คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๕
๐๕
ผมนั่งจิ้มๆหน้าเจอกระจกของโทรศัพท์ไปเรื่อยระหว่างรอเพื่อนฝูง วันนี้เฮียบอกจะกลับบ้านเช้าๆนู้นเลย สงสัยจะอยู่คั่วสาวที่ผับประจำอีก วงเหล้ากร่อยลงไปครึ่งเลยมั๊งวะ เฮียนี่องค์ประกอบหลักเลยนะเว่ย มีเฮีย = มีเหล้าดีๆ ฮ่าๆๆ
ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่า ถึงจะนัดกันสามทุ่ม แต่เชื่อเถอะเดี๋ยวแม่งก็โผล่หัวมา เรื่องเหล้านี่เป็นเรื่องเดียวแหละที่ไอ้พวกนั้นจะมาก่อนเวลา
“เฮ้~ กัซซี่ ไม่เจอสองวัน คิดถึงจังเลย” พูดถึงก็มาเลย ไอ้มิลค์ยืนยกศอกท้าวประตู อีกข้างหนึ่งถือถุงพลาสติกบรรจุของมึนเมา
“อยากเก็บปากไว้ซดเหล้าไหมครับที่รัก” ผมเล่นกลับแกมขู่ มันแบมือข้างที่ไม่ได้หิ้วอะไรขึ้นมาแล้วยักไหล่กวนตีน
“ไอ้เหี้ย แม่งขวางทางกูอีกนานมั๊ย หนัก ไอ้สัส!” เสียงแฝดมันอีกคน ไอ้วิตามิน ชื่อเล่นนี่มันมีไว้เรียกให้สั้นลงป่าววะ เพราะคนไทยชื่อจริงมันยาว แล้วดูพวกมัน เดี๋ยวนี้เด็กไทยชื่อแม่งพัฒนากันขึ้นเยอะเนอะ พยางค์เดียวแบบผมนี่เริ่มไม่นิยมกับแล้วมั๊ง
ไอ้แฝดสองคนนี้มันหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะเลยครับ จะแยกให้ออกก็คงต้องดูที่ความสูง ไอ้มินมันคงทำบุญมาน้อยกว่า ส่วนไอ้มิลค์ชาติที่แล้วก็คงถวายเสาไฟฟ้า ไม่ก็เกิดเป็นเปรต อ้อ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่ามิลค์มันมีไฝเม็ดเล็กๆอยู่ใต้ตาด้วยนะ เอาจริงๆผมก็ไม่เห็นหรอก จนเจ้าตัวมันพรีเซนท์อย่างภูมิใจว่านี่คือเสน่ห์ของมัน แถมไอ้สองคนนี้มันก็ฮอตใช่เล่นเลย เพราะเป็นแฝดมั๊ง คนก็เลยสนใจ
“อ้าว มากันแล้วหรอจ๊ะ” เสียงม๊าผมเองดังมาจากประตูบานเดิม เรามาตั้งวงกันโดยใช้ทำเลหลังบ้านครับ บรรยากาศมันดี ติดริมแม่น้ำ เสียงก็ไม่ไปรบกวนในบ้าน
“หวัดดีคร๊าบม๊า” มันสองตัวก้มไหว้ม๊าผมเก้าสิบองศา ก่อนจะชมนู้นชมนี่ม๊าไปตามนิสัยปากหวานแบบเพลย์บอย ผมนั่งดูม๊าโอบไหล่ยิ้มแย้มแจ่มใส่คุยกับไอ้เพื่อนเชี่ยสองคนนั้นไปเรื่อยๆ แล้วเสียงน้องฮยอนอาก็ดังขึ้น
ถึงจะไม่ได้เมมไว้ แต่แค่เห็นเบอร์ก็รู้เลยครับ ไอ้เบอร์เหมือนที่ต่างกันแค่เลขหลักที่สาม ลืมไปเลยแฮะว่าชวนมันมาด้วย
