คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : พี่ชายฉันกินเผ็ดไม่ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า
ฉันเดิน 3 ขาเข้าบ้านอย่างไม่ยากลำบากนักพี่ท๊อปคอยระวังทางให้ฉันอย่างใกล้ชิดส่วนพี่ศิวะก็กำลังขนของลงจากรถพี่ฉันงี้เดินตัวปลิวว่อนไปว่อนมาเลยหละ
กลับมาเห็นสภาพบ้านที่เงียบเหงาไปซะหมด ฉันเหลือบไปเห็นเครื่องเสียงชุดโปรดของพ่อที่ฉันต้องมานั่งหนวกหูอยู่ทุกวัน ต่อไปฉันคงจะไม่ค่อยได้ฟังมันแล้ว บ้านถูกจัดเก็บให้เข้าที่เข้าทางผิดลูกหูลูกตาเอามากๆ
ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าโซฟาและตอนนี้ฉันนั่งไม่ได้! ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไอ้ 2 ขานี่ออกไปยังไงเลยยืนค้างเติ่งอยู่ที่หน้าโซฟานี่แหละ เอ๊ะ! ถ้าปล่อยให้ตัวเองร่วงลงโซฟาไปเลยโอกาสเจ็บมันก็สูง แต่ว่าจะค่อยๆ หย่อนก้นลงทีละข้างกันก็คงลำบาก จะเอาไงดีหว่า
“อ่าว! แล้วทำไมไม่นั่ง ดมหากลิ่นตัวเองอยู่รึไง?”
“พี่ท๊อป อย่ามาแขวะเท็นน่า! เท็นกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะนั่งลงท่าไหนดี”
“ให้ช่วยอะไรเปล่า?”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เด็กๆ”
“เออ นั่งเองดีๆ ก็แล้วกัน” พูดจบพี่ชายก็เดินขึ้นไปชั้นบน นี่ใจคอจะให้ฉันนั่งเองจริงๆ เหรอเนี่ยะ โถ~ มีพี่กับเค้าทั้งทีก็ไม่เข้าใจน้องเลย
ฉันหันหน้าหันหลังไปมาเอาวะ ฉันเลือกวิธีแรก คือการทิ้งตัวเองลงบนโซฟามันดื้อๆ นี่แหละ
1 เสียวโว้ย! เสียวโว้ย!
2 เอาละนะ
3 -
“เท็นจะกินอะไรก่อนมั้ย? เดี๋ยวพี่จัดใส่จานมาให้เลย” ชะอุ้ย! พี่ศิวะ ตกใจหมดเลยอยู่ๆ ก็ทะลึ่งพรวดเข้ามา เฮ่อ~ อกอีเท็นจะแตก นี่ถ้าไม่ติดโซฟานะ จะเอาขาไม้นี่ฟาดเข้าให้
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเท็นจัดการเอง เท็นว่าพี่ศิวะรีบไปดูร้านดีกว่าป่านเด็กๆ ที่ร้านเค้าคอยกันแย่แล้วนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกเท็นแฟนพี่ก็อยู่คงไม่มีปัญหาอะไร”
ฮะ! ว่าอะไรนะพี่ศิวะ!! แฟนงั้นเหรอ? อ่า! ต้องเป็นคนที่ชื่อชมภูนั่นแน่ๆ เลย แง้ๆๆๆ พี่ ท๊อป! เท็นอกหักดังเป๊าะเลย พี่ท๊อป! มาลากพี่ศิวะออกไปกระทืบให้เท็นที พี่ศิวะเค้ามีแฟนแล้ว! ฮือๆๆ
“เท็นเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมนิ่งๆ ไปหละ?”
“อ๋อเปล่าค่ะ เอ่อ
คือเท็นอยากเต้นแทงโก้” อ่าว ปากฉันเรอะนั่น! ทำไมตอบเค้าไปอย่างนั้นใครเค้าจะไปเชื่อวะ!
อยากบอกจริงๆ เลยว่าอกหักง่ะ! ฮือ! ฮือ! ฮือ! แหม มีแฟนแล้วทำมาเป็นดูแลเรานะ ไอ้เราก็ยิ่งเป็นคนรักใครง่ายๆ ด้วยสิ ดีนะที่ยังไม่เผลอใจหนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะกระโดดงับหูให้ขาดเลยสิเอา
“ขาใส่เฝือกอยู่เนี่ยะนะ? เท็นนั่งไม่ได้ใช่รึเปล่าถ้าอย่างนั้นพี่ช่วยนะ” พี่ศิวะดุ่มๆ เข้ามาประคองฉัน อย่าเข้ามาใกล้นะ! ฉันโยนขาไม้ให้พี่ศิวะรับไป ดูชายตรงหน้าฉันจะแปลกใจกับการกระทำของฉันซะเหลือเกิน ยืนกอดขาไม้กลมเชียว
ฉันเกาะโซฟาแน่น ก่อนที่จะค่อยๆ ตะแคงตัวนั่งอย่างยากลำบาก นี่ถ้าฉันไม่ได้ใส่เฝือกแล้วคนอื่นเห็นเข้าเค้าต้องคิดว่าฉันเป็นริดสีดวงทวารเป็นแน่ เพราะมันเป็นท่านั่งที่ทุเรศเกินบรรยาย แล้วพี่ศิวะก็มียืนมองอยู่ได้นะ!
“ช่วงนี้ก็ลำบากหน่อยนะ เดี๋ยวหลังๆ ไปก็ชินเองแหละ” พูดจบพี่ศิวะก็วางขาไม้เอาไว้ข้างๆ ฉันแล้วเดินหายเข้าไปในครัว ไม่ต้องมาทำเป็นดูแล ไปไกลๆ เลยไป!
ฉันหยิบรีโมตมาเปิดโทรทัศน์ จากนั้นก็เร่งเสียงให้มันสุดๆ ไปเลย นี่เอาเด้! กินเหล้าก็กินไม่ได้ เปิดเสียงกระแทกหูตัวเองเล่นนี่แหละมันส์ดีนักแล เอาซี้~
“โอ้ย!ๆๆๆ หนวกหูเว้ย! จะเปิดทีวีเสียงดังอะไรนักหนา!?” พี่ท๊อปเดินปิดหูลงมาจากชั้นบน ความรำคาญประกาศตัวเด่นชัดบนสีหน้าพี่ชายฉัน
“อะไรนะ?!” ฉันส่งเสียงถามกลับ ก็ไม่ได้เสียงอะไรเลยนี่
“ผ่อนเสียงหน่อย!”
