไดทั้งสองข้างมีแจกันกระเบื้องเคลือบลวดลายสวยงามวางประดับ มีทางเชื่อมกับห้องทั้งสองซ้ายขวา ทางซ้ายเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่มีโซฟาหลังยาวและโทรทัศน์พร้อมเครื่งเล่นสเตอร์ริโอครบชุดวางอยู่ด้านหน้า ทางด้านขวาเป็นห้องรับประทานอาหารมีโต๊ะตัวยาวที่นั่งได้ประมาณสิบคนทำจากไม้ขัดเงาเป็นมัน
“ห้องนายอยู่ชั้นสอง” จุนฮุยเอ่ยก่อนจะจูงมือหมิงฮ่าวที่ไม่ยอมพูดอะไรขึ้นไปชั้นสอง ห้องแรกของฝั่งซ้าย มือหนาบิดลูกบิดสีเงินเข้าไปด้านใน
พนังห้องตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์สีครีม มีเตียงขนาดย่อมอยู่ข้างโต๊ะวางโคมไฟ มีตู้เสื้อผ้าแบบวอล์คอินอยู่ตรงข้ามห้องน้ำ หน้าตากระจกใสสามารถเปิดออกไปตรงระเบียงหรือรับลมได้ แต่สิ่งที่ถูกใจตุ๊กตาตัวบางที่สุดคงจะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียสีขาวปลอดที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง แถมที่คอมีโบว์สีชมพูพาสเทลผูกหลวมๆอยู่
“เห็นในสมุดแท็กบอกว่านายชอบแมว ฉันเลยให้ป้าแม่บ้านไปหามาให้” ร่างสูงยิ้มพลางมองร่างบางที่มองเจ้าเหมียวตาเป็นประกายก่อนจะปล่อยมือให้หมิงฮ่าวเดินไปที่เตียง
มือเรียวลูบขนสีขาวสะอาดของแมวตัวย่อมอย่างเอ็นดู ริมฝีปากบางอมยิ้มอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นดังนั้นจุนฮุยจึงพยายามออกจากห้องไปเงียบๆ
“ขอบคุณครับ” เสียงทุ้มหวานเปล่งออกจากริมฝีปากเล็กสีแดงสดเป็นประโยคแรกนับจากออกจากร้านมา ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มบาง
“ไม่เป็นไร” เขาตอบก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตนเองเพราะมีเอกสารอีกมากให้จัดการ หลังจากพ่อของเขา เหวินชุนฮวาง วางมือจากเหวินกรุ๊ป บริษัทยาและเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของจีน เขาที่เป็นลูกชายคนเดียวจึงต้องรับช่วงต่อทั้งๆที่เพิ่งเรียนจบคณะบริหารที่อังกฤษไม่นาน และกว่าจะให้ผู้บริหาร คณะกรรมการบริษัทยอมรับได้ก็กินเวลาไปหลายปี
มือหนาจรดปากกาหมึกซึมลงบนกระดาษแผ่นสุดท้ายก่อนจะวางปากกาลงกับโต๊ะแล้วถอนหายใจด้วยความผ่อนคลาย มือเรียวหยิบหนังสือขนาดเอห้าขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้งเพื่อจะได้ดูแลหมิงฮ่าวได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องให้ตุ๊กตาตัวบางเครียดหรือคลุ้มคลั่ง พลางนึกถึงคำพูดของด็อกเตอร์ซูนยองหรือโฮชิที่ย้ำนักย้ำหนาจนจำได้แม่นว่า
‘คุณต้องให้เขาอยู่ในภาวะผ่อนคลาย โดยให้เขาทำสิ่งที่ชอบหรือจะพาไปเที่ยวก็ได้’
‘อย่ากระตุ้นหรือทำอะไรให้เขาเครียดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาก็จะคลุ้มคลั่งอย่างที่ทำให้ทีมงานวุ่นวายวันนี้แหละ’
