ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ ๒๒

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.82K
      20
      20 พ.ค. 59

     

     

    “......ตา....มาแข่งจ้องตากัน”

     

    “จ้องตา...?” ริมฝีปากมันยกยิ้มขึ้นเล็กๆแล้วสายหัวไปมาเบาๆเหมือนจะเปรยๆว่าทำไมผมชวนมันเล่นอะไรเด็กๆ ปัญญาอ่อนๆจัง

     

    “อ...อือ” เจอมันถามกลับงี้ก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้แฮะ

     

    “เอาดิ” มันยิ้มบางๆก่อนพูดแล้วขยับตัวให้มาตรงข้ามผม ขายาวๆถูกยกขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนโซฟา

     

    ไอ้การตอบรับง่ายๆแบบนี้ทำผมไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดีระหว่าง 1.ดีใจ ที่อะไรๆมันก็ดูเป็นใจ กับ 2.ระแวง ก็ยังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะระแวงอะไร แต่มันก็เป็นความรู้สึกหนึ่งที่ผมเลี่ยงไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังเป็นอยู่ ความจริงพอเจอคนชวนเล่นอะไรแบบนี้มันก็ต้องเอะใจนิดๆบ้างป่าววะ

     

    “ใครกระพริบตาก่อน ล้างจานนะ” ผมทวนกติกาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไร ไม่ต้องมีสัญญาณเริ่มเราก็สามารถรู้ได้ว่าไอ้เกมส์ปัญญาอ่อนๆนี่มันถูกเริ่มขึ้นแล้วด้วยสายตาสองคู่ที่สบกันในความเงียบ

     

    สิ่งที่ผมเห็นตอนนี้มีเพียงแค่นัยน์สีดำสนิท แต่วาววับจนสามารถเห็นได้ถึงภาพของผมที่สะท้อนในนั้นได้อย่างชัดเจนถูกล้อมรอบด้วยกระบอกตาและแพขนตาบางๆ หลายคนคงคิดว่าขนตาหนาๆยาวๆงอนๆมันสวย...แต่ถ้าคุณเห็นไอ้เหี้ยนี่แล้วจะสามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเลยว่ามันไม่จริง อย่างน้อยก็ไม่จริงสำหรับไอ้ผู้ชายคนนี้แหละ

     

    โอเค... ผมอาจลืมประเด็นสำคัญไปว่าทำไมตัวเองที่อยู่ถึงระดับอุดมศึกษาถึงได้มานั่งเล่นเกมส์เด็กอนุบาลกับไอ้เด็กมัธยม ผมเลิกใส่ใจรายละเอียดยิบย่อยนั่นก่อนจะเริ่มออกค้นหาไอ้สิ่งที่เรียกว่าเหตุผล เหตุผลที่ทุกๆครั้งที่เผลอสบเข้ากับดวงตาคู่นี้ มันถึงให้ความรู้สึกแปลกๆที่เอนเอียงไปทาง....อา...มันก็ออกจะยอมรับยากหน่อย แต่ผมก็ไม่ชอบหลอกตัวเอง ว่ามันจะออกไปทางอีโรติกแปลกๆ....

     

    “อา....พี่ดูไม่ค่อยน่าไว้วางใจเลยแฮะ” ไม่พูดเปล่า มันยืนยันคำพูดมันด้วยการเอนหลังหนีเหมือนเริ่มรู้สึกตะขิดตะควงใจ หรือผมแสดงออกอย่างจาบจ้วงไปว่ะ ว่าต้องการอะไรบางอย่างน่ะ...

     

    “เหรอ.....งั้นมึงคิดว่ากูต้องการอะไรจากมึงล่ะ” ยิ่งมันหนี เหมือนผมจะยิ่งรู้สึกสนุก ใช้มือท้าวไว้กับพื้นโซฟาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้มัน ยิ่งเห็นไอ้เด็กนี่เบิกตากว้างนิดหน่อยตอนผมทำอย่างนั้นก็ยิ่งรู้สึกสนุก...

     

    แต่ก็รู้สึกอยู่ได้ไม่นาน...

