คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ ๒
๐๒
“มะ มึงมาได้ไง” ผมถามด้วยหน้าตาอึ้งๆ กูไม่เคยให้ที่อยู่มึงนะ...
“วันนั้นตอนกลับ ได้ยินพี่บอกวินมอร์’ไซค์ให้ส่งที่นี่ไง” เวร.......รู้สึกเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต
“แล้ว... แล้วรู้ห้องกูได้ไง” กูคงไม่บอกเลขห้องให้วินมอร์’ไซค์หรอกนะเว่ย! เกิดมันเป็นเกย์โรคจิตจะปล่ำผมขึ้นมาล่ะ! แบบว่าหาข้อมูลอะไรเตรียมพร้อมไว้แล้วเงี๊ย ไอ้เหี้ย คิดแล้วขนลุก ToT
“ก็ถามเอาจากพี่เคาท์เตอร์” มันตอบน้ามึน เออ... กูโง่เอง “ผ่านแถวนี้พอดีน่ะ นึกขึ้นได้ว่าติดค้างอะไรพี่อยู่ ความจริงผมจะบอกแล้วนะ แต่ตัดสายไปก่อนเอง” กูผิดสินะ มันยกถุงพลาสติกใสๆทำให้เห็นกล่องโฟมข้างในกับต้นหอมสี่ห้าต้น “ซื้อผัดไทยมาให้ด้วยนะ”
“อือ ขอบใจ” ผมรับถุงผัดไทยหอมๆ กลิ่นมันทำให้ท้องที่หิวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วร้องโครกคราก ตั้งแต่ตื่นนอนตอนบ่ายสอง ยังไม่ได้กินอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
“หือ...” แต่ผมก็ต้องร้องเบาๆในลำคอเมื่อเห็นว่ามันซื้อมาตั้งสองกล่อง แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามัน ขมวดคิ้วส่งสายตาไปให้ประมาณว่า ‘อย่าบอกนะว่าของมึง’
“ของผมไง” มันตอบเสียงซื่อ คือ ผมต้องให้มันมากินด้วยสินะ?
“เข้ามาแล้วเอาไปใส่จานด้วยเลย กูจะทำงาน” ผมบอกปัดๆ แล้วเบี่ยงตัวให้มันเข้ามา ก่อนจะยื่นถุงคืนให้มัน มันเดินเข้ามาถอดรองเท้าแตะคู่เดิมไว้มุมห้อง หยุดกวาดตามองห้องช้าๆเหมือนหาทางไปครัวเพราะไอ้เจ้าของอย่างผมไม่บอกอะไรเลย แล้วก็หิวถุงผัดไทยเดินตัวปลิวเข้าไป
ผมกลับเข้าไปนั่งจมกองโมเดลเหมือนเดิม วันนี้ต้องเอาให้เสร็จ เพราะพรุ่งนี้ผมมีนัดกับป๊าม๊าไว้ว่าจะกลับบ้านไปหา แต่เพียงเวลาไม่นานผมก็ได้กลิ่นหอมๆตามมาด้วยไอ้เด็กม.ปลายเดินถือถาดผัดไทยออกมาจากครัว มันแหวกชีทที่ผมวางทิ้งไว้ระเกะระกะบนโต๊ะกลางห้อง แล้ววางถาดลงเบาๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา ทำให้ผมต้องทิ้งงานอีกครั้งไปนั่งข้างๆมัน
“รีบๆกินสิมึง จะได้รีบๆกลับ” เออ ผมไล่ ก่อนจะคีบเส้นผัดไทยเข้าปากแล้วเคี้ยวเร็วๆ
“พี่เรียนออกแบบหรอ” มันไม่สนใจที่ผมพูด แต่กลับมองสำรวจห้องที่มีกองม้วนกระดาษวางอยู่แทบทุกมุมห้องช้าๆ
“อือ ‘ถาปัตย์” มันไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากนั่งกินไปเรื่อยๆ นั่นก็ถือว่าดีแล้วล่ะ
ไม่กี่นาทีผัดไทยในจานของผมก็หายวับ ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ผมต้องรีบทำงานให้เสร็จ ก่อนจะลุกถือจานเดินเข้าครัวไปล้าง ซึ้งไม่กี่วินาทีต่อมาไอ้เด็กม.ปลายก็ลุกเดินตามมาติดๆ
ผมวางจานลงกับอ่างก่อนจะบีบน้ำยาล้างจานใส่ฟองน้ำ ผมไม่ชอบทิ้งจานคาอ่างไว้นานๆ เพราะถ้ามันเยอะ จะขี้เกียจล้าง พอขี้เกียจล้างก็ไม่มีใช้ แล้วอีกอย่าง แช่ไว้นานๆจนอะไรๆที่กินไปมันมารวมๆกันก็หยึ๋ยมือแปลกๆ นี่คงจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมรักสะอาดน่ะนะ เพราะห้องนี่สภาพอย่างกับไม่ได้ปัดกวาดเช็ดถูมาแรมเดือนแล้ว ทั้งๆที่แม่บ้านมาคอยทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์
ไอ้โฟล์คเดินมายืนข้างๆผมเหมือนจะรอล้างต่อ ทำให้ผมต้องรีบๆล้างให้เสร็จๆ แล้วออกมายืนเช็ดมือ มองมันล้างไปเรื่อย เห็นหน้ามันจากด้านข้างแล้วถึงเห็นว่าดั้งมันแม่ง...