“เออ” ผมรับสายสั้นๆ
(ผมอยู่หน้าบ้านแล้ว.... มั๊ง) โหยแม่ง กูว่ามึงนี่เกิดมาจากเชอร์ล็อคโฮมสวิงกิ้งกับโคนันแล้วก็ตู้มมมม เกิดมาเป็นมึงชัวร์ๆเลย เมื่อเย็นผมนี่วาดแผนที่บ้านเละๆใส่มือมันไป หาเจอด้วยวุ๊ย
“ลองกดอ๊อดดิ๊” ผมว่า ขี้เกียจออกไปดู
(แล้วถ้ามันไม่ใช่บ้านพี่ล่ะ) ไอ้โฟล์คพูดเสียงมึน
“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ แล้วหันไปบอกม๊าที่กับลังเมามอยสนุกสนานกับไอ้สองแฝดน ได้เพื่อนลูกแล้วลืมลูก ใช่ซี๊ “ม๊า การ์ดออกไปรับเพื่อนแป๊บนะ หน้าบ้านนี่แหละ”
“ใครวะ” ไอ้มินถาม เพราะโดยปกติทุกคนแม่งจะบุกเข้าบ้านกันอย่างกับบ้านตัวเอง เช่นไอ้พวกนี้เป็นต้น
แต่เออว่ะ ไอ้โฟล์คมันเป็นใคร อยู่สถานะไหนวะ?
“ถามไอ้มิลค์ดิ” ผมโยนให้ไอ้มิลค์ “คนที่มึงบอกให้กูพามาอ่ะ” ผมว่าแล้วก็ก้าวฉับๆออกมาทิ้งให้ไอ้มิลค์ทำหน้าประมาณว่า ‘แล้วกูจะไปรู้มึงเหรอ’
การมีสวนที่แทบจะเป็นป่าหน้าบ้านนี่มันทำให้ผมไม่สามารถเห็นอะไรหน้าประตูบ้านได้เลย นั่นหมายความว่าผมต้องเดินออกไปรับ เดินแทบจนหอบ กว่าจะถึงประตู
จริงด้วยแฮะ มีเด็กผู้ชายตัวสูงๆยืนอยู่ มันใส่เสื้อกล้ามสีขาวลายโลโก้กระทิงแดง ไม่ได้ใส่กางเกงนักเรียนเหมือนทุกครั้ง แต่เป็นกางเกงขาประมาณเข่าลายสก็อตสี่ดำๆเทาๆ กับแตะสีดำคู่เดิม
พอเห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า มันก็เงยหน้ามึนๆ อึนๆ เรียบๆ นิ่งๆ แบบที่มันทำมาทั้งวันขึ้นมาจากหน้าจอไอโฟน แล้วก็ยิ้มบางๆมาให้ผม
“หวัดดี” มันว่า
“อือ” ผมตอบสั้นๆแล้วเปิดประตูข้างให้มันเข้ามา แล้วก็เดินนำลิ่วๆ “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนรึไงวะ”
“มี”
“อ้าวเหี้ย แล้วมึงคิดว่าจะไปไหวมั๊ยล่ะน่ะ” ผมด่า ถึงตัวเองก็เคยไม่ไปโรงเรียนเพราะยังไม่หายแฮงค์ก็เหอะ
“คาบเช้ามีแต่คาบที่ไม่ค่อยเช็คชื่ออ่ะ ไม่เป็นไรหรอก” อืม จะด่าก็เหมือนมันจะเข้าตัวอีกรอบ
“ไอ้เนี่ยอ่ะหรอ ขอต้อนรับไอ้น้อง ไม่ต้องเกร็งๆ” ทันทีที่ถึงบ้าน ไอ้แฝดคนชวนที่กำลังนั่งกินขนมแกล้มเหล้าเล่นก็มากอดคอไอ้โฟล์คอย่างกับสนิทสนม “ว่าแต่ใครวะ?”