     

    “นั่นสิเนอะ....” ถึงผมจะกำลังมองสบอยู่กับดวงตาสีมืดนั่นแต่มันก็ยังเห็นว่าริมฝีปากนั่นกำลังยกยิ้มอยู่ เหมือนไอ้เหี้ยนี่ก็คึก นึกสนุกขึ้นมาอีกคนถึงได้เลิกผละหนีแล้วเป็นฝ่ายขยับเข้าหาแทน... “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่ต้องการอะไร.....”

     

    ระยะที่ห่างกันเพียงคืบทำให้ผมเริ่ม...ใจสั่น..... ไอ้หัวใจที่ขยันทำงานเสียเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้เด็กนี่กำลังเต้นแรง ผมไม่รู้ว่ามันเป็นสาเหตุให้ลมหายใจมันรู้สึกติดๆขัดๆด้วยรึเปล่า.... แต่ผมว่ามันคงสูบฉีดเลือดมาที่ใบหน้าอยู่แน่นอน... ก็ไอ้ความรู้สึกร้อนๆนี่มันให้ผมรู้ได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก.... หน้าแดง....

     

    มันใช่สิ่งที่ผู้ชายออกสามศอกอย่างผมควรจะเป็นไหมล่ะวะ!!! ไอ้เด็กนี่น่ะ....ไอ้เด็กนี่น่ะมันเริ่มจะทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป...ในทางลบซะด้วย

     

    ผมไม่รู้ว่านานทำไหรแล้วที่ตัวเองนั่งจ้องตากับไอ้เด็กนี่อย่างไม่ลดละ....ไม่ใช่เพราะต้องการชนะ แต่เพราะถูกสายตาคู่นั้นตรึงไว้จนเหมือนจะไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย...

     

    ณ เวลานี้ ถ้ามีใครซักคนเผลอหลับตาลงช้าๆ เชิดหน้าขึ้นหน่อยๆ แล้วเผยอริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย....จะเกิดอะไรขึ้นนะ?

     

    ร่างกายมันไปไวกว่าความคิด ไม่ต้องรอให้ใครทำทั้งนั้นแหละ เมื่อเป็นผมเองที่เผลอปล่อยร่างกายมันไปตามความคิดจนมาเผลอรู้ตัวอีกทีตัวเองก็กำลังทำไอ้อะไรบ้าๆนั่นไปแล้ว....

     

    และไม่ทันจะตั้งตัวเหมือนกัน สัมผัสเบาๆบนริมฝีปากก็ทำให้ผมต้องเบิกตาขึ้นมาอย่างตกใจก่อนจะเจอกับหน้าไอ้โฟล์คที่หลับตาแน่นขณะค่อยๆเพิ่มน้ำหนักกดริมฝีปากลงมาให้แนบแน่นยิ่งกว่าการทาบเบาๆอย่างตอนแรก.... มือสองข้างของมันยกขึ้นมาประกบไว้ข้างสองแก้มของผมเหมือนกลัวผละหนี มันกดริมฝีปากอยู่นิ่งๆอย่างนั้นครู่หนึ่งเหมือนดูเชิงผมว่าจะทำยังไง.... และเมื่อมันเห็นผมนิ่งมันก็ค่อยๆรุกร้ำเข้ามาช้าๆ ปลายลิ้นไล้เลียไปตามไรฟันก่อนจะค่อยๆสอดเข้ามาหยอกล้อ....

     

    เหมือนสติหลุดลอย ตาผมค่อยๆปรือลงช้าและปิดลงในที่สุด...เพื่อที่จะได้รับรู้ถึงสัมผัสมันมากขึ้น แต่ก็ยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง ที่สั่งให้ผมใช้มือขวาทาบลงไปบนแผ่นอกข้างซ้ายของมัน ไม่ได้จะใช้แรงผลักออก แต่กลับทาบค้างไว้เฉยๆ เพื่อสัมผัสบางอย่าง...ที่สำหรับผมมันจะเต้นระรัวทุกครั้ง และคำตอบที่ได้มาก็ทำให้ผมรู้ ว่ามันเองก็ไม่ต่างกัน

     

     ลิ้นที่ตวัดอยู่ในปากชวนให้รู้สึกติดๆขัดๆทางลมหายใจ มือสองข้างที่แนบแก้มผมอยู่เปลี่ยนมาใช้หัวแม่มือไล่วนบนผิวแก้ม พร้อมกับเจ้าของมือที่ปรับองศาหน้าไปมาเพื่อการบดเบียดริมฝีปากอย่างหิวกระหาย.... เหมือนคนตบะแตก หมดความอดทน  หรืออดกลั้นเอาไว้ จนเมื่อผมเผลอเปิดโอกาส ก็ทำให้ไอ้สิ่งที่มันพยายามอดทนนั่นหมดลง...

