คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ ๖
๐๖
16 ธันวาคม 25xx
“อือ....” ผมครางเบาๆหลังจากที่รู้สึกถึงแสงแดดจ้าๆที่รอดเข้ามาจากผ้าม่านสีเข้มๆ บิดไปบิดมาบนเตียงคายอาการเมื่อยสองสามที ก่อนจะยันตัวขึ้นมานั่งซักพัก หัวยังไม่หายมึนเลยแฮะ ผมค่อยๆลืมตา แล้วกะพริบปริบๆ ใช้เวลาปรับแสงปรับสีอะไรอยู่นาน ก่อนจะหรี่ตามองรอบๆห้อง
บนเตียงผมมีซากไอ้มิลค์นอนแผ่หลาเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ไอ้เท็นนอนอยู่ปลายเตียงสภาพพอๆกัน ไอ้เจฟนอนกองอยู่ตรงพรมข้างล่างกับไอ้เต้ด้วยบ็อกเซอร์ตัวเดียว ส่วนไอ้มินนอนอ้าปากหวออยู่ที่โซฟา นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงตื่นมาคงกรี๊ดดีดดิ้นตายห่า นึกว่าโดนรุมโทรม แม่ง พวกมึงมานอนกองกันอยู่ห้องกูอย่างนี้จะบอกม๊าให้จัดห้องทำไมวะ... วุ๊ย!! ว่าแต่ขาดใครอีกป่าววะ...? เออ... ไอ้โฟล์ค คงกลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วมั๊ง ไม่รู้แฮะ ผมนี่จำอะไรไม่ค่อยได้
แต่...พอนึกถึงมันแล้วเรื่องเมื่อคืนก็โผล่เข้ามา ที่ผม...จูบกับมัน
ทำไมกูลืมเรื่องอื่นแต่จำเรื่องนี้วะ โว่ยยยยยยยยยยย
เพียงแค่นึกถึง ความรู้สึกตอนนั้นมันก็เข้ามา ริมฝีปากอุ่นๆ นุ่มๆ ฝาดแอลกอฮอล์แต่ให้รสชาติที่หวานแปลกๆนั่น... มันอะไรกันวะ? ผมไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้เขินอะไรเรื่องพวกนี้นะ ผมมันชายทั้งแท่งนะเว่ย! มานั่งแคร์เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้เหมือนผู้หญิงได้ไง มันก็ไม่ใช่จูบแรกในชีวิตผม แล้วก็ไม่ใช่จูบแรกจากผู้ชายด้วย อย่างที่บอกนั่นแหละว่าผมเคยโดนไอ้เท็นจูบตอนเมา แล้วก็อีกครั้งตอนรับน้อง ที่พี่ว๊ากคิดอุบาทๆสั่งให้จูบกับพี่แทน พี่รหัสผม เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันของพี่และน้อง สาเหตุเนื่องมาจากผมเสือกฉลาดรู้ว่าไอ้พี่รหัสมันคือใคร ซึ่งตามธรรมเนียมนั้นไอ้พี่แทนต้องโดนลงโทษ แถมยังมีไอ้คนแสนรู้อย่างผมโดนไปด้วยนั่นแหละ
แต่ทำไมมันถึงรู้สึกกวนใจผมแปลกๆ บางที...ผมอาจจะชอบ?
ชอบ... ชอบ????
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก กูคิดแบบนั้นลงไปได้ไงกันวะ เมาจนหลอนแล้วมั๊ง ไอ้นั่นมันมนุษย์หน้าตายที่มึงเกลียดขี้หน้าชิบหายเลยนะการ์ด!
แอ๊ด...