“มึงเคยไปเกาหลีป่ะ?”
“อื้ม” นั่นไง! ไอ้นี่มันไม่ได้ได้ดั้งมาจากธรรมชาติชัวร์! “ทำไมหรอ?”
“ป่าว ล้างเร็วๆจะได้รีบๆกลับ” ผมออกปากไล่
“คิดว่าผมไปทำหน้ามาอ่ะดิ” มันหันหน้ามามองผม แล้วถามเสียงเนือยๆโทนปกติของมัน ไอ้นี่มันอ่านใจคนได้ป่าววะ?
“ป่าวซักหน่อย มีร้อนตัว หรือว่าไปทำมาจริง” ผมพูดก่อนจะยักคิ้วให้มันสองที
มันไม่ตอบ แต่หันหน้ากลับไปที่เดิม แล้ววางจานเก็บเข้าที่ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมยื่นมือเข้าไปบีบจมูกมันส่ายไปมาเบาๆ
“ทำอะไรเนี๊ย” ไอ้โฟล์คถามด้วยโทนเสียงสูงกว่าเดิมเล็กน้อย แล้วเอาจมูกไปถูต้นแขนสองสามที
“พิสูจน์” ผมตอบมันเสียงเนือยๆ เซ็งๆ ปนอิจฉา หลังจากได้คำตอบ พระเจ้าแม่งไม่ยุติธรรม
“แล้ว....?” มันถามอีกครั้งโดยลากเสียงเนือยๆให้ยาวเหมือนให้ผมเติมคำตอบ
“ไม่รู้ ไม่ได้เรียนหมอ” จะไปยอมรับทำไมล่ะ เสียฟอร์ม ผมตั้งท่าจะหันหลังกลับแต่ก็ถูกมือมันคว้าแขนไว้ ก่อนจะยื่นอีกข้างมาบีบจมูกผม
“ทำเหี้ยอะไรเนี๊ย” ผมถามมันเสียงอู้อี้ เพราะมันไม่ยอมปล่อยซักที จนผมต้องแงะออก
“พิสูจน์มั่งไง” ไม่พอมันก็เอามือมาดึงแก้มผมเล่นอีก “แก้มพี่นี่ยืดได้เยอะจัง” มันพูดต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ใช่เพื่อนเล่นมึงมั๊ยฮะ เอาออกไป” ผมแงะมือมันออกอีกครั้ง แล้วตบหลังมันไปดังป๊าบ แต่มันก็ไม่ร้องซักแอะ “กินเสร็จก็รีบๆกลับไปดิวะ คนเขามีงานมีการทำนะ” ผมโวยก่อนจะหันหลังแล้วปลีกตัวออกมา
-------------------------------------------
15 ธันวาคม 25XX
วันนี้เป็นวันครอบครัว และตอนนี้ตัวผมก็อยู่บนแท็กซี่ที่กำลังแล่นไปบนท้องถนนด้วยอัตราเร็วคงที่ ความเร็วเฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง... นี่ไม่ได้บ้านะ ผมแค่กำลังใช้ความรู้ทางฟิสิกส์ที่ร่ำเรียนมาให้เป็นประโยชน์ เพราะจากที่เรียนๆมากลับเอามาใช้ประโยชน์ได้ไม่ค่อยคุ้มกับที่เสียเวลาเรียนเลย.... ก็ที่ผมเรียนอยู่มันไม่ค่อยต้องใช้นี่เนอะ
วันนี้ผมมีนัดกับป๊าม๊าไว้ ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงเช้า ที่ผมต้องดั้นด้นมาแต่เช้าเพราะว่าเป็นพระประสงค์ของมารดา ที่อยากให้ลูกๆมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเช้าให้ทันในวันครอบครัว