     

    -------------------------------------------

     

    2 กุมภาพันธ์ 25xx

     

    อากาศช่วงปลายฤดูหนาวแบบนี้นี่มันน่านั่งตั้งวงกรึ๊บเหล้ากลางแจ่งกันจริงๆ....นี่ไม่ใช่ความคิดผมนะ แต่เป็นความคิดไอ้เพื่อนรักที่ไม่เห็นเงาหัวตั้งแต่ปีใหม่ที่อยู่ๆก็ทักกรุ๊ปไลน์เข้ามาด้วยประโยคข้างต้น แล้วแนบภาพตั๋วเครื่องบินขอนแก่น-กรุงเทพ เล่นเอาซะพวกผมตั้งตัวรับกันไม่ทันกับไอ้ความคิดอยากทำอะไรกูก็ทำไม่มีเตรียมการล่วงหน้าของไอ้สองคนนั่น และแน่นอนครับ พอไอ้พวกนี้กลับมา ต่อให้พวกผมมีงานสูงเทียมเอเวอร์เรส ก็ต้องทิ้งมารับพวกมันไปแวะซื้อเหล้า+กลับแกล้มตอนบ่ายสามแล้วก็มาตายรังกันที่สวนหลังบ้านผม ทิ้งงานไว้เบื่องหลังอย่างไม่แยแสกันสักคน.... เขาว่ากันนี่ครับ มิตรถาพสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด....

     

    “ฮะฮ่า!! เอามาเลยไอ้เท็น เอามาเลยพันห้า” ไอ้มินตบขาท่าทางตีใจก่อนจะแบมือรอรับกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสองใบจากเจ้าของชื่อที่ทำหน้าหัวเสีย

     

    “ไอ้ห่า มือขึ้นหรอมึงอ่ะ” คนเสียทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะยื่นมือไปเอานิ้วจุ่มลงในแก้วเหล้า คนๆแล้วยกขึ้นดื่มเหมือนย้อมใจ

     

    “ช่วยไม่ได้ วันนี้กูดวงดีเว่ย เอ๊า ต่อๆๆ เดี่ยวมือพี่ตก”

     

    “ตกก็เก็บสิจ๊ะ” ไอ้เต้ที่ดูจะเหงาปากพูดล้อ

     

    “สมัยนี้ยังมีคนเล่นมุขนี้อีกหรอว่ะ” คนโดนยิงมุขสมัยยังหัวเกรียนๆใส่ทำหน้าเหยียดๆ

     

    “เคยคนที่เล่นมุขนี้ใส่กูนี่ตอนนี้โคม่าอยู่โรงบาลหลายคนแหละ”

     

    “มึงก็ด้วยห่าเท็น”

     

    “พวกมึงจะคุยกันอีกนานมั๊ย? เร็วๆดิ๊ ตากูเนี่ย” ผมที่เริ่มอดทนรอไม่ไหว พ่อเร่งแม่มเลย

     

    “ใครใช้ให้มึงหยุดฟังล่ะวะ”

     

    ผมพ่นคำหยาบใส่พวกมันไปสั้นๆคำหนึ่ง คว้าลูกเต๋าแล้วทอยด้วยมือที่สั่นระริก... ก่อนจะหยิบตัวหมากสีเหลืองสดใสกระโดดไปตามช่องตามจำนวนจุดบนลูกเต๋า....

     

    ประตูพิศวง...

     

    “เหยดดดดดดดด หยิบเลยๆๆๆ”

     

    “ล้มละลาย ล้มละลาย  ล้มละลาย”

     

    เสียงเชียร์ให้กำลังใจกันดังกระหึ่ม ผมมองการ์ดบนกระดานสีฟ้าสดใสลายน่ารักอย่างโดเรม่อนด้วยสีหน้าลำบากใจนิดๆ...ก่อนจะยื่นมือไปหยิบใบบนสุดขึ้นมา...