‘ห้าม! เน้นนะว่าห้ามว่าหรือทำโทษเขาด้วยคำแรงๆ ตักเตือนแต่พอประมาณ เพราะหมิงฮ่าวอยู่ในสภาวะที่เครียดง่ายมาก ผมว่าคุณคงเข้าใจนะ’
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ออฟฟิศตัวโปรดแล้วลงมานั่งกับพื้นพรมแทน สายตาไล่ไปตามตัวอักษรบนหน้ากระดาษสีนวลตาของสมุดแท็กอย่างถี่ถ้วน
สมุดแท็กก็เหมือนบัตรประชาชนของไฮบริดที่ไฮบริดทุกตัวต้องมี เพื่อใช้บอกข้อมูลต่างๆให้กับเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ชอบสิ่งที่เกลียด
หลังจากอ่านจบไปอีกหนึ่งรอบ ร่างหนาก็เอื้อมขี้นไปวางสมุดบนโต๊ะทำงานก่อนจะตรงไปที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนด้วยความล้า
“เวลาอยู่ที่ออฟฟิศต้องเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซนนะเข้าใจไหม?” ร่างเพรียวเอ่ยย้ำกับตุ๊กตาเด็กชายระหว่างอยู่บนรถตอนเดินทางไปบริษัท วอนอูที่ทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของกรรมการบริหารชเวซึงชอลร่วมกับยุนจองฮันคนสวย(?) และที่วันนี้ต้องรีบไปที่บริษัทเพราะเขาต้องนำเอกสารไปให้เจ้านายเซ็น พ่วงด้วยต้องฉุดกระชากลากถูแงะตุ๊กตาเด็กขึ้นจากเตียงนอนทำให้เสียเวลาไปเกือบสิบนาที
คิดถูกไหมวะที่ซื้อไอเด็กนี่มาเนี่ย!?
“อู้แอ้วอ้า(รู้แล้วน่า)” มินกยูตอบทั้งแซนด์วิชแฮมชีสที่ร่างบางทำให้อย่างรีบๆยังเต็มปาก
“คราวหลังเคี้ยวให้หมดก่อนพูดนะ” คนแก่กว่าพูด มืออีกข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยหยิบแซนด์วิชในกล่องทัพเพอร์แวร์ใส่ปาก สายตายังคงจับจ้องไปที่ถนนใหญ่
ไฮบริดตัวเล็กกลืนอาหารเช้าลงคอก่อนจะตอบกลับไป “รู้แล้วน่า”
“วันนี้ฉันต้องรีบทำเอกสาร เพราะฉะนั้นอยู่นิ่งๆ เข้าใจนะ?” วอนอูย้ำอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วน่า ลุงย้ำเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง” เด็กชายยู่หน้า
“แล้วก็ถึงคุณซึงชอลเขาจะชอบเด็ก แต่นายก็ห้ามไปกวนเขานะ”
“อือ”
“จองฮันเขาก็พอเล่นด้วยได้ แต่บริษัทอยู่ในช่วงขยายสาขาเลยงานยุ่งๆกัน อาจจะไม่มีคนเล่นด้วยนะ”
“ผมต้องการการดูแลเอาใจใส่นะลืมแล้วเหรอ” มินกยูพูดพลางแกล้งเบะปาก
“อ่าอา(อย่ามา)” ร่างบางเอ่ยทั้งๆที่ปากยังคาบแซนด์วิชไว้
“ว่าแต่ผมทีลุงยังทำเลย” ไฮบริดตัวเล็กเถียงพลางเบะปากอย่างไม่พอใจ
“ถึงแล้ว” วอนอูจอดรถแล้วปลดเข็มขัดนิรภัย “ไปซื้อขนมไว้กินก่อนไหม?”
“ช็อคโกแลต!” เด็กชายเอ่ยพลางฉีกยิ้มกว้าง
“โอเคๆ” ร่างเพรียวดึงกุญแจเก็บใส่กระเป๋าแล้วเปิดประตูลงจากรถไปหยิบกระเป๋าเอกสารก่อนจะเดินไปเคาะกระจกข้างของมินกยู “ลงมาเร็ว! จะสายแล้ว!”