ไม่นานรถคันทีเหลืองเขียวก็มาจอดเทียบหน้าบ้าน ผมยื่นเงินให้โชว์เฟอร์ตามจำนวนที่มิเตอร์บอกพอดี แล้วก้าวลงมาจากรถ อ่า...ผมไม่ได้กลับมาบ้านครึ่งเดือนแล้วมั๊ง คิดถึงแฮะ ก็เป็นบ้านสองชั้น ขนาดไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายหรอกครับ พ่อผมเป็นคนรักธรรมชาติ ท่านจึงใช่พื้นที่ในการแต่งสวนมากกว่าพื้นที่บ้าน ก็ดูอย่างหน้าบ้านผมสิครับ ต้นไม้ขึ้นครึ้มจนแทบจะไม่เห็นตัวบ้าน
ผมล่วงกุญแจไขประตูข้างเข้าไป อย่างที่บอกนั่นแหละ พ่อผมเป็นคนรักสวน เลยทำให้ต้องเดินเข้าบ้านไปไกลเหมือนกัน เดินจนเหนื่อย
“สวัสดีคร๊าบบบบบบ” เสียงผมทำให้ป๊าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หันหน้ามามอง บวกกับเสียงม๊า ที่ดังออกมาจากในครัวก่อนที่ผมจะเห็นตัวซะอีก
“อาการ์ดดด~!” ม๊าโผล่เข้ามากอดผม แล้วผละออกก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา “เรานี่ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องเลยนะ” ป๊ากับม๊าเป็นนักธุรกิจวัย 50 กว่าแล้วล่ะ แต่ยังดูเหมือนเพิ่งจะ 40 อยู่เลย
“โหยม๊า งานการ์ดเยอะจะตาย นี่รีบเคลียร์ให้เสร็จเพื่อมาหาม๊าเลยนา” ผมอ้อนก่อนจะกอดม๊าไว้หลวมๆ
“ยุ่งนักก็ไม่ต้องเรียนมันซี่ ออกมาดูแลกิจการที่บ้านเรา ดูพี่แกซินั่งทำสบายๆไม่เอา ทิ้งไปดมขี้ปากชาวบ้าน” ม๊าบอกน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ เพราะความจริงแล้วท่านหวังที่จะให้ผมเรียนบริหารธุรกิจ จะได้มาสานต่องานขนส่งต่างประเทศของที่บ้าน แทนเฮียที่โดนม๊าเทศไปแล้วเรื่องไม่เชื่อฟังหนีไปเรียนทันตะ แต่ก็โดนผมทรยศอีกครั้ง ฮ่าๆ แต่ก็นะ ลูกคนเล็กสุดที่รักนี่ครับ
“แหนะ ที่งี้ล่ะชอบนินทรานะม๊า พอทำงานล่ะคุยโวซะใหญ่” พูดถึงก็มาเลยครับ พี่ชายที่ห่างกัน 9 ปีของผมเดินติดกระดุมแขนเสื้อเชิร์ตสีขาวสะอาดๆ ตามแบบฉบับหมอลงมาจากบันไดบ้าน เฮียแกชื่อกู๊ดครับ ตั้งแต่เฮียแกเรียนหมอนี่ทำเอาภาพลักษณ์หนุ่มแว่นหน้าเนิร์ดนิสัยเจี๋ยมเจี่ยมพูดน้อยๆของหมอในความคิดผมมันกลับตาลปัตร ทั้งเฮียทั้งเพื่อนเฮียนี่พิมพ์เดียวกันเลย ไม่ว่าจะหมอฟันหรือหมอทั่วไป ว่างทีเข้าผับ ว่างทีส่องสาวโดยอ้างเหตุผลฮาๆว่าจะศึกษาอนาโตมี่ เขาก็คงเก็บกดของเขามั๊งครับ ฮ่าๆๆๆ
แต่เฮียแกก็มีมุมมืดของแกอยู่....เห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัย... ก็เล่นเอาไปความสูง ความหล่อจากพ่อไปหมดโดยไม่เหลือให้มั่งเลย คิดดู ตอนนี้ผมอายุ 18 แต่สูงแค่ 175 เซนติเมตร... ก็สูงพอตัวนะ แต่พอยืนกับเฮียแล้วผมอยู่แค่มุมปากเอง วัยนี้มันก็ใกล้จะหยุดสูงแล้วด้วย... แถมหน้านี่ก็มรดกจากม๊าทั้งนั้น!!!
