ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ ๒๕ [๑๐๐%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.64K
      27
      6 มิ.ย. 59





    ๒๕

     


    เหมือนหัวใจผมมันหยุดเต้นไปแล้ว...

     

    ราวกับว่าทุกอย่างรอบตัวผมมันหยุดนิ่ง หูอื้อ ตาไม่โฟกัสอะไรทั้งนั้น ในหัวมีคำอะไรต่างๆมากมายตีกันพันจนยุ่งเหยิง ผมจับความไม่ได้เลยว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่และรู้สึกยังไง... นอกจากเสียงกระซิบแผ่วๆ ที่กลับดังจนน่ากลัวในความคิด...

     

    ผมชอบพี่

     

    มีแค่ 3 พยางค์นี้จริงๆ

     

    สัมผัสเย็นๆจากปลายนิ้วและฝ่ามือของอีกฝ่ายเกิดขึ้นที่ข้างแก้ม ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ตื่นจากภวังค์ที่ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ปรับสายตาไปมองหน้าเด็กผู้ชายในชุดนักเรียน

     

    สีหน้าโฟล์คมันดูเป็นกังวล แต่เมื่อรู้ว่าผมมอง มันก็คลี่ยิ้มให้บางๆ

     

    “ผมรู้สึกมาซักพักแล้ว” มันพูดย้ำให้ประโยคข้างต้นดูมีน้ำหนัก และยิ่งทำให้ผมรู้สึกหนักอกขึ้นเช่นกัน

     

    “ต แต่...” ผมพูดตะกุกตะกักเหมือนลืมภาษา

     

    “ชี่...” นิ้วชี้ถูกละจากข้างแก้มมาแตะลงบนริมฝีปากผม เสียงและนัยตาสีดำที่จ้องมาเหมือนจะบอกว่าผมไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ได้

     

    “ผมไม่หวังว่าพี่จะพูดอะไร หรือให้คำตอบผมตอนนี้หรอกนะ... แค่ไม่ปฏิเสธทั้งๆที่ยังไม่ได้คิดดีๆก็พอ ขอร้องล่ะ อย่าปฏิเสธเพียงเพราะเป็นคำสั่งจากสมอง...”

     

    แต่ให้ถามเอาจากหัวใจ...

     

    อยู่ๆประโยคนี้ก็แทรกขึ้นมาจากหลายข้อความมากมายที่ตีกันวุ่ยวายในหัวของผม

     

    “โฟล์ค... แล้วเปิ้ล?” ไม่ได้เตือนใจแค่อีกฝ่าย มันรวมถึงตัวผมเองด้วย

     

    “....ตอนนี้ขอแค่เรื่องเราก่อนได้ไหม” หัวใจผมกระตุกทันทีที่ได้ยินคำว่าเรา

     

    ถึงมันจะพูดอย่างนี้ แต่จะให้ผมคิดแค่ เรามันไม่ได้หรอก

     

    คิ้วกลับมาขมวดอีกครั้ง รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ใบหน้าผมมันเหยเกขนาดไหน ทั้งหัวและใจดูเหมือนจะหนักอึ้งเกินไป ไม่เอาแล้ว... พอแล้วได้ไหม ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย...

     

    “ผมบอกแล้วไงว่าไม่เร่ง” มือมันมาแนบข้างแก้มผมอีกครั้งเหมือนเตือนว่าทำหน้าเครียดอีกแล้ว เสียงที่พูดนั่นดูเหมือนจะติดตลก แต่ความอบอุ่นกลับแผ่ไปทั่วจนผมรู้สึกเหมือนมือเย็นๆนี่มันอุ่นและสบายดีจริงๆ

     

    สองมือของผมยกขึ้นมาจับข้อมือนั้นไว้ หลับตาและแนบอิงคล้ายจะหาที่พักพิง สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

     

    มันไม่ใช่เรื่องกะทันหันเลยกับสิ่งที่โฟล์คมันบอกผมวันนี้ เหมือนทั้งผมและมันต่างก็รับรู้มานานแล้วว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ชายสองคนเป็นปกติอยู่แล้ว มันมีอะไรที่มากกว่านั้น อะไรก็ตามที่ดูเหมือนค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละช้าๆ จนมารู้ตัวอีกที...ก็มากขนาดนี้แล้วหรอ...