ไฮบริดตัวจ้อยพยักหน้าพลางลงจากรถอย่างช้าๆ
“เร็วเซ่!!!” วอนอูเอ่ยเสียงลน “จะสายแล้ววววว”
“คร้าบบบ” ร่างป้อมรีบกระโดดลงจากรถแล้วปิดประตูดังปังก่อนที่ทั้งสองจะรีบร้อนเดินออกจากที่จอดรถ แต่เพราะความยาวของขาที่ไม่เท่ากันทำให้มินกยูต้องเปลี่ยนมาเป็นวิ่งแทน
ประตูเลื่อนอัตโนมัติเลื่อนออกพร้อมเลขาหนุ่มและตุ๊กตาตัวเล็กที่รีบวิ่งเข้ามาจนหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อยหลังจากวิ่งไปซื้อน้ำและขนมจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
“อ้าว! คุณวอนอู อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หญิงสาวในชุดสุภาพเดินเข้ามาทักด้วยร้อยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณสเตฟานี่ มีธุระที่นี่เหรอครับ?” ร่างเพรียวเอ่ย
“มาหาท่านประธานนั่นแหละค่ะ นี่ก็กะจะลงไปซื้อกาแฟให้” สเตฟานี่ยิ้มบาง
ฮวังสเตฟานี่ นักแสดงสาวดาวรุ่งที่เพิ่งหมั้นหมายกับนิชคุณประธานบริษัทที่วอนอูทำงานอยู่เมื่อไม่นานมานี้และได้รับบทนางร้ายในละครโทรทัศน์ชื่อดัง รวมถึงเป็นคู่แข่งของนักแสดงหญิงเจ้าบทบาท คิมแทยอน ที่ได้รับทนางเอกเรื่องเดียวกัน ถึงหน้ากล้องเธอจะดูร้าย แต่เมื่ออยู่หลังฉากเธอคือนางฟ้าที่มีรอยยิ้มใจดีผิดกับนางเอกเจ้าน้ำตาอย่างสิ้นเชิง
“ละครเรื่องใหม่เป็นอย่างไรบ้างครับ” ร่างเพรียวถาม
“บทหนักเลยค่ะ” เธอหัวเราะเบาๆ “คราวนี้ได้เล่นหนังพีเรียด ต้องไปศึกษาอีกเยอะเลย” มือบางยกขึ้นป้องปากหัวเราะอย่างไว้ตัว
“สู้ๆนะครับ” ร่างเพรียวเอ่ย
“อุ้ย” หญิงสาวอุทาน เมื่อเห็นมินกยูที่เกาะขาร่างบางอยู่ “หลานคุณวอนอูหรือคะ น่ารักจัง”
“ไฮบริดน่ะครับ” ชายหนุ่มตอบ “วันนี้เลิกงานจะพาไปซื้อเสื้อผ้าด้วย”
“เหรอค่ะ” สเตฟานี่พนักหน้าช้าๆก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่ามองเด็กชายด้วยรอยยิ้มใจดี “หนูชื่ออะไรเหรอจ๊ะ น้าชื่อสเตฟานี่นะ”
“เขามนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อย…”
“มินกยูครับ” ตุ๊กตาเด็กชายตอบเสียงเบาพร้อมยิ้มเขิน
อ้าวไอ้เด็กนี่...ที่ถามไม่ตอบ
วอนอูเบะปากเล็กน้อยไม่ให้คู่หมั้นประธานบริษัทเห็นด้วยความหมั่นไส้
“ชื่อมินกยูเหรอ หน้าตาดีนะเรา”
“ขอบคุณครับ พี่สาวก็สวย” มินกยูก้มหนามองพื้น
“ขอบใจจ๊ะ” ดาราสาวยิ้มอย่างเอ็นดู
ไอ้เด็กแก่แดด
คุณเลขามองเด็กชายพลางบ่นในใจก่อนจะขอตัวออกมา
“ขอตัวนะครับ เดี๋ยวต้องเอาเอกสารไปให้คุณชเวเซ็น”
“ค่ะ” สเตฟานี่ตอบก่อนจะเอ่ยลาไฮบริดตัวเล็ก “น้าไปก่อนนะ ขอตัวก่อนนะคะ”
“บ๊ายบายครับ” เด็กชายโบกมือน้อยๆ หญิงสาวยิ้มแล้วเดินออกจากบริษัทไป วอนอูจึงรีบลากเด็กชายเดินเข้าลิฟต์ตรงไปยังชั้นที่เขาทำงานอยู่อย่างรวดเร็ว
