ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๑๐

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.28K
      38
      12 มี.ค. 58



                    ผมเดินนำไอโฟล์คมาลานจอดรถที่ออกจะไกลเล็กน้อยจากตัวห้าง มือล้วงๆกุญแจรถในเป้แล้วคลิ๊กปลดล็อคเบาๆให้ไฟหน้า-ท้ายรถกระพริบปริบๆ ไอ้คนที่ตามหลังผมมาตลอดก็รู้หน้าที่ เบี่ยงทางเดินไปประตูซ้ายแล้วยืนรอเหมือนจะบอกว่ารอเจ้าของรถอย่างผมขึ้นก่อนแล้วผู้อาศัยอย่างมันค่อยขึ้นตาม ว่ากันตามตรงเลยนะ ตอนนี้ผมยังหาเหตุผลที่มาดลใจให้มาส่งมันไม่ได้เลย

     

    พอผมมุดตัวและหน้าหล่อๆลงมาในรถแล้วปิดประตูเบาๆ  ไอ้คนอีกฝั่งมันก็ก้มตัวลงมานั่งตามก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง

     

    แกรบ...

     

    เสียงเหมือนใบไม้กรอบๆหรือพลาสติกบางๆถูกแรงกดกระแทกดังขึ้นเบาๆหลังจากที่ไอ้เด็กตัวโตเกินวัยข้างๆผมมันขยับตัวจนเข้าที่

     

    มันหยิบไอ้วัตถุต้นกำเนิดเสียงขึ้นมาจากร่องข้างๆเบรก  แสงไฟจากข้างนอกส่องกระทบเห็นเป็นดอกกุหลาบสภาพยับเยินที่ก้านมันหักคาอยู่ในห่อพลาสติกใสๆที่ห่อหุ้มมันไว้

     

    กุหลาบของมัน...

     

    อยู่ๆรู้สึกอายแปลกๆ เสือกเก็บของมันไว้อีก

     

    ลืมทิ้งผมตอบไขข้อสงสัยให้หลังจากที่มันเหลือบตาจากซากกุหลาบหักๆมามองหน้าผม

     

    อืม...มันพยักหน้าเบาๆสองสามทีแล้ววางมันกลับไว้ที่เดิม พอมือว่างก็เอี้ยวตัวไปคว้าเข็มขัดนิรภัยด้านซ้ายมาคาด

     

    มันจะสื่อว่ากลัวตายที่นั่งรถผมป่าวว่ะ -___-

     

    แต่นั่นแหละ ปกติไอ้ผมที่ไม่ค่อยใส่ใจกฎจราจรหรือความปลอดภัยของชีวิตตัวเองก็โดนรังศรีอุบาทๆจากมันทำให้ต้องล้วงมือไปคว้าสายเบลท์ข้างขวามาคาดอย่างไม่ได้ ...ความรู้สึกเหมือนโดนมันสอนอีกแล้วว่ะ

     

    ผมบิดกุญแจรถก่อนจะสตาร์ท แล้วค่อยๆออกตัวไปบนท้องถนนที่แน่นจนผมรู้สึกอยากกลับคำพูด บึ่งตรงกลับคอนโดซะเดี๋ยวนี้ แม่งกว่าจะถึงบ้านมัน กว่าจะกลับ กว่าจะได้นอน

     

    เฮ้อ........ลมหายใจพรืดใหญ่ถูกส่งออกมาจากผม มือก็เคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะบ้างไม่เป็นบ้างตามอารมณ์ที่กำลังหงุดหงิดสุดๆกับการจราจรท่ามกลางเมืองหลวงในคืนเทศกาลสำคัญๆแบบนี้

     

    มันก็ติดฉิบหายเลยน่ะสิครับ!

     

    ถอนหายใจ 1 ครั้ง ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงตายไป 7 ตัวเลยนะ...ไอ้เด็กโตเกินวัยที่นั่งแช่ตูดอยู่บนรถผมมาจะชั่วโมงแต่รถยังออกมาได้กิโลกว่าก็ขนวิชาการมายัดใส่หัวผม

     

    เก็บไว้สอบหมอเถอะครับว่าแล้วก็ทำหน้าย่นเป็นเอฟเฟคเสริม มันก็ได้แค่ยิ้มโชว์เหล็กดัดฟันสีชมพูบานเย็นแจ๊ดๆนั่นด้วยหน้าแหยๆ

     

    ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมัน เท้าค่อยๆเหยียบคันเร่งให้รถคืบหน้าไปตามคันหน้าที่ขยับเขยื้อนไปนิดหน่อย

     

    จนเวลาล่วงเลยผ่านไปสองชั่วโมงกว่า...ย้ำนะว่าสองชั่วโมงกว่าบีเอ็มสีแดงของผมก็มาจอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่สองชั้นเรียบๆ ที่ในสายตาอนาคตสถาปนิกอย่างผมอดชื่นชมในความเรียบแต่ดูสวยหรูมีราคานี่ไม่ได้ พื้นที่ที่น่าจะกินไปซัก 5-6 ไร่ก็มีสวนต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่เกินไปที่จะบังความสวยของตัวบ้านปลูกเป็นสวนที่คงได้รับการดูแลอย่างดี และแน่นอน หน้าบ้านมีนามสกุลที่ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองก็รู้ว่าเป็นของไอ้ฟัคติดอยู่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มองเห็นได้โดยง่ายอืม ผมก็ไม่ตกใจอะไรกับบ้านมากหรอกครับ ก็ถนนที่เข้ามานี่เป็นที่รู้ๆกันดีว่าคนรวยแถวนี้มันชุกชุม แถมที่ดินก็แพงซะหูฉี่ -_______-

     

    ผมยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันเลยเที่ยงคืนมานิดหน่อย... แต่ไม่นิดหน่อยสำหรับผม... ขับกลับกว่าจะถึงให้เดาว่าถึงเกือบๆตี 2... จบกันค่ำคืนที่วาดฝันไว้...

     

    ความจริงมันก็บอกให้ผมส่งมันที่ป้ายรถเมล์หลายครั้งอยู่นั่นแหละ แต่เหมือนผมจะโดนอะไรดลใจให้ขับมาส่งมันยันหน้าบ้านโดยสวัสดิภาพ

     

    จะขับกลับหรอ?” ว่าไปมือมันก็ปลดสายนิรภัยไป

     

    ก็เออดิแอบใส่อารมณ์หงุดหงิดในน้ำเสียงนิดหน่อย

     

    นอนนี่ไหม?”

     

    หือ?”

     

    ก็เห็นว่าดึกแล้ว อีกอย่างคืนแบบนี้รถมันติดสารภาพตามตรงตอนนี้ผมก็อยากจะทิ้งตัวลงบนเตียงจะแย่อยู่แล้ว มันก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า มันก็เคยนอนบ้านผม ถือว่าผลัดกัน 

    อือ ก็ดี

     

    -------------------------------------------

     

    ผมยืนมองสำรวจบรรดาโล่เกรียติบัตรมากมายก่ายกองจนรู้สึกผวาแปลกๆในตู้โชว์ที่พบเห็นได้ตั้งแต่เริ่มเหยียบเข้ามา ใจความในนั้นทำให้ผมพอเดาได้ว่าทั้งพ่อแม่มันเป็นหมอมือฉมังขนาดไหน ผมใช้คำแปลกๆไปป่าวว่ะ ฮ่าๆๆ นั่นแหละ เอาเป็นว่าเป็นหมอมือดีอันดับต้นๆเลยล่ะ แต่น่าสงสารที่มีลูกเป็นเด็กอินดี้สัสๆอย่างมัน

     

    มีทั้งพ่อแม่เป็นหมอแบบนี้ลูกก็คงจะต้องเจริญรอยตามแหละนะ

     

    แต่เดี๋ยว เหมือนจำได้ลางๆว่าไอ้โฟล์คมันอยากเป็นนักบินนี่หว่า? หรือที่มันทำหน้าสลดๆตอนที่ผมบอกให้มันไปสอบหมอนั่นมันกำลังเสียใจ?

     

    จะอาบน้ำไหม?” เสียงเจ้าของเรื่องที่ผมกำลังคิดแทรกเข้ามา

     

    ได้ก็ดีเหงื่อแม่งแทบจะควบแน่นเป็นขี้ไคลอยู่แล้ว ถึงมันจะเป็นหน้าหนาวก็เหอะ ว่าแต่พ่อแม่มึงไม่อยู่หรอ หรือนอนกันหมดแล้วก็เข้าบ้านมายังไม่เจอใครเลย

     

    นานๆทีจะกลับน่ะมันว่าแบบไม่สนใจแล้วเดินนำผมขึ้นชั้นสอง นี่เป็นครั้งแรกที่พอมองแผ่นหลังมันแล้วให้ความรู้สึกหว้าเหว่แปลกๆ ต้องมาอยู่บ้านหลังใหญ่แบบนี้คนเดียวเนี่ยนะ