     

    สายไปเสียแล้ว...

     

    ความรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบจนบิดเบี้ยวไปหมดนี่มันเจ็บใช่ย่อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในมือมือที่บีบ ก็เป็นมือของผมเอง ผมทำตัวเองแท้ๆ

     

    “พี่การ์ด...” ไอโฟล์คคงดูปฏิกิริยาของผมออก ว่าผมทำอย่างที่มันขอไม่ได้ ทันทีที่คิดจะยอมรับกับความรู้สึก ภาพใครหลายๆคนก็เข้ามาแทรกและร้องห้ามเอาไว้ มันคิดแค่ผมกับมันไม่ได้

     

    ผมมีแกรนด์ มันก็มีเมเปิ้ล..... มีจีน ทั้งยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก ถ้าผมตอบรับให้ตรงกับความรู้สึก แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ? มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอกกับการยอมรับความจริง แต่ความจริงนั้นมันไม่ได้กระทบแค่สองคนนี่

     

    ผมยังตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้

     

    มือผมที่จับข้อมือของมันไว้ออกแรงน้อยๆให้ฝ่ามือใหญ่ละออกจากข้างแก้ม สูดลมหายใจเข้าช้าๆจนเต็มปอดก่อนปล่อยออกมายาวๆ

     

    “กูขอเวลาหน่อยนะ”

     

    ผมได้รอยยิ้มบางๆเป็นคำตอบ

     

    ---------------

     

    แกร๊ก...

     

    เสียงประตูปิดลงเบาๆก่อนที่มันจะล็อคอัตโนมัติ ผมที่เพิ่งกลับเข้ามาหลังจากเดินลงไปส่งเด็กนักเรียนม.ปลายกลับบ้านในเวลาสองทุ่มกว่าๆยืนนิ่งอยู่หน้าประตูคิดอะไรชั่วครู่...

     

    ผมยังไม่ได้บอกมันเรื่องหนึ่ง

     

    ทั้งๆที่หลังจากนั้นมีโอกาสมากมายให้พูด แต่ผมก็ไม่ได้ปริปากบอกเรื่องนี้

     

    “เฮ้อ...” ลมหายใจถูกถอนหายใจออกมายาวๆ ด้วยสถานภาพตอนนี้ผมไม่สามารถอยู่นิ่งได้นาน เพราะยังมีหนังสือรอให้อ่านอีก ถึงแม้จะมีห่วงเรื่องเรียนอยู่บ้าง แต่ดูจากตอนนี้แล้วผมก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้ความพยายามแค่ไหนถึงจะอ่านหนังสือซักบรรทัดให้เข้าใจ ชีวิตช่วงนี้ทำไมมีแต่เรื่องให้เครียดวะ หัวที่ปวดๆตุบๆทำให้ผมเลือกที่จะไปหยิบพารากินซักสองเม็ดแล้วทิ้งตัวเหยียดยาวลงบนโซฟา แขนยกขึ้นมาก่ายหน้าฝากอย่างลืมตัว หลับตา ตั้งใจจะพักสักหน่อย แต่คิ้วกลับขมวดและเม้มริมฝีปาก

     

    ครืดดด... ครืดดดด... ครืดดด

     

    เสียงโทรศัพท์สั่นดังครืดคราด ผมไม่ได้ขยับตัวไปรับโดยทันที กลับนอนนิ่งอย่างเกียจคร้าน ฟังเสียงโทรศัพท์ที่ปล่อยให้มันสั่นต่อไปจนพอใจ จึงค่อยขยับตัวเอือมไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ไม่ไกลเพื่อหยิบโทรศัพท์ข้างในนั้นออกมา แต่สายก็ตัดไปแล้ว

     

    4 มิสคอลรวมสายเมื่อกี้ และข้อความจากไลน์เมื่อ 20 นาทีที่แล้ว

     