ระหว่างที่ผมกำลังทึ่งหัวตัวเอง เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นเบาๆ ให้สายตาผมหันไปมองร่างสูงๆที่เดินออกมา และอยู่ในความคิดผมเมื่อกี้ มันใช้ผ้าขนหนูพันท่อนล่าง โชว์ท่อนบนขาวๆ กับหน้าท้องเป็นลอนอ่อนๆ ไม่มากมายอะไรแต่ก็พอรู้ได้ว่าออกกำลังกายเป็นประจำ
“ขอโทษที่ไม่ได้ขอก่อน แต่ยืมเสื้อหน่อยได้มั๊ย ....ชุดเก่ามันเหม็นเหล้าน่ะ” ที่ขอโทษมันคงหมายถึงการอาบน้ำกับผ้าขนหนู
“อือ เปิดตู้แล้วหยิบๆเอาเหอะ ตัวไหนใส่ได้ก็เอาไป” ผมพูดแล้วล้มตัวลงนอนต่อข้างๆซากศพที่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น พวกนี้ เมื่อคืนหลังจากผมกับไอ้โฟล์ค...นั่นแหละ พวกมันก็ยกเลิกการเล่นไอ้ขวดเวรตะไลนั่นแล้วหันมานั่งแซวผมกันซะสนุกปาก พอผมไม่เล่นด้วย นั่งซดเหล้าท่าเดียวมันก็เบื่อ เปลี่ยนไปท้าดวลเหล้า เป็นไงล่ะ เช้ามาก็หมดสภาพ...
“เอานี่นะ”
“อือ” ผมบอกอนุญาตโดยไม่ได้มอง หลับอีกซักรอบดีกว่า หัวงี๊หนักชิบเป๋ง
“ไม่มีเรียนหรอ”
“ช่างแม่งเหอะ ไปไม่ไหวว่ะ” ผมบอกด้วยเสียงเพลียๆ เอาแขนขึ้นมาพาดทับตาจะหลับต่อ....
แต่อยู่ๆภาพโมเดลโครงบ้านหลังน้อยๆก็แว๊บเข้ามา....
“เชี่ยแล้วไง!!!”
ผมเด้งตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะหันไปมองนาฬิกา สิบเอ็ดโมงสี่สิบ เหลืออีกแค่ชั่วโมงกว่า ผมต้องกลับคอนโดไปเอาโมเดลด้วยนะ แม่ง ซวยอะไรขนาดนี้วะ เพราะพวกมึงแท้ๆเลย ถ้ากูส่งงานไม่ทันจะว่าไง!
ผมเอาตีนถีบไอ้เท็นที่อยู่ปลายเตียงเพื่อระบายอารมณ์แค้น จนมันกลิ้งตกเตียง แต่ก็ยังไม่ฟื้น ก่อนจะเด้งตัวขึ้นรีบวิ่งคว้าผ้าขนหนูจะเข้าห้องน้ำ เดี๋ยว... ไม่อาบแม่งและ เอาไงดี ตอนนี้รถจะติดป่าววะ จะไปทันไหม เหี้ยเอ๊ย ลืมซะสนิทเลยว่าวันนี้ส่งงาน
ผมหันไปมองไอ้โฟล์คที่ยืนขมวดคิ้วมองผมอยู่เงียบๆเหมือนเข้าใจสถานการณ์
“มึงขับ’มอร์ไซค์เป็นมั๊ย?” เอาวะ ไหนๆมึงก็กะจะโดดเรียนอยู่แล้วจะ ไปส่งกูหน่อยเป็นไรไป เอามอร์ไซค์เฮียไปคงเร็วกว่ารถยนต์ ถ้ารถติดขึ้นมาก็ยังพอเข้าซอกซอยเล็กๆอ้อมๆลัดๆได้บ้าง...
“อือ”
“งั้นไปส่งกูที่คอนโดทีดิ นะ”
อย่าถามว่าทำไมไม่ขับเองนะครับ..... ผมสามารถยืดอกตอบได้อย่างภูมิใจว่า..... ขับไม่เป็นจ้าาาา
-------------------------------------------
ผมนั่งซ้อนพีซีเอ็กซ์ของเฮีย ที่พี่แกเอาไว้ขี่ไปเรียนสมัยอยู่มหา’ลัย แต่ตอนนี้ไม่ได้เอามาใช้เท่าไหร โดยมีไอ้โฟล์คเป็นคนขับ ผมอยู่ในชุดเดิมเมื่อคืนเลยครับ แค่เปลี่ยนเสื้อใหม่เพราะไอ้ตัวเมื่อคืนถอดโยนไว้ไหนไม่รู้ กลิ่นเหล้างี้หึ่ง ถึงแล้วก็จะเปลี่ยนชุดแล้วก็ไปมันทั้งเน่าๆนี่แหละ แค่เอางานไปส่ง แล้วก็จะแอบย่องกลับมานอน
สภาพถนนมันผิดกับที่ผมคิดไว้ถนัดตา เพราะมีรถสันจรไปมาแค่ไม่กี่คันเอง โชคดีหน่อยที่แดดไม่แรงเท่าไหร สงสัยตอนนี้เป็นเวลากินข้าวของตำรวจจราจรมั๊ง ผมกับมันที่ไม่ได้ใส่หมวกก็เลยรอดไป อย่าเอาอย่างนะครับ เราควรเซฟชีวิตไว้ก่อน แต่เวลามันไม่มีให้หา เลยต้องเลือกเซฟคะแนนไว้ก่อน
ประมาณ 25 นาทีผมก็มาอยู่หน้าคอนโด เอารถมาจอด แล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าห้อง แต่เดี๋ยวดิ แล้วมันจะกลับไงวะ
“มึงจะกลับไงอ่ะ?”
“บีทีเอสแล้วต่อวินอีกทีอ่ะ” นี่ผมพามันมาลำบากป่าววะ
“ไปหาไรกินบนห้องกูก่อนก็ได้นะ” ผมชวนมัน จะใช้ให้มาส่งแล้วก็ไล่มันกลับๆไปก็ดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย
“อือ” มันตอบหน้ามึนๆแล้วก็เดินเกาหัวตามผมมา เห็นหน้ามันแล้วเกิดอาการสงสัย เมื่อกี้กูรอดชีวิตได้ไงวะ?! ดูท่ามันจะยังมึนๆอยู่เลย สภาพไม่น่าจะขับรถได้ ใช้ไม่ดู เกือบตายแล้วมั๊ยล่ะ
ผมก้าวขาเข้าไปในลิฟต์ รอให้ไอ้โฟล์คเข้ามาแล้วก็กดชั้น 18 แล้วมันก็ยืนนิ่งๆ ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงเอง ผมว่าผมมีเวลาอาบน้ำแฮะ จากที่นี่ไปมหา’ลัยก็ใช้เวลาแป๊ปเดียว อาบซักหน่อยก็ดีเหมือนกัน เผื่อตามันจะสว่างขึ้นมาบ้าง
“เรียนยากไหม” อยู่ๆมันก็ถามทำลายความเงียบ แล้วก็เรียกผมให้ได้สติหลังจากที่คิดว่าจะยืนหลับมันตรงนี้ด้วย
“มึงดูสภาพกูดิ”
“ที่เป็นแบบนี้เพราะพี่เมา” แล้วใครทำให้กูแดกเหล้าอย่างกับน้ำเปล่าเมื่อคืนล่ะวะไอ้เวร! เมื่อคืนมีแต่เรื่องจูบบ้าๆนั่นอยู่ในหัว คิดแล้วก็เครียด เครียดก็ต้องกินเหล้า!
“โตไปอยากเป็นไรอ่ะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“ถามเหมือนผม 5 ขวบเลย” มันมองหน้าผมมึนๆ
“อยากเรียนอะไร” ผมถามใหม่
“ไม่รู้...”
“แล้วชอบอะไรอ่ะ”
“เคยคิดอยากเป็นนักบิน” เท่ไปดิสัส
“เคย? แล้วตอนนี้อ่ะ?”
“ไม่รู้...”
แม่ง กูไม่คุยด้วยและ ผมเงียบแล้วก็ยืนมองเลขชั้นตรงแผงข้างหน้าที่เปลี่ยนเลขไปช้าๆแก้หลับ แต่ตามันก็หนักเต็มที ไม่น่ากินเยอะเลยกู...
ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ผมรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหน้าประตูห้อง แล้วก็ล่วงๆคีย์การ์ดในเป้ใบเก่งออกมาเสียบๆ
ภายในดูสะอาดสะอ้านขึ้นมาทันตาเห็น เป็นเพราะแม่บ้านที่คอยทำความสะอาดทุกวันเสาร์ จากห้องที่เคยรกอย่างกับรังหนู ก็กลับมาสะอาดวิ๊งเหมือนใหม่ ป้าแกคงลำบากหน้าดู แต่ผมก็ค้นพบพรสวรรค์ใหม่ล่ะ ว่าสามารถทำให้ห้องใหม่ๆรกได้ภายใน 1 วัน
ผมถอดร้องเท้า ไม่สิ ผมสบัดๆขาให้รองเท้ามันหลุดกระเด็นกระดอนไปคนละทิศคนล่ะทาง ก่อนจะรีบปรี่เข้าหาโมเดลน้อยยอดรัก แอบกลัวว่าป้าแกจะทำเสียหายเหมือนกันนะเนี๊ย นั่งทำตั้งนาน พังไปล่ะน่าดู
“ขนมปังอยู่บนซิงค์นะ คิดว่าน่าจะมีแฮมกับซีสอยู่ในตู้เย็น หรือมีอะไรมากกว่านั้นก็หยิบๆมากินได้เลย ตามสบาย” ผมบอกไอ้โฟล์คที่เดินตามเข้ามา ปกตินอกจากป้าแกจะทำความสะอาดก็จะซื้ออะไรๆมาตุนไว้ให้ด้วย
คิดไปคิดมาก็แปลกใจตัวเอง ไอ้โฟล์คมันเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ แต่กลับพาเข้าบ้าน เข้าห้อง สงสัยว่าผมคงต้องหาอะไรให้มันทำไถ่บาปจากความคิดโรคจิตเมื่ออาทิตย์ก่อนของมันเร็วๆแล้วล่ะ ก่อนที่อะไรๆมันจะมากไปกว่านี้...
-------------------------------------------
การส่งงานของผมผ่านไปได้ด้วยดีครับ นับว่าเป็นบุญยิ่งที่อาจารย์แค่ให้ส่งๆเก็บไว้ให้คะแนนรายละเอียดก่อนค่อยพรีเซนท์ทีหลัง ไม่งั้นล่ะก็...คิดว่าสภาพอย่างผมตอนนี้จะพรีเซนท์อะไรไหวไหมล่ะ? นั่นแหละ พอผมส่งงานเสร็จก็เลยรีบชิ่งออกมาก่อนจะอาจารย์จะตรวจงานคนอื่นเสร็จ เพราะมันแลดูชุลมุนชอบกล เป็นกาลดีที่ผมจะหนีออกมา
ผมล้มตัวลงบนเตียงหลังจากที่เปลี่ยนชุดเป็นบ็อกเซอร์ขาสั้นๆกับเสื้อกล้ามธีมบาสสมัยมัธยม ผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าสมัยก่อยผมเป็นนักบาสตัวโรงเรียนเลยล่ะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เล่นเท่าไร เพราะมัวยุ่งอยู่กับงานนี่แหละครับ ใครบอกว่าเล่นบาสจะสูง กูเล่นมา 5 ปี ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย...
แหงนไปมองนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียงก็เห็นว่ามันเกือบๆจะบ่ายสาม พรุ่งนี้ผมเรียนเช้า อ๊าห์ นอนมันตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า
แต่ดูเหมือนโลกจะโหดร้ายเกินไป เพราะพอผมปิดเปลือกตาลงปุ๊บ น้องฮยอนอาบนหัวเตียงก็เกิดอาการอยากร้องเพลงขึ้นมากะทันหัน อืม ใครมันบังอาจมาขัดจังหวะวะ
แค่หยิบขึ้นมาโดยไม่ต้องดูชื่อก็รู้ รูปเด็กผู้ชายตัวดำๆแห้งๆ ยิ้มฟันหลอ ใส่กางเกงในตัวเดียวเล่นน้ำ ที่ผมบังเอิญเจอในห้องมันแล้วก็ถ่ายเก็บไว้แบล็คเมล์เล่น ฮ่าๆๆ ผมมีรูปพวกมันทุเรศๆทุกคนแหละ เวลามันโทรมาแล้วฮาดี บอกใครเขาจะเชื่อว่าไอ้แห้งตัวดำๆ โตมามันจะหล่อได้
“อือ” ผมรับสายเสียงเหนื่อยๆ
(มึงไปเรียนแล้วหรอ!?) เสียงไอ้เต้ตะโกนถาม เล่นเอาแก้วหูแทบแหก
“มุดอยู่ใต้เตียงมั๊ง สัส” ผมไม่ตอบคำถามมันแต่กวนตีนกลับไปแทน
(อ่าว ไม่ชอบทำบนเตียงรึไง?) ไอ้ห่านี่มันกวนตีนแถมยังทะลึ่งได้ทุกเวลาจริงๆ
(ฮ่าๆๆ ล้อเล่นครับล้อเล่น กูเป็นหวงเฉยๆ) มันพูดหลังจากที่ผมนั่งเงียบ ขี้เกียจเถียง ง่วง!
“แม่งทำมาเป็นห่วง เพราะพวกมึงนั่นแหละกูถึงเกือบส่งงานไม่ทัน” ผมบ่น
(แต่ก็ทันนิ)
“โอ๊ย ไอ้เหี้ย! ไม่คุยด้วยแล้วโว๊ยยยย ปวดหัว กูจะนอน! แค่นี้นะ บาย!” ผมบอกตัดสาย ก่อนจะตั้งท่าโยนไอโฟนไปไว้อีกฝากหนึ่งของเตียง แต่ดันมีเสียงเตือนขึ้นมาก่อน เล่นเอาผมอดที่จะดูไม่ได้เหมือนกันว่ามีอะไร
[Volk : ส่งทันไหม? ]
นั่นเป็นขอความจากไอดีที่ใช้ดิสเพลย์เป็นรูปคนยืนหันหลังให้กล้องและหันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ที่กำลังตก เพราะถ่ายย้อนแสง ไอ้คนในภาพมันก็เลยดำไปทั้งตัว แต่จากชื่อ ผมก็รู้จักอยู่คนเดียวแหละ
[Card : ไอ้โฟล์ค? ]
[ Volk : อืม ]
[ Card : ทำไม?] ผมถามย้ำอีกครั้งเหมือนไม่มีอะไรจะตอบ ทั้งๆที่มันก็ถามมาแล้ว
[ Volk : ถามไปแล้ว] แล้วมันก็ตอบกวนตีนกลับมา
[Card : อห] ผมด่ามันเป็นอักษรย่อ ที่มีความหมายว่า ‘ไอ้เหี้ย’ ให้มัน หวังว่าคงสมองไม่ถั่ว แปลเป็นโอ้โห อู้หูอะไรงี้นะ
[Volk : ตลทม] อะไรของมันวะ? หรือมันเล่นตามผม? ผมเสียเวลานั่งแปลไปเกือบนาที มันคงหมายถึง ‘ตกลงทันมั๊ย’ ละมั๊ง
[Card : ท] ‘ทัน’ แล้วผมก็บ้าตามมันไป
[Volk : รยรป?] ???
ยิ่งง่วงๆอยู่ ให้กูมาคิดหอกอะไรเนี๊ย ถึงจะเล่นก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าผมชอบเล่นนะเว่ย แค่เห็นว่าคำมันหยาบ เลยทำให้มันหยาบน้อยลงเฉยๆ พิมพ์ง่ายก็จริงแต่โคตรปวดหัวเลย...ให้ยอมแพ้หรอ? ก็ฝันไปเถอะ มีหรือที่คนอย่างไอ้การ์ดจะยอมแสดงความโง่ให้มันเห็น ผมก็นั่งแปลไปสิ ดีนะที่เซนส์ดี เลยได้ออกมาว่า ‘เรียนอยู่รึเปล่า’
[Card : ป กกมหล นย มลกถบย กยง กรอร] ‘ป่าว กูกลับมาห้องแล้ว นอนอยู่ มึงล่ะกลับถึงบ้านยัง กลับยังไง กลับรถอะไร’ ผมพ่นยาวเป็นพรืด ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมันหรอกครับ แค่อยากให้มันนั่งงงเล่น สะใจดี แต่ไม่เลย...
นั่นไง เงียบเลยมึง เงียบบบบบบ
ผมมองหน้าจอโทรศัพท์แล้วหัวเราะหึหึในลำคอ วางโทรศัพท์ลงข้างตัว หวังจะนอน แต่แรงสั่นและเสียงเตือนจากโทรศัพท์ก็เรียกให้ผมคว้าขึ้นมาดูจนได้
[Volk : อ ตนยบล กบทสลตว ] แล้วกูก็ต้องมานอนปวดหัวอีกแล้ว อยากจะโยนไอโฟนไปให้ไกลแล้วนอน แต่นั่นก็เท่ากับหนีมันดิวะ ไม่ได้การ์ด มึงต้องสู้ต่อไป!
ว่าแต่ไอ้ตัวหนังสือข้างบนเป็นแปลว่าเหี้ยอะไรเนี๊ย!?!
[Card : กด กนวมจถรคบด] ‘ก็ดี กูนึกว่ามึงจะถูกรถคาบไปแดก’ ไอ้ อ ตนผยบ กบทอนั่นมัน ย่อจาก ‘อือ ตอนนี้อยู่บ้านแล้ว กลับบีทีเอสต่อวิน’ คิดตั้งนาน ตอนนี้มันก็ยังง่วง ยังมึนๆอยู่นะ แต่ไม่อยากนอน สงสัยคงอยากจะเอาชนะมันน่าดู
[Volk : หรหทดย] ‘หาเรื่องให้ทำได้ยัง’ เหอๆ แปลไม่ออกอ่ะดิ ชิ่งเปลี่ยนเรื่องเลยนะมึง
[Card : อว กกลค] ‘เออวะกูก็ลืมคิด’
[Volk : งดพนลข] ‘งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงข้าว’ พอเล่นไปนานๆแล้วแปลง่ายแฮะ
[Card : กบลงวกมอ] ‘กูบอกแล้วไงว่ากูไม่เอา’ แหม ไอ้ห่านี่อะไรๆก็เลี้ยงข้าวลูกเดียว ยังไม่เข็ดสินะ
[Volk : อยากเลี้ยงเฉยๆ พรุ่งนี้เจอกันที่เดิมนะครับ นอนต่อเถอะ] แล้วมันก็กลับมาพิมพ์เหมือนเดิม เหมือนเป็นการตัดจบการสนทนาให้ผมเลิกเถียง
ผมไม่ตอบกลับครับ ในเมื่อสงคราม(?)มันยุติลงแล้วนิ ผมล็อคเครื่องแล้วก็โยนมันไปไว้อีกฝั่งของเตียงเหมือนที่ควรจะทำตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ก็ดีเหมือนกันแฮะ อยู่ๆก็มีคนเลี้ยงข้าวฟรีอีกและ
-------------------------------------------
17 ธันวาคม 25xx
วันนี้ผมมีเรียนทั้งวันเลยครับ นี่ก็เพิ่งจะเลิก พอเลิกเสร็จผมก็มาที่เดิม ณ จุดๆเดิม ที่ที่วันนั้นผมเจอมันอยู่ตรงนี้ ...แน่นอนว่าผมไม่ปฏิเสธที่จะกินข้าวฟรี ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ก็ใกล้เวลานัดแล้วล่ะ ผมยืนจิ้มไอโฟนเช็คข่าวสารโลกโซเชียลแบบที่วัยรุ่นสมัยนี้เขาทำกันเพื่อฆ่าเวลา ก็ไม่ค่อยได้ย่างกลายเข้ามาอุดอู้อยู่กับโลกออนไลน์นานแล้วล่ะครับ ตั้งแต่เข้ามหา’ลัยนี่แหละ ก็แหม เวลาจะนอนยังไม่มี นับประสาอะไรกับเล่น
แอพพิเคชั่นสีน้ำเงินสบายตาถูกเปิดขึ้นก่อนที่ผมจะใช้นิ้วเลื่อนแบบลวกๆเหมือนไม่ได้สนใจแค่ต้องการหาอะไรทำฆ่าเวลาเท่านั้น เลื่อนไปกดไลค์ไปจนเจอกับไอ้รูปรูปหนึ่งที่บังเอิญมาโผล่บนหน้าฟีด.... มองแว๊บเดียวแม่งก็รู้เลย....
[วันนี้แอดมินบังเอิญไปเจอพี่โฟล์คมาด้วยคะ เปลี่ยนสีเหล็กด้วยล่ะ สีเจ็บเว่อร์! แต่หล่อไปอีกแบบ ><] นั่นคือคำบรรยายโดยมีรูปไอ้โฟล์คยืนยิ้มกว้างโชว์เหล็กดัดที่ผมพิถีพิถันเลือกให้เป็นพิเศษ(?) มองไปยังวันที่ที่อัพโหลดรูปก็เป็นเมื่อวันอาทิตย์
ก็ไม่แปลกใจเท่าไหรนะ ก็มันเล่นมีทั้งแฟนคลับ หน้าตาดี ถือเป็นเรื่องธรรมดามั๊ง สมัยนี้ผู้หญิงสายตากว้างไกล ฮ่าๆๆๆๆ ไม่อยากจะคุยว่าผมก็เคยลงเพจแบบนี้นะเว๊ย
“หือ...” ผมร้องเบาๆหลังจากรู้สึกว่ามีมือมาสะกิด หันไปก็เจอไอ้โฟล์คในชุกนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ยที่ยืนยิ้มให้ ครั้งแรกเลยมั๊งที่ผมเห็นมันใส่ชุดนักเรียนแบบเต็มยศ แหม ดูจากอักษรย่อที่ปักด้วยด้ายสีแดงๆนั่นมันโรงเรียนชายล้วนซะด้วย
“สวัสดีคะ พี่การ์ด” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก ก็ป๊ะเข้ากับเด็กผมหญิงผมยาวลอนๆถักเปียหน้าตาสวยพริ๊งจนผมไม่กล้ากระพิบตา จะมองให้เธอสวยก็สวย หรือจะมองให้น่ารักก็น่ารัก มองแล้วไม่เบื่อ
ว่าแต่ใครวะ?
“ค ครับ” ผมยิ้มให้เธอบางๆทั้งที่ยังคงงงๆ
“นี่เมเปิ้ลครับ....แฟนผมน่ะ” โฟล์คมันบอกเรียบๆ คนแปลกประหลาดผิดมนุษย์มนาอย่างมันนี่มีคนเอาด้วยหรอวะ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะ ต่อให้หล่อ แต่นิสัยโรคจิตอย่างมันนี่ผมก็ไม่เอาหรอก...
แต่ถ้ามองจากตรงนี้ โดยตัดเรื่องนิสัยบ้าๆบอๆนั่นออก มันก็...สมกันดีนะ
-------------------------------------------
#แก้กับรีไรท์รอบที่สอง!!
ความคิดเห็น