     

    มันเดินเข้าห้องที่ใกล้บันไดที่สุดแล้วเปิดประตูเดินเข้าไป ไอ้ผมที่ไม่คุ้นเคยก็เลยเดินตามมันไปอย่างช่วยไม่ได้ เดาได้ไม่ยากเลยว่าเป็นห้องมันจากรูปเดี่ยวติดผนังขนาดซัก 2-3 ฟุตเด่นหลาอยู่ตรงข้ามประตูห้องที่เข้ามาจะต้องเจอพอดีห้องนี้ทาสีเทาๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีน้ำเงิน พื้นและผนังด้านหนึ่งเป็นไม้ สภาพดูรกๆนิดหน่อยผมว่าก็เหมาะกับมันดี

     

    มันลื้อๆเสื้อผ้าอยู่ตรงมุมห้องก่อนจะได้เป็นเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนที่เหมือนผมจะรู้สึกว่ามันเป็นของผม ก็ตัวที่มันยืมใส่กลับบ้านเมื่อไม่นานมานี้นั่นแหละ กับกางเกงลายทหารของมันอีกตัว

                                             

    ห้องน้ำอยู่นี่นะ แล้วก็นอนได้ไหมห้องนี้ ห้องอื่นยังไม่ได้จัดเลย

     

    อือผมขานรับในลำคอแล้วเดินไปทางประตูห้องน้ำที่มันพยักพเยิดบอก  ตอนนี้อยากนอนอย่างเดียวแหละ

     

    ผมใช้เวลาในการวิ่งผ่านน้ำรวมแต่งตัวสิบนาทีก่อนจะเดินขนลุกออกมา ถึงแอร์จะไม่ได้เปิดแต่ผมว่าทุกคนคงเคยๆกันมาหมด ว่าไอ้การอาบน้ำอุ่นแล้วออกมาเจออากาศหน้าหนาวมันเป็นยังไง ทำให้ต้องรีบสาวเท้าเข้าไปสอดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วเอาขึ้นมาคลุมโปงกันแสงไฟบนเพดาน

     

    แกร๊ก...

     

    เสียงประตูที่เปิดขึ้นเบาๆ ก่อนจะปิดลง ตามมาด้วยไฟที่ดับ ก็ทำให้ผมเดาว่าไอ้สิ่งมีชีวิตอีกคนหนึ่งในบ้านคงจะไปอาบน้ำที่อื่นมา เมื่อกี้ก็ไม่ได้สังเกตเหมือนกันว่าไม่มีมันอยู่ในห้อง

     

    สิ่งสุดท้ายที่ผมรู้สึกได้คือแรงยุบตัวเล็กน้อยของเตียงขนาด 7 ฟุตพร้อมเสียงสวบสาบ ก่อนจะทุกอย่างจะเงียบลง โดยมีผ้าห่มอุ่นๆ เตียงนุ่มกำลังดีเป็นตัวชักนำพาสติผมให้ดำลงสู่ความฝัน

     

    -------------------------------------------

     

    26 ธันวาคม 25xx

     

    ผมลืมตาขึ้นหลังจากที่รู้สึกว่าแสงที่ลอดผ่านม้านเข้ามามันเยอะเกินไปจนต้องเปิดเปลือกตาขึ้น ความร้อนรุ่มที่สุมอย่างตรงกลางลำตัวเป็นสิ่งที่บอกได้ดีว่าเช้านี้ผมไม่ได้ตื่นมาคนเดียว และร่างกายผมก็ยังแข็งแรงสมชายทั่วไป

     

    แต่เพียงพลิกตัวเล็กน้อย... มันก็ทำให้ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังเคารพธงชาติอยู่ที่ไหน!

     

    หน้าใสๆของไอ้โฟล์คที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ห่างจากผมประมาณครึ่งเมตร ถึงมันจะไม่ใกล้อย่างที่ชอบเกิดขึ้นประจำ แต่แม่งก็ทำเอาผมสะดุ้ง ถดหลังหนีจนแทบจะตกเตียง!

     

    โอย...ลูกพ่อ ไม่เคยมีคนสอนหรือไงว่าอย่าไปทำตัวอวดใหญ่ที่บ้านคนอื่น...

     

    ผมกลืนน้ำลายลงคอแห้งๆอย่างยากลำบาก อารมณ์ตอนนี้มันไม่สามารถขับรถออกจากบ้านหลังนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพแน่นอน แต่จะให้ทำอะไรอย่างนั้นในบ้านที่เพิ่งมาครั้งแรกเนี๊ยนะ?