“อ่า...” ผมเว้นไปแปปนึงระหว่างคิดหาสถานะให้มัน “ลูกค้าเฮียน่ะ เคยคุยเล่นด้วยตอนทำฟัน” ไอ้โฟล์คหันมามองหน้าผมหลังจากตอบ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโกหกนะ แต่ไม่อยากให้ใครรู้ที่มาเลย
“ไอ้สูงชื่อไวตามิลค์ ส่วนไอ้เตี้ยนั่นวิตามิน”เหงื่อตกกับชื่อพวกมันเลยไม๊ล่ะมึง ฮ่าๆๆๆ
“ใครเตี้ยวะไอ้เชี่ย แม่งมึงก็สูงต่างจากกูแค่ไม่กี่เซนหรอก” ไอ้มินโวยแล้วเข้ามาตบหัวผมดังป๊าบ มือแม่งหนักชิบหาย
“อยู่ม.ไรแล้ววะ” นั่นดิ ผมก็ยังไม่รู้นี่หว่า ข้อมูลมันนี่รู้แค่ชื่อกับเบอร์โทรศัพท์เองมั๊ง
“5ครับ” อ่อนกว่ากูตั้งสองปี แต่เสือกสูงกว่า ชาติที่แล้วมึงก็ถวายเสาไฟเป็นเพื่อนไอ้มิลค์สินะ
“เฮ๊ยๆ ไม่ต้องครับก็ได้ กูไม่ถือหรอก ทำตัวตามสบาย” ไอ้มิลค์ว่าแล้วตบไหล่ไอ้โฟล์คสองที พอดีกับที่มีคนเข้ามาใหม่อีกสาม ไอ้เท็น ไอ้เจฟ ที่เคยบอกไป กับไอ้เต้ ที่เรียนมหา’ลัยเดียวกันกับผมนี่แหละ ความจริงไอ้แก๊งนี้มันมีอีกคนนะชื่อซี ตอนนี้อยู่เหนือ
“ใครวะ?” ไอ้เจฟมองหน้าไอ้โฟล์คงงๆ ตามด้วยเสียงเออออตามของไอ้เท็นไอ้เต้ ไอ้เจฟมันเป็นมนุษย์เพศผู้สูงปรี๊ด หน้าตาออกไปทางยุโรปด้วยมีพ่อเป็นลูกครึ่ง ผิวแทน ดั้งเป็นดั้ง พร้อมหน้าม่อๆกับสโลแกน ไม่อยากเจ็บจิ๋ม อย่ายิ้มให้พี่ ฮ่าๆ
“เด็กไอ้การ์ดมัน” เสียงน้องไวตามิลค์ครับ แม่งสงสัยจะหิวตีน
“เหยดดดด จริงดิ ไม่อยู่ด้วยกันแค่ไม่ถึงปี มึงนอกใจกูแล้วหรอวะกัซซี่” ไอ้เท็นเสริม พร้อมหัวเราะยกใหญ่ สงสัยคงอยากแดกตีนก่อนเหล้าเป็นเพื่อนกัน
เท็นเป็นผู้ชายตัวสูง แต่หุ่นขี้ก้าง แบบ ยังไงล่ะ เหมือนมันเป็นคนโครงสร้างกระดูกเล็กน่ะ สูงแต่แอบบอบบาง น่าแตะซักเปรี๊ยงให้ปลิว หน้าตี๋ๆ ตาตี่ๆ ตัวขาวจั๊ว ส่วนไอ้เต้นี่ก็หล่อแบบเลวๆ แบดๆ หุ่นสูงๆแน่นๆที่ได้มาจากการออกกำลังกายพ่วงด้วยตำแหน่งนักบอลมหา’ลัย
“อย่าแอ๊บโง่ ไอ้เหี้ยนี่ชื่อโฟล์ค ส่วนไอ้โฟล์ค นี่เจฟ เท็น เต้” ผมบอกชื่อพวกมันพลางชี้ไปทีละตัวๆ อย่างรวบรัด
“เด็กกว่ากูป่ะ” ไอ้เต้ขมวดคิ้วมองไอ้โฟล์คอย่างพินิจพิจารณา ถึงแม่งจะสูงพอๆกัน แต่มองแว๊บเดียวก็เดาได้ว่ามันอยู่แค่ม.ปลาย
“ม.5น่ะครับ”
“สีเหล็กสวยดีว่ะ” ไอ้เต้เอ่ยปากแซว มันเป็นพวกดัดฟันเหมือนกันน่ะ เล่นเอาไอ้โฟล์คมันหัวเราะหึหึเป็นคำตอบ แล้วหันมามองหน้าผมที่เป็นต้นเหตุ ก่อนจะถูกไอ้เต้เดินโอบไหล่ไปร่วมวงกับไอ้มินที่เริ่มนั่งซดแล้ว
-------------------------------------------
นั่งกินกันมาชั่วโมงกว่าจนเริ่มกึ่มๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเมา ไอ้มิน ไอ้เต้ ไอ้เท็นนี่ลงไปกองนั่งเล่นไพ่กับพื้นหญ้า อย่างกับเหล้าเป็นตัวอันเชิญผีพนันให้มันเล่นกันทุกทีที่เหล้าเข้าปาก