“แก่แดดนะเรา” ร่างเรียวพูดกลั้วหัวเราะพลางยกมือขึ้นยีผมมินกยูอย่างหมั่นไส้
“อย่าขยี้ดิ” ร่างป้อมเอ่ยพลางยู่ปาก
“ครับๆ” ร่างบางอมยิ้ม “เดี๋ยวเข้าไปสวัสดีคุณซึงชอลเขาด้วย”
“รู้แล้วน่า”
เสียงสัญญาณบอกว่ามาถึงชั้นที่ต้องการ ทั้งสองเดินออกจากลิฟต์ จูงมือกันไปตามพื้นทางเดินมีพรมสีกรมท่าปูอยู่ตลอดทาง เมื่อมาถึงโต๊ะทำงานก็วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ตัวโปรด
“อยู่ตรงนี้ก่อนนะ” เขาพูดพลางหยิบปึกเอกสารจากกระเป๋าตรงไปที่ห้องในสุด
กระจกของประตูห้องทำงานมีป้ายชื่อพลาสติกแขวนอยู่ข้างประตู กระจกบานใสที่มีมู่ลี่บังอยู่ทำให้ไม่เห็นว่าด้านในทำอะไรกันอยู่
มือเรียวยกขึ้นบิดลูกบิดประตูพลางเอ่ยขออนุญาติ “คุณซึงชอลครับขอเข้าไปนะครับ” แต่เมื่อผลักประตูเข้าไปก็พบกับภาพน่าตกใจ
จองฮันที่หลับตาปี๋อยู่ในอ้อมแขนของกรรมการหนุ่มโดยที่ใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ ขนแกร่งของซึงชอลโอบเอวบางไว้หลวมๆ ริมฝีปากแทบจะแตะกันอย่รอมร่อ
อย่างกับฉากในซีรี่ส์…
วอนอูกระแอมเบาๆทำเอาสองคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งล้วหันไปมองร่างบางที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“วะ...วอนอู” ร่างบางเจ้าของผมยาวสลวยเอ่ยเสียงเบาก่อนจะผลักอกร่างสูงออก แต่วงแขนแกร่งก็ไม่มีวี่แววที่จะคลายออก “เฮ้ย! ปล่อยสิ!” มือบางทุบตีร่างหนาอย่างรุนแรงหลายครั้ง
“ผมวางเอกสารไว้ตรงนี้นะครับ” ร่างเพรียววางปึกสัญญาไว้ที่โต๊ะรับรองแขกก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ “ตามสบายเลยครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“เดี๋ยว…”
“อย่าเสียงดังมากนะ มีเด็กอยู่”
“เสียงดังอะไรของแกวะ ไอ้บ้า!...ปล่อยได้แล้ว!” จองฮันยังคงทุบตีซึงชอลไม่เลิกเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานของตนเข้าใจผิดไปไกลถึงไหนก็ไม่รู้
มือเรียวปิดประตูอย่างแผ่วเบาก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปาก
มีเรื่องไปแบล็คเมล์มันแล้วว้อย!
ในที่สุดก็ถึงเวลาของข้า!!!
ร่างบางหัวเราะเสียงเบาจนเด็กชายมองด้วยสายตาจับผิด
“ลุงต้องมีแผนการชั่วร้ายอยู่ในสมองแน่ๆ” มินกยูเอ่ย “เล่าให้ฟังหน่อยสิ”
“ไม่ใช่เรื่องของเด็กหรอกน่า” วอนอูพูดพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวเองแล้วหยิบแฟ้มมาเปิดอ่านด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย
“บอกหน่อยดิ น้า~” เด็กชายเอ่ยเสียงอ้อน มือป้อมยกขึ้นเกาะแขนใต้เสื้อสูทเงยหน้ามองชายหนุ่มตาแป๋ว ริมฝีปากเล็กยื่นออกเล็กน้อย
น่ารัก…น่ารักชิบหาย!