    [Grand : การ์ด เรากำลังจะกลับแล้วน้า]

     

    ผมมองข้อความนั้นด้วยความรู้สึกผิดที่เอ่อล้นเต็มอก ไม่นานโทรศัพท์ผมก็สั่นครืดอีกครั้งพร้อมข้อความใหม่จากไลน์

     

    [Grand : อ่านหนังสืออยู่รึเปล่า ตั้งใจเข้านะ]

    [Grand : ตอนนี้เราถึงห้องเรียบร้อยแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงน้าาา]

     

    ทั้งที่เป็นคนบอกเองว่าถ้ากลับให้บอกแต่ดันไม่ได้รับสายซะเอง

     

    ผมใช้แขนยันตัวขึ้นนั่ง สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนสไลด์นิ้วมือลงบนแถบแจ้งมิสคอลเพื่อเป็นการโทรออกและรอสายไม่นาน

     

    (อื้ม อ่านหนังสืออยู่หรอ ยุ่งอยู่ไหมเนี่ย) เสียงใสๆดังจากปลายสาย

     

    “อืม ขอโทษนะ ที่ไม่ได้รับสายเลย”

     

    (เฮ้ย ไม่เป็นไรๆ นี่เราก็อยู่ห้องแล้วแหละ)

     

    “อืม... ขอโทษนะ...” ผมเผลอเอ่ยประโยคนี้ออกมาอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่เรื่องไม่ได้รับสาย

     

    (เอาน่า ขอโทษอะไรมากมายกันเล่า) แกรนด์บ่นอุบอิบ

     

    “ฮ่าๆ โอเคๆ แล้วนี่ทานอะไรยังล่ะหืม?” ผมแสร้งทำตัวเป็นปกติ

     

    (ฮี่ๆ จริงๆเราแวะกินอะไรก่อนกลับหอกับเพื่อนเรียบร้อยแล้วแหละ ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่นานเอง อร่อยสุดๆ)

     

    “หืม จริงหรอ งั้นไว้วันหลังไปกินด้วยกันบ้าง โอเคไหม?”

     

    (โอเค! งั้นหลังไฟนอลแล้วกันเนอะ)

     

    “อืม เอาดิ”

     

    ผมคุยต่ออีกหน่อยเป็นปกติแบบคู่รักทั่วไป นึกชมตัวเองที่สามารถแสดงออกมาเหมือนทุกอย่างมันปกติได้ แม้ว่าข้างในมันจะปั่นป่วน กระอักกระอ่วนไปด้วยความรู้สึกผิด

     

    คำบอกลาถูกเอ่ย และสายถูกตัดไปแล้ว ผมนั่งมองโทรศัพท์เครื่องบางในมือตัวเอง พร้อมพร่ำถามตัวเอง ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้กันนะ

     

    ผมควรทำยังไงต่อดี?

     

    ---------------


     

    20 กุมภาพันธ์ 25xx

     

    ร้อนๆที่ตา ร่างกายปวดเมื่อย และหัวก็หนักอึ้ง ผมนอนไม่เต็มอิ่มตลอด 3 คืนที่ผ่านมาก อาจจะเรียกว่านอนไม่ได้มากกว่า เหมือนชีวิตผมมันมีหนังสือกองโตให้อ่าน แต่ใช้ความพยายามแค่ไหนมันก็อ่านไม่รู้เรื่อง พอตัดใจจะนอน มันก็ทั้งห่วงเรื่องเรียน และเรื่องไอโฟล์คก็มาตีอยู่ในหัว สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นมาอ่านหนังสือที่แทบจะไม่เข้าหัวเลยอีกครั้ง

     

    ผมขมวดคิ้วทั้งคืนจนเมื่อยหน้าผากไปหมด จนตอนนี้ที่กำลังนั่งอยู่ใต้คณะก็ยังไม่คลาย เอกสารการเรียนที่ถูกไฮไลท์ขีดไว้หลายๆสีถูกยกขึ้นอ่านอย่างนี้มาได้เกือบชั่วโมงแล้ว รอบๆตัวผมก็เต็มไปด้วยคนที่ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร...