ส่วน ไอ้เจฟ ไอ้โฟล์คก็นั่งคุยกันอย่างถูกปากถูกคอ
“กูว่ามาเล่นไอ้นั่นกันดีกว่าวะ” ไอ้มิลค์ที่นั่งเอานิ้วคนๆเหล้าแล้วยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วเสนอไอเดีย ‘ไอ้นั้น’ ที่พวกผมไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร แต่เราก็เล่นกันมาตั้งแต่นานแล้ว
“เฮ๊ย เออวะ กูเกือบลืมเลย” ไอ้เท็นเงยหน้าขึ้นมาจากวงไพ่ ก่อนจะยกไอ้ผ้าผืนบางๆนั่นที่ใช้รองไพ่ขึ้นมาสบัดกระจาย
“ไอ้เหี้ย!!” เสียงมาพร้อมเอฟเฟ็คครับ มือไอ้มินฟาดเข้าไปที่กบาลไอ้เท็นเต็มๆ
“แม่งเอ๊ย หาทางรอดล่ะสิมึง” ไอ้เต้บ่น ก่อนจะช่วยสมทบถวายฝ่ามือใส่กบาลไอ้เท็นอีกคน มันหัวเราะชอบใจ ท่าทางคงกำลังเสียล่ะสิท่า
“อะไรวะ?” ไอ้โฟล์คหันไปถามไอ้เจฟ ผมไม่ค่อยได้คุยกับมันเท่าไหร แต่ก็มีอยู่หลายครั้งที่เผลอไปสบตากับมันเข้า รู้สึกเหมือนมันจ้องผมบ่อยๆ แค่ชั่วโมงกว่าแต่โฟล์คมันก็สนิทกับชาวบ้านเขาได้ยกวง แถมยังดูถูกคอกับไอ้เจฟเป็นพิเศษ กูเพื่อนมึงแท้ๆ นานๆทีจะเจอกัน เสือกไปคุยกับคนเพิ่งรู้จัก
“เออหน่า เดี๋ยวก็รู้”
สุดท้ายเราก็มานั่งล้อมโต๊ะเป็นวงกลม อาหารเครื่องดื่มบนโต๊ะถูกเคลียร์ไปวางกองไว้กับอีกโต๊ะ เหลือแค่ขวดเหล้าเปล่าๆขวดเดียว
คงพอจะเดากันออกใช่ไหมครับว่าไอ้นั่นมันคืออะไร? ก็แค่หมุนขวดเหล้าแล้วรอจนกว่าจะหยุด ปากขวดชี้ไปทางใคร ไอ้คนนั้นก็โชคร้ายไป ต้องทำตามคำสั่งที่ไอ้คนโดนก่อนหน้า ผมเคยโดนหนักสุดตอนที่กินบ้านไอ้เต้แล้วโดนให้ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียววิ่งหน้าบ้านมันนี่แหละ มีน้องผู้หญิงขับมอร์เตอร์ไชค์ผ่านด้วย ยังอายไม่หายเลย
แน่นอนว่ารอบแรกมันยังไม่มีคนโดนมาก่อนหน้านี้ เราเลยตัดสินคนคิดโจทย์ด้วยวิธีเด็กๆ.... โอน้อยออก
สุดท้ายคนที่โชคดีคือไอ้เจฟครับ มันหัวเราะดีใจใหญ่พลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์กวาดมองรอบวง
“บอกความลับที่คิดว่าน่าอายที่สุด แล้วไม่เคยบอกใคร...” มันพูดช้าๆ เสียงเย็นๆ เล่นเอาพวกผมขนลุก มาอีกแล้วคำถามนี้...ถึงจะรู้จักกันสนิทสนมซะจนรู้กันหมดไส้หมดพุง แต่คนเรามันก็มีความลับทุเรศๆที่ไม่เคยบอกใครกันมาบ้างแหละ จริงไหมล่ะครับ? สงสัยไอ้เจฟมันคงแค้นที่มันเคยโดนคำถามนี้ไปเมื่อตอนม.6 จนสารภาพออกมาว่ามันเสียจูบแรกให้กับผู้ชาย ฮ่าๆๆ ผมมองหน้าไอ้เจฟ มันมองหน้าผมครับสงสัยจะยังแค้นไม่หาย ก็ครั้งนั้นเป็นผมเองที่คิด ถ้าเกิดกูโดน มึงคงมีความสุขมากใช่มั๊ย...?