     

    ผมกัดริมฝีปากแรงๆอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยขาสั่นๆเพราะแรงปรารถนา ขาที่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ค่อยมีแรงก็พยายามก้าวเดินไปให้ถึงประตูห้องน้ำข้างหน้าให้เร็วที่สุดอย่างไม่มีทางเลือก

     

    ผมทาบตัวไปติดผนังห้องน้ำหลังจากเดินเข้ามาได้ไม่กี่ก้าว มือก็เอื้อมปลดซิบกางเกงอย่างทนไม่ไหวแล้วค่อยๆเริ่มเล้าโลมส่วนที่กำลังแข็งตัว สมองก็พยายามจินตนาการถึงผู้หญิงหุ่นดีๆซักคน แต่เหมือนมันไม่ชินสถานที่ กระดากอายหรืออะไรไม่รู้ ถึงได้ยากลำบากซะเหลือเกิน...

     

    อา....ผมครางออกมาอย่างทรมาน ร้อนไปหมดทั้งตัวจนเสื้อยืดที่ใส่อยู่ชุ่มเหงื่อเป็นบางจุด มือก็คอยเร่งจังหวะ ใจก็นึกภวานาให้มันจบลงซักที แต่ดูเหมือนวันนี้ผมจะซวยตั้งแต่เช้า เมื่อร่างกายมันไม่ยอมฟังผมเลย แถมยังดูท่าจะไม่จบลงง่ายๆ

     

    แกร๊กๆ........ก๊อกๆ.....

     

    ยังไม่ทันที่ไปจะถึงไหน เสียงประตูห้องน้ำสีขาวสะอาดๆที่อยู่ถัดไปสองเมตรได้ก็มีเสียงบิดลูกบิด ตามมาด้วยเสียงเคาะเบาๆหลังที่พบว่ามันล็อค... จากคนที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร

     

    อาบน้ำหรอเสียงทุ้มแต่แอบงัวเงียแบบเพิ่งตื่นของมันถามเบาๆ

     

    อะ.... อื้อ!” ผมตอบรับเสียงดัง พยายามทำให้เสียงหนักแน่นไม่สั่นคลอนอย่างที่สุด ก่อนจะกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นอารมณ์ แล้วเชิดหน้าขึ้นอย่างทรมานถึงจะเป็นเรื่องทั่วไปของผู้ชาย แต่ผมดันรู้สึกอายจนรู้สึกว่าเรื่องนี้มันจะมีใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด

     

    อืม แล้วจะกินข้าวไหม? จะสิบโมงแล้ว

     

    มะ ไม่เป็นไร

     

    อืม

     

    หลังจากมั่นใจว่ามันไม่อยู่ในรัศมีอันใกล้ ผมก็เริ่มลงมือที่จะทำให้มันเสร็จๆไปอีกครั้ง แต่ไอ้ที่ว่ายากลำบากมันกลับยากลำบากยิ่งกว่าเดิมเมื่อมารู้ตัวว่าสมองมันไม่สามารถจินตนาการถึงผู้หญิงคนไหนได้ซักคน แถมจมูกก็ยังมาดีเอาตอนนี้ จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆสบายๆจากเสื้อที่เป็นของผมลอยขึ้นมาแตะจมูกจางๆความรู้สึกเคยชินแบบนี้มัน... ไอ้เด็กเวรนั่น...

     

    เหมือนในหัวผมตอนนี้จะมีแต่มันไปซะแล้ว....

     

    ผมแทบจะกรีดร้อง ฟันก็ขบริมฝีปากแน่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะพยายามใช้มือช่วยให้ตัวเองหลุดออกจากความทรมานนี้อย่าง...ทรมาน...