     

    อา... ผมอ่านหนังสือไม่เข้าหัวเลยจริงๆ ทำไมชีวิตช่วงนี้ดูมีแต่เรื่องน่าปวดหัวมารุมเร้า

     

    ชีทที่เคยถืออ่านถูกยกขึ้นมาตีเบาๆใส่ใบหน้าเหมือนอยากจะให้มันเข้าหัว ผมถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วเอนตัวพิงไหล่ไอ้ปั้นที่นั่งอ่านอยู่ข้างๆจนมันสะดุ้ง

     

    “เชี่ยการ์ด อะไรของมึงเนี่ย”

     

    “กูเหนื่อย” ผมบอกไปตรงๆ ยกชีทขึ้นมาปิดหน้าแล้วหลับตา

     

    “อะไร คำว่าเหนื่อยออกมาจากควายถึกอย่างมึงได้ไงวะ” ไอ้ปั้นทำเสียงจิ๊จ๊ะแต่ก็ยอมให้ผมพิงเงียบๆ

     

    และอาจจะเพราะว่าผมเหนื่อยและเพลียมามากจริงๆ ทำให้ผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

     

    “อือ...” อาการปวดคอปลุกให้ผมตื่น เงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะที่ใช้แทนหมอน มือก็ยกขึ้นมาขยี้ตา จำได้ว่าใช้ไหล่ไอ้ปั้นนี่หว่าตอนแรก

     

    “ตื่นแล้วหรอ...”

     

    “เฮ้ย!” ผมเผลอร้องเสียงดัง ตัวก็สะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้เมื่อได้ยินเสียงและมองเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามชัดๆ

     

    อ ไอ้โฟล์ค! ม มาได้ไง!

     

    “มึงมาได้ไงวะเนี่ย” ตาสว่างเลย ไอ้โฟล์คในชุดนักเรียนกำลังนั่งเท้าคางมองผมแล้วส่งยิ้มให้บางๆ

     

    “....มีธุระแถวนี้พอดี เลยลองแวะมาดู” มันยิ้มแล้วดันแก้วกาแฟมาให้ผม “พี่ปั้นบอกพี่ชอบกินอันนี้”

     

    “ฮะ? อ่าว แล้วไอ้ปั้นอ่ะ” หันซ้ายหันขวาก็ไม่เห็นไอ้เพื่อนตัวกะเปี๊ยกแล้ว แถมตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วย

     

    “เหมือนเขาจะรีบกลับ ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนพี่เอง” อ่าวเฮ้ย แม่งกล้าทิ้งกูได้ไงเนี่ย

     

    “แล้วทำไมไม่ปลุกวะ มึงมานานยังเนี่ย” ผมขมวดคิ้ว ยกกาแฟมาดูด

     

    “ไม่นานๆ ....คงเห็นพี่ดูเหนื่อยๆ เลยอยากให้พัก” สายตาพร้อมรอยยิ้มเจื๋อนๆของมันดูเหมือนรู้สึกผิด แถมไม่นานบ้าอะไร กาแฟน้ำแข็งละลายจนจืดขนาดนี้

     

    “หน้าแบบนั้นคืออะไรน่ะฮะ กูไม่ได้เครียดเรื่องมึงเว่ย ช่วงนี้มันจะไฟนอลแล้ว” ผมโกหกคำโต คิดว่าไอ้โฟล์คจะดีขึ้น แต่ก็เหมือนมันจะรู้ทันนั่นแหละนะ

     

    “เฮ้อ... แน่ใจนะว่ามีธุระ ไม่ใช่จะแวะมาจีบกูน่ะฮะ” ผมพูดติดตลกเหมือนจะให้สถานการณ์มันดีขึ้น หันซ้ายหันขวาพบว่าไม่มีใครสนใจก็เอื้อมมือขึ้นไปวางไปบนผมที่กลับมายาวแล้วของมัน ออกแรงยีเบาๆจนเหมือนกับลูบหัว ห่า นี่กูทำอะไรวะเนี่ย เหมือนร่างกายผมมันขยับไปเองเลย รู้ตัวอีกที เลือดก็สูดฉีบขึ้นหน้าจนร้อนไปหมดแล้ว