นิ้วยาวๆของมันหมุนขวดเหล้าอย่างชำนาญ พวกผมนั่งมองขวดเหล้ากันอย่างใจจดใจจ้อ เงยหน้าขึ้นไปมองไอ้โฟล์คเห็นว่ามันมองแบบนิ่งมาก
คนอย่างมันจะมีความลับแบบไหนนะ?
แต่พระเจ้าก็เข้าข้างผม เมื่อขวดเหล้ามันค่อยๆหมุนช้าลงๆ ก่อนที่ปากมันจะค่อยๆผ่านหน้าผมไป แล้วหยุดนิ่ง ปลายขวดชี้ไปยัง ไอ้มิลค์... เสียใจด้วยวะเจฟ พระเจ้ายังคุ้มครองกู ฮ่าๆๆ
“เหี้ยแล้วไงกู” คนโชคร้ายของคำถามแรกสบถลั่น
“หึๆ บอกมาเลยมึง” ไอ้เจฟแอบทำหน้าเสียดาย เฉียดผมไปนิดเดียวเอง
“หูยแม่ง ไรว๊า....” มันเอามือศอกเท้าไว้กับโต๊ะ ก่อนจะเอาหน้าซุกลงไปในฝ่ามือ
“เร็วๆมึง” ไอ้เท็นเร่ง แต่มิลค์มันก็ยังบ่นห่าอะไรห้องมันไม่รู้จับไม่ได้ความ จนสุดท้ายพวกผมรุกมันหนักขึ้น เลยยอมรับออกมาว่าเคยโดนสาวประเภทสองหลอก เจอในผับนึกว่าผู้หญิง เกือบเสียตูดแล้วไง เล่นเอาแทบลงไปขำท้องแข็งกับพื้น ไม่เว้นแม้แต่ไอ้โฟล์คที่นั่งขำอ้าปากกว้างโชว์สีเหล็กที่ผมพิถีพิถันเลือกให้ สมัยนี้ กระเทยสวยกว่าผู้หญิงเยอะแยะไป ฮ่าๆ
สุดท้ายก็กระดกเหล้าคนละแก้วไปตามทำเนียม เพื่อให้เกมมันสนุกขึ้นไปอีก พอเมา คนเรามันก็ทำอะไรแบบไม่เหลือความอายกันทั้งนั้นแหละ ยิ่งเมา ยิ่งสนุก
นั่งเล่นไอ้เกมนี้ไปตั้งหลายรอบ เหล้าที่กินไปก็ไม่ใช่น้อย เรียกได้ว่าเริ่มมึนๆกันแล้ว แต่แน่ล่ะ คอแข็งกันทั้งนั้น ขนาดไอ้โฟล์คที่ผมกะว่าจะแกล้งมอมเหล้าตอนนี้มันยังนั่งชิวอยู่เลย แถมดูเหมือนแต่ละคนนี้ก็แม่งสมองไวขึ้นเรื่องคิดอะไรชั่วๆมาแกล้งชาวบ้านเนี๊ย ผมโดนไปรอบนึงด้วยล่ะ ให้เต้นรูดต้นหูกระจง มันมาก เกือบได้เมียเป็นต้นไม้แล้วไหมล่ะ
แต่เชื่อไหม ตั้งแต่ต้นมาถึงตอนนี้ ไอ้โฟล์คแม่งยังไม่โดนอะไรเลย...
