คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Hybrid :: I N T R O
"Have feeling likes human."
ดวงตาหลายคู่จับจ้องมาทำให้ร่างเล็กขนลุกซู่อย่างหวาดกลัว เด็กน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบหลายคนนั่งเรียงรายอยู่บนชั้นวาง หรือไม่ก็เก้าอี้โต๊ะน้ำชา
ทุกอย่างภายในร้านล้วนเป็น ’ตุ๊กตา’ ที่ ‘เติบโต’ และ ‘นึกคิด’ ได้เหมือนมนุษย์สามารถรับรู้ความรู้สึก แสดงอารมณ์รวมถึงการพูดคุย
ไฮบริดดอล (Hybrid doll) คือตุ๊กตาที่ถูกพัฒนาให้สามารถเติบโตได้หากได้รับการดูแลเอาใจใส่มากพอ และความสามารถด้านการตัดสินใจ โดยบริษัท Aichitery Hybrid Company บริษัทหุ่นยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ไม่ใช่เครื่องจักร หุ่นยนต์ หรือออโต้บอท แต่เป็นตุ๊กตากลไกที่มีระบบซับซ้อนเกินจะเข้าใจได้ง่ายๆ
ไฮบริดดอลคือตุ๊กตาที่ไม่ใช่ตุ๊กตา…
“รีบเลือกรีบกลับได้ไหม?” ร่างบางหันไปถามเพื่อนตัวสูงที่พาเขามาพลางมองเข้าไปในร้านอย่างหวาดกลัว มือเรียวเกาะแขนอีกฝ่ายไว้แน่น
“คือมึงกลัวตุ๊กตา?” ร่างสูงเลิกคิ้วถาม ปากหยักบางยกยิ้มล้อเลียน
“อือ” ศีรษะเล็กพยักหน้าเบาๆ “มึงก็รู้ว่ากูกลัวพวกตุ๊กตายุโรป อย่างไอพอร์ซๆของแม่มึงน่ะ ไปเที่ยวบ้านมึงทีไรหัวใจจะวายทุกที” ร่างเล็กพูดพลางเบ้ปาก แค่คิดถึงหน้าตุ๊กตาพอร์ซเลน*ที่เรียงอยู่เป็นสิบๆตัวในตู้ของแม่คนตัวสูงข้างๆก็ขนลุกซู่ เหมือนมีอะไรมาจ้องอยู่ตลอดเวลา ใครมาสะกิดทีแทบจะตะโกนแหกปากลั่นบ้าน
“มันไม่ใช่ตุ๊กตาอย่างที่มึงคิดหรอกน่า” ร่างหนาพูดก่อนจะลากเพื่อนตัวเล็กเข้าไปในร้าน “ไม่น่ากลัวหรอก”
เสียงกระดิ่งบนประตูดังขึ้นพร้อมร่างของสองเพื่อนซี้ที่ก้าวเข้าไปด้านใน ดวงตาหลากสีของไฮบริดดอลต่างจับจ้องมาที่ผู้มาเยือนทั้งสอง ขาเล็กกระโดดลงจากชั้นวาง หรือลุกจากเก้าอี้วิ่งตรงไปหาชายหนุ่มทั้งสองคน เสียงของเด็กๆตะโกนกันเซ็งแซ่ บ้างมากอดขา บ้างก็มาชวนให้ไปเล่นด้วย แววตาใสซื่อเป็นประกายสะท้อนออกมาทำให้ความกลัวในใจของร่างบางเริ่มหายไป
“ขอโทษนะครับ” ชายสวมแว่นตาในเสื้อเชิร์ตสีขาวกางเกงขายาวสีดำหลังเคาท์เตอร์พูดพลางยิ้มแหย “พอดีช่วงนี้ไม่ค่อยมีใครเข้าร้านสักเท่าไหร่ เด็กๆเลยตื่นเต้น”
“ไม่เป็นไรครับ” จุนฮุยพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“ใช่ครับ เด็กๆน่ารักดี” เพื่อนตัวเล็กพูดขึ้นบ้าง
“อ้าว! เลิกกลัวแล้วเหรอวอนอู?” ร่างสูงหันไปถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“หายกลัวแล้ว” ริมฝีปากบางอมยิ้ม “แล้วมึงแน่ใจเหรอ ว่าจะเลี้ยงได้” วอนอูพูดพลางมองตุ๊กตาที่นั่งเล่นกันตามอัธยาศัยด้วยรอยยิ้ม “ท่าจะซนน่าดู”