     

    และอีกฝ่ายก็ดูไม่ต่างกันเท่าไหร ไอ้โฟล์คเอียงหัวน้อยๆตอบสนองมือผม คลี่ยิ้มละไม แต่ฟันก็แอบขบริมฝีปาก

     

    “งั้น... หมายความว่าจีบได้หรอ” ป ประโยคนี้มีชะงัก

     

    เหมือนบรรยากาศยิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนคนที่พูดประโยคเมื่อกี้มันจะหัวเราะแห้งๆ เรียกให้ผมหัวเราะฝืดๆตามและชักมือกลับ

     

    อะไรๆคงดีกว่านี้ ถ้าผมไม่มีเรื่องบิดบังอยู่...

     

    “อ่า....” ไอ้โฟล์คเหมือนพยายามหาเรื่องคุย มือมันก็ยกขึ้นมาเกาหัว “ไปหาอะไรกินกันไหม”

     

    “หืม? อ....” ผมกำลังจะตอบตกลง แต่เด็กผู้หญิงสองคนที่ค่อยๆเดินย่องเข้ามาทางด้านหลังไอ้โฟล์คอย่างระมัดระวังทำให้ผมละความสนใจที่จะตอบคำถาม และเมื่อพวกเธอรู้ว่าถูกผมเห็นเข้าแล้วก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะลงบนริมฝีปากตัวเองพร้อมคลี่ยิ้มที่ดูสนุกสนานจนตาหยี ไอโฟล์คก็ดูเหมือนจะผิดสังเกต จะหันไปมอง...

     

    “แฮ่!!” แต่ก็ไม่ทันเปิ้ลที่รีบเข้ามากอดคอและร้องหยอก

     

    “อ่ะ....” ไอ้โฟล์คสะดุ้งนิดหน่อยเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเด็กผู้หญิงสองคน เปิ้ลยืนกอดคอไอ้โฟล์คต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ โดยมีจีนนั่งถัดมา...

     

    “สวัสดีค่ะพี่การ์ด” เปิ้ลยิ้มสดใสให้ผม

     

    “อ อ่า... ครับ” ผมยิ้มตอบ ตาก็มองหน้าเปิ้ลสลับกับไอ้โฟล์ค แต่ก็ต้องเหลือบไปมองจีนอีกที...

     

    นี่มันอะไรกันวะเนี่ย....

     

    “ทำไมเลิกเร็วละ น่าจะบอกเราก่อน” ไอโฟล์คหันไปถาม แฟนแต่ก็เหลือบตามามองทางผมครู่หนึ่ง

     

    “อ่าว งั้นก็ไม่สนุกน่ะสิ ฮิๆ”

     

    “อา....” ผมควรพูดอะไรซักอย่างไหมวะ

     

    “อ๊ะ พอดีเปิ้ลมีเรียนพิเศษกับพี่นิสิตค่ะ วันนี้เขานัดมาสอนที่นี่ โฟล์คเลยมาส่ง” เปิ้ลหันมาอธิบาย

     

    “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง โหย ไม่สนใจพี่บ้างหรอครับ คิดครึ่งราคาก็ได้นะ ฮ่าๆ” อ่า... ต้องขอบคุณตัวเองจริงๆที่สกิล ทำตัวให้เป็นปกติของผมมันเลเวลสูงอยู่

     

    “อ่าว จริงหรอคะ โห พี่การ์ดน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้อ่า นี่ๆ จีนอยากเรียนสายนี้ค่ะ” เปิ้ลพยักเพยิญไปให้เพื่อนที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

     

    “เอ๋ จริงหรอ สนใจอะไรล่ะครับ”

     

    ผมทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดี ให้คำปรึกษาละคุยอะไรเล่นกับน้องๆนิดหน่อย ทุกอย่างดูปกติดีมาก ถ้าไม่นับไอ้โฟล์คที่ดูท่าจะใบ้แดกไปแล้ว และเอาแต่จ้องผมตลอดน่ะนะ...