“กูว่ามันเริ่มไม่มันวะ เริ่มไม่มีอะไรให้ทำและ” อยู่ๆไอ้เท็นก็พูดขึ้นมา
“กูก็ว่างั้นแหละ...” ไอ้มินเสริมด้วยเสียงมึนๆ แม่งคงเริ่มไม่ไหว
“แล้วจะเอาไงวะ?” ไอ้เจฟถาม
“ให้ลงโทษทีละสองคนดิ” ไอ้เท็นเสนอไอเดีย
“เฮ๊ย เออ แจ่มๆ” ไอ้มิลค์สนับสนุนพลางตบเข่าให้อีกฉาด
สุดท้ายก็ได้ไอเดียว่า หนึ่งคำสั้ง จะลงโทษสองคน โดยมีไอ้เต้ คนที่โดนให้แก้ผ้าเหลือแต่บ็อกเซอร์เมื่อกี้เป็นคนออกคำสั่ง
“...ให้สองคนเข้าไปหลังพุ่มไม้ แล้วก็...”
“อย่าเสื่อมมากนะ กูขอ” ผมขัด
“ไอ้เหี้ย ทำเสียงเฉยๆเว๊ย แต่ถ้าอารมณ์พาไปจนอดใจไม่ไหวกูก็ไม่ว่าอะไร” มันยักไหล่แล้วหัวเราะ มึงไม่กลัวโดนตัวมึงเองมั่งรึไง เล่นเอาพวกผมงี้เสียวสันหลังวาบ จ้องมองขวดที่หมุนไปหมุนมาอยู่กลางโต๊ะนั่นอย่างใจจดใจจ่อ
แท๊แดนนนนนน~ แจคพ็อตแตกคนแรก ไอ้เจฟ เอฟ เอฟ เอฟ เอฟ เออสงสัยผมเองก็จะเริ่มได้ที่แล้วล่ะ จะมีแอคโค่ทำไมวะเนี่ย
“ไอ้เหี้ย!” ไอ้เจฟเอามือตบหน้าผากเบาๆ แล้วมองขวดเหล้าที่หมุนอีกรอบโดยฝีมือไอ้เต้ ที่กำลังชี้บ่งบอกถึงคู่นอนของมันในวันนี้...อย่าเป็นผมเลย ผมมีเมียเป็นน้องหูกระจงแล้ว รักเดียวใจเดียวครับ
แล้วขวดเหล้าก็ไปหยุดช้าๆ พวกผมมองตามปลายปากขวดไป มันชี้ที่...ไอ้มินนนน โหยยยย เลยไปอีกหน่อยก็ไอ้ฟัคแล้วววววว
แน่นอนครับ ไอ้มินทำหน้าแหยๆ
“ไปเมียรัก ไปสนุกกับพี่กัน” ไอ้เจฟเดินไปหาไอ้มินด้วยหน้าม่อๆฉบับมัน
“ทำไมกูต้องเป็นเมีย” ไอ้มินทุ้งศอกใส่ไอ้เจฟแรงๆจนได้เสียงร้องเบาๆ
มันเดินโอบไหล่เดินเซๆไปหลังทุ่มไม้ ที่ๆจะใช้แทนเตียงของมันในคืนนี้ พลางเถียงกันตลอดว่าใครผัวใครเมีย ฮ่าๆๆๆ
“เร็วๆดิวะ” ไอ้มิลค์เร่ง หลังจากที่มันหลบเข้าไปนานพุ่มไม้นานพอควร แต่ก็ไม่ยอมทำอะไร ดูท่าแม่งจะไม่สงสารน้องชายมันเล๊ย
“อ๊าห์!!!” เสียงไอ้เจฟร้องขึ้นดังๆ ไม่ได้ให้อารมณ์อย่างว่าใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นแนวตะโกนประชดไปงั้น แต่แค่นี้ก็เล่นเอาผมฮากันซะท้องแข็ง หายใจไม่ทันเลยทีเดียว
