ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๒

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.54K
      43
      12 มี.ค. 58

     


     

    มะ มึงมาได้ไง” ผมถามด้วยหน้าตาอึ้งๆ กูไม่เคยให้ที่อยู่มึงนะ...

     

    วันนั้นตอนกลับ ได้ยินพี่บอกวินมอร์ไซค์ให้ส่งที่นี่ไง” เวร.......รู้สึกเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต

     

    แล้ว... แล้วรู้ห้องกูได้ไง” กูคงไม่บอกเลขห้องให้วินมอร์ไซค์หรอกนะเว่ย! เกิดมันเป็นเกย์โรคจิตจะปล่ำผมขึ้นมาล่ะแบบว่าหาข้อมูลอะไรเตรียมพร้อมไว้แล้วเงี๊ย ไอ้เหี้ย คิดแล้วขนลุก ToT

     

    ก็ถามเอาจากพี่เคาท์เตอร์” มันตอบน้ามึน เออ... กูโง่เอง “ผ่านแถวนี้พอดีน่ะ นึกขึ้นได้ว่าติดค้างอะไรพี่อยู่ ความจริงผมจะบอกแล้วนะ แต่ตัดสายไปก่อนเอง” กูผิดสินะ มันยกถุงพลาสติกใสๆทำให้เห็นกล่องโฟมข้างในกับต้นหอมสี่ห้าต้น “ซื้อผัดไทยมาให้ด้วยนะ

     

    อือ ขอบใจ” ผมรับถุงผัดไทยหอมๆ กลิ่นมันทำให้ท้องที่หิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วร้องโครกคราก ตั้งแต่ตื่นนอนตอนบ่ายสอง ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย

     

    หือ...” แต่ผมก็ต้องร้องเบาๆในลำคอเมื่อเห็นว่ามันซื้อมาตั้งสองกล่อง แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน ขมวดคิ้วส่งสายตาไปให้ประมาณว่า ‘อย่าบอกนะว่าของมึง

     

    ของผมไง” มันตอบเสียงซื่อ คือ ผมต้องให้มันมากินด้วยสินะ?

     

    เข้ามาแล้วเอาไปใส่จานด้วยเลย กูจะทำงาน” ผมบอกปัดๆ แล้วเบี่ยงตัวให้มันเข้ามา ก่อนจะยื่นถุงคืนให้มัน มันเดินเข้ามาถอดรองเท้าแตะคู่เดิมไว้มุมห้อง หยุดกวาดตามองห้องช้าๆเหมือนหาทางไปครัวเพราะไอ้เจ้าของอย่างผมไม่บอกอะไรเลย แล้วก็หิวถุงผัดไทยเดินตัวปลิวเข้าไป

     

    ผมกลับเข้าไปนั่งจมกองโมเดลเหมือนเดิม วันนี้ต้องเอาให้เสร็จ เพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดกับป๊าม๊าไว้ว่าจะกลับบ้านไปหา แต่เพียงเวลาไม่นานผมก็ได้กลิ่นหอมๆตามมาด้วยไอ้เด็กม.ปลายเดินถือถาดผัดไทยออกมาจากครัว มันแหวกชีทที่ผมวางทิ้งไว้ระเกะระกะบนโต๊ะกลางห้อง แล้ววางถาดลงเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ทำให้ผมต้องทิ้งงานอีกครั้งไปนั่งข้างๆมัน

     

    รีบๆกินสิมึง จะได้รีบๆกลับ” เออ ผมไล่ ก่อนจะคีบเส้นผัดไทยเข้าปากแล้วเคี้ยวเร็วๆ

     

    พี่เรียนออกแบบหรอ” มันไม่สนใจที่ผมพูด แต่กลับมองสำรวจห้องที่มีกองม้วนกระดาษวางอยู่แทบทุกมุมห้องช้าๆ

     

    อือ ถาปัตย์” มันไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากนั่งกินไปเรื่อยๆ นั่นก็ถือว่าดีแล้วล่ะ

     

    ไม่กี่นาทีผัดไทยในจานของผมก็หายวับ ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ผมต้องรีบทำงานให้เสร็จ ก่อนจะลุกถือจานเดินเข้าครัวไปล้าง ซึ้งไม่กี่วินาทีต่อมาไอ้เด็กม.ปลายก็ลุกเดินตามมาติดๆ

     