     

    จริงๆแล้วนี่มันอึดอัดเป็นบ้า และยิ่งตอกย้ำเข้าไปใหญ่ ว่าเรื่องที่มันพูดน่ะ ไม่ได้มีแค่ เรา

     

    อยู่ความรู้สึกชาๆก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจ ระหว่างพูดตาผมก็เลิกลั่กหันมาสบโฟล์คตลอดเหมือนห้ามไม่ได้ ตามันสบกลับมามันดูมีความหมายหลายอย่างที่ผมอ่านไม่ออกหรือเหนื่อยจนขี้เกียจจะอ่านแล้วก็ไม่รู้...

     

    ตกลงที่ทำอยู่มันถูกแล้วหรอ...

     

    หนึ่ง สอง สาม สี่.... นี่มันก็ดูมีทั้งสี่คนที่มีส่วนรับผลจากเรื่องนี้แล้วนะ... และใช่ ผมยังนับไม่ครบด้วยซ้ำ...

     

    ครืดดดด ครืดดดด ครืดดดด

     

    โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะของผมสั่นขึ้นมาหน้าจอสว่างวาบโชว์รายชื่อที่เม็มไว้

     

    ด้วยความที่เป็นสายจากคนในความคิดพอดี ยอมรับเลยว่าตกใจ เผลอหยุดชะงักจากเรื่องที่คุยมองจ้องหน้าจอโทรศัพท์และนิ่งค้าง...

     

    ครืดดดด ครืดดดด

     

    โทรศัพท์ยังคงสั่นอยู่บนโต๊ะ และผมก็ยังคงนิ่ง จนรู้สึกว่าอีกสามคน เริ่มผิดสังเกต ผมถึงค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ

     

    “อ อื้อ” ผมตอบรับปลายสายด้วยเสียงที่เหมือนจะเปล่งออกมาไม่ค่อยถนัด

     

    (เธออยู่คณะรึเปล่าอ่าา)

     

    “หืม ใช่ๆ” อย่าบอกนะ...

     

    (โอเค งั้นเดี๋ยวเราไปหาดีกว่า อยู่แถวๆที่เดิมใช่เปล่า รอแปปนึงน้า)

     

    “ฮ เฮ้ย เดี๋ยวเจอกันครึ่งทางไม่ดีกว่าหรอ” ผมว่าพลางลุกขึ้นแล้วรวบรวมชีท หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนบนโต๊ะให้เป็นปึกเดียวกันและยกขึ้นถือด้วยท่าทีลนลาน เผลอเหลือบตาขึ้นไปสบกับไอ้โฟล์คอีกแล้ว...

     

    ไม่เอานะ แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับวันนี้...

     

    (ฮ่าๆ ไม่ทันละ เราอยู่หน้าคณะแล้ว...)

     

    “ห หืม...” ประโยคนั้นทำให้ผมหันซ้ายขวาด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก...

     

    ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมสั้นปะบ่าสีน้ำตาลอ่อนในชุดนิสิตกระโปรงพรีทยาวคลุมเข่าดูเรียบร้อย ใบหน้าที่ขนาดเห็นจากที่ไกลขนาดนี้ก็ดูรู้ว่าน่ารักกำลังยิ้ม มือข้างที่ถือโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นยกขึ้นมาโบกเบาๆเมื่อเห็นว่าผมมองอยู่

     

    ห้า...

     

    ผมคลี่ยิ้มบางๆที่คงจะดูเหือดแห้งมากแน่ๆให้แกรนด์ที่กำลังเดินมาหาและหยุดอยู่ข้างๆผม ตาโตๆจ้องมองเด็กนักเรียนอีกสามคนด้วยสายตามีคำถาม

     

    “อ่ะ นี่น้องที่เรารู้จักน่ะ เขามาติว”

     

    “อ๋อ... พี่มากวนไหมเนี่ย” รอยยิ้มหวานๆแฝงความเกรงใจถูกส่งทักทาย

     