“อะไรนะ?!” ฉันตะโกนถามกลับอีกที ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย!
“พี่บอกว่า
..” พี่ท๊อปหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อเก็บลมไว้เปล่งเสียงประโยคสำคัญ
ติ๊ด! แว๊บ~~
“พี่บอกว่าให้ผ่อนเสียงหน่อยยยยยยย!” เสียงพี่ท๊อปดังลั่น จนทำให้กระจกทั่วบ้านสั่นสะเทือนไปหมด ฉันหันกลับมามองโทรทัศน์ที่มีพี่ศิวะยืนอยู่ข้างๆ เห็นคุณพี่ยืนทำหน้าเฉยๆ อยู่อย่างนั้น ฉันจึงเอี้ยวคอกลับไปมองพี่ท๊อปที่ยังตกใจกับเสียงตัวเอง
“โห~ พี่ท๊อปพูดเสียงดังจัง”
“เออ! ขอบใจไอ้สิ่ว”
“ครับ”
“เท็น จะเปิดทีวีดังอะไรนักหนาหละเรา?”
“ก็มัน
.!” อยากจะบอกว่าอกหักแต่พูดไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเสียฟอร์ม
“ก็มันอะไร?”
“ก็มันเงียบ!” แถไปได้ก็ต้องไปหละค่ะ “เออนี่พี่ท๊อป”
“อะไร?” พี่ฉันเดินลงมานั่งข้างขาไม้ของฉัน “เจ็บขาเหรอ?”
“เปล่า คือเท็นจะถามว่า ทำไมบ้านถึงได้สะอาดขนาดนี้?”
“ก็
เอ่อ
เพื่อนพี่มันมาช่วยทำความสะอาดให้ตอนวันเผาศพพ่อหนะ” พี่ฉันกำลังโกหกอยู่เป็นแน่ ดวงตาโตๆ คมๆ คู่นั้นถ้าเหลือบขึ้นอย่างนี้แสดงว่ากำลังมีการปิดบังกันเกิดขึ้นแน่นอน
“พูดมาดีๆ” ฉันไม่ได้ขู่นะ แค่เพิ่มความเข้มข้นของเนื้อเสียงให้มากขึ้นตามความอยากรู้ก็เท่านั้นเอง
“ก็
คือพี่
อยากจะบอกเรื่องนี้กับเท็นอยู่เหมือนกัน คือว่าพี่
”
“ทานข้าวเย็นกันครับ” หงะ! เสียงของพี่ศิวะที่ดังมาจากในครัวทำเอาฉันและพี่ท๊อปหันหน้าไปคนละทาง ชอบโผล่มาขัดจังหวะเรื่องสำคัญอยู่เรื่อย เดี๋ยวก็จับขาไม้ปาหัว คนยิ่งเศร้าๆ อยู่
ฉันใช้มือทั้งสองข้างประกบหน้าพี่ชายให้หันมาสบตาอย่างรวดเร็ว
“คือว่าพี่
? พี่อะไรหละพี่ท๊อป?”
เอาอีกแล้ว นี่ฉันปล่อยให้สายตาคู่นี้เหลือบขึ้นอีกแล้ว เมื่อกี้กำลังจะบอกอยู่แล้วเชียว พี่ศิวะนะพี่ศิวะ!
“คือว่าพี่หิวข้าวแล้ว กินข้าวกันนะ” พี่ท๊อปรวบมือฉันเอาไว้ แล้วใช้อีกมือส่งขาไม้มาให้ฉัน ฮึ่ม! รอดไปจนได้นะ!
อาหารมื้อนี้มีพี่ชายที่มีความลับนั่งเป็นเจ้าภาพอยู่ที่หัวโต๊ะ ซึ่งปกติแล้วจะเป็นพ่อ และมีพี่ศิวะที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับฉัน ยังมีหน้ามายิ้มให้เราอีกนะ!
“ยิ้มอะไรไอ้สิ่ว นิ่งไปเลยนะมึง” หะหะ สะใจฉันหละ หน้าพี่ศิวะหงอไปเลย บังอาจมาทำให้รักครั้งแรกของฉันหม่นหมอง!
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ตืด~~~
โทรศัพท์พี่ศิวะเข้าเป็นจังหวะ พี่ศิวะตรงหน้าฉันรีบรับโทรศัพท์เพื่อไม่ให้ปลายสายรอนาน
กริก!
“ว่าไงชมภู? อืม
.”
“แฮ่ม!” พี่ศิวะเอี้ยวสายตามามองพี่ท๊อปอยู่ชั่วครู่ แล้วเลี่ยงออกไปคุยข้างนอก เชอะ! โทรมาเช็คกันตลอดเวลาเลยนะ ใช่สิ ก็เค้าเป็นแฟนกันนี่นา แล้วแกเป็นอะไรไอ้เท็น
“นี่
แอบอกหักอะเด้?” พี่ท๊อปสกิดมือฉันไปมา พรางมองหน้าอย่างรู้ทัน
“จะบ้าเหรอ หักเหิ่กบ้าบออะไร พี่ท๊อปยัดข้าวเข้าปากไปเลย” ฉันพูดพรางตักอาหารมาไว้ในจาน และกำลังจะเสยเข้าปาก
“จริงง่ะ?” พี่ท๊อปกดช้อนฉันลง ฮึ่ม!