    ผมวางจานลงกับอ่างก่อนจะบีบน้ำยาล้างจานใส่ฟองน้ำ ผมไม่ชอบทิ้งจานคาอ่างไว้นานๆ เพราะถ้ามันเยอะ จะขี้เกียจล้าง พอขี้เกียจล้างก็ไม่มีใช้ แล้วอีกอย่าง แช่ไว้นานๆจนอะไรๆที่กินไปมันมารวมๆกันก็หยึ๋ยมือแปลกๆ นี่คงจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมรักสะอาดน่ะนะ เพราะห้องนี่สภาพอย่างกับไม่ได้ปัดกวาดเช็ดถูมาแรมเดือนแล้ว ทั้งๆที่แม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์

     

    ไอ้โฟล์คเดินมายืนข้างๆผมเหมือนจะรอล้างต่อ ทำให้ผมต้องรีบๆล้างให้เสร็จๆ แล้วออกมายืนเช็ดมือ มองมันล้างไปเรื่อย เห็นหน้ามันจากด้านข้างแล้วถึงเห็นว่าดั้งมันแม่ง...

     

    มึงเคยไปเกาหลีป่ะ?”

     

    อื้ม” นั่นไงไอ้นี่มันไม่ได้ได้ดั้งมาจากธรรมชาติชัวร์! “ทำไมหรอ?” 

     

    ป่าว  ล้างเร็วๆจะได้รีบๆกลับ” ผมออกปากไล่

     

    คิดว่าผมไปทำหน้ามาอ่ะดิ” มันหันหน้ามามองผม แล้วถามเสียงเนือยๆโทนปกติของมัน ไอ้นี่มันอ่านใจคนได้ป่าววะ?

     

    ป่าวซักหน่อย มีร้อนตัว หรือว่าไปทำมาจริง” ผมพูดก่อนจะยักคิ้วให้มันสองที

     

    มันไม่ตอบ แต่หันหน้ากลับไปที่เดิม แล้ววางจานเก็บเข้าที่ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมยื่นมือเข้าไปบีบจมูกมันส่ายไปมาเบาๆ

     

    ทำอะไรเนี๊ย” ไอ้โฟล์คถามด้วยโทนเสียงสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แล้วเอาจมูกไปถูต้นแขนสองสามที

     

    พิสูจน์” ผมตอบมันเสียงเนือยๆ เซ็งๆ ปนอิจฉา หลังจากได้คำตอบ พระเจ้าแม่งไม่ยุติธรรม

     

    แล้ว....?” มันถามอีกครั้งโดยลากเสียงเนือยๆให้ยาวเหมือนให้ผมเติมคำตอบ

     

    ไม่รู้ ไม่ได้เรียนหมอ” จะไปยอมรับทำไมล่ะ เสียฟอร์ม ผมตั้งท่าจะหันหลังกลับแต่ก็ถูกมือมันคว้าแขนไว้ ก่อนจะยื่นอีกข้างมาบีบจมูกผม

     

    ทำเหี้ยอะไรเนี๊ย” ผมถามมันเสียงอู้อี้ เพราะมันไม่ยอมปล่อยซักที จนผมต้องแงะออก

     

    พิสูจน์มั่งไง” ไม่พอมันก็เอามือมาดึงแก้มผมเล่นอีก “แก้มพี่นี่ยืดได้เยอะจัง” มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

     

    ใช่เพื่อนเล่นมึงมั๊ยฮะ เอาออกไป” ผมแงะมือมันออกอีกครั้ง แล้วตบหลังมันไปดังป๊าบ แต่มันก็ไม่ร้องซักแอะ  กินเสร็จก็รีบๆกลับไปดิวะ คนเขามีงานมีการทำนะ” ผมโวยก่อนจะหันหลังแล้วปลีกตัวออกมา

     

    -------------------------------------------

     

    15 ธันวาคม 25XX

     

    วันนี้เป็นวันครอบครัว และตอนนี้ตัวผมก็อยู่บนแท็กซี่ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนด้วยอัตราเร็วคงที่ ความเร็วเฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง... นี่ไม่ได้บ้านะ ผมแค่กำลังใช้ความรู้ทางฟิสิกส์ที่ร่ำเรียนมาให้เป็นประโยชน์  เพราะจากที่เรียนๆมากลับเอามาใช้ประโยชน์ได้ไม่ค่อยคุ้มกับที่เสียเวลาเรียนเลย.... ก็ที่ผมเรียนอยู่มันไม่ค่อยต้องใช้นี่เนอะ