    “ม ไม่เป็นไรค่ะ” เปิ้ลยิ้มรับ

     

    “แอบรับจ๊อบติวพิเศษหรือไงน่ะเรา” คราวนี้แกรนด์หันมาพูดกับผม มือเล็กเอื้อมมาจับที่ไหล่

     

    “เฮ้ย ไม่ใช่ เรียนกับคนอื่นๆ นี่แค่คุยเล่นกันเฉยๆ แหม่ ตัวเรายังแทบไม่รอดแลยเธอ ฮ่าๆๆ ฮ่า...” เสียงหัวเราะผมเริ่มแห้งลงเมื่อมองหน้าโฟล์คที่สีหน้าบอกออกมาหมดว่ากำลังสงสัย

     

    “อ่า...งั้นพวกหนูกลับก่อนแล้วกันค่ะ ฮิๆ” เมเปิ้ลหัวเราะเหมือนหยอกล้อและเขินนิดๆ ดูท่าว่าน่าจะเดาได้ว่าผมกับแกรนด์เป็นอะไรกัน...

     

    “อ่า ครับ โชคดีครับ” ผมบอกลา เปิ้ลโบกมือให้น้อยๆ เข้าไปคล้องแขนกับไอ้โฟล์คแล้วก้าวขาเดินให้ไอ้เด็กนักเรียนตัวสูงมันลุกขึ้นเดินตาม โดยที่ยังไม่ละสายตาจากเราเลย...

     

    ---------------

     

    ชีวิตนิสิตนักศึกษาช่วงสอบมันไปไหนได้ไม่ไกลจากโต๊ะหนังสือเท่าไหร มีบ้างที่จะเปลี่ยนบรรยากาศนั่งร้านกาแฟหรือหอเพื่อนเป็นกลุ่มและช่วยกัน แต่ช่วงนี้ไฟนอลมันใกล้เข้ามาแล้ว ผมชอบและถนัดที่จะอ่านทบทวนเงียบๆคนเดียวมากกว่า

     

    แต่ถึงจะถนัดแค่ไหน สำหรับตอนนี้ผมแม่งก็อ่านไม่เข้าสมองอยู่ดี

     

    ลมหายใจถูกพ่นออกมายาวๆจากผมที่นั่งทิ้งน้ำหนักตัวไปกับพนักพิงเก้าอี้มองเพดาน มือก็เปิดลิ้นชักข้างๆโดยไปมองแต่ก็สามารถหยิบของที่ต้องการออกมาได้...

     

    ผมเคยบอกแล้วว่ามีแค่ 2 เหตุผลที่ผมจะใช้มัน ระหว่างต้องการอารมณ์ทำงาน กับ เครียด วันนี้ ดูเหมือนจะเป็นเพราะเหตุผลหลังซะแล้ว

     

    เสียงไฟแช็คสีเขียวราคาถูกๆเวลาติดไฟดังขึ้นกลางความเงียบ ฟังไม่ค่อยลื่นหูเหมือนอันละหลายๆพันเท่าไหร แต่ผมกลับรู้สึกดีที่ได้ยินมัน นิโคตินถูกอัดเข้าปอดทีเดียวเกือบครึ้งมวน และปล่อยออกมาจนคละคลุ้งทำให้ผมสำลักและไอโขก รีบเดินไปเปิดประตูระเบียงและปัดให้ควันสีเทาๆจางลงเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์

     

    รู้ว่าไม่ดีแต่ก็ยังจะทำ...

     

    บุหรี่ที่เหลือถูกจี้กับที่รองจนมันมอดหมดแล้วมองดูนิ่งๆ ก่อนที่ผมจะหลุดขำ

     

    “หึๆ...” อ่า วันนี้เป็นอะไรไปวะเนี่ย เข้าโหมดดาร์ครึไงกัน รู้สึกเหมือนช่วงนี้ผมจะไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเลยแฮะ

     