ร่างเพรียวทิ้งตัวพิงไปกับพนักพิงแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าหายใจแรงๆ
“เป็นไรอ่ะลุง?“ ไฮบริดตัวเล็กเอ่ยถาม
เออ หมดแล้ว ไอ้ความน่ารักที่มีเมื่อกี้อ่ะ แม่งหายหมดแล้ว…
นิ้วเรียวกางออกแล้วปรายตามองร่างป้อมข้างตัว ก่อนจะถอนหายใจ “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ร่างบางเอ่ยประโยคเดิม มือขาวหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่านทบทวนอีกครั้ง มืออีกข้างควงปากกาเล่นพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
“โหย ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” มินกยูเบะปากแล้วเดินไปนั่งกอดอกทำหน้ายุ่งบนโซฟารับแขก
“ไอ้เด็กขี้งอนเอ้ย” วอนอูพูดพลางหัวเราะในลำคอ “เดี๋ยวกลางวันกินข้าวบนนี้นะ”
“อือ!” เด็กชายตอบก่อนจะก้มลงไปเอามือตีเบาะเล่นเสียงดัง
เสียงเปิดประตูห้องทำให้ร่างเพรียวที่เคาะปากกาเล่นอยู่หันไปมอง จองฮันที่เดินออกจากห้องมาด้วยสภาพริมฝีปากบวมเจ่อ เลขาหนุ่มแอบแสยะยิ้มพลางกลั้นขำในลำคอ
ว่าแล้วว่าทำไมมันนานผิดปกติ
“มึง” คุณผู้ช่วยคนสวยหันมามองเพื่อนร่วมงาน “เรื่องนี้อย่าไปบอกใครเลยนะเว้ย ไม่งั้นกูตัดเพื่อน!” คนผมยาวเอ่ยเสียงดัง
“เออ” วอนอูรับปากพลางหัวเราะในลำคอ
มึงลืมนะเพื่อนยุน…
ว่าจอนรู้ โลกรู้!
“นั่นเหรอ เด็กที่บอกอ่ะ” จองฮันเดินตรงไปหามินกยูที่นั่งอยู่ “น่ารักอ่ะ สวัสดีครับน้อง”
“โหย เวรตะไลมา…”
“สวัสดีครับพี่คนสวย” เด็กชายฉีกยิ้มกว้าง
ร่างบางขมวดคิ้ว “เวรตะไลพ่อมึงสิ น่ารักจะตาย” นางฟ้าคนสวยเอ่ยก่อนจะหันไปคุยกับร่างป้อม “ต้องหล่อสิครับ พี่เป็นผู้ชายนะ”
“งื้อ” ไฮบริดตัวเล็กส่ายหน้า “ก็พี่สวยอ่ะ”
“หล่อเหอะนะ”
“สวยยย”
“หล่อออ”
“สวยยย”
วอนอูกลอกตาขึ้นฟ้าเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนยังเถียงกันอย่างไม่ลดละจนลืมสนใจเขาที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้
เฮลโหลลลล อิสมียยยย กูยังอยู่ตรงนี้นะทั้งสองคนนน
สุดท้ายเรื่องก็จบโดยที่จองฮันยอมให้มินกยูเรียกตนเองว่าพี่คนสวยไปตลอดทั้งวัน และไม่มารบกวนคุณลุงเลขา(?)เลยแม้แต่น้อย
ชีวิตดี๊ดี!
ตอนนี้หากใครที่เดินซื้อของอยู่แล้วมองเข้ามาในร้านขายเสื้อผ้าเด็กก็จะเห็นเด็กตัวเล็กกับผู้ใหญ่ตัวสูงวิ่งไล่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“มาลองตัวนี้เดี๋ยวนี้นะคิมมินกยู!”
“ไม่เอา! เฉิ่มจะตายลุงก็ใส่เองสิ!”
“เฉิ่มตรงไหน?” วอนอูเลิกคิ้วก่อนจะก้มลงมองเสื้อเชิร์ตลายสก็อตสีแดงแขนยาวในมือ
“ทุกตรงอ่ะ!” มินกยูตอบพลางหลบหลังเสาตรงกลางร้าน
“ก็นายไม่ยอมบอกเองนี่ว่าอยากได้ตัวไหน” ร่างเพรียวบ่นอุบ สองขายาวก้าวเข้าไปใกล้
“ก็…”
“ก็อะไร?” ชายหนุ่มคุกเข่า จ้องเข้าไปในดวงตาใสแจ๋วของร่างป้อม “หืม? ก็อะไรครับ?”