     

    ล้มละลาย

     

    บนการ์ดมีคำพูดปลอบใจมากมายเขียนอยู่ แต่ผมไม่ได้โฟกัสจุดอื่นเลยนอกจากสามคำนี้....

     

    “วะ ฮะ ฮะ ฮะ” เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นพร้อมกับมือที่ส่งมาลูบหัวลูบหลังเหมือนจะปลอบ ถุ๊ย!

     

    “ใครจะไปสนใจเกมส์ปัญญาอ่อนวะ กูกำลังอยากเลิกเล่นอยู่พอดี” ผมว่าด้วยหน้าที่ทำเป็นไม่แยแสก่อนจะโกยตังค์ปลอมๆทั้งหน้าตักรวมๆกันไปให้ไอ้มิลค์ที่โดนบังคับให้เป็นธนาคาร

     

    “ไอ้ห่า แพ้แล้วอย่าพาลดิ๊ มึงรวมกันงี้กูก็ต้องเสียเวลามานั่งแยกอีก!” มันโวยวายส่งท้ายแล้วก้มหน้ามองกองกระดาษสีๆบนตักที่ปนกันมั่ว ผมยักคิ้วให้มันแล้วลุกขึ้นสบัดตูดออกจากวงมายืนชงเหล้าข้างๆไอ้เจฟที่หมดตัวตั้งแต่ 15 นาทีแรกที่เริ่มเล่น

     

    ตลับไพ่ถูกม๊ายึด.......ไปเล่นกับคุณนายข้างบ้านเมื่อวานแล้วลืมเอามาคืน นั่นทำให้พวกผมที่อยู่เฉยกันไม่ได้ต้องหาอะไรเล่นก่อนจะไปขุดเจอไอ้เกมส์เบาสมองที่ซื้อไว้ตั้งแต่มัธยม แล้วก็มาลงเอยกันอย่างที่เห็น....

     

    “มึงไม่เอาเด็กมึงมาด้วยหรอว่ะการ์ด”

     

     “จะมีครั้งไหนบ้างวะที่พวกมึงไม่จับกูไปเป็นเมียชาวบ้านเนี่ยฮะ?” ผมทำเสียงหงุดหงิดแบบไม่ได้จริงจังอะไร

     

    ไรมึ๊งงง กูหมายถึงแกรนด์เถอะ มึงไปคิดถึงใครเนี่ย?” มีความรู้สึกเหมือนอาการชาแล่นเข้าสู่ใบหน้าอย่างกะทันหันก่อนจะตามมาด้วยเสียงหน้าแตกดังเพล้ง....ผมนึกว่ามันจะแหย่ผมเรื่องไอ้โฟล์คซะอีก....

     

    “กูกับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย” ผมยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบแก้เก้อ ไอ้เจฟรู้เรื่องแกรนด์พอๆกับที่คนอื่นรู้ เพราะหลังจากวันที่ผมได้จดหมายนั้น กรุ๊ปไลน์ก็สั่นกันครืดคราดพร้อมผมกับแกรนด์ที่กลายเป็นประเด็นสำคัญอย่างไม่เต็มใจซักนิด....

     

    เป็นผู้ชายนี่ไม่น่าเกิดมาขี้เสือกกันเลยจริงๆ...

     

    “อื๋มมม อ๋อหรอออ กูละเบื่อนิสัยเลือกมากของมึงจริงๆ” นับว่าโชคดีที่ไม่ใช่เรื่องมาก....

     

    “มึงก็ระวังเอดส์แดกเข้าสักวัน”

     

    “เห็นอย่างนี้กูจะเอาใครก็เลือกนะเว่ย”

     

    “อื๋มมม อ๋อหรอออ กูล่ะเบื่อนิสัยเลือกมากของมึงจริงๆ” ผมใช้คำมันประชดกลับ

     

    “ให้ค่าเครดิตกูด้วย”

     

    “ตลกเถอะ...”ผมบ่นเบาๆก่อนจะยกแก้วขึ้นมากระดกรวดเดียว

     

    “ว่าแต่วันนี้ไอ้เด็กสวาเกนไม่มาด้วยหรอวะ” รถโฟล์คมีชื่อเต็มๆว่า โฟล์ค สวาเกนน่ะครับ เผื่อคนไม่เข้าใจมัน

     

    “นอนดูดนมอยู่บ้านมั๊ง” เมื่อวาน....พอถอนริมฝีปากออก มันก็ทำหน้าตกใจนิดๆ...แค่แว๊บเดียวเท่านั้น ก่อนจะหลุบสายตาลง บอกขอโทษเบาๆ แล้วขอตัวกลับ...