     

    วันนี้ผมมีนัดกับป๊าม๊าไว้ ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้า ที่ผมต้องดั้นด้นมาแต่เช้าเพราะว่าเป็นพระประสงค์ของมารดา ที่อยากให้ลูกๆมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเช้าให้ทันในวันครอบครัว
     

    ไม่นานรถคันทีเหลืองเขียวก็มาจอดเทียบหน้าบ้าน ผมยื่นเงินให้โชว์เฟอร์ตามจำนวนที่มิเตอร์บอกพอดี แล้วก้าวลงมาจากรถ อ่า...ผมไม่ได้กลับมาบ้านครึ่งเดือนแล้วมั๊ง คิดถึงแฮะ ก็เป็นบ้านสองชั้น ขนาดไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอกครับ พ่อผมเป็นคนรักธรรมชาติ ท่านจึงใช่พื้นที่ในการแต่งสวนมากกว่าพื้นที่บ้าน ก็ดูอย่างหน้าบ้านผมสิครับ ต้นไม้ขึ้นครึ้มจนแทบจะไม่เห็นตัวบ้าน

     

    ผมล่วงกุญแจไขประตูข้างเข้าไป อย่างที่บอกนั่นแหละ พ่อผมเป็นคนรักสวน เลยทำให้ต้องเดินเข้าบ้านไปไกลเหมือนกัน เดินจนเหนื่อย

     

    สวัสดีคร๊าบบบบบบ” เสียงผมทำให้ป๊าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หันหน้ามามอง บวกกับเสียงม๊า ที่ดังออกมาจากในครัวก่อนที่ผมจะเห็นตัวซะอีก

     

    อาการ์ดดด~!” ม๊าโผล่เข้ามากอดผม แล้วผละออกก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา “เรานี่ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องเลยนะ” ป๊ากับม๊าเป็นนักธุรกิจวัย 50 กว่าแล้วล่ะ แต่ยังดูเหมือนเพิ่งจะ 40 อยู่เลย

     

    โหยม๊า งานการ์ดเยอะจะตาย นี่รีบเคลียร์ให้เสร็จเพื่อมาหาม๊าเลยนา” ผมอ้อนก่อนจะกอดม๊าไว้หลวมๆ

     

    ยุ่งนักก็ไม่ต้องเรียนมันซี่ ออกมาดูแลกิจการที่บ้านเรา ดูพี่แกซินั่งทำสบายๆไม่เอา ทิ้งไปดมขี้ปากชาวบ้าน” ม๊าบอกน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ  เพราะความจริงแล้วท่านหวังที่จะให้ผมเรียนบริหารธุรกิจ จะได้มาสานต่องานขนส่งต่างประเทศของที่บ้าน แทนเฮียที่โดนม๊าเทศไปแล้วเรื่องไม่เชื่อฟังหนีไปเรียนทันตะ แต่ก็โดนผมทรยศอีกครั้ง ฮ่าๆ แต่ก็นะ ลูกคนเล็กสุดที่รักนี่ครับ

     

    แหนะ ที่งี้ล่ะชอบนินทรานะม๊า พอทำงานล่ะคุยโวซะใหญ่” พูดถึงก็มาเลยครับ พี่ชายที่ห่างกัน 9 ปีของผมเดินติดกระดุมแขนเสื้อเชิร์ตสีขาวสะอาดๆ ตามแบบฉบับหมอลงมาจากบันไดบ้าน เฮียแกชื่อกู๊ดครับ ตั้งแต่เฮียแกเรียนหมอนี่ทำเอาภาพลักษณ์หนุ่มแว่นหน้าเนิร์ดนิสัยเจี๋ยมเจี่ยมพูดน้อยๆของหมอในความคิดผมมันกลับตาลปัตร ทั้งเฮียทั้งเพื่อนเฮียนี่พิมพ์เดียวกันเลย ไม่ว่าจะหมอฟันหรือหมอทั่วไป ว่างทีเข้าผับ ว่างทีส่องสาวโดยอ้างเหตุผลฮาๆว่าจะศึกษาอนาโตมี่ เขาก็คงเก็บกดของเขามั๊งครับ ฮ่าๆๆๆ

     

    แต่เฮียแกก็มีมุมมืดของแกอยู่....เห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัย... ก็เล่นเอาไปความสูง ความหล่อจากพ่อไปหมดโดยไม่เหลือให้มั่งเลย คิดดู ตอนนี้ผมอายุ 18 แต่สูงแค่ 175  เซนติเมตร... ก็สูงพอตัวนะ แต่พอยืนกับเฮียแล้วผมอยู่แค่มุมปากเอง วัยนี้มันก็ใกล้จะหยุดสูงแล้วด้วย... แถมหน้านี่ก็มรดกจากม๊าทั้งนั้น!!!