“ก็ผม...” เด็กชายก้มหน้างุด มือเล็กถูไปมาเหมือนประหม่าก่อนจะถอนหายใจแล้วตอบว่า “ก็ผมเกรงใจ”
เลขาหนุ่มเลิกคิ้ว “เกรงใจ?”
“อื้อ…”
วอนอูอมยิ้มพลางส่ายหน้าเบาๆก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น “ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า ตอนนี้นายก็เหมือนคนในครอบครัวฉันน่ะแหละ”
“ครอบครัว?” มินกยูทวนคำ “แต่ผมเป็นแค่ไฮ…”
“หยุด” นิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากเล็กเป็นเชิงบอกให้หยุดพูด “อย่าพูดเหมือนว่าตัวเองไม่มีค่าสิ เจ้าเด็กคนนี้” ร่างบางยิ้มจนตาหยี
“หรือว่าไม่จริงล่ะ” เด็กชายพูดเสียงเบา “ตอนแรกใครซื้อผมไปก็ทนไม่ได้กันทั้งนั้นแหละ”
ชายหนุ่มมองเด็กชายที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยแววตาอ่อนแสงลง
“ใครๆก็บอกว่าผมดื้อ ผมเป็นเด็กไม่ดีจนต้องเอาไปคืนพี่จีฮุน” ร่างเล็กก้มหน้าลงกับพื้นพลางกอดเข่าทั้งสองข้าง “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย ทำไมเขาต้องว่า ต้องตีผมด้วย”
“แล้วเธอไปทำอะไรล่ะ?” ร่างเพรียวนั่งคุกเข่าข้างเดียวกับพื้นแล้วเอ่ยถาม
“แค่ทำแจกันแตกกับทำรถเป็นรอยเอง”
“นั่นไง!”
“แต่ผมขอโทษแล้วนะ!” เด็กชายสวนขึ้นทันควัน
“โอเคๆ” ร่างบางกลั้นขำ “แต่ฉันว่าเธอไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย แค่แก่แดดกับสองมาตรฐานไปบ้างเท่านั้นเอง” ริมฝีปากบางยกยิ้ม
“จริงเหรอ?” มินกยูเงยหน้าถาม
“ฉันก็ไม่รู้สิ” เลขาหนุ่มยักไหล่ “เธอเพิ่งมาอยู่กับฉันแค่วันเดียวเองนี่นา แต่ฉันคิดว่าเธอเป็นเด็กดีนะ”
“ลุงจะไม่เอาผมไปคืนพี่จีฮุนใช่ไหม?” ไฮบริดตัวเล็กถาม
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน” ร่างบางตัดบท “ตอนนี้ไปดูเสื้อก่อน เดี๋ยวได้กลับบ้านดึกหรอก” เด็กชายพยักหน้าก่อนที่มือเรียวคว้าข้อมือกลมเดินไปที่ราวแขวนเสื้อผ้าเด็กผู้ชายตรงกลางร้าน
“ไม่เอาตัวนี้จริงๆเหรอ?” เขาถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่เอาอ่ะ” มินกยูส่ายหน้าดิก “เหมือนชาวไร่ที่พี่จองฮันเปิดให้ดูเลย”
“งั้นตัว...นี้ล่ะ?” วอนอูหยิบเสื้อเชิร์ตสีโอรสลายทางออกมาจากราวแขวนยื่นให้ตุ๊กตาตัวเล็กพิจารณา
“ก็โอเคนะ” ร่างป้อมพยักหน้า “ผมใส่ไซส์เอ็ม”
“งั้นเอาไปเเปดตัวเนอะ เวียนๆกันใส่” ร่างบางเอ่ยพลางเลือกเสื้อแบบเดียวกันแต่ต่างสีและขนาดออกมาอีกเจ็ดตัวรวมเป็นแปด แล้วเดินจูงมือกึ่งลากเด็กชายไปที่เคาท์เตอร์จ่ายเงิน
“ทั้งหมดแปดตัว 1,600,000 วอนค่ะ” พนักงานร้านบอกราคาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร ร่างเพรียวรับถุงกระดาษพิมพ์ชื่อแบรนด์มาถือไว้แล้วเดินนำมินกยูออกจากร้านไป
“ต่อไปก็กางเกงเนอะ”
“ไปซื้อร้านถูกๆก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องเข้าร้านแพงๆเลย” ตุ๊กตาตัวเล็กบ่น
“เอาน่าๆ นานๆทีฉันจะได้มาเดินห้างซื้อเสื้อผ้าอย่างนี้ ขอซื้อให้หายอยากหน่อย” วอนอูพูดพลางฉีกยิ้มกว้าง “จะเอาแบบไหนล่ะ? เอี๊ยม สามส่วน ยีนส์ขายาว หรือว่าอะไร?”