พนักงานขายหนุ่มยกมือปิดปากหัวเราะเบาๆ “พวกแกก็เหมือนเด็กแหละครับ ซนไปตามวัย”
“เดินแยกกันไปดูไหม?” ร่างสูงถาม เพราะภายในร้านค่อนข้างกว้าง กินพื้นที่ตึกแถวไปถึงสี่คูหา “ถ้าเดินด้วยกันมีหวังตีกันตาย”
“ก็เอาสิ” ร่างเล็กพยักหน้า ทั้งสองจึงเดินแยกออกไปคนละปีก
ร้านนี้แบ่งออกเป็นสองฝั่ง ปีกซ้ายจะเป็นตุ๊กตาเด็กชาวยุโรป ส่วนปีกขวาจะเป็นเด็กเอเชีย วอนอูผู้ซึ่งกลัวตุ๊กตาพอร์ซเลนอยู่แล้วเป็นทุนเดิมไม่มีทางไปทางซ้ายอย่างแน่นอน
“คุณน้าคะ” แรงกระตุกเบาๆที่ชายเสื้อทำให้เขาก้มหน้าลงไปมอง เด็กหญิงในชุดกระโปรงสีชมพูหวานอายุประมาณหกขวบเอ่ย ดวงตาทรงอัลมอนด์ช้อนขึ้นมองชายหนุ่ม นัยน์ตาสีน้ำตาลมองคนที่สูงกว่าด้วยความใสซื่อ มือเล็กกำชายเสื้อของเขาไว้หลวมๆ ส่วนอีกข้างอุ้มตุ๊กตาสิงโตตัวเล็กกระชับไว้แนบอก “มาเล่นกับฟานี่ได้ไหม?”
ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างเอ็นดูพลางพยักหน้าเบาๆ “มาสิคะเดี๋ยวคุณน้าไปเล่นด้วยนะ” เด็กหญิงไฮบริดดอลยิ้มร่าก่อนจะเปลี่ยนมาจูงมือคุณน้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะน้ำชาเล็กๆ กาน้ำชาและถ้วยน้ำชาลวดลายสวยหรูวางอยู่เข้าชุดกัน โดยมีไฮบริดดอลอีกสองสามตัวนั่งอยู่ด้วย
การเล่นดำเนินผ่านไปเรื่อยๆจนสายตาของวอนอูเหลือบไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งในเสื้อเชิร์ตสีขาวแขนยาวกอดตุ๊กตาหมีตัวโตไว้แน่นราวกับว่ากลัวคนอื่นจะมาแย่งไป ดวงตาสีนิลมองไปรอบตัวอย่างไม่ไว้ใจ
“น้าขอตัวเเป๊ปนึงนะ" วอนอูลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินไปหาตุ๊กตาเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงใต้ชั้นวางของ
ศีรษะเล็กเงยหน้าขึ้นมามองผู้มาใหม่ด้วยความสงสัยปนหวาดระแวง แขนป้อมกอดรัดตุ๊กตาในอ้อมกอดแน่นยิ่งกว่าเดิม
“หวัดดี” ร่างบางเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มเเสดงความเป็นมิตร
“....” ไม่มีคำพูดหลุดออกจากริมฝีปากเล็ก
“อ่า...น้าชื่อวอนอูนะ จอนวอนอู แล้วเธอล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณนี่” ตุ๊กตาเด็กชายตอบ
อ้าว...ไอ้เด็กเวร
วอนอูเข่นเขี้ยวในใจแต่ใบหน้าก็ยังยิ้มอย่างเป็นมิตร มือเล็กเอื้อมไปลูบศีรษะเด็กชายเบาๆอย่างหมั่นไส้
“มีสัมมาคารวะหน่อยสิเจ้าหนู” คนแก่กว่าพูดพลางกัดฟันดังกรอด
“กัดฟันระวังฟันสึกนะลุง”
ปึ้ด!
เหมือนมีเสียงอะไรขาดดังขึ้นในโสตประสาทของวอนอู มือเรียวเปลี่ยนมาเป็นกำแน่นจนเส้นเลือดปูด เสียงกัดฟันยังคงดังต่อไปไม่หยุด
ไอ้เด็กไม่มีสัมมาคารวะ ไอ้...ไอ้เด็กหล่อ ไอ้...ไอ้
“ด่าผมอยู่อ่ะดิลุงอ่ะ”
รู้อีก…
เป็นริวจิตสัมผัสเหรอ?