“ดีๆดิวะแม่ง ฮ่าๆ ดี๋ยวกู ฮ่า ให้มึงร้องยันเช้าหรอก” ไอ้เต้ขู่ไปด้วยหัวเราะไปด้วย
“อื้อ มิน ขยับดีๆสิ อ๊ะ อย่างนั้นแหละมิน อื้อห์” ไอ้เจฟใส่อารมณ์แบบไม่อายฟ้าอายดิน เล่นหยุดขำไม่ได้ โอ๊ย เหี้ย ฮ่าๆ
“อื้ม เจฟ อ๊าห์” ไอ้มินเอามั่ง โห ฟีลลิ่งได้เว่ย ไม่บอกว่าเล่นกันนี่เชื่อ ผมกลั้นขำจนปวดแก้ม หัวเราะดังไม่ได้ เดี๋ยวไม่ได้ยิน ฮ่าๆๆๆ
“อื้อ ใช่เลยที่รัก อย่างนั้นแหละ”
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊าาา” อู๊ยยยยยย กูขำ แม่งทำกันไปได้น่ะพวกมึง ฮ่าๆ
“ไอ้เหี้ย ฮ่าๆ พอแล้วมึง กูซักจะมีอารมณ์กับพวกมึงและนะ ฮ่าๆๆ” ไอ้เต้สั่ง พวกมันยืนขึ้นด้วยหน้าเจ้าเล่ห์ๆ จนพวกผมนึกกลัวแผนชั่วในหัวมัน ก่อนจะค่อยๆย่างเท้ามานั่งที่
“หมดเวลาสนุกของพวกมึงแล้วนะครับ... ตากูสั่ง!” ไอ้มินขึ้นเสียง
“คู่ต่อไปนะ พวกมึงจูบกันไปเลย!”
“ฮ๊ะ?!!?” ไอ้ที่เหลือก็ร้องกันเสียงหลงสิครับ!
“แบบดูดดื่มด้วย” ไอ้เจฟพูดพร้อมหัวเราะหึหึเป็นเอฟเฟคเสริม
“ไม่มากไปหน่อยหรอวะ” ไอ้เท็นถาม โดยมีผมเป็นลูกคู่ อือออตามไปด้วย
“เอาน่า มึงยังเคยจูบกับไอ้การ์ดตอนเมาเลย กลัวไรวะ” มันเอาเรื่องสมัยม.3ขึ้นมาอ้าง ตอนนั้นไอ้เท็นยังกินเหล้าไม่เป็น เมาเละ แล้วก็ไล่จูบชาวบ้านไปทั่ว โดยไอ้คนโชคร้ายคนนั้นคือ...........ผมเอง
“เออ แมนๆดิวะ กลัวหรอ? หืมมมม?” ไอ้มินเสริม
สุดท้ายก็ไม่มีใครขัดท่านเจฟและเมียที่เพิ่งได้กันสดๆร้อนๆได้ เรากระดกเหล้ากันอีกครั้งก่อนที่มันจะหมุนขวดเหล้า พวกผมเลยมานั่งลุ้นหัวใจแทบวาย ชีวิตนี้กูขึ้นอยู่กับขวดเหล้าขวดเดียวสินะ
ขวดเหล้ามันหมุนของมันไปเรื่อยๆ ค่อยๆชะลอความเร็วลง ผ่านผม ผ่านไอ้เต้ ไอ้มิลค์ ไอ้โฟล์ค ไอ้เจฟ ไอ้เท็น ไอ้มิน
แล้วก็วนกลับ....
มาหยุดอยู่ที่.............................. อือ ผมเอง
พระเจ้าท่านคงเข้าข้างผมมาเยอะแล้ว
ช็อค ตอนนี้กูช็อค... ส่วนไอ้พวกเวรนี่แม่งก็ขำกันยกใหญ่ ทำไมกูต้องมาโดนอะไรแบบนี้วะ!!