     

    “วันนั้นยังดูดปากมึงอยู่แท้ๆ” ผมหันไปจ้องหน้าไอ้เด็กสายเลือดอิตาลีเศษ1ส่วน4ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่งแคะขี้เล็บแล้วก็หันมาถอนหายใจเบาๆ

     

    “แวะคลินิกเฮียกูบ้างนะมึงน่ะ ถึงจะไม่รับเอาหมาออกจากปาก แต่มึงเป็นเพื่อนกู เฮียน่าจะทำให้เป็นพิเศษ” ผมบ่นด้วยเสียงเนือยๆโดยไม่ลืมโฆษณาขายของ... ช่วยกันทำมาหากินดีครับพี่น้องบ้านนี้

     

    “การ์ด......... วันนั้นมึงหน้าจะเห็นภาพตัวเองกับมันว่ะ”

     

    “มันเป็นเกมส์ กูทำได้หมดแหละ” ผมยักไหล่ทำเป็นไม่แยแส หันมาชงเหล้าแก้วต่อไป ทั้งๆที่ความรู้สึกบางอย่างมันก่อขึ้นมาในอก...

     

    “อื๋มมม อ๋อหรออออ”

     

    “เออ!” ผมรับคำเสียงแข็งแล้วยกแก้วขึ้นกระดกอีก

     

    “งั้น..... มึงจำได้ป่าววะ เมื่อตอนม.4 กับไอ้เกมส์หมุนขวด มึงติดกูไว้คำสั่งหนึ่ง....”

     

    “อือ จำได้” วันนั้นไอ้เจฟมันหมดมุข คิดไม่ออก ผมก็เลยกล่อมมันให้เก็บไว้วันหลัง ไม่คิดว่าผ่านมาตั้ง 3 ปี เสือกจะยังจำได้อยู่...


                    จัดมาเลยเพื่อน ตอนนี้กูด้านพอที่จะทำได้ทุกอย่างและ 

     

    “จูบกู การ์ด”

     

    “ฮะ!?!” ถ้าหากว่าเมื่อกี้ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังกึ่มๆอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ผมแม่งแน่ใจชิบหายเลยว่ากำลังตื่นเต็มตา...

     

    “กูบอกให้จูบกู.... แบบที่มึงทำกับมัน”

     

    -------------------------------------------
     

    “ถ้ามึงไม่บ้าไปแล้วมึงก็คงเมามากๆแน่เลยไอ้ห่าเจฟ”  เหมือนจะพูดกับมัน แต่ประโยคนี้ผมตั้งใจบ่นกับตัวเองเพียงแต่ไม่เบามาก ทำให้ไอ้คนโดนเอาชื่อมาบ่นนั่นคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์....

     

    ตรงที่เรายืนอยู่ห่างจากวงเหล้านั่นไม่มาก แต่กำแพงไม้ระแนงสูง 2 เมตรที่เอาไว้ตั้งไม้พุ่มเล็กๆนี่ก็พอบังสายตาไอ้พวกที่กำลังนั่งเมามันกับกระดานเกมส์ที่รื้อเจอ

     

    อ่าใช่.... ผมตอบตกลง

     

    มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ.....ก็บอกแล้วไงมันเป็นเกมส์ ผมทำได้... อีกอย่าง.....วันนั้นผมยอมจูบกับไอ้เหี้ยนั่นไปแล้ว ถ้าวันนี้เสือกไม่ทำขึ้นมา ไอ้เจฟคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆหรอก เขาเรียกตัดไฟแต่ต้นลม...

     

    หลังจากตกลงนั่นแหละ มันก็หันไปตะโกนใส่พวกเศรษฐีทั้งหลายว่าจะมาเข้าห้องน้ำ พร้อมกับลากผมมาจบลงตรงนี้นี่แหละ

     

    แต่....ใครจะไม่รู้สึกขนลุกล่ะวะ วันนั้นอย่างน้อยผมกับไอ้เด็กนั่นน่ะโดนสั่งให้ทำ แต่มาวันนี้ ไอ้คนสั่งเสือกสั่งให้ผมจูบตัวมันเองเนี่ยนะ? ก็พอรู้อยู่หรอกว่ามันคงค้างคาไม่ก็ตะขิดตะควงใจอะไรบางอย่างตอนคืนนั้น  แต่เล่นแบบนี้มันก็ไม่แปลกๆหรอวะ?...