กวนตีน...
แต่ก็...น่ารักดี
คิดพลางลุกขึ้นยืนพร้อมยกยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ แขนเรียวอุ้มเด็กชายขึ้นลอยจากพื้นจนมือเล็กเผลอปล่อยตุ๊กตาหมีร่วงลงไปที่พื้น
“ลุงทำไรเนี่ย ปล่อยผมนะ” ร่างป้อมในออมแขนดิ้นไปมาอย่างขัดใจ มือเล็กทุบตีแผ่นหลังบาง “คุณหมีผมหล่นไปแล้วอ่ะ ปล่อยผมนะ!”
“เดี๋ยวเก็บให้” วอนอูก้มลงไปเก็บตุ๊กตาหมีขนปุยสีน้ำตาลบนพื้นขึ้นมาโดยที่ยังคงประคองเด็กชายไว้ในอ้อมแขน
แขนเล็กพยายามยื่นไปแย่งคืนมา แต่คนที่อุ้มอยู่เหมือนจะรู้ทัน จึงชูมือที่ถือของเล่นนุ่มนิ่มขึ้นเหนือศีรษะพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ต้องทำอะไรก่อน”
“เอาคืนมา!”
“...”
“ขอบคุณครับ...” เด็กชายเอ่ยเสียงอ่อย วอนอูหัวเราะหึในลำคออย่างเอ็นดูก่อนจะส่งตุ๊กตาคืนพลางเดินตรงไปที่โถงของร้าน
“พามาตรงนี้ทำไมอ่ะ” ไฮบริดตัวน้อยถาม
วอนอูหันไปคุยกับพนักงานร้านสักพักก่อนจะยื่นบัตรพลาสติกแข็งสีดำให้แล้วจึงตอบเด็กชายไป
“ก็น้าจะพาเราไปอยู่ด้วยไง”
“ไปไหน ไม่ไป” ร่างป้อมเบะปากพร้อมหันไปงอแงกับพนักงานใส่แว่นที่เจอตอนเข้ามาครั้งแรก “พี่จีฮุน ผมไม่อยากไปอ่ะ”
“ฝากดูแลมินกยูด้วยนะครับ ถึงแกจะดื้อจะซนไปหน่อยก็เถอะ” พนักงานที่ชื่อจีฮุนเอ่ยพลางยิ้มแหยๆ
“ผมว่าไม่หน่อยละมั้ง” ร่างโปร่งตอบ
“เงียบไปเลยลุงอ่ะ”
“คิม-มิน-กยู” พนักงานร่างเล็กเอ่ยเสียงเย็น จนมนุษย์ผู้ใหญ่ขนลุกซู่ “อย่าดื้อ”
“ครับผม…”
เข้...ไอ้เด็กนี่หงอเลยเว้ย…
นี่คือเฮดบอสของร้านสินะ!
“ดีมาก เด็กดี” จีฮุนยิ้มบาง “ดูแลแกดีๆนะครับ”
“ครับ อ้อ! แล้วฝากบอกเพื่อนผมด้วยนะครับ ว่าผมจะกลับก่อน”
“คนที่ตัวสูงๆ พูดเกาหลีไม่ค่อยชัดใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ คนนั้นแหละ ขอบคุณครับ” วอนอูยิ้ม ก่อนจะเดินออกจากร้านไปพร้อมเด็กชายในอ้อมแขนที่ทำหน้าบึ้งไปตลอดทาง
หลังจากเดินดูมานานก็ยังไม่เห็นวี่แววของไฮบริดที่น่าสนใจหรือถูกชะตา ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เป็นแต่ตุ๊กตาเด็กผมสีอ่อนตัวเล็กๆเดินสวนกับไปมา จุนฮุยถอนหายใจพลางเดินกลับไปทางเก่า
ไม่เอาก็ได้
ระหว่างที่กำลังเดินกลับไปสายตาก็เหลือบไปเห็นหน้าต่างกระจกใสเหมือนห้องอภิบาลทารกแรกเกิด ด้านในเป็นเตียงคนไข้ที่มีไฮบริดหลากหลายช่วงอายุ นักตั้งแต่เด็กจนถึงอายุประมาณห้าสิบปีขึ้นไป ผิดจากเดิมแค่ใบหน้าที่ซีดเผือดไร้สีเลือดเท่านั้น ร่างสูงมองทะลุแผ่นกระจกใสเข้าไปด้วยความสงสัย มือหนาแตะที่แผ่นใสขัดมันอย่างแผ่วเบา
“ในนั้นคือส่วนของไฮบริดที่มีปัญหาหรือส่วนขัดข้องครับ” เสียงของพนักงานร้านเอ่ยขึ้นมาเหมือนรู้สิ่งที่คิดอยู่พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร
“ขัดข้อง?” ลูกค้าหนุ่มทวนคำอย่างสงสัย
“เป็นพวกไฮบริดที่ถูกทิ้งจนเสียหายไม่ก็มีอาการขัดข้องตรงส่วนการนึกคิด” พนักงานผมสีมิ้นต์ในชุดลำลองมองเข้าไปในห้องด้วยสายตาเรียบเฉย
“ถูกทิ้ง...”