     

    -------------------------------------------

     

    พี่การ์ดอ๊า เป็นอะไรไปคะ ไม่ค่อยคุยกับน้องเต้เลยยยย~” คุณอ่านชื่อไม่ผิดหรอกครับ คนที่พูดประโยคนี้คือผู้ชายตัวเท่าควายดีกรีนักบอลมหาลัย แถมไม่พูดเปล่าอีกนะ เพิ่มความสยองเป็นสองเท่าด้วยเสียงที่ดัดให้แหลมแล้วเอาหน้ามาไถกับแขนผม

     

    ดูท่าน้องเต้จะอยากแดกหนังนะครับผมว่าพลางกระดิกเท้าที่ใส่รองเท้าหนังสีดำถูกระเบียบมหาลัย

     

    อุ่ตะไวตามิลค์ พี่การ์ดหยาบคายใส่เต้อ่ะ!” มันว่าแล้วผละจากแขนผมไปทำหน้าดีดดิ้นใส่ไอ้มิลค์ที่นั่งอยู่ถัดไปแทน

     

    นั่นสิ ทำตัวแบบนี้ไม่น่ารักเลยน้าฮร้า!” ไอ้คนโดนดีดดิ้นใส่ก็จีบปากจีบคอรับมุขมันต่อ

     

    พอเหอะไอ้เหี้ย กูหลอนแทนไอการ์ดไอ้มินคงเข้าใจความรู้สึกผมผ่านทางสีหน้า มันทำหน้าแหยๆแล้วมองพวกมันเหยียดๆ

     

    อ่าวสัส ไหนบอกว่าจะมาง้อเชี่ยการ์ดไงโอ้พระเจ้า ขอบคุณ พวกมันกลับมาทำตัวปกติแล้ว

     

    มันอุบาทไปมันตอบหน้าตาย ว่าแต่ ง้อไรกูวะ?

     

    ง้อเหี้ยไร?”  คนอย่างผมไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน

     

    อ่าว มึงไม่โกรธพวกกูที่ไม่ได้รับโทรศัพท์เมื่อวานหรอ?” ไอ้มิลค์ทำหน้าตาเหลอหลา

     

    นั่นดิ กูเห็นมึงนั่งเงียบแผร่รังศรีทะมึนอยู่ตั้งนานไอ้มินถอนหายใจเหมือนโล่งอกแล้วเอามือมาท้าวไหล่ผม

     

    หรือว่าเมื่อคืนพี่การ์ดจะอกหักคะ?” สัสเต้ที่เริ่มสวมวิญญาณกะเทยอีกครั้งดัดเสียงถามพาดพิงไปถึงแกรนด์ แล้วหันไปดี๊ด๊าใส่ไอ้มิลค์ต่อเหมือนถูกอกถูกใจ

     

    และผมก็ไม่ได้ตอบอะไรมันออกไปนอกจากขยับปากไม่ให้มีเสียงเป็นคำว่า ‘ค*ย’ ออกมาพร้อมกับชูนิ้วกลางเป็นออฟชั่นเสริม อย่างผมน่ะเรอะจะอกหัก เร็วไปสิบชาติว่ะไอ้น้อง

     

    อุ่ตะของพี่การ์ดอันแค่นี้เองเหรอคะ!?” แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของไอ้เต้ทำเอาผมแทบอยากถวายฝ่าเท้าไปที่หว่างขาของมัน พลางทำหน้าสยองใส่มันที่กำลังเอามือป้องปากที่อ้ากว้างจนเห็นไปถึงลำไส้ใหญ่ ทำตาโต พร้อมมองนิ้วกลางของผมที่อยู่ตรงหน้ามันอย่างพิจารณา ก่อนจะรีบหุบปากทันทีที่เงยหน้ามาเจอสายตาผมที่สื่อความหมายประมาณ ‘มึงอยากเสียไข่เป็นน้องเทยสมใจไหม’ อะไรแบบนี้ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากทั้งมัน ทั้งไอ้แฝดได้ดีทีเดียว

     

    ว่าแต่ตกลงมึงเป็นไรวะหัวเราะจนพอใจมันก็หันมาสนใจผมต่อ

     

    กูแค่เหนื่อยๆอ่ะผมตอแหลใส่ไอ้มินแล้วเอามือไปบีบหลังคอตัวเองเหมือนจะยืนยันว่าผมเหนื่อยจริงๆ ทั้งที่มัน...ไม่ใช่ เมื่อคืนผมหลับยาวแบบไม่มีสะดุ้งตื่น หลับสนิท และคิดว่าคงไม่ตื่นถ้าน้องชายผมมันไม่ลุกขึ้นมาประท้วง!

     

    เหยดดดดดด เหนื่อยกับแกรนด์มาหระ... โอ๊ย!! ไอ้ห่า พ่องเป็นนักวอลเลย์หรอสาส ตบเอาๆไอ้เต้เจ้าของความคิดอกุศลเอามือรูปท้ายทอยตัวเองที่เพิ่งโดนฝ่ามือผมแนบเบาๆดัง ผลัวะ!!! ไปหมาดๆ

     

    มึงก็รู้ว่าหลวงพี่เขาถือศีล ไม่กินสตรีก่อนจดทะเบียนคำพูดไอ้มิลค์เรียกเสียงหัวเราะอีกครั้ง ไอ้ห่านี่ก็เว่อร์ไปครับ... ผมแค่... อยากถนุถนอมคนที่ผมรู้สึกพิเศษไว้เท่านั้นเอง... มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ผมจะให้เกรียติคนที่ผมคิดว่าอาจจะไปกันได้ดีเสมอ เพราะคนที่ผมจะเรียกว่าแฟน’ อย่างเต็มปากจริงๆน่ะ เรียกได้ว่าต้องดูใจกันอยู่นานโข ผมอยากคบกันไปนานๆ เพราะการได้หยุดที่ใครคนหนึ่งคนเดียว ผมคิดว่ามันดีสุดๆเลยล่ะ การที่มีคนๆหนึ่งที่อยู่ด้วยแล้วไม่เบื่อ พร้อมจะมองแค่ที่เขา และเชื่อไหม.... บางที แกรนด์ก็เข้าข่ายอยู่แฮะ

     

    ดูๆไปไอ้มิลค์มันก็พูดถูกใช่ไหมล่ะ แต่มันเว่อร์ไปจริงๆครับ เพราะไม่ใช่ว่าผมไม่เคยฟันใครซะหน่อย ฮ่าๆๆๆ ถ้าโสด ผมก็เปิดรับทุกคนนะ และถ้าถูกเชิญชวน ก็ย่อมรักษาน้ำใจโดยการไม่ปฏิเสธ แต่พวกเธอไม่ใช่คนที่ผมอยากจะเรียกว่า ‘แฟน’ หรอกครับ อย่างที่เขาว่ากันนั่นแหละนะ ว่าผู้หญิงบางคนผู้ชายมันก็แค่อยากได้ ไม่ได้อยากดูแล และผมก็อยากได้ว่าที่ภรรยาเรียบร้อยน่ารักมากกว่าเป็นสาวไฟแรงสูงทำอะไรไม่เป็น แต่แหม... นี่ผมวาดฝันยันแต่งงานเลยหรอเนี่ย!

     

    ผู้ชายดีๆแบบนี้หายากนะครับอิอิ

     

    อ้อ...ทีนี้ก็จงจำไว้ซะนะว่าที่ท่านการ์ดหล่อบรรลัยคนนี้มีแฟนแค่ 2 คนน่ะ ไม่ใช่ไม่มีใครเอาเว่ยกูแค่หล่อ แล้วก็เลือกฮ่าๆๆๆ

     

     

    ถ้าแบบนี้แสดงว่าแกรนด์ก็โอสำหรับมึงอ่ะดิ?”

     

    อืม... ก็... มั๊งความไม่แน่ใจมันฉายชัดจากน้ำเสียงผม ใช่ ผมเพิ่งบอกไปว่าแกรนด์เป็นอะไรที่ผมชอบ แต่ว่า...

     

    เฮ้อ....ไอ้มินถอนหายใจ เอามือข้างที่เคยท้าวไหล่ผมเปลี่ยนมาเป็นกอดคอ ตบบ่าเบาๆ แล้วพูดต่อ มิว... ใช่ไหม?”

     

    หึ...คงงั้นว่ะผมฝืนยิ้มแล้วหัวเราะฝืดๆ

     

    มันสามคนเงียบไปพักหนึ่ง จนไอ้มิล์ที่เป็นโรคอดทนกลับความเงียบได้ไม่นานเท่าไหร่จะพูดแหวกอากาศออกมาทำลายบรรยากาศกริบๆเมื่อกี้

     

    เออเมื่อวันก่อนเหี้ยซีโทรมาหากูด้วยนะ มันบอกว่าปีใหม่จะกลับกรุงเทพไอ้มินก็อือออเป็นคอลัส

     

    รู้จักไอ้ซีกันไหมครับ... ถ้ารู้นี่ผมยกตำแหน่งแฟนพันธ์แพ้ให้คุณเลยล่ะ ก็มันไม่เคยโผล่หัวมาเลยนี่ แถมชื่อมันยังเคยโผล่มาแค่ครั้งเดียวอีกตางหาก ชั่งน่าสงสารจริงๆ

     

    เออใช่ๆ มันเพิ่งบอกกูเมื่อเช้าเองไอ้เต้เสริม อ่าว งั้นมีแค่กูที่ยังไม่รู้อ่ะดิ

     

    ดีเลย ขนพวกไอ้เจฟมาด้วยนะ ไม่ได้ครบองค์ประชุมมาเป็นปีและผมว่าพลางวางแผนเที่ยวปีใหม่ในหัว อ่า... แค่คิดถึงก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วว

     

    แฮ้!!” แต่อยู่ๆมือปริศนามันก็มาตะปบไหล่ผมแรงๆแล้วส่งเสียงดังหยุดแพลนเที่ยวในหัวผม

     

    เหี้ย!!!” ผมสะดุ้งนิดหน่อย(?)ก่อนที่จะตามมาด้วยคำสบถติดปาก ที่แน่นอนว่าดังกว่ามันหลายขุม ในเพียงไม่กี่วินาทีถัดมาไอ้ต้นตอเสียงก็โดนลูบหัวอย่างถนุถนอมที่เบาจนจนโต๊ะข้างๆหันมอง และแถมท้ายด้วยคำชมหวานๆ...ปัญญาอ่อน ไอ้สัส!

     

    ผู้มาใหม่คนนี้เคยปรากฏชื่อมาก่อนครับ ไอ้ปั้น ถ้าเอาในคณะผมก็สนิทกับมันที่สุดนี่แหละ แถมด้วยสันดานผู้ชายที่จูนติดกันง่ายยิ่งกว่าสัญญาณวิทยุ มันเลยสนิทกับไอ้พวกห่านี่ไปด้วย

     

    ได้ปั้นเป็นหนุ่มต่างจังหวัด สูงประมาณ 160ปลายๆ ฮ่าๆๆๆ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ผมเลือกคบมัน เพราะอยู่ด้วยแล้วแม่งกูสูงเว้ยเฮ๊ยภูมิใจ เพราะโดยรวมผลเฉลี่ยความสูงชายไทยแล้วผมนี่สูงกว่าเกณฑ์ตั้งเยอะแต่เสือกคบเพื่อนสนิทนิยมถวายเสาไฟฟ้าไง เลยเปรียบเสมือนหลุมดำ แต่ไอ้ปั้นมันขาวครับ ชนิดที่ว่าถ้าไอ้พวกนั้นถวายเสาไฟฟ้า มันก็ทำบุญด้วยหลอดนีออน

     

    เชี่ย แล้วมึงจะไปไหมครับ เรียนน่ะ

     

    เออ ไปๆผมว่าแล้วลุกขึ้นเก็บหนังสือการ์ตูนเข้าเป้ ไอ้ปั้นคุยกับพวกสามหน่อนั่นพอเป็นพิธี ก่อนจะแยกย้ายไปเรียน แหม... มันแห่มันมาหน้าคณะผมเพื่อง้อผมเลยหรอวะ ปลื้มอกปลื้มใจจริงจริ๊ง ถึงผมจะไม่ได้โกรธอะไรมันก็เถอะ

     

    -------------------------------------------

     

    ครืด..... ครืด.....

     

    เสียงไอโฟนผมสั่นเบาๆอยู่ตรงปลายเท้า ทำให้ผมที่นอนเหยียดอ่านการ์ตูนสบายใจต้องปล่อยมือจากมันแล้วหันมาสนใจ คราวนี้น้องฮยอนอาไม่ส่งเสียงร้องตามเคย เพราะเดี๋ยวนี้ผมได้บทเรียนว่า ควรปิดเสียงโทรศัพท์ทุกครั้งก่อนเข้าเรียน!! เรียนเสร็จก็กลับมานั่งๆนอนๆตามประสาคนรอพรีเซ็นท์ขี้แถอย่างผมที่ชอบเก็บไว้คิดตอนใกล้ถึงวันนี่แหละครับ ก็เลยว่างด้วยเอวังประการฉะนี้

     

    พอเห็นชื่อ ผมก็กระหยิ่มในใจ

     

    ถ้าจะบอกกูว่าปีใหม่มึงจะกลับกรุงเทพก็ไม่ต้องแล้วครับ พวกมันบอกกูแล้วผมไม่เปิดโอกาสให้มันได้ทักทายดีๆ ฮ่าๆๆ ใช่ครับ ไอ้เหี้ยซีผู้เคยโผล่มาแค่ชื่อ

     

    (อ่าวหรอ งั้นแค่นี้นะ) แหม นี่เป็นประโยคแรกของมึงเลยนะ พูดดีๆหน่อยไม่ได้รึไง ถือเป็นประโยคเปิดตัวมึงเลยนะเว่ย!

     

    ไอ้สัส!

     

    (ฮ่าๆๆ แหม... น้อยใจหรอจ๊ะกัซซี่) ....ไอ้ห่านี่และครับต้นคิดชื่อนี้

     

    ก็แหงสินี่ก็เสือกกระแดะจีบปากจีบคอเล่นด้วยกับมันอีกกู

     

    (ถึงมึงจะไม่ใช่คนแรก แต่ก็เป็นคนสุดท้ายของกูนะ) มันพูดด้วยเสียงดัดหล่อแบบเสียงพากย์พระเอกซีรีย์เกาหลีช่อง7ที่ผมชอบเปิดผ่าน แล้วนั่งขำ ฮ่าๆๆๆ

     

    ถือสายรอแปปนะมึง กูขอตัวไปอ้วก

     

    (อุ๊ยตัวเอง เป็นไรป่าวอ่ะ) ตอนแรกผมนึกว่ามันจะเล่นมุขอมตะอย่างที่หาว่าผมท้องซะอีก แต่มันกลับแค่ดัดเสียงตอแหลต่อ

     

    (เดินดีๆนะ เดี๋ยวลูกเราจะเป็นอันตรายยยยย) นั่น.... กูพูดยังไม่ทันขาดคำเลยไอ้ห่า

     

    แต่กูว่ามึงนี่แหละที่จะตายยยยยยย

     

    (โอ๊ยเชี่ย กลัวแทบตายยยยยยยย)

     

    ฮ่าๆๆๆ/ฮ่าๆๆๆ) ผมกับมันพากันนั่งขำก่อนจะคุยเรื่องสำเพเหระ ถามสารทุกข์สุขดิบอาทิ เหนือหนาวรึป่าว เรียนยากไหม สาวเหนือสวยมั๊ย อะไรแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่จะกวนตีนมากกว่าตามประสาเพื่อนสนิทที่ไม่ได้คุยกันเป็นเดือน มันไม่เล่นพวกโซเชียลเลยครับ ไม่รู้ทำไม

     

    จนคุยกันมาได้พักใหญ่ ผมก็ตัดสินใจเอ่ยคำถามบางอย่าง... ที่ผมชั่งใจอยู่นาน...

     

    ว่าแต่...มิว... เป็นไงบ้างวะแค่เอ่ยชื่อก็รู้สึกเหมือนใจถูกบีบ ผมอยากจะถามมากกว่านี้ แต่ก็พูดไม่ออก คิดน่ะคิดได้แต่แค่พอจะเอ่ยชื่อขึ้นมามันกลับลำบากเหลือเกิน...

     

    ผมลืมไม่ได้จริงๆ... ความรู้สึก วันเวลา ทุกอย่างที่เคยทำร่วมกันมาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี เหมือนมันฝังลึกอยู่ในความทรงจำ...ที่ใช้หัวใจจดจำ...

     

    (อ่า... ก็เจอๆบ้าง ตัดผมสั้นด้วยนะ) เสียงมันจ๋อยลงตอนต้นๆประโยค เหมือนเสียใจเรื่องผม

     

    ฮ่าๆ หรอๆ เสียดาย...ผมหัวเราะฝืดๆแบบไม่รู้จะตอบอะไร ตอนม.ปลาย ผมมิวยาวถึงกลางหลังสีดำธรรมชาติอย่างกับปีกกา มีน้ำหนัก แล้วก็นุ่มมือ... ผมชอบเอ่ยปากชมอยู่บ่อยๆ แถมชอบเอามันมาพันๆกันมั่วๆแล้วมโนว่าเป็นเปียอีกต่างหาก

     

    (...) ไอ้ซีเงียบเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร

     

    งั้นไว้เจอกันปีใหม่แล้วกันว่ะ โทรหากูบ้างนะเว่ยและผมก็เลือกที่จะตัดการสนทนา

     

    (เออๆ คราวหลังจะให้มึงเป็นคนแรกของกูเลย) มันหยอดแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะรีบตัดสายเหมือนกลัวโดนผมด่า ผมหัวเราะเบาๆแล้วทิ้งไอโฟนไว้ที่เดิม ก่อนจะนอนอ่านการ์ตูนต่อ...แบบไม่รู้เรื่องเท่าไหร...

     

     -------------------------------------------


    #แก้ไขคำผิดกับรีไรท์นิดหน่อยค่ะ

     

    cactus

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×