“หิวข้าว! แล้วพี่ท๊อปก็มีความผิดอยู่ อย่ามา
”
“ฮั่นแน่งั้นก็แสดงว่าแก
อุ๊บ!” ทันทีที่พี่ศิวะกลับเข้ามาฉันก็ยัดช้อนที่พูนไปด้วยข้าวของฉันเข้าปากพี่ท๊อปทันที เป็นไงค่ะพี่ชาย อร่อยมั้ยหละน้องป้อนเองกับมือ
“อร่อยมั้ยพี่ท๊อป?” ฉันตักพริกผักสุดโปรดของฉันใส่ช้อนไปด้วยสิเมื่อกี้นี้หนะ
“อื้อๆ” พี่ท๊อปหน้าแดงก่ำไปด้วยความเผ็ด วะฮ่าฮ่า ใครจะเชื่อว่าพวกบ้ากำลังจะกินเผ็ดไม่ได้ พี่ชายฉันคนนึงหละนะ พี่ท๊อปกระเดือกน้ำในแก้วเสียยกใหญ่ ฉันเปล่าแกล้งนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
“วันนี้พี่ขอกลับก่อนก็แล้วกันนะ คือว่าชมภูเค้าบอกว่าที่ร้านมีปัญหานิดหน่อย” พี่ศิวะมองหน้าฉัน มองทำไม จะไปก็ไป จะอยู่ก็อยู่ ตามสบายเถอะค่ะคุณพี่ เครียด!
“เออๆ ยังไงกูก็ขอบใจมึงก็แล้วกัน ที่อุตส่าห์ไปรับ แล้วก็ดูแลเท็นอย่างดี” พี่ท๊อปตบบ่าพี่ศิวะเพื่อเป็นการขอบคุณดัง ป๊าบๆ
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” พี่ศิวะลุกพรวดแล้วเร่งรีบฝีเท้าขึ้นรถไป ตอนนี้ที่โต๊ะอาหารเหลือเพียงฉันและพี่ท๊อป เหงาๆๆ
“พี่ว่ากินเสร็จแล้วเรามาเล่นเกมส์แก้อกหักกันดีกว่า เอามะ?”
“เกมส์อะไร?”
“เออน่า”
“พี่ท๊อป
จะบอกเท็นมาได้รึยังว่าเพื่อนที่ว่าคือใคร? ใครกันค่ะ?” ฉันล๊อกข้อมือพี่ท๊อปเอาไว้เพื่อไม่ให้ไหวตัวทัน พรางจ้องสายตาคู่เดิม แต่คราวนี้มันไม่หลบแฮะ สงสัยจะตัดสินใจบอกฉันแน่ๆ
“เท็น เรื่องที่พี่อยากจะสารภาพคือ พี่มีแฟนแล้วนะ” พูดจบพี่ท๊อปก็หลับตาปี๋แล้วก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ฉันมองหน้าพี่ชายอย่างเหวอเล็กๆ แต่ก็พอเข้าใจ พี่ท๊อปก็แก่มากแล้วไม่มีผู้หญิงที่ไหนมาชอบสิแปลกแต่แฟนที่ว่าหวังว่าคงไม่ใช่ไอ้เนล์หรอกนะ
ฉันค่อยๆ ปล่อยข้อมือของพี่ท๊อป แล้วหันกลับมาตักอาหารเข้าปากอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ถึงแม้ว่าข้างในอยากจะรู้ว่าเป็นใครใจจะขาดแล้วก็เถอะ
“อ่าว
เท็น ไม่ตบหน้าพี่เหรอ?” พี่ท๊อปเงยหน้าฉันมาถามฉันอย่างงงงวย ก็คงเพราะตอนฉันอยู่ ม.ต้น พี่ท๊อปก็มาบอกฉันอย่างนี้นี่แหละ โดนฉันหวดหน้าจนแก้มแดงไปหลายวัน ก็ฉันตกใจนี่ พี่ชายมีแฟนหนะ!
“ไม่หรอก เท็นไม่ว่าอะไรพี่ท๊อปหรอก”
“จริงเหรอ?” ดูท่าทีพี่ชายฉันจะดีใจออกนอกหน้าเหลือเกิน
“แต่ว่า แฟนที่ว่าคือใคร ชื่ออะไร? ไม่ใช่ไอ้เนล์ใช่รึเปล่า?”
“เปล่าซะหน่อย พี่คิดกับเนล์เป็นแค่น้องคนนึงก็เท่านั้นเองนะ” พี่ชายฉันเลิกคิ้วและพูดน้ำเสียงชวนเชื่อเต็มที่ ฉันหรี่ตาลงครึ่งลูกแล้วจ้องหน้าพี่ชายพี่ทำท่าเหมือนจะมีความลับอะไรอีกแล้ว!
“ใคร? ชื่ออะไร?”
“ชื่อเพอร์ฟูม น่ารักม๊ากมาก นิสัยก็ดี อยู่โรงเรียนเดียวกับเราด้วยนะ”
“เหรอ~”
“อื้ม พี่กับเพอร์ฟูมเจอกันเมื่อ 3 เดือนก่อน เราเพิ่งคบกันได้ไม่นานเองนะ ตอนแรกพี่ก็ตัดสินใจจะบอกเท็นตอนงานวันเผาศพพ่อ แต่ว่ามันก็เกิดเรื่องขึ้นก่อน”
“เหรอ~~”
“อื้ม แล้วก็อีกอย่างเพอร์ฟูมเองเค้าก็รู้จักเท็นดีแล้วด้วย เพราะพี่เล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเท็น แล้วก็บ้านของเราให้เพอร์ฟูมฟังแล้ว เพอร์ฟูมฝากพี่มาบอกเท็นด้วยนะ ว่าเท็นหนะนิสัยน่ารักดี”
“เหรอ~~~” ฉันมองหน้าพี่ชายพรางบดเคี้ยวพริกชี้ฟ้าเม็ดเบ้งในปากไปมาอย่างใจเย็น ดูหน้าพี่ชายฉันสิ ชวนฝันหยาดฟ้านภาลัยขนาดนั้น ถุ้ย!
“เท็นไม่ว่าอะไรพี่แน่นะ”
“อืม
” ใครจะไปว่าอะไรเล่า โตๆ กันแล้ว อ๋า! นึกอะไรออกแล้ว ดีหละ “ถ้าอย่างนั้นพาพี่เพอร์ฟูมมาแนะนำให้เท็นรู้จักหน่อยสิ นะพี่ท๊อป เท็นอยากเจอได้รึเปล่า?” พี่ท๊อปเบิกตากว้างมองหน้าฉันอย่างกับว่าฉันมีนองอกออกมาทางหน้าผาก
“เท็นพูดจริงรึเปล่า?”