    ยกมือขึ้นมาปัดๆกลิ่นควันก่อมะเร็งให้จางนิดหน่อย ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งที่ ผมตั้งสติ ธรรมะถูกงัดขึ้นมาใช้โดยการทำสมาธิ หายใจเข้าออกลึกๆ ทำสมองให้ว่างอยู่หลายนาทีจนรู้สึกสงบ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ค่อยๆเก็บรายละเอียดจากตัวอักษรบนหนังสือ ความจริงผมอ่านมันจบไปหมดแล้วอย่างน้อยวิชาละรอบ แต่การอ่านรอบเดียวมันดูเหมือนไม่ค่อยพอและเสียดายเวลาที่เหลืออยู่

     

    การเรียนสำคัญมากนะครับ ฮ่าๆ

     

    ผมจดจ่ออยู่กับหน้ากระดาษจนพอใจและเวลาผ่านไปนานพอสมควร อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว แต่ผมก็ดูเหมือนจะยังมีเวลาอีกหน่อยให้ได้พักผ่อน ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งมานานจนเกือบจะหลอมรวมกันไปแล้วขึ้นมาบิดขี้เกียจ ปิดไปที่โต๊ะอ่านหนังสือจะก้าวขาเข้าห้องนอน แต่โทรศัพท์เครื่องบางที่วางนิ่งเงียบมานานเพราะปิดไปก็ดูเชิญชวนให้ผมหยิบขึ้นมาเปิดเครื่องเหลือเกิน

     

    หน้าจอสี่เหลี่ยมสว่างวาบ โลโก้ยี่ห้อขึ้นโชว์เกือบนาทีพอดีกับที่ผมเดินเข้ามาทิ้งตัวห่มผ้าห่มพอดี ความนุ่มที่ได้สัมผัสนั้นมันช่างเป็นความรู้สึกที่สบายที่สุดในชีวิต และกระดูกสันหลังผมก็เหมือนจะลั่นดังกร๊วบกร๊าบเพราะนั่งหลังขดหลังแข็งมานาน ผมครางออกมาเบาๆอย่างพอใจ ก่อนจะเลื่อนนิ้วขึ้นปลดล็อคหน้าจอ แต่ยังไม่ทันที่นิ้วจะแตะ ข้อความแจ้งเตือนว่ามีคนพยายามติดต่อจากหมายเลขที่เห็นกี่ครั้งก็นึกขำจำนวน 1 สาย ก็เด้งขึ้นมา ก่อนแจ้งเตือนอีกหลายอันจะค่อยๆทยอยตามมา...

     

    และหนึ่งในนั้น

     

    [Volk : อ่านหนังสืออยู่หรอ]

     

    [Volk : ปกลจหนค]

     

    เป็นกำลังใจให้นะครับ?

     

    ผมเผลอคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ค่อนข้างแน่ใจว่าไอ้เด็กนี่มันต้องเขินที่จะพิมพ์มาเต็มๆแน่ๆ และก็ค่อนข้างมั่นใจอีกเช่นกันว่าความจริงแล้วมันไม่ได้จะโทรมาเพราะเรื่องนี้ อาจเพราะกลัวรบกวน ทำให้เครียด หรือยังไม่ถึงเวลาก็ไม่รู้ แต่ผมจะไม่ให้มันรอนานหรอก เรื่องแบบนี้ ยิ่งนาน ยิ่งแย่ แต่ขอผลักทุกอย่างไปไว้หลังสอบเถอะนะ

     

    ---------------


    แง แอดมิชชั่นเพิ่งประกาศไปเมื่อวาน ในที่สุดเราก็มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งแล้วค่ะ 5555

    ตอนนี้ดูทุกอย่างเรื่อยๆนะ มีแต่อะไรหน่วงๆ อยากเขียนให้ออกมาเรียลหน่อย แล้วก็ไม่รู้ว่าดีใจดีไหมที่จะบอกว่าเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วล่ะนะ #ซับน้ำตา เขียนมาตั้งแต่เป็นน้องโฟล์ค 2 ปี ตอนนี้เราจะขึ้นชั้นเดียวกับการ์ดแล้ว 5555


    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ


    LUV #เอานิ้วโป้งไขว้นิ้วชี้ 555555



    #TwinsNumber #เบอร์แฝด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×