“มีแบบนั้นเข้ามาทุกวันและครับ” พนักงานหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ “ก็เหมือนสัตว์เลี้ยงที่คิดจะทิ้งก็ทิ้งโดยไร้ความรับผิดชอบ” แววตาที่ขุ่นมัวพร้อมน้ำเสียงที่เริ่มเปลี่ยนไปทำให้จุนฮุยหันไปมอง
”คุณโอเคไหม?”
“ผมโอเค แต่พวกเขาต่างหากที่ไม่โอเค” เขาตอบ “คุณสัญญากับผมได้ไหม ว่าจะไม่ทิ้งขว้างพวกเขา?”
“ครับ?”
“สัญญากับผม”
“ครับ ผมสัญญา” ร่างสูงตอบกลับ
“คุณจะเข้าไปดูด้านในไหม?” มือหนาของพนักงานชายผลักประตูก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน โดยมีร่างสูงเดินตาม
เสียงเครื่องปรับอากาศดังขึ้นต่อเนื่องพร้อมกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ฟุ้งในอากาศทำเอาจุนฮุยเบ้หน้าพลางเร่งฝีเท้าเดินตามไปติดๆ
ชายในชุดกาวน์คนหนึ่งวิ่งตรงมาทางพวกเขาก่อนจะพูดเสียงตื่น “คุณโฮชิครับ หมิงฮ่าวคลุ้มคลั่งอีกแล้วครับ”
โฮชิเบิกตาโพลงแล้วรีบเดินตรงไปที่ห้องในสุดทันทีพร้อมกับผู้ชายคนเมื่อครู่ ทิ้งให้ลูกค้าตัวสูงยืนเคว้งคว้างอยู่ตรงนั้น
“คลื่นระบบประมวลผลเท่าไหร่?”
“หนึ่งร้อยยี่สิห้าเกินระดับปกติครับ”
“ค่าการสูบฉีด”
“หนึ่งร้อยสิบสูงกว่าปกติครับ”
“ค่าอุณหภูมิ”
“สี่สิบองศาสูงกว่าปกติครับ”
คิ้วเรียวขมวดแทบเป็นปมเมื่อได้ยินจำนวนทั้งหมด มือเรียวรับแฟ้มมาเปิดอ่านก่อนจะถอนหายใจ
“มัดเขา ไม่ก็ฉีดยาสลบ แล้วเตรียมECS” ด็อกเตอร์หนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ
“ครับ” ผู้ช่วยพยักหน้าแล้วเข้าไปด้านหลัง
“เดี๋ยวคุณ” จุนฮุยที่เพิ่งเดินตามมาทันได้ยินประโยคเมื่อครู่ถามอย่างสงสัย “อะไรคือECS?”
“คือError Closing System ภาษาบ้านๆคือปิดเครื่อง” ชายหนุ่มเจ้าของผมสีมิ้นต์พูดพลางใส่เสื้อกาวน์ที่แขวนอยู่กับไม้แขวนเสื้อก่อนทำท่าจะเดินเข้าไป
“เดี๋ยวสิคุณ ผมได้ยินมาว่าปิดเครื่องมันเท่ากับตายไม่ใช่เหรอ?” ร่างสูงเอ่ยเสียงตื่น
“เราไม่มีทางเลือกอื่น…”
“แต่นั่นมันเท่ากับคุณฆ่าเขา” ชายหนุ่มชาวจีนพูดเสียงเบา
ความคิดเห็น