     

    “อะไร หน้าแบบนี้เสียวตูดหรอกัซซี่” ใครเสียวจะตูหลังวะ! กูแค่ขนลุกเฉยๆเถอะ!

     

    “ไอ้เจฟ....”

     

    “หืมมมมมมมมม มีอะไรครับ”

     

    “กูถามจริงๆนะ แล้วบอกกูมาตรงๆ......” ผมทำสีหน้าเครียด “มึงเป็นเอดส์ เลยอยากจะแพร่เชื้อประชดชีวิตให้กูใช่มั๊ย?” แม้เวลาตกทุกข์ได้ยาก หรือลำบากหนักหนา นักปราชญ์ที่แท้จริงเขาไม่หวั่นไหวกันหร๊อก

     

    “ถ้ากูเป็นจริงๆ มึงจะเป็นคนแรกที่กูคิดถึงครับ พอใจยัง เอ๊า เร็วสิมึง มึงกำลังได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ผู้หญิงครึ่งมหาลัยกูใฝ่ฝันเลยนะ” มันโก่งคิ้ว แถมกัดริมฝีปากแบบอ้อนตีน

     

    “มึงก็กำลังได้ในสิ่งที่ผู้หญิงทั้งมหาลัยกูอยากอยากได้เว่ย” มือผมเอื้อมไปทาบไว้ข้างสองแก้ม คิ้วก็โก้งขึ้นแบบไม่ยอมแพ้อีกคน ใครจะเผบไต๋ให้มันรู้ล่ะครับ ว่าแม่ง...โคตรประหม่า แถมยังกล้าๆกลัวๆ...

     

    “โอ้โห นี่คือเทคนิคการแถยืดเวลาใช่ไหมนี่”

     

    “ใครแถวะ...” ผมกลอกสายตาแล้วเอียงคอนิดๆ ก่อนจะออกแรง กระชากหัวไอ้เจฟให้ลงมาแล้วเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อย่นระยะห่างในการกดริมฝีปากลงไปหนักๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปากมันเล็กน้อยพอเป็นพิธีไม่ให้มันเอามาโวยวายทีหลังว่าไม่เหมือนวันนั้น..... และผมรู้ว่ามันก็ไม่ได้โง่พอ แต่ก็ยอมให้ผมผละออกในเวลาเพียงไม่มี่วินาที

     

    ทำไมชีวิตกูช่วงนี้เจอแต่ผู้ชาย....

     

    “ถุ๊ย....” ผมถมน้ำลายออกมาเบาๆ ไอ้รสลิปมันหวานปะแล่มๆแบบนี้มันไม่ทำให้ความรู้สึกอยากอ้วกน้อยลงไปเลย

     

    “มึงนี่ฮาร์ดคอร์ดีจัง” ไม่รู้ว่ามันหมายถึงจูบหรือการถมน้ำลายเมื่อกี้ แต่ก็ชั่งมันเถอะ หมดเวรหมดกรรมซะที

     

    “ชิ...” ผมจิ๊ปากเบาๆ เอื้อมมือไปล้วงในกระเป๋าเสื้อไอ้เจฟเพื่อเอาบุหรี่กับไฟแช็ค ............สูบล้างปากซะหน่อย

     

    “กูถามจริงๆนะเว่ย มึงต้องการอะไรวะ? นี่จริงจังนะ”

     

    ไอ้คนถูกถามขมวดคิ้วแล้วมองหน้าผมพักหนึ่ง ก่อนตอบ “เรื่องของกูน่า”

     

    ............................................ฟัคครับ

     

    มันเอามือขึ้นเสยผมลวกๆแล้วก้าวขาเดิน แต่พอจะสวนกับผม มันก็หยุดเล็กน้อยก่อนพูดเบาๆ

     

    “หึหึ.....ลำเลียงนี่หว่า” แล้วก็ก้าวตอพลางจุดบุหรี่สูบแบบพระเอกเอ็มวี....