ม๊าทำเป็นงอนไม่สนใจเฮีย ก่อนจะโอบไหล่ผมพาเข้าไปในห้องทานข้าว ผมนั่งลงที่ประจำที่เคยนั่งทุกวันเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่พี่แอปเปิ้ล แม่บ้านจะออกมาตักข้าวให้ เมื่อพวกเรานั่งกันครบ…
นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าสาวใช้ก็สามารถชื่ออินเตอร์ได้นอกจากที่เห็นในตามละครหลังข่าว!
“กินเยอะๆนะการ์ด ดูซิ ผอมซะอย่างกับไม่มีจะกิน ม๊าทำของชอบเราไว้เยอะเลย” ม๊าบอกพร้อมมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมไม่ได้กินข้าวเช้าที่บ้านนานมากเลยนะเนี๊ย ปกติมาก็แค่แวะเอาของมาฝาก มาเอานู้นเอานี่ แล้วก็กลับไปเคลียร์งานกองเท่าเอเวอร์เรส
“ว่าแต่เราน่ะ เมื่อไหรจะหาแฟนมาแนะนำซักทีฮะ” ป๊าที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขัด เล่นเอาผมแทบจะพ่นแกงจืดที่ซดไปเมื่อครู่ใส่หน้าเฮียที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อะไรกันป๊า การ์ดเพิ่งอยู่ปี 1 เองนา”
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็นะ ทั้งชีวิตผมเคยมีแฟนแค่สองเองครับ คนแรกตอนอยู่ม.4 คบกันได้แค่ 4 เดือน ส่วนอีกคนก็ตอนม.5 เทอม 2 มั๊ง คบกันได้ตั้งปีกว่า สุดท้ายก็ต้องมาเลิกกันตอนอยู่’มหาลัยช่วงแรกๆ เพราะตัวมันไกลกันด้วยล่ะมั๊ง เธอเล่นไปอยู่ซะเชียงใหม่เลยนี่ ทั้งๆที่หวังอนาคตไว้ไกลแท้ๆ เรียกได้ว่าจริงจังมาก ตอนนั้นผมไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่นเลยด้วยซ้ำ
“มันเป็นเกย์น่ะป๊า” เฮียแม่งเป็นตัวตัดบทได้ดีจริงๆ เล่นเอาซะเสียดายแกงจืดเมื่อกี้ ไม่น่าหยุดทันเลย เผื่อหมาในปากเฮียจะได้มีข้าวกิน เลิกเห่าซักที
“อย่ามามั่วน่ะ เฮียนั่นแหละ แก่ปูนนี้แล้วก็ยังไม่มีแฟน ป๊าถามผิดคนและ”
“ถามมันทุกวันจนเบื่อแล้ว” ป๊าตอบเสียงติดตลกก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม
“เอ๊า~ ใครจะรู้ เห็นวันนั้นมึงไปกินข้าวกับเด็กผู้ชายที่สยาม” เฮียมันหมายถึงไอ้โฟล์คสินะ
“เราก็ชอบแหย่น้องมันเล่น รีบๆกินไป เดี๋ยวก็เข้าคลินิกสายกันพอดี” ม๊าขึ้นมาขัด แต่เฮียก็ยังเล่นไม่เลิกยื่นมือมายีหัวผมเล่น ทำเอาผมที่อุส่าเซ็ตมาเมื่อเช้าเสียทรงไปหมด
“ไอ้เฮีย!” ผมขึ้นเสียงใส่ แล้วจิกเล็บลงไปใส่มือหนาๆหยาบๆนั่นแรงๆ จนเฮียร้องโอ๊ยก่อนจะชักมือกลับแล้วหัวเราะรัวๆทั้งที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่ในปาก
ดูแล้วไม่น่าเป็นหมอได้เลยจริงๆ
-------------------------------------------
แก้ + รีไรท์รอบ 2 ค่ะ #ไม่เอารอบสามแล้วนะ 555555
ความคิดเห็น