ไอ้มินหมุนขวดเหล้าอีกครั้ง ผมนี่ไม่กล้ามอง เอาหน้าซุกลงไปในฝ่ามือ ขนนี่ลุกเกลียวไปทั้งตัว
“เฮ๊ย...” พวกมันร้องขึ้น ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ ก็ประทะเข้ากับน้องขวดเหล้าเฮงซวยที่ปากมันซี้ไปทาง.......
ไอ้ฟัค!!
พระเจ้ารังแกฉัน....
ไอ้โฟล์คมองหน้าผมตื่นๆ ถ้าเมื่อกี้ผมเมาอยู่ ตอนนี้นี่ตื่นเต็มตาเลยล่ะครับ จะให้กูสร่างทำไม กูอยากเมา กูจะได้จำอะไรไม่ได้ ฮรื่ออออออ
“อู้ยยยย ตานี้น้องโฟล์คโดนรอบแรก เอ๊า ฉลอง ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้เต้ได้ทีหัวเราะใหญ่ ดีใจสินะที่ไม่ใช่มึง แต่แมร่ง เข้าใจความรู้สึกกูกันไหม?!ตอนนี้ผมเข้าใจความรู้สึกไอ้มินเลย อาการณ์อาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ
จูบ?
....กับไอ้ฟัค?
โอ๊ยยยยย ฟัคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค ยูวววววววววววววววววววววววว
“เร็วดิ ใครจะจูบใคร เลือกเอา ดูดดื่มนะเว๊ย ดูดดื่ม” ไอ้เจฟเน้น ด๊ายยยย ทีใครทีมันนะมึง
“มันไม่เกินไปหน่อยหรอวะ?” ผมพยายามค้าน
“นั่นดิ” โอ้โห ไอ้มิลค์ช่วยกูด้วยเว่ย! “อย่างการ์ดแม่งไม่กล้าหรอก ป๊อด” นี่มันลูบหลังแล้วตบหัวกันชัดๆ....
แต่นั่นแหละ ขึ้นเลยขึ้น ไอ้คำว่าไม่กล้า กับทำไม่ได้นี่ไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมที่ผมบัญญัติ ถึงจะรู้ว่ามันตั้งใจจะใช้จิตวิทยากับผม แต่ด้วยศักศรี มันยอมกันไม่ได้นะเว่ย!
ผมลุกขึ้นยืนเต้มความสูงก่อนจะก้าวฉับๆไปหาไอ้โฟล์คที่นั่งมองผมอยู่ไม่วางตา
ก็แค่เอาปากไปถูกกับปาก... ของง่ายๆ
มือขวาผมเชยคางมันขึ้นมาช้าๆ ทำให้สบตากัน ไม่มีใครพูดอะไร หน้ามันก็ยังคงนิ่งเหมือนเดิม อาจจะแดงกว่าปกติเพราะแอลกอฮอล์หรืออะไรบางอย่าง ผมค่อยๆทาบริมฝีปากเข้าไปแตะที่ริมฝีปากของมัน รู้สึกเหมือนตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูกนอกจากแช่ไว้อย่างนั้น ได้ยินเสียงข้างหูบอกอะไรไม่รู้จับไม่ได้ความ
เราอยู่อย่างนั้นกันนานพอตัว ก่อนที่น้ำหนักของริมฝีปากจะถูกเพิ่มขึ้นจากไอ้คนข้างล่าง มันใช้ลิ้นค่อยๆไล่เลียบนริมฝีปากผมเบาๆแล้วค่อยๆสอดแทรกเข้ามากช้าๆ ไม่หวือหวา เอียงใบหน้าปรับองศาเล็กน้อยแล้วเบียดริมฝีปากเข้ามาขบเม้ม ดูดดุนกันเบาๆ
ก่อนจะค่อยๆเพิ่มน้ำหนัก และความร้อนแรง
-------------------------------------------
แก้ไขคำผิด + รีไรท์นิดหน่อยค่า
ความคิดเห็น