     

    ผมว่าไอ้เหี้ยนี่มันต้องสงสัย ไม่ก็อยากรู้หรืออยากเสือกอะไรบางอย่างแน่  แต่....ช่างแม่งเหอะ ผมว่าช่วงนี้เรื่องแบบนี้มันเข้ามากินพื้นที่ในสมองเยอะไปแล้ว ปล่อยวางบ้างก็ดีว่ะ

     

    -------------------------------------------

     

    5 กุมภาพันธ์ 25xx

     

    “แกรนด์ว่ามันจะมีภาคต่อป่ะ” ผมพูดพลางดูดแก้วโคล่าแห้งๆที่เหลือแต่น้ำแข็งขณะก้าวขาออกจากโรงหนัง

     

    “มีดิ มีตั้งหลายปมที่ยังไม่ได้คลาย อา....อยากดูภาคต่อเร็วๆจัง” นี่ผมคิดถูกจริงๆนะเนี่ยที่มาดูหนังกับเด็กนิเทศ เอกภาพยนต์ฮ่าๆๆ

     

    “เอาไว้มาดูด้วยกันอีกเนอะ” นั่นไง ตีเนียนเลยกู

     

    “ฮะๆ พูดแล้วอย่าลืมนะ”

     

    “เธอก็อยู่เตือนเราสิ” ผมโก่งคิ้วกวนใส่จนแกรนด์มุ่ยหน้าเล็กๆ แหม่ ผมรู้น่าว่าทำเพราะเขิน อิอิ “ว่าแต่ กินอะไรดีน๊า...”

     

    “เราอยากกินข้าวอ่ะ หิว....”

     

    “อืม......มีร้านที่อยากกินมั๊ยอ่า?”

     

    “อะไรก็ได้แหละ แต่เราจ่ายเองนะ!

     

    “ทำไมอ๊า?”

     

    “เมื่อกี้ก็ค่าตั๋วไปแล้ว มื้อนี้เดี่ยวเราเลี้ยงเอง”

     

    “เรากินจุนะ”

     

    “ไม่จริงอ่ะ”

     

    “ฮ่าๆๆๆ”

     

    เดินเลือกร้านกันไม่นานเท่าไหร แกรนด์เป็นผู้หญิงยังไงก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าถามว่าอยากกินร้านไหนแล้วตอบร้านไหนก็ได้อะไรแบบนี้นะ แต่เป็นคนที่กินง่ายๆน่ะ

     

    “ช่วงนี้ดูงานเยอะจังนะ” ผมว่าขณะคืนเมนูให้พี่พนักงาน

     

    “อื้อ.... พี่ในสายรหัสเราเขามีถ่ายหนังสั้นทำโปรเจคจบอ่า เลยขอแรงกันช่วยหน่อย สนุกดีนะ แต่เหนื่อยสุดๆเลย”

     

    “โห..... น่าสนใจแฮะ”

     

    “มีฉายในคณะด้วยนะ เดี๋ยวเราเอาบัตรมาให้ดีมั๊ย?”

     

    “ว๊าวววว ขอบคุณคร๊าบบบ  หนังแนวอะไรอ่า?”

     

    “โรแมนติก คอมเมดี้ แต่ อ่า.....เป็นหนัง BL นะ”

     

    “หือ?”

     

    Boy Love

     

    “อ....อ๋อ....” ไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ ซักคำ ให้ลึกซึ้ง.....

     

    “เราว่ามันน่าสนใจดีนะ ความรักแบบนี้น่ะ.....” ไอ้แบบนี้ของเธอน่ะ มันแบบไหนกันนะ...

     

    “ก แกรนด์ เอ่อ.....ชอบ......แบบนั้นหรอ?”

     

    “หือ? ป่าวนะ ฮ่าๆๆ แต่น้องสาวเรานี่ตัวยงเลย” โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวันเนอะครับ

     

    “ฮ่าๆๆๆ”

     

    “ทำไมอ่า การ์ดไม่ชอบหรอ?”