“จริงสิ เท็นอยากจะรู้จักพี่เค้าด้วย”
“มันต้องอย่างนี้สิน้องพี่! เดี๋ยวพรุ่งนี้มื้อเช้าได้เจอพี่เพอร์ฟูมแน่นอน”
“พี่ท๊อปรับปากแล้วนะ”
“คร๊าบผม” พี่ชายฉันกินอาหารไปยิ้มไป เล่นทำเอาผัดกระเพาเผ็ดๆ หวานเป็นน้ำเชื่อมเลย อะไรจะอารมณ์ดีป่านนั้น หึ หึ หึ แต่ก็คงจะอารมณ์ดีได้ไม่นานนักหรอกน่า คิดแล้วก็
สะใจ ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอนนี้เย็นมากแล้ว ท้องฟ้าทั้งฝืนเป็นสีน้ำเงินเข้ม มีดวงดาวบางดวงเด้งออกมาจากกลุ่มเมฆเหงาๆ พวกนั้น รั้วบ้านปิดแล้ว โคมไปเล็กๆ ที่หน้าบ้านก็ส่องแสงสว่างบางๆ พอที่จะมองเห็นหน้าบ้านได้ ฉันยืนดูดาวบนฟ้าไปพรางๆ เพื่อรอพี่ท๊อปที่กำลังค้นหาอุปกรณ์สำหรับการเล่นเกมส์ในตู้เย็นอย่างขะมักเขม้น
“มาแล้วๆ เข้าบ้านเร็ว เดี๋ยวหมอกลงก็ไม่สบายไปอีกหรอก” ฉันเดินสามขาเข้าบ้านตามเสียงเรียกของพี่ชาย การเดินสามขาของฉันเริ่มเข้าระดับมืออาชีพแล้ว ก็อย่างว่าแหละนะ เด็กมันหัวไวทำอะไรก็เรียนรู้เร็วไปซะหมด หะหะ เอ๊ะ! แต่ทำไมฉันตกวิชาศิลปะ?
ฉันเดินเข้ามาก็พบจานทั้งสองใบที่วางคู่กันอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโทรทัศน์ จานหนึ่งเต็มไปด้วยพริกชี้ฟ้าเม็ดอวบๆ อาหารโปรดของฉัน ส่วนอีกจานก็เป็นมะเขือทั้งแบบยาวและไม่ยาวหั่นเป็นแผ่นบางๆ เรียงไว้อย่างสวยงาม หยี~ เห็นแล้วอยากอ้วก
ฉันนั่งลงที่โซฟาตัวข้างๆ พี่ชาย แล้วมองหน้าพี่ชายที่เต็มไปด้วยแผนการชั่วร้าย กำลังคิดจะแกล้งฉันอยู่หละสิ ไม่มีทางซะหรอก
“เอาหละ พริกนี่ของโปรดเท็น ส่วนมะเขือนี่ของพี่” พี่ท๊อปไถจานพริกชี้ฟ้ามาไว้ตรงหน้าฉัน แล้วดึงจากมะเขือเข้าไปหาตนเอง
“กติกามีอยู่ว่าถ้าใครเป่ายิงฉุบแพ้คนนั่นต้องกินของโปรดของฝ่ายตรงข้าม”
“ห๊ะ! อะไรนะ เท็นต้องกินมะเขืออะดิ ยี๊! ไม่เอาอ่ะ ไม่เล่น”
“เล่นหน่อยน่า เราไม่ได้เล่นเกมส์กันต้องนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่! จะให้พูดมั้ยหละ?”
“ไม่ต้องๆ” พี่ท๊อปรีบโบกมือเป็นการหยุดฉันเมื่อฉันจะขุดเอาเรื่องของไอ้เนล์มาพูด “เอาหละ เริ่มเลยนะ สองพี่น้อง ยิงเยา ปักกะเป่ายิงฉุบ!”
ฉันออกกระดาษและภาวนาขอให้พี่ท๊อปออกค้อนทีเถอะ
“วะฮ่าฮ่า! ชนะแล้ว กรรไกรตัดกระดาษ วะฮ่าฮ่า!” พี่ท๊อปหัวเราะปากกว้าง อ๋า! ตายแล้ว! พี่ท๊อปดันมาออกกรรไกรซะอย่างนั้น ฉันต้องกินมะเขืองั้นเรอะ ไม่อ๊าว~
“ดูดีๆ ใครชนะกันแน่ เท็นดิชนะ 5 ยังไงๆ ก็ต้องมากกว่า 2 อยู่วันยังค่ำ โฮะๆๆๆ” ฉันเลื่อนจานพริกชี้ฟ้าไปให้พี่ชายพี่ทำหน้าเจื่อนๆ กับเหตุผลการเอาชนะของฉัน ก็มันชนะจริงๆ นี่นา อย่ามาเถียงว่า 2 มากกว่า 5 นะจะเอาขาไม้ฟาดเข้าให้
“กินเข้าไปเลย 2+5 เป็น 7 กินเข้าไปเลยพี่ท๊อป 8 เม็ดไม่ขาดไม่เกิน”
“โห~ อะไรวะ 2+5 เป็น 7 ทำไมเป็น 8 เม็ดไปได้อ่ะ?” “
“อ๊ะ! ชักช้าเลยแถมไง” สีหน้าพี่ชายฉันไม่รับบุญเลยแฮะ
“8 เม็ดเลยเหรอพี่ก็ตายพอดีดิ ลดให้หน่อยสิ นะนะ” พี่ท๊อปทำสีหน้าอ้อนวอน แต่ไหนแต่ไรก็รู้ว่ากินเผ็ดไม่ได้ยังมาเล่นเกมส์บ้าๆ อย่างนี้อีก แต่ก็เอาเหอะ
“เห็นแก่ความเป็นพี่เป็นน้องนะ ลดให้ก็ได้
7 เม็ดครึ่ง”
“โห่~ อีกนิดนึง ลดลงอีก”
“อะอะ สุดตัวละกัน กลัวจะเผ็ดตาย 1 เม็ดขาดตัว”
“โอเคได้! ไม่มีปัญหา” พี่ท๊อปค่อยๆ หยิบพริกชี้ฟ้าสีแดงสด เม็ดอวบแน่นกำลังน่าเคี้ยวขึ้นมาหนึ่งเม็ด
“มืออย่าสั่น มืออย่าสั่น” ฉันประคองมือพี่ชายที่แค่จับพริกก็สั่นเป็นเจ้าเข้าแล้ว พี่ท๊อปจ้องเม็ดพริกตาไม่กระพริบก่อนจะค่อยๆ ส่งมันเข้าปากอย่างหวาดระแวง
“เคี้ยวๆ เคี้ยวๆ เคี้ยวๆ” ฉันส่งเสียงเชียร์เป็นจังหวะ พี่ท๊อปค่อยๆ ขยับฟันขึ้นลงช้าๆ เสียงเม็ดพริกชี้ฟ้าในปากแตกดัง เปาะแปะ แหม อยากกินเป็นเพื่อนสักเม็ดจัง
“เป็นไงบ้างพี่ท๊อป?”
“น้ำๆๆ” สีพริกขึ้นหน้าเลยเหรอเนี่ยะ พี่ท๊อปหน้าแดงก่ำพรางชี้ให้ฉันไปเอาน้ำในตู้เย็นมาให้
“เท็นลุกไม่ได้”
“เผ็ดๆๆ” พี่ท๊อปวิ่งขาขวิดเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว เสียงเปิดตู้เย็นดังโครมคราม วะฮ่าฮ่า คนที่คิดเกมส์แปลกๆ มันก็ต้องโดนแสบๆ อย่างนี้ถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
พี่ท๊อปเดินกลับออกมาพร้อมนมจืดขวดใหญ่ที่อยู่ในมือ ปากบางๆ ของพี่ท๊อปสีแดงเต่งเหมือนเม็ดพริกไม่มีผิด ฉันแอบนั่งขำอยู่อย่างเงียบๆ
“วะฮ่าฮ่า กินเผ็ดไม่ได้ กิ้วๆ น่าอายจัง กิ้วๆ”
“อย่าลีลา มาเป่าดีกว่า” พูดจบพี่ชายก็กระดกขวดนมจืดเสียยกใหญ่
“มา
สองพี่น้องยิงเยา ปักกะเป่ายิงฉุบ” อ๊ะ! พี่ท๊อปออกกรรไกรอีกแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันออกค้อนนะ วะฮ่าฮ่า ชนะอีกแล้ว “อุ้ยพี่ท๊อป! เท็นชนะอีกแล้ว ทำยังไงดี?”
“ชนะอะไรหละ? ดูดีๆ”
“ก็เท็นออกค้อนทุบกรรไกรไง ปั้ดโธ่!”
“ปั้ดโธ่! 0 มันจะมากกว่า 2 ได้ยังไง เอาๆ กินๆ” อ๋า! มาเล่นไม้เดิมกับฉันงั้นเรอะ อ๋าทำยังไงดี พี่ท๊อปส่งจานมะเขือมาที่ฉัน ไม่เอา ไม่กิน ไม่เอา ไม่กิน!
“ไม่กิน”
“กิน”
“ไม่เอา ไม่กิน”
“กินเข้าไป พี่ยังกินพริกได้เลยนะ หรือว่าป๊อดห๊ะ?”
“ใคร? ใครป๊อด? แค่กินมะเขือ เด็กๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็โชว์พี่หน่อยสิไอ้น้อง~” พี่ท๊อปหยิบเมื่อมาหนึ่งชิ้นแล้วส่งให้ฉัน นี่จะฝานให้มันเล็กๆ หน่อยก็ไม่ได้ แผ่นเท่าบ้านเลยนะ!
“กินแล้วนะ”
“อื้ม กินสิ กิน” พี่ท๊อปจ้องฉันพรางกระเดือกนมจืดอย่างต่อเนื่อง นี่มันถึงเวลาชะตาขาดของฉันแล้วเหรอ?
“กินจริงๆ แล้วนะ”
“เชิญ”
ฉันค่อยๆ ยัดไอ้มะเขือ ยี๊! เข้าปาก แหวะ! และเคี้ยวมันอย่างรวดเร็ว อูแหวะ! อยากจะอ้วก แหวะ! ยี๊! กินที่ปากแต่รสชาติมันวิ่งขึ้นไปที่หน้าผากแล้วดิ่งตัวลงมาที่ลำไส้จากนั้นก็แตกตัวไปตามผิวหนังทั่วร่างกาย ขนฉันงี้ลุกไปหมดเลย
“เป็นไงอร่อยมั้ย?”
“แหวะ ยี๊! รสชาติโคตรอุบาทว์เลยอ่ะ”
“วะฮ่าฮ่า ทีใครทีมัน พี่น้องกันมันก็โดนอย่างนี้แหละน่า” พี่ท๊อปหัวเราะร่วนเลย ฮึ่ม~ ฝากเอาไว้ก่อนเหอะ
“มาๆ มาเล่นต่อดีกว่า สองพี่น้อง
”
ปี๊น! ปี๊น! ---- ขณะที่พี่ท๊อปกำลังจะเริ่มเกมส์ต่อ ก็มีเสียงแตรรถจากหน้าบ้าน
“ใครมันมาเอาป่านนี้วะ?”
พี่ท๊อปเดินออกไปหน้าบ้านพรางสะบดไปตลอดทาง ฉันเองก็กำลังมองตามออกไป รถเก๋งคันคุ้นตาขับผ่านรั้วเข้ามาในบ้านที่พี่ท๊อปเพิ่งเปิดทางให้ ถ้าจำไม่ผิด รถเก๋งแบบนี้ต้องเป็นรถของพี่ศิวะแน่นนอน
และเมื่อบุคคลปริศนาลงมาจากรถก็เป็นไปตามที่คาดหมายเอาไว้ พี่ศิวะลงมาจากรถพร้อมกับขนมและ
ดอกลิลลี่สีชมพู เอามาทำม้าย!
“มึงมาทำไมไอ้สิ่ว?” พี่ท๊อปทักอย่างเป็นมิตรเช่นเคย
“เอาขนมมาฝากครับ
” พี่ศิวะมองเข้ามาที่ฉันและชูกระเช้าดอกไม้ขึ้น เออ! เห็นแล้วไม่ต้องโชว์มากก็ได้ “แล้วก็เอาดอกไม้มาให้ด้วย”
“มึงอย่าลืมนะว่ามึงมีแฟนแล้ว อย่ามาทำหลายใจกับกูนะมึง”
“ครับ ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นก็ส่งขนมมาอย่ายึกยัก”
“นี่ครับ”
พี่ศิวะส่งถุงขนมให้แต่โดยดี นี่พี่ท๊อปปล้นกันอีกแล้วใช่มั้ย? ทั้งสองคนกำลังตรงเข้ามาในบ้าน พี่ศิวะกลับมาแค่เอาขนมกับดอกไม้มาให้จริงๆ รึเปล่า? ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย
ปี๊น! ปี๊น! ปี๊น!----- รถใครมาอีกวะนั้น! โอวววว วุ่นวายจริง
“ใครอีกวะ?”
พี่ท๊อปเดินกลับออกไปดูอีกครั้ง BMW สีดำสนิทเบรกลงที่หน้าบ้านเสียงดังสนั่น ก่อนที่จะตามลงมาด้วยเสียงของเจ้าของรถ
“ศิวะ!”
เธอ บุคคลปริศนาที่คาดว่าน่าจะชื่อชมภูซึ่งเป็นแฟนกับพี่ศิวะ สวยจัง แต่ดูปราดเปรียวเปรี้ยวปรี้ดไม่สมกับชื่อเลยแฮะ
“ชมภูมาที่นี้ได้ยังไง?”
น่าน! ว่าแล้วไง ชมภูจริงๆ ด้วย ฮึ่ม! ศัตรู มันคือศัตรูของฉัน มาถึงแม่คุณก็เดินผ่านพี่ท๊อปชนิดที่ว่าเกือบเหยียบหัวกันเลย แล้วปรี่ตรงมาหาพี่ศิวะทันที
ดูสายตาที่พี่ศิวะมองเธอสิ! กรี๊ด! ตาของเธอสวยดีนะเห็นแล้วอยากลองเอาซ้อมควักออกมาดูว่าข้างในจะสวยเหมือนข้างนอกรึเปล่า แต่ก็พยายามที่จะเข้าใจหละนะว่าเค้าเป็นแฟนกัน เย็นไว้ เย็นไว้ไอ้เท็น
ฉันเดินสามขาออกมายืนหน้าบ้าน เพื่อการแอบฟังและการแอบมองชัดเจนที่สุด
“นี่เหรอบ้านน้องเท็นที่ศิวะเล่าให้ชมภูฟังง่ะ?”
“ใช่”
“แล้ว
อ้า! นั่นใช่มั้ยน้องเท็น ดูอาการดีขึ้นแล้วนี่” แม่คุณส่งยิ้มและโบกมือมาให้ฉัน ดูท่าจะนิสัยดีไม่น้อย ถึงว่าทำไมพี่ศิวะถึงได้คบกับเธอเป็นแฟน ทั้งสวย ทั้งใจดี จนตอนนี้ฉันเผลอยิ้มตอบไปแล้วนะเนี่ยะ ไอ้เท็นนั่นหนะ ศัตรู ศัตรู
“ว่าแต่ชมภูมาทำไมเหรอ?”
“อ๋อ คือชมภูซื้อของมาเยี่ยมน้องเท็น ตะกร้าอยู่ในรถ รอเดี๋ยวนะ” พี่ชมภูเหยียบหัวพี่ท๊อปกลับเข้าไปเอาของในรถอีกรอบ
“แฟนมึงเหรอ?” พี่ชายฉันแอบนินทาทันที
“ครับ”
“เฮ้ย! เจ๋งนี่หว่า หน้าจืดๆ อย่างมึงหาได้สวยขนาดนี้ ไม่เบา ไม่เบา” พี่ท๊อปยิ้มกริ่มไปมา
“งั้นเดี๋ยว
ชมภูขอเข้าไปเยี่ยมน้องเท็นก่อนนะ ขออนุญาตินะค่ะ”
“ครับๆ เชิญครับ” พี่ท๊อปเปิดทางให้อย่างง่ายดาย “เอ่อ
ระวังน้องผมกัดนะครับมันดุ” ปากคนเรอะนั่น!
แฟนพี่ศิวะเดินตรงมาหาฉันที่ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหนเพราะกลัวฟังไม่ถนัด ในมือมีตะกร้าผลไม้ตะกร้าใหญ่ แต่
ทำไมนางฟ้าเมื่อกี้ถึงทำสีหน้าอย่างนี้ใส่ฉัน เธอกดหน้าลงต่ำแล้วตวัดสายตาขึ้นเสียสูง นี่เธอกำลังทำตาเขียวใส่ฉันใช่มั้ย? ทำเอารอยยิ้มเมื่อครู่ของฉันเจื่อนไปหมดเลย
“น้องเท็นค่ะ” ถึงแม้ว่าจะพูดสุภาพแต่น้ำเสียงหยาบคายมาก
“ค่ะ?” ฉันยังคงฝืนยิ้ม “เชิญข้างในก่อนดีกว่าค่ะ” ฉันเดินนำเธอเข้ามาข้างในบ้านเพื่อปกปิดความรู้สึกแปลกๆ ที่มันกำลังผุดขึ้นมาในใจ เธอคนนี้คิดไม่ซื่อกับฉันแน่ๆ
“ขาดีขึ้นแล้วใช่รึเปล่าค่ะ?”
“ค่ะ ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“ที่จริงแล้ว หลับตาข้ามถนนขนาดนั้นน่าจะตายนะคะ ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้” ฟังเธอพูดเข้าสิ นั่งนี่มันมีดสองคมใส่ชุดตุ๊กตาบาร์บี้ชัดๆ
“เหรอค่ะ?” ฉันยังคงยิ้ม ฉันบอกแล้วไงว่าฉันต้องเป็นนางสาวไทยให้ได้
“อืม
” เธอทอดสายตามองเฝือกที่ขาของฉัน “ทราบข่าวมาว่าพ่อกับแม่น้องเสียไปแล้วใช่มั้ยค่ะ? แล้วอย่างนี้จะมีรายได้ที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านหละค่ะ เห็นค่ารักษาทั้งหมดศิวะเค้าก็เป็นคนดูแลให้ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ พี่ศิวะเป็นคนดูแลให้ทั้งหมด”
“แล้วน้องเท็นกับพี่ของน้องคิดจะหาเงินเองบ้างมั้ยค่ะ?” นังนี้มันดูถูกฉันกับพี่ท๊อปมากเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวก็ขยุ้มพริกชี้ฟ้าตรงหน้านี่ยัดปากซะหรอก!
“ก็ทำอยู่บ้างหนะค่ะ
”
“เอ๊ะทำงานพิเศษงั้นเหรอค่ะ งานอะไรหละ? ก่อสร้าง หรือล้างจาน”
“อ๋อ เปล่าหรอกค่ะ งานของเท็นแค่งานเล็กๆ แต่ได้เงินดี แต่ของพี่ท๊อปอันตรายมากค่ะ แต่ก็คุ้มกับเงินที่ได้มา”
“ขายยา?” สวยแต่คิดได้แต่เรื่องชั่วๆ นะแกหนะ!
“เท็นรับจ้างเตะปากคนหนะค่ะ ส่วนพี่ท๊อปรับจ้างฆ่าทิ้งหลังจากโดนเท็นเตะปากเรียบร้อยแล้ว” เป็นไงหละ! แม่คุณถึงกับหน้าถอดสีดัง ฟื้ด! นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออก “พี่ชมภูอยากจะลองจ้างดูมั้ยค่ะ ถ้าเป็นศพผู้หญิงเนี่ยะพี่ท๊อปทำสวยมากเลยนะ รับลองหน้าไม่เละ เลือดไม่ให้กระเด็นแน่นอนค่ะ”
สีหน้าเหวอๆ ของผู้หญิงตรงหน้าฉันมันทำให้ฉันอยากหัวเราะก๊ากตรงนั้นเลย เป็นยังไงหละ คิดว่าฉันเป็นเด็กแล้วจะมาข่มกันได้งั้นเหรอ เดี๋ยวปั้ดเหนี่ยว!
“เอ่อ
นี่น้องขู่พี่เหรอค่ะ?”
“เปล่านี่ค่ะ ก็พี่ถามมาเท็นก็แค่ตอบ”
“โกหก!”
“ทำอย่างกับพี่จริงใจงั้นแหละ พี่มาเพื่ออะไรพูดมาเลยดีกว่า ตรงๆ เลยมา”
“น้องทำให้ศิวะห่างกับพี่ น้องต้องเลิกยุ่งกับเค้า”
“ว่าแล้วไง” ฉันเอนตัวพิงโซฟาในท่าสบายๆ แล้วผ่อนสายตามองนอกหน้าต่าง นังนี่มันจะมาทวงคืนชัดๆ แต่เอ๊ะ! ถ้าพี่ศิวะชอบฉันก็ดีหนะสิจะได้ยุให้เลิกกับนังนี่ไปซะเลย เชอะ! สวยซะเปล่าใจร้าย!
“น้องเข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย?”
“พี่รู้มั้ยว่าทำไมพี่ศิวะถึงได้ห่างกับพี่?”
“เพราะน้องนั่นแหละ”
“เพราะพี่ต่างหากเล่า”
“เลิกต่อปากต่อคำแล้วทำตามที่ฉันบอก!” เธอตรงหน้าฉันลุกพรวดพราดพลางถลึงตาข่มฉัน คิดว่าแค่ตาโตๆ จะทำให้ฉันกลัวได้รึไง ปั้ดโธ่!
“เธอควรขอร้องคนอื่นเค้าแทนที่จะออกคำสั่งนะ!” ที่จริงตอนนี้ฉันเองก็อยากจะยืนบ้างเหมือนกันแหละนะ แต่ว่ามันต้องใช้อีกสองขาอ่ะดิ ลำบากอ่ะ นั่งเอาดีกว่าเนอะ
“นี่แก!”
นังชมภูง้างมือแล้วค่ะ! ฉันเอื้อมมือไปคว้าขาไม้มาอัตโนมัติ ถ้าตบมาฉันฟาดจริงๆด้วย จะคอยดูว่าใครจะเจ็บมากกว่ากันเอาสิ!
“ชมภู!”
นังชมภูชะงักในทันควัน ก็เสียงพี่ศิวะหนะสิค่ะ พี่ศิวะเดินเข้ามาตามมาด้วยพี่ท๊อปที่เดินมาเป็นแบล๊คกราวด์ให้กับฉัน
“พูดดีมากไอ้น้อง” พี่ท๊อปก้มลงมากระซิบข้างหูฉัน ทำเอาฉันแทบหลุดยิ้ม ฉันกำลังทำหน้าโหดอยู่นะ!
“ทำไมชมภูถึงได้เป็นแบบนี้หละ ศิวะไม่
”
---- เผี้ยะ ----
ไอ้หยา! อึ้งกันทั้งบางเลยค่ะ นังชมพูหวดหน้าพี่ศิวะเข้าเต็มๆ จนพี่ศิวะหันหน้าไปตามแรงตบ หน้าใสๆ ของพี่ศิวะปรากฏรอยนิ้วมือแดงๆ ขึ้น ฮึ่ม! อยากถีบมัน! ฉันอยากใช้ขาอีกข้างถีบมันจริงๆ หมันไส้โว้ยยย
“ศิวะ ฉันคิดว่าหมาอย่างนายจะซื้อสัตย์แล้วนะ นอกคอกจนได้!” พูดจบแม่คุณก็เดินกระแทกเท้าออกจากบ้านฉันไป
หมา ฉันได้ยินเต็มๆ 2 รูหูเลย นังชมภูเรียกพี่ศิวะว่าหมา ฉันกับพี่ท๊อปนิ่งกันทั้งคู่ และที่ดูจะเสียใจที่สุดตอนนี้ก็คือพี่ศิวะ ยืนเงียบเป็นเป่าสากเลยดูดิ
“ชมภู! เดี๋ยวครับ! ชมภู!”
พอได้สติกลับคือมา พี่ศิวะก็รีบสาวเท้าตามนังชมภูออกไปแบบไม่คิดชีวิต แม่คุณเหยียบคันเร่งหนีพี่ศิวะไปแล้ว ฉันมองพี่ศิวะที่ออกรถตามออกไปติดๆ มันอะไรกันวะเนี๊ยะ หนังสด!
และแล้วก็เหลือแค่ฉันกับพี่ท๊อปที่ยังคงอึ้งกิมกี่ ฉันเอี้ยวตัวกลับมามองหน้าพี่ท๊อปที่ยืนอยู่ด้านหลัง พี่ฉันไม่มีคำตอบและไม่มีคำถาม เหมือนฉันเลย
“ขึ้นไปอาบน้ำนอน เดี๋ยวพี่ขึ้นไปส่ง พรุ่งนี้จะได้เจอพี่เพอร์ฟูมนะ”
“ช่าย~ เท็นลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปได้ยังไงเนี่ยะ” ฉันยันตัวเองยืนขึ้นพร้อมกับขาไม้แล้วลากสังขารอันทุเรศทุรังขึ้นไปทำความสะอาดสักหน่อย
ได้เวลาพักผ่อนของฉันสักที
ตึง! ตึง! เคร้ง! เพล้ง!
“เฮ้ย! มึง! อย่าหลบนะเว้ย มึงคอยตรงนั้นนะเว้ย!”
เสียงอะไร? ฉันพยายามเดินสามขาออกมาจากห้องน้ำ ผมก็ยังเปียกอยู่แถมมีผ้าเช็ดตัวแปะอยู่บนหัวอีกต่างหาก ต้องมาตกใจเพราะเสียงพี่ท๊อปที่จู่ๆ ก็ตะโกนโหวกเหวกซะดัง
ฉันมาหยุดอยู่ที่หน้าต่างในห้องนอน ภาพพี่ท๊อปในชุดบ๊อกเซอร์ลายกระต่ายแสนสวยกับเสื้อกล้ามสีชมพูถือไม้เบสบอลวิ่งออกไปที่รั้ว
เฮ้ย! ไฟที่รั้วแตกไปดวงนึง! แถมมีผู้ชาย 4-5 คนวิ่งพรวดพราดออกจากหน้าบ้านฉัน อะไรของมันวะ!
“กูบอกให้มึงกลับมาไง ไอ้เชี้ย! ไม่แน่จริงนี่หว่า ปั้ดโธ่เว้ย!” พี่ท๊อปตะโกนอย่างหัวเสีย ฉันเหลือบไปมองนาฬิกานี่ก็เหยียบๆ 4 ทุ่มแล้วยังมามีเรื่องกันอีก
ไม่ต้องตกอกตกใจไปหรอกค่ะ ที่เห็นเผ่นแน่บไปเมื่อกี้นี้ก็เป็นพวกของคนที่ชื่อไปร์อริของพี่ชายฉันเอง ตีกันไปตีกันมาตั้งโบราณกาลแล้วยังไม่เบื่อกันสักที ฉันงี้เห็นจนเอียนไปหมดแล้ว
ฉันเลิกสนใจแล้วกระดึ้บตัวขึ้นเตียงอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะยืดตัวคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียง พรุ่งนี้พี่ท๊อปจะไปรับพี่เพอร์ฟูมมาทานมื้อเช้าที่บ้าน ฉันในฐานะที่เป็นน้องสาวก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนี้จะดูแลเอาใจใส่พี่ชายฉันได้มากแค่ไหน
และเนล์อดีตเพื่อนรักเพื่อนใคร่ของฉัน พรุ่งนี้เธอเองก็มีเซอร์ไพรส์เหมือนกันนะเนล์ เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ซะเถอะ หึหึหึ ว่าแล้วก็โทรหาเลยดีกว่า
กริก!
“ตืด ตืด ตืด
.ฮัลโหล ว่าไงเท็น?” เสียงปลายสายดูจะดีใจจนออกนอกหน้า แล้วมันจะทำให้อารมณ์ของฉันแตกก่อนมั้ยหละเนี่ยะ ไม่หรอก ฉันต้องทำได้
“อืม
เนล์พรุ่งนี้เธอว่างมั้ย?”
“ว่างสิ ทำไมเหรอ อยากไปดูหนังเหรอ? หรือว่าอยากไปร้านหนังสือ? อยากไปที่ไหนก็บอกมาเลยนะ เดี๋ยวฉันดูแลเธอเอง” มาทำดีตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยเหรอ?
“เปล่าหรอก ถ้าพรุ่งนี้เธอว่าง ฉันอยากชวนเธอมาทานอาหารเช้าด้วยกัน พรุ่งนี้ก่อน 8 โมงเธอมาที่บ้านฉันได้รึเปล่าหละ?”
“ได้สิได้ พรุ่งนี้ฉันว่างทั้งวันเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่บ้านของฉันนะ”
“จ้า! เท็น
” เสียงปลายสายเงียบไป แล้วจะเงียบทำไมไม่ทราบ! “เรา
เหมือนแต่ก่อนเลยเนอะ” ตอนนี้ความรู้สึกสั่งให้มือของฉันกำปลอกหมอนแน่น เหมือนแต่ก่อนงั้นเหรอ? เรื่องของเราสองคนสำหรับฉันตอนนี้มันซีดจางไปหมดแล้วหละ
“พรุ่งนี้เจอกันนะเนล์” ฉันรีบตัดบท
“จ้า”
กริก!
ตึ้ง! ฉันโยนโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงเหมือนเดิม แล้วค่อยๆ ทอดตัวลงนอนบนเตียงที่แสนจะคุ้นเคย ถึงแม้ว่าตอนนี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป แต่ฉันก็ต้องอยู่กับสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ตอนนี้ให้ได้ ฉันต้องอยู่เพื่อพี่ท๊อปและเพื่อตัวของฉันเอง
ความคิดเห็น