คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ ๑๕
๑๕
5 มกราคม 25xx
วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่เป็นเสาร์ที่ไม่มีโอกาสได้หยุดพักเอาเสียเลย เพราะวันพฤหัสหน้านี้มีพรีเซ็นต์งานใหญ่ แต่ผมเพิ่งมานั่งแก้งานโมเดลตั้งแต่คราวก่อน หลังจากแผนที่กะไว้ว่าจะทำตอนปีใหม่มันพังพินาศลงด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรียกได้ว่าแทบไม่มีเวลาไปจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่นเลยด้วยซ้ำ เพราะตลอดทุกคืนที่ผ่านมาสมองผมอยู่แต่กับไอ้บ้านหลังเล็กๆตรงหน้า ดังนั้นอย่าถามถึงเวลานอนเลยครับ เวลาหายใจยังแทบไม่มี
ห้องผมมีเศษวัสดุอุปกรณ์อะไรต่างๆนานาเกลื่อนกระจัดกระจายไปทั่วจนแอบกลัวนิดๆว่าถ้ามีตัวอะไรเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนด้วยก็คงไม่รู้เป็นแน่ แถมอาทิตย์นี้ยังสั่งระงับแม่บ้านอีกตางหาก ก็แหม เดี๋ยวมันก็รกอีก และอย่างผมก็ไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น วันนี้กะจะเคลียร์โมเดลให้เสร็จ ส่วนพรุ่งนี้ก็ลุยวางแผนพรีเซ็นต์ต่อ
โอเค... ไฟท์!
กริ๊งงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงง
กดครั้งเดียวกูก็ได้ยินแล้วไอ้ห่า..
ผมจำยอมลุกขึ้นจากกองงานอันบานตะไทนี่แล้วก้าวขาหลบหลีกสิ่งกีดขวางหรือเรียกง่ายๆว่าขยะที่วางระเกะระกะบนพื้นอย่างพริ้วไหวประดุจนักบัลเล่ต์ทีมชาติ แล้วตรงไปที่ประตูที่เสียงกริ่งยังคงดังไม่หยุด
กวนตีนๆแบบนี้นี่เฮียชัวร์
“เหี้ย!!” ผมร้องคำสบถติดปากออกมาเบาๆแล้วมองไอ้เด็กตัวสูงปรี๊ดที่ยืนอยู่หน้าห้องที่ไม่ได้เจอมันตั้งแต่กลับจากหัวหินแล้ว
โอเค เหตุการณ์นี้คุ้นๆ เพียงแค่วันนี้มันไม่ได้ถือถุงผัดไทยพร้อมหน้ามึนๆ แถมนี่ยังสี่ทุ่มกว่าแล้วด้วย
ไอ้โฟล์คยืนเอามือข้างหนึ่งดันประตูไว้เหมือนจะกันล้มเพราะมันดูไม่มีแรงแปลกๆ หน้าก็แดง แถมมีเหงื่อไหลซึมออกมาเยอะมากจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามึงวิ่งขึ้นมาแทนการใช้ลิฟต์เพื่อช่วยชาติประหยัดไฟรึไง ลมหายใจก็แรง แรงมาก เหมือนจะติดหอบหน่อยๆ
“ขะ... ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม” มันพูดน้ำเสียงขัดๆ ผมลังเลนิดหน่อยก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้มันเดินเข้ามา ขามันแทบทรุดลงไปจนผมต้องรีบปรี่เข้าไปประคองไว้ พามันเดินหลบหลีกขยะทั้งหลายแล้วทิ้งมันลงบนโซฟา ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสที่หน้าผากมัน ที่ร้อนจนผมรู้สึกตกใจนิดหน่อย
อย่าตายในห้องกูนะ....
“รออยู่ตรงนี้นะ อย่าขยับตัว รู้มั๊ย?” ผมสั่งก่อนจะวิ่งโร่เข้าห้องน้ำไปหาผ้าหมาดๆหวังจะเช็ดตัวให้ โดยไม่ลืมสั่งให้มันอยู่เฉยๆ ไม่ใช่อะไร เดี๋ยวงานกูพัง -.-
ผมวิ่งออกมาแล้วก็ใจชื้นนิดหน่อยเมื่อมันยังนอนหอบอยู่ที่เดิมไม่ได้กระดิกกระเดี้ยวกายไปทำให้อะไรเสียหาย
“มึงเป็นไรวะฮะ? หอบ? โรคประจำตัว?” ถามเสร็จผมก็ทิ้งตัวลงข้างมันแล้วเอาผ้าขนหนูพับแล้ววางไว้บนหน้าผากอย่างที่ในละครเขาทำกัน... เหอๆ ให้เช็ดตัวหรอ ทำเป็นซะที่ไหนหละ ได้แค่นี้แหละครับ มึงมาหาผิดคนและ
“.....พี่....... ไปเถอะ” ให้ไปไหน ได้ข่าวนี่ห้องกูนะ...
“กูถามว่ามึงเป็นไร” ผมเค้น
มันไม่ตอบ แค่หลับตาลงเหมือนทรมานอะไรซักอย่าง หน้ามันแดงขึ้นกว่าเก่า แดงไปจนถึงหู หอบหนัก กัดกรามแน่น แถมมือมันก็กำจนเกร็งขึ้นข้อขาว
“ไอ้ฟัค!!”
“...ย ยา.... ผมโดนยา” คำตอบมันทำให้ผมกระจ่างแจ้งปนอึ้ง แน่นอน อาการณ์แบบนี้คงไม่ใช่ยาถ่ายหรือยาชักมดลูก...
........ยาปลุกเซ็กส์?
แล้วมึงมาหากูทำม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย?!!!??
“อ อะไร? ได้ไง? ใครทำมึง?” ผมงงเป็นไก่ตาแตก แบบนี้มันต้องทำไงถึงหายวะ? ขึ้นชื่อว่ายาปลุกเซ็กส์ มันก็ต้องมีเซ็กส์ป่ะ? .......แล้วทำไมมึงไม่ไปหาผู้หญิงซักคนวะครับ!!!
ไอ้โฟล์คยังคงนอนติดโซฟาