คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สาเหตุความเกลียด
----- เมื่อ 2 วันก่อน-----
“เท็น! ขอโทษนะ พี่คงไปดูหนังด้วยไม่ได้ พี่ต้องไปรับเนล์วันนี้เนล์จะไปสอบ”
เสียงพี่ท๊อปดังขึ้นไปถึงชั้น 2 ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของฉัน เนล์ทำให้โลกของฉันกลายเป็นสีเทา เมื่อพี่ท๊อปได้รู้จักกับเธอเข้าพี่ท๊อปก็สะกดคำว่าพี่น้องไปเป็นอีกเลย มันน่าน้อยใจจริงๆ เว้ย!
ฉันชื่อเท็น ห่างจากพี่ท๊อป 4 ปีได้ พี่ท๊อปดูแลฉันมาตลอดตั้งแต่อนุบาล จนตอนนี้ฉันอยู่ ม.ปลายก็ยังดูแลได้อย่างดี
จนกระทั่งได้รู้จักกับเพื่อนสนิทของฉันเองชื่อว่า เนล์ วันนั้นเพื่อนๆ ในกลุ่มตกลงกันว่าจะมาทำรายงานกันที่บ้านของฉัน และนิสัยของเนล์ก็ดันมาเข้าตากรรมการท๊อปจนได้ พี่ท๊อปกับเนล์ก็เลยพยายามสนิทสนมกันมาตลอด และเนล์เองก็พยายามที่จะอวดกับฉันเหลือเกินว่าพี่ท๊อปให้ความสำคัญกับตนมากแค่ไหน และวันนี้ก็เหมือนกัน สงสัยฉันคงได้ไปดูหนังคนเดียวอีกแล้วสิ! ฮึ่ม! เนล์! ฉันขอแช่งให้เธอสอบไม่ผ่าน บังอาจมาแย้งพี่ชายของฉันไป!
“ทำไมเท็นไม่รู้เลยว่าวันนี้มีสอบ” ฉันเดินทอดน่องลงตามขั้นบันไดอย่างเสียอารมณ์ ก็ฉันแต่งตัวเสร็จแล้วนี่ เสื้อตัวนี้ตัวเก่งซะด้วย คิดว่าวันนี้พี่ท๊อปจะมีเวลาให้กันจริงๆ แต่ก็ต้องกร่อยอีกตามเคย
“เนล์บอกว่าแล้วแต่ใครจะสอบไม่ใช่เหรอ? แทนที่เราจะเลือกไปสอบนะเท็น กลับเลือกที่จะไปดูหนัง หัดใส่ใจเรื่องการเรียนซะบ้างดิ”
“ไม่พาไปก็ไม่ต้องบ่นน่า
” ฉันจัดการใส่รองเท้าเสร็จสรรพ ดูพี่ท๊อปฉันซะก่อน แค่พาไปสอบแต่งตัวอย่างกับจะไปเป็นนายแบบ ก็อย่างว่าแหละนะ พี่ชายฉันเค้าหุ่นดี ถึงแม่ว่าจะป่าดิบดงเถื่อนก็เถอะนะ
“งั้นไปส่งเฉยๆ ได้มั้ย?”
“ไม่ได้”
ฉันหันควับกลับไปมองหน้าพี่ชายที่ไม่ใส่ใจกันบ้างเลย
“พี่ท๊อป ไอ้เนล์มันเป็นญาติเราฝ่ายไหนเหรอถึงได้รับส่งเช้าเข้าเฝ้าเย็นแบบนี้? พี่น้องก็ไม่ใช่จะใส่ใจทำไมนักหนา เท็นเป็นน้องพี่ท๊อปนะ สนใจกันบ้างเด้!”
“เราหนะพี่ดูแลตั้งแต่เด็กจนแก่ ถึงทำอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่เป็นแบบนี้ไง” ไม่ไปส่งยังมาด่ากันอีกนะ ฉันจ้ำเท้าออกจากบ้านอย่างหัวเสีย เชอะ! ไปเองก็ได้ไม่เห็นจะง้อ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ได้ไปไหนไม่เป็น แต่อยากไปกับพี่ท๊อปต่างหากเล่า
หลังจากดูหนังที่หงอยเหงาเป็นการเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เดินทำตัวเฉื่อยแฉะอยู่ตามร้านหนังสืออยู่นานสองนาน มองหมวดนั้น ไปหมวดนี้จนแทบจำชื่อและสำนักพิมพ์ได้ทุกเล่มแล้วก็ยังไม่หายเหงาสักที เฮ่อ~ ทำไงดี
ฉันหยิบหนังสือปกดำเล่มใหญ่มาหนึ่งเล่มแล้วหามุมเหมาะๆ นั่งอ่านมันในร้าน สายตาฉันสอดส่ายหาอะไรนอกร้านเล่นๆ ในมือก็เปิดหนังสือแล้วอังไว้ที่หน้าให้ลมที่มีกลิ่นไอของหนังสือผ่านเข้าโสตประสาท และแล้วฉันก็ได้ไปประสบพบกับภาพบาดลูกตาที่ฝั่งตรงข้าม
“พี่ท๊อป! มากับไอ้เนล์! ฮึ่ม!” สายตาฉันมองคนทั้งสองคนที่กำลังนั่งกินไอศกรีมกันจี๋จ๋าใหญ่เลย ฉันรีบควักโทรศัพท์แล้วโทรหาพี่ท๊อปในทันที ตาย! ต้องตายทั้งคู่ ฉันต้องเสียเพื่อนสนิทไปเพราะพี่ชายแท้ๆ ไม่สิ ที่จริงแล้วเสียทั้งพี่ชายทั้งเพื่อนสนิทเลยต่างหาก เพราะทั้งสองคนไปด้วยกันทิ้งฉันไว้คนเดียว ไม่ยอมๆๆ
พี่ท๊อปเริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพรางหันซ้ายหันขวา ฉันรีบทรุดตัวหลบสายตาพี่ชายอยู่ที่หลังที่โซฟา
‘ตืด ตืด ตืด ติ๊ด!’
เอ๊ะ! นี่พี่ท๊อปตัดสายฉันทิ้งงั้นเรอะ! ฮึ่ม! ฉันโทรไปอีกรอบอย่างอัตโนมัติ
‘ไม่สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกค่ะ
’
ว๊าก!! นี่ถึงขั้นปิดโทรศัพท์หนีกันเลยเรอะ! พี่ท๊อปนะพี่ท๊อป ไม่อยากให้น้องรบกวนขนาดนั้นเลยรึไง! กลับบ้านเมื่อไหรนะ โดนแน่ ฉันจะใช้กรรไกรตัดผมพี่ท๊อปออกเป็นอย่างแรก หวงดีนักไอ้ผมตั้งๆ เนี่ยะ จากนั้นก็เผารูปสติ๊กเกอร์ที่แอบไปถ่ายกับเนล์สองคนทิ้งให้หมดโหลเลย คอยดูเถอะ
แกว๊ก! กว๊าก! แกว๊ก!
โอว~ ไม่นะแม่เจ้า ฉันโกรธมากไปหน่อยเผลอทึ้งหนังสือจนขาดเสียงดั่งลั่น ฮือๆๆ ทำไงดี เจ้าของร้านจะต้องปรับฉันแหลกลานแล้วถีบฉันออกจากร้านแน่ๆ
ฉันนั่งเอ๋อมองหนังสือที่ขาดยับย่อยในมืออยู่นาน ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ดีนะที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้
“เอ่อ
น้องครับ
”
ฮะ! ใครเรียก ฉันหันหลังควับตามเสียงเรียกที่น่าตกใจ พี่ผู้ชายหัวตั้ง ตัวโต หน้าขาว มีเครานิดๆ ในชุดพนักงานในร้านกำลังเดินเข้ามาหาฉัน ฉันรีบปิดหนังสือเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยการฉีกขาดเอาไว้
“ค่ะ?”
ฉันพยายามทำหน้าปกติแล้วนะแต่ว่าทำไมเหงื่อถึงได้หยดขนาดนี้ ไม่เอานะ ถ้าจะให้ฉันซื้อหนังสือเล่มนี้ ฉันไม่ได้อยากได้มันสักหน่อย ซื้อไปก็เปลืองเงินแย่สิ
“คือว่าพี่ได้ยินเสียงอะไรขาดรึเปล่า?”
“เปล่านี่ค่ะ ทุกอย่างปกติดี” ฉันยิ้มแห้งๆ แห้งไปถึงเหงือกแล้วลามไปถึงไส้ติ่ง ถ้าเค้าจับได้แล้วฉันต้องซื้อหนังสือเล่มนี้ฉันต้องท้องแห้งไปหลายวันแน่ คงแห้งกว่าเหงือกตอนนี้ซะอีก
“แน่ใจนะครับ”
“ค่ะ” ยัง ยังอีก คนเค้าบอกว่าไม่มีอะไรยังมามีหน้ามาสงสัยอีกแหนะ พี่พนักงานเดินเข้ามาจะหยิบหนังสือในมือฉัน
“เอ่อคือ ดูอยู่ค่ะ” ฉันรีบรวบของกลางไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว พี่เครามองหน้าฉันด้วยความสงสัย
“จริงจริ้ง” ฉันขึ้นเสียงสูงเพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง
“คือว่าเมื่อกี้พี่เห็นภาพในวงจรปิดแล้วนะครับ แต่ว่ายังไม่มีใครเห็นเลย มีพี่เห็นคนเดียว พี่ว่าน้องทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนตอนนี้แล้วรีบเอาหนังสือไปจ่ายตังค์ดีกว่านะ เดี๋ยวพี่เป็นคนคิดเงินให้เองรับรองว่าไม่มีใครรู้” ฉันหุบยิ้มในทันควัน แต่ว่า ฉันยังไม่เชื่อค่ะ ทำมาเป็นหลอกล่อให้เราตายใจจากนั้นก็จะแจกค่าปรับแหลกลานแน่ๆ
“พี่พูดเรื่องอะไรค่ะ?” ฉันยังทำเนียนต่อไปเผื่อจะได้ผล
“หรือว่าน้องอยากให้พี่เรียกเก็บค่าปรับจริงๆ หละ?” พี่เคราทำหน้าขู่ฉัน เอาวะซื้อก็ซื้อสิ ฉันพลิกด้านหลังปกหนังสือเพื่อดูราคา เฮ้ย! อยากจะเป็นลมตาย 390 บาทถ้วน! แล้วจะเอาเงินที่ไหนเลี้ยงปากท้องตัวเองวะเนี่ยะ โธ่~ เท็นเอ๋ย ไม่น่าเลยแก
“นี่มัน 390 บาทเลยนะคะ”
“เอาอย่างนี้ ถ้าน้องไม่อยากได้มันจริงๆ ละก็ น้องจ่ายเงินไปก่อน เสร็จแล้วไปรอพี่ที่หน้าห้องน้ำ เดี๋ยวพี่คืนเงินให้โอเคมั้ย?”
“จะดีเหรอค่ะพี่?
ตกลงค่ะ” ฉันตอบตกลงมันหน้าด้านๆ อย่างนี้นี่แหละ แหะๆ ขอบคุณนะคะคุณพี่
เมื่อจ่ายเงินเสร็จสรรพฉันเดินออกจากร้านหนังสืออย่างรวดเร็วและไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้พี่เคราเพื่อเป็นการกำชับว่านัดหน้าห้องน้ำ ห้ามลืมเด็ดขาด
ฉันไปยืนรอพี่เคราอย่างใจจดใจจ่อหน้าห้องน้ำ ในมือถือถุงที่บรรจุหนังสือปกดำเล่มใหญ่เอาไว้ แล้วจู่ๆ ในหัวก็นึกเรื่องพี่ท๊อปขึ้นมาได้ ป่านนี้ออกจากร้านไอศกรีมกันรึยังนะ
“เท็น! มายืนทำอะไรตรงนี้หนะ?”
เนล์ออกมาจากห้องน้ำและมองหน้าฉันไปมา อยากจะบอกจริงๆ ว่ามาดักตบเพื่อนสนิทเพราะมันดันมาแย้งพี่ชายของฉันไป
“พี่ท๊อปอยู่ไหน?” ฉันยิงคำถามทันที
“นั่งอยู่นั่นไง ไม่ค่อยได้เจอพี่ชายจนลืมหน้าไปแล้วเหรอ อุ้ยๆ ดูเหมือนเธอจะขาดความอบอุ่นนะเท็น” มันพูดพรางจิกสายตาแห่งผู้ชนะใส่ฉันจนพรุนไปหมดทั้งหน้าแล้ว
“เท็น ดูหนังเสร็จแล้วเหรอ? ถุงอะไรหนะ?”
พี่ท๊อปเดินเข้ามาถามอีกคน และดูท่าจะให้ความสนใจกับหนังสือที่อยู่ในถุงนี่ซะด้วย แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก ฉันจ้องมองหน้าพี่ชายที่พยายามกลบเกลื่อน อุตส่าห์ไม่มาดูหนังกับน้องแต่มากินไอศกรีมกับเพื่อนน้อง มันน่ามั้ย!
“ไม่ต้องมาพูด! พี่ท๊อปตัดสายเท็นทิ้ง แล้วก็ปิดโทรศัพท์กระแทกหน้าเท็นด้วย!”
“พี่เปล่าซะหน่อย”
“โกหก! เอาโทรศัพท์ออกมาดูเด้” พี่ท๊อปชักลังเล เชอะ! ไม่ต้องมาสนใจน้องอย่างเท็นหรอกพี่ท๊อป ดูแลไอ้เนล์ไปเถอะ ระวังมันจะโดนฆาตกรรมเข้าสักวัน
“น้องครับ น้อง!”
มาแล้วๆ เสียงสวรรค์ พี่เคราวิ่งมาแต่ไกลพร้อมเงินจำนวน 390 บาทในมือ ฉันเหล่สายตากลับไปมองหน้าพี่ท๊อป พี่ชายฉันเต๊ะท่าเข้มเอามือไพร่หลังแล้วพาดสายตามองพี่เคราอย่างกับจะบดหัวที่เคราเข้าไปอย่างนั้นแหละ
“มองอะไรพี่ท๊อป” ฉันสกิดพี่ชายเล็กน้อย
“ใครเหรอเท็น?”
“ไม่บอก”
ฉันก้าวเท้าออกไปหาพี่เคราด้วยอาการหน้าชื่นตาบาน เงิน 390 บาทของฉัน กลับมาหาแม่นะลูกนะ แล้วแม่จะไม่ให้ลูกกระเด็นไปไหนอีกเด็ดขาด
“นี่ครับเงิน” พี่เคราส่งเงินมาให้ฉัน
“นี่หนังสือค่ะพี่ศิวอักษร” พอดีว่าตาเล็กๆ ของฉันเหลือบไปเห็นป้ายชื่อของพี่เคราเข้า ทำเอาพี่เครายิ้มเล็กๆ อู้ย~ น่ารักบาดใจ
“เรียกพี่ศิวะเฉยๆ ก็ได้ครับ” แต่เมื่อตาของฉันมองใต้ชื่อลงมา มันคือตำแหน่งของพี่เคราศิวะ เหวอ! ตำแหน่งผู้จัดการเหรอเนี่ยะ!
“พี่ศิวะเป็นผู้จัดการเหรอค่ะ?” ฉันแย่แล้วค่ะ อาการปวดท้องกับปวดหัวมารวมกันได้ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนสมองมันไหลมาอยู่รวมกับปอด มือฉันกำลังสั่นผับๆ
“ครับ พี่เป็นผู้จัดการ”
“เอ่อ
แล้วทำไมพี่ศิวะไม่บอกเท็นแต่แรก เท็นตกใจนะเนี่ยะ”
“ไม่เป็นไร ที่หลังเท็นก็ระวังหน่อยก็แล้วกันนะ”
“ค่ะ”
“เฮ้ย! ใกล้เกินไปแล้วไอ้สิ่ว” เสียงพี่ท๊อปแหลมเข้ามาในโสตประสาท ฉันหันสายตากลับไปมองก็เห็นคุณพี่ชายที่ยืนอยู่ห่างจากหลังฉันไม่ถึง
“พี่เค้าชื่อพี่ศิวะไม่ใช่พี่สิ่ว”
“ไม่สน! เฮ้ย! มึงจีบน้องกูเหรอไอ้สิ่ว”
พี่ท๊อปเอื้อมมือไปผลักไหล่พี่ศิวะผ่านหัวฉัน เข้าใจนะว่าสูง สูงกันทั้งคู่นั่นแหละ แต่นี่มันหัวเท็นเว้ย!
พี่ฉันมีนิสัยพาลเล็กน้อย แต่ก็เคยเตะกับจิ๊กโก๋ปากซอยมาแล้วนะ 10 ต่อ 1 ไอ้พวกจิ๊กโก๋งี้เผ่นกันจ้าละหวั่นเลยหละ รู้รึเปล่าว่าทำไม
พอดีตำรวจมาหนะ แหะๆ
“พี่ท๊อป! เสียมารยาท” ฉันคว้ากล้ามแน่นๆ ที่ถูกปิดด้วยเสื้อกันหน้าตัวโคร่งของพี่ท๊อปเอาไว้ในมือ
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปก่อนนะเท็น” พี่เคราศิวะดูจะมีอาการหวาดๆ พี่ท๊อปอยู่เหมือนกัน ต้อง ขอโทษด้วยนะคะ พ่อดีว่าพี่ชายของเท็นเค้าป่าเถื่อน แต่เห็นอย่างนี้ใจดีนะคะพี่ศิวะ
“ค่ะ เชิญค่ะพี่ศิวะ ขอบคุณมากนะคะ”
“ครับ”
“มึงไปเลยไอ้สิ่ว อย่างมายุ่งกับน้องกูอีกนะมึง”
“พี่ท๊อป!” ฉันทิ้งแขนพี่ชายออกจากมือ แล้วยัดเงินลงกระเป๋ากางเกง
“อย่าให้พี่เห็นว่าเท็นคุยกับผู้ชายคนนั้นอีกนะ ไม่อย่างนั้นพี่บอกพ่อแน่”
พี่ท๊อปชี้หน้าฉัน และทำเสียงขู่ฟ่อๆ ต่อให้ขู่ให้ตายฉันก็ไม่กลัวหรอก ฉันมองผ่านหน้าพี่ ท๊อปไปที่เนล์ ยืนทำตัวเป็นนางเอกอยู่นั่นแหละ! น่าตบจริงๆ เลยเพื่อนฉัน ดูมันทำหน้าบูดเหมือนแตงโมค้างปีที่เขียวๆ แดงๆ แล้วก็เละๆ ฮ่าฮ่า
“จะไปไหนกันต่อ?” ฉันถามเชิดๆ
“เดี๋ยวพี่จะไปส่งเนล์ที่บ้าน เรารีบกลับบ้านไปรอพ่อนะ”
“ค่า~ คุณพี่” ฉันลากเสียงซะยาว
“ดีมาก แล้วก็อย่าไปแวะคุยกับไอ้สิ่วอีกหละ” ฝ่ามือหนาๆ และอบอุ่นของพี่ท๊อปแปะอยู่ที่หัวฉันอย่างรักใคร่ มือใครเล่าจะอบอุ่นเท่ามือของพี่ชาย
ฉันกลับมาถึงที่บ้านก็ปาไปบ่ายแก่ๆ รถของพ่อจอดอยู่ในโรงรถเป็นที่เรียบร้อย ฉันรีบถลาเข้ามาในบ้านเพื่อเสนอหน้าให้พ่อเห็นสักหน่อย แปลกจังทำไมวันนี้เงียบๆ ปกติพ่อจะเปิดเพลงเสียงดังไปทั่วซอยเลยนี่
“พ่อจ๋า” ฉันทำหน้าระรื่นเข้ามาในบ้าน แต่มองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอพ่อ
“พ่อ~” ฉันเดินเข้าไปในครัวแล้วกลับออกมา เดินขึ้นไปดูบนห้องแล้วกลับลงมาก็ไม่เจอพ่ออยู่ดี เอ๊ะ! หรือว่าพ่อจะออกไปวิ่งออกกำลังกาย แต่ไม่น่านะ ปกติก็ไม่ไปไหนนี่หว่า
“เท็น
” พ่อ! เสียงพ่อ เสียงมาจากทางไหน
“เท็น
พ่ออยู่นี่” ฉันเดินตามเสียงเรียกของพ่อ เดินหาอยู่นานก็ไม่เจอ จนกระทั่งฉันเปิดประตูห้องน้ำที่ถูกปิดเอาไว้อย่างดีแต่กลับไม่ล๊อกกลอน
“เท็น
”
“พ่อ!!” พ่อ! พ่อของฉันนอนทอดตัวยาวอยู่ที่พื้นห้องน้ำอย่างหมดเรี่ยวแรง ฉันรีบทรุดตัวลงไปประคองพ่อ แต่พ่อกำแขนฉันแน่น อีกมือก็กุมหน้าอกเอาไว้ พ่อหน้าซีดเผือดและเนื้อตัวก็เย็นเฉียบไปหมด
“พ่อเป็นอะไร พ่อ?”
“พ่อเจ็บหน้าอก”
ฉันเกิดอาการสับสนไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหนดี ฉันรนรานไปมาอยู่ได้ชั่ววินาทีก็ควักโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมา ต้องโทรหาพี่ท๊อป พี่ท๊อป พี่ท๊อป
กริก
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับ
’ ปัดโธ่เว้ย! ฉันโทรใหม่อีกรอบ
กริก
‘ไม่มีสัญญาณตอบรับ
’ ไม่เปิดโทรศัพท์! ทำไงดี ไม่มีใครพาพ่อไปโรงพยาบาล ฉันก็ขับรถยนต์ไม่เป็นซะด้วย
“พ่อเดี๋ยวเท็นจะ.
พ่อ!” ฉันรู้สึกเหมือนเส้นเลือดในสมองหดตัวแล้วอยู่ๆ ก็ขยายตัวกระทันหัน มันเจ็บแปลบเข้าที่ข้างๆ ใบหูทั้งสองข้างแล้วร้อนฉ่ามาทั่วใบหน้า
พ่อหมดสติไปแล้ว ทำไงดีฉัน! ฉันจะทำยังไงดี! พี่ท๊อปนะพี่ท๊อป!
“เท็น! เท็นพ่ออยู่ที่ไหน พ่อเป็นยังไงบ้าง?”
“ฮือ
ฮือ
พี่ท๊อป” ฉันคว้ามือหาพี่ท๊อปที่ตรงเข้ามานั่งข้างๆ ฉัน ฉันกอดที่ท๊อปเอาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยน้ำตาที่อกของพี่ชาย ฉันร้องไห้จนหูอื้อไปหมดแล้ว พี่ท๊อปโอบหลังฉันเอาไว้แล้วลูบหัวฉันเบาๆ ราวกับว่าจะทำให้น้องสาวหยุดสะอื้นลงบ้าง
“ใจเย็นๆ เท็น พ่อเป็นยังไงบ้าง?”
“พี่ท๊อป..ฮือ..พ่อ
พ่อ..ตายแล้ว” ทันทีที่พี่ท๊อปได้ยินดังนั้น มือของพี่ท๊อปที่ลูบผมฉันอยู่ก็หยุดชะงัก อีกแล้วเหรอ เมื่อ 4 ปีที่แล้วก็เป็นแบบนี้ เพราะอยู่ดีๆ แม่ก็มาจากพวกเราไป พอมาตอนนี้พ่อก็มาทิ้งพวกเราไปอีก
“เท็น
อีกแล้วใช่มั้ย?” พี่ท๊อปกอดฉันแน่น น้ำเสียงที่เริ่มสั่นพร่าทำให้รู้ว่าพี่ชายฉันเองก็เสียใจไม่แพ้กัน ตอนนี้เราเหลือกันแค่สองคน ไม่มีพ่อกับแม่อีกแล้ว
“กว่ารถพยาบาลจะไปถึงบ้าน พ่อก็ไม่มีแรงแล้ว เท็นโทรหาพี่ท๊อปพี่ท๊อปก็ไม่เปิดโทรศัพท์ เอาแต่อยู่กับไอ้เนล์อยู่นั่น!!” ฉันพยายามที่จะด่าพี่ชายของตัวเองแต่เสียงที่ออกมามันเบาเหลือเกิน ฉันเหลือแค่พี่ท๊อปคนเดียวแล้วในนอนนี้ ไม่เหลือใครอีกแล้วจริงๆ
อ่า~ เป็นไงบ้างค่ะ ^^ แหะ แหะ
ความคิดเห็น