     

    ม๊าทำเป็นงอนไม่สนใจเฮีย ก่อนจะโอบไหล่ผมพาเข้าไปในห้องทานข้าว ผมนั่งลงที่ประจำที่เคยนั่งทุกวันเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่พี่แอปเปิ้ล แม่บ้านจะออกมาตักข้าวให้ เมื่อพวกเรานั่งกันครบ

     

    นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าสาวใช้ก็สามารถชื่ออินเตอร์ได้นอกจากที่เห็นในตามละครหลังข่าว!

     

    กินเยอะๆนะการ์ด ดูซิ ผอมซะอย่างกับไม่มีจะกิน ม๊าทำของชอบเราไว้เยอะเลย” ม๊าบอกพร้อมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่ได้กินข้าวเช้าที่บ้านนานมากเลยนะเนี๊ย ปกติมาก็แค่แวะเอาของมาฝาก มาเอานู้นเอานี่ แล้วก็กลับไปเคลียร์งานกองเท่าเอเวอร์เรส

     

    ว่าแต่เราน่ะ เมื่อไหรจะหาแฟนมาแนะนำซักทีฮะ” ป๊าที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขัด เล่นเอาผมแทบจะพ่นแกงจืดที่ซดไปเมื่อครู่ใส่หน้าเฮียที่นั่งอยู่ข้างๆ

     

    อะไรกันป๊า การ์ดเพิ่งอยู่ปี 1 เองนา

     

    พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นะ ทั้งชีวิตผมเคยมีแฟนแค่สองเองครับ คนแรกตอนอยู่ม.4 คบกันได้แค่  4 เดือน ส่วนอีกคนก็ตอนม.5 เทอม 2 มั๊ง คบกันได้ตั้งปีกว่า สุดท้ายก็ต้องมาเลิกกันตอนอยู่มหาลัยช่วงแรกๆ  เพราะตัวมันไกลกันด้วยล่ะมั๊ง เธอเล่นไปอยู่ซะเชียงใหม่เลยนี่ ทั้งๆที่หวังอนาคตไว้ไกลแท้ๆ เรียกได้ว่าจริงจังมาก ตอนนั้นผมไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่นเลยด้วยซ้ำ

     

    มันเป็นเกย์น่ะป๊า” เฮียแม่งเป็นตัวตัดบทได้ดีจริงๆ เล่นเอาซะเสียดายแกงจืดเมื่อกี้ ไม่น่าหยุดทันเลย เผื่อหมาในปากเฮียจะได้มีข้าวกิน เลิกเห่าซักที

     

    อย่ามามั่วน่ะ เฮียนั่นแหละ แก่ปูนนี้แล้วก็ยังไม่มีแฟน ป๊าถามผิดคนและ” 

     

    ถามมันทุกวันจนเบื่อแล้ว” ป๊าตอบเสียงติดตลกก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม 

     

    เอ๊าใครจะรู้ เห็นวันนั้นมึงไปกินข้าวกับเด็กผู้ชายที่สยาม” เฮียมันหมายถึงไอ้โฟล์คสินะ

     

    เราก็ชอบแหย่น้องมันเล่น รีบๆกินไป เดี๋ยวก็เข้าคลินิกสายกันพอดี” ม๊าขึ้นมาขัด แต่เฮียก็ยังเล่นไม่เลิกยื่นมือมายีหัวผมเล่น ทำเอาผมที่อุส่าเซ็ตมาเมื่อเช้าเสียทรงไปหมด

     

    ไอ้เฮีย!” ผมขึ้นเสียงใส่ แล้วจิกเล็บลงไปใส่มือหนาๆหยาบๆนั่นแรงๆ จนเฮียร้องโอ๊ยก่อนจะชักมือกลับแล้วหัวเราะรัวๆทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่ในปาก

     

    ดูแล้วไม่น่าเป็นหมอได้เลยจริงๆ

    -------------------------------------------


    แก้ + รีไรท์รอบ 2 ค่ะ #ไม่เอารอบสามแล้วนะ 555555 

    cactus

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×