“อะไรก็ได้น่า ผมใส่ได้หมดแหละ” มินกยูตอบพลางมองสองข้างทางด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“งั้น ค่อยไปเลือกเอาดาบหน้าแล้วกัน” ร่างบางเอ่ย “เดี๋ยวกินข้าวด้วยเลยแล้วกัน กลับบ้านไปจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก”
แต่เมื่อเข้าไปเลือก...
“สามส่วนไหม?”
“เด็กจะตาย ไม่เอา”
“เอี๊ยมตัวนี้ล่ะ?”
“ไม่ชอบ”
“ยีนส์?”
“ไม่เอาอ่ะ”
“ตัวนี้ล่ะ?”
.
.
.
.
.
“จะเอาตัวไหนไม่ทราบ” วอนอูพูดพลางเท้าเอวมองเด็กชายที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาหนังสีแดงของทางร้าน
เรื่องมากไม่ว่าแต่คือเดินเข้าออกกันมาหลายร้านแล้วว้อย!
คนนะเว้ย ไม่ใช่เครื่องจักร!
“ก็ไม่ชอบอ่ะ” มินกยูตอบก่อนจะสะบัดหน้าหนี
พอดีด้วยหน่อยก็ลำไย โว๊ะ!
“อย่าเยอะได้ไหม? จะทุ่มนึงแล้วนะ” ร่างบางบ่นอุบก่อนจะเลือกหยิบมั่วๆหลากไซส์มาประมาณหกถึงเจ็ดตัวแล้วลากเด็กชายไปจ่ายเงินโดยไม่ถามความคิดเห็น
“โหลุง ก็ไม่ชอบนี่นา” ร่างป้อมเบะปากด้วยความขัดใจแต่ก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี
“หล่อสิ เชื่อกันหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยพลางยิ้มบาง
หลังจากที่ทั้งสองออกจากร้านกางเกงก็ตรงไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ชั้นถัดไป มินกยูมือเล็กเกาะตู้กระจกหน้าร้านพลางมองอาหารจำลองหน้าร้านด้วยแววตาเป็นประกาย
“นี่ๆ พวกนี้กินได้ใช่ไหม?” ตุ๊กตาตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงสดใสทำเอาความหงุดหงิดจากความเรื่องมากของเด็กชายตรงหน้าหายไปหมดภายในพริบตา
ร่างบางอมยิ้ม มือเรียววางลงบนศีรษะเล็กของมินกยู “ของปลอมน่ะ เข้าไปในร้านได้กินของจริงแน่นอน” เขาพูดก่อนจะจูงมือเด็กชายเข้าไปในร้าน
“สวัสดีค่ะ” พนักงานหญิงในชุดยูนิฟอร์มออกมาต้อนรับทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
“สองที่ครับ” วอนอูตอบ หญิงสาวพยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญทั้งสองไปที่นั่งในสุดที่ว่างอยู่
หลังจากนั่งที่เก้าอี้แล้วชายหนุ่มจึงเริ่มสั่งอาหาร
“มิโซะราเม็งกับชาเขียวร้อนครับ” ชายหนุ่มเอ่ยพลางเงยหน้ามองพนักงานสาวด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรอย่างที่เป็นทำให้หญิงสาวหน้าขึ้นสี
“เอ่อ...แล้วหนูล่ะจะ?” เธอถาม
“เทมปุระโซเม็งกับชาเขียวเย็นครับ” มินกยูฉีกยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะส่งเล่มเมนูคืนพนักงานไป