     

    “ป่าวๆ แต่ในฐานะผู้ชายเรารู้สึกแปลกๆอ่ะ ฮ่าๆๆ”

     

    “ตอนแรกที่เห็นน้องเราชอบมันก็แปลกๆนะ แต่พอมาทำเรื่องนี้ เราว่าความรักมันก็ไม่จำกัดเพศนะ มันออกจะสวยงามด้วยซ้ำ ต่างชาติเขาก็ยอมรับกันแล้ว ถึงไทยจะไม่ขนาดนั้นแต่สังคมก็เปิดกว้างมากขึ้นแล้วด้วย”

     

    “นั่นสิเนอะ” ผมคลี่ยิ้มบางๆให้แกรนด์แบบแหยๆ พอมาฟังอะไรแบบนี้แล้วมันพูดอะไรไม่ออกเลยวุ๊ย

     

    “อ่า เรามีโบรชัวร์ด้วยนะ รองเอาไปอ่านดูก็ได้ เผื่อการ์ดไม่ชอบอ่า เราไม่อยากบังคับ” ว่าแล้วก็ก้มหรือลงค้นอะไรในกระเป๋าผ้าเพียงไม่นานกระดาษสีฟ้าอ่อนอมเทาก็ถูกยื่นมาให้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดูภูมิใจ

     

    เป็นกระดาษแผ่นเดียวสองหน้า ไซส์ประมาณหนึ่งในสามของกระดาษเอสี่ หน้าหนึ่งมีชื่อเรื่องเขียนสั้นๆไว้ว่า ‘Ask’ และรูปผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าหน้าตาดี กำลังคลี่ยิ้มบางๆพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม..... เอ่อ....แน่ใจนะว่าคอมเมดี้ ไม่ใช่ดราม่า.... ใต้รูปมีเครดิตนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะพลิกไปหน้าหลังที่มีเนื้อเรื่องย่อเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือหน้าอ่าน

     

    นอกจากใจจะมีไว้ให้เจ็บ มันก็ยังมีไว้ให้ถาม เอ่อ.......ขึ้นต้นมาก็เลี่ยนเลยวุ้ย แต่ก็เข้ากับชื่อเรื่องดีนะ

     

    สรุปง่ายๆก็แล้วกัน คือผู้ชายสองคนมาฝึกงานในบริษัทเดียวกัน คนนึงเริ่มคิดไม่ซื่อ แต่ดันไม่รู้ตัว แถมพฤติกรรมยังทำให้ไอ้อีกคนมันเริ่มคิดไปไกล แต่ความสับสนของตัวมันเองรวมทั้งความกลัวสายตาคนรอบข้าง มันเลยเลือกที่เลิกยุ่งกับไอ้คนนั้น จนหมดเวลาฝึกงาน ต่างคนก็ต่างแยกย้าย ถึงรู้ว่าตัวมันน่ะพลาดครั้งใหญ่เมื่อมารู้ว่าความรู้สึกมันมีมากขนาดไหน.... จนต้องมาเจ็บ เพราะไม่ยอมถามใจ

     

    “เอ่อ......นี่คอมเมดี้จริงๆใช่ไหมแกรนด์....” ยังไงก็ยังคงขอยืนยันว่าไอ้เรื่องนี้ควรอยู่ในหมวดหมู่หนังดราม่า

     

    “มันเป็นแบดเอนด์ แต่เนื้อหาคอมเมดี้น่ะ ฮ่าๆ”

     

    “น่าสนใจนะ เราไปดูแน่”

     

    “ขอบคุณนะ” วู๊วววววววว แค่เธอยิ้มโลกก็สดใสแล้ววว

     

    “เต็มใจน่ะคร๊าบ”

     

    “อื๊ม อย่าลืม ถามใจตัวเองด้วยนะ” สโลแกนหนังเรื่องเมื่อกี้แหละครับ

     

    “จ้า จ้า....” น่าแปลกนะ ทั้งที่ปกติเวลานี้ผมน่าจะเล่นมุขแบบ ได้ทีก็ขายของเลยนะอะไรแบบนี้ ...

     

    ก็แค่ถามหัวใจ..... ความรักน่ะ มันก็ต้องใช้หัวใจคิดอยู่แล้ว.....  พวกพี่ๆเขาสร้างมาเตือนใจใครกันวะ ทั้งที่ใครๆมันก็.......รู้?

     

    -------------------------------------------

     

    พออยู่กับผู้หญิงแล้วการ์ดดูแมนขึ้นไหมนะ..... 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×