“รายการทั้งหมดมี มิโซะราเม็ง เทมปุระราเม็ง ชาเขียวร้อน ชาเขียวเย็นอย่างละหนึ่งรายการนะคะ รบกวนรออาหารสักครู่ค่ะ” เธอทวนรายการด้วยเสียงตะกุกตะกักก่อนจะเดินออกไป
ชายหนุ่มพยักหน้า เมื่อพนักงานสาวเดินไปลับสายตา มือเรียวก็เอื้อมไปขยี้ผมเด็กชายด้วยความหมั่นไส้อีกครั้ง
“โปรยเสน่ห์ใส่พนักงานร้านเหรอไง”
“บอกแล้วไงอ่ะ ว่าอย่าขยี้” เด็กชายมุ่ยหน้า
“วันนี้ทำตัวดีมาก” ร่างเพรียวอมยิ้มก่อนจะพิงตัวไปกับพนักเก้าอี้ “เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปอีกแล้วกัน”
“จริงนะ!” ร่างเล็กเอ่ยถามด้วยแววตาเป็นประกาย “ผมจะได้เล่นกับพี่จองฮันใช่ไหม”
“ใช่” วอนอูพยักหน้า “ติดใจเขาเหรอไง จองฮันน่ะ” ร่างบางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
เพื่อนเขาก็อีกคน ไม่รู้หลงหรือชอบอะไรเด็กคนนี้นักหนา ก่อนกลับบ้านขั้นมาเกาะแขนขอร้องอ้อนวอนให้พาเด็กชายมาด้วยในวันพรุ่งนี้
“เย้!” มินกยูอุทานด้วยความดีใจจนเกือบจะยืนไปบนเก้าอี้
“นี่! ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
จะผ่านวันนี้ไปได้โดยไม่เส้นเลือดในสมองไม่แตกตายก่อนไหมเนี่ย ให้ตายเถอะ!!!
♤♤♤♤♤♤♤♤♤♤
(100%)
ซึนนะคะมิงกู~
รูปสวยก็บอกไปสิจ๊ะเด็กน้อย~
50%talk
ปั่นด้วยความเร็วแสง
เม้นกันเยอะมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ เขิญ///-///
//ปิดหน้าเขิน
จุนฮ่าวตอนนี้ไม่ดราม่านะ แต่ตอนอื่นไม่แน่55555
เราจะพยายามฉุดกราฟขึ้น ไม่ให้ร่วง5555
ตอนนี้เราแต่งฟิคเด็กดาวกับเพื่อน อิคนตรวจอักษรอ่ะ
ชื่อเรื่อง ช่างแม่ง
วาร์ป จิ้ม
60%talk
เราขอโทษนะคะที่มาอัพทีนิดเดียว
เราตั้งมาตรฐานไว้สูงเองค่ะว่าตอนนึงมีสิบหน้าอัพ
อย่าเพิ่งว่าเรานะฮรืออออ
ขอบคุณทุกเม้นที่ทำให้เรามีแรงใจปั่นต่อนะคะ
ชอบเม้นที่บอกว่าโตไปแล้วไม่น่ากลัวเหมือนลูกเทพใช่ไหม
จี้แรงมากมาย 55555
ป.ล.รีไรท์ช่างพาร์ทของจุนฮ่าวนะเคิ๊ฟ
100%talk
ครบร้อยแล้ว มันแซ! มันแซ!
ปั่นตาลีตาเหลือกมากเธอเอ้ย
อ่านเม้นแล้วขำ มีแต่คนบอกว่ามิงกูสองมาตรฐาน
มิงกูไม่ได้สองมาตรฐาน!แค่มีความรักให้คนสวยมากกว่า!
Double Standard~
พาร์ทตอนสั่งอาหารเป็นอะไรที่ทรมาณกระเพาะมาก
ต้องไปเปิดเว็บยาโยอิดูแล้วคือแต่งตอนห้าทุ่ม //ซับน้ำตา//
เจอกันตอนที่สองนะค้า~
#ฟิคไฮบริดมินวอน
cr.ตรวจอักษร WriterEM
เบอว่ารักแถบ♡
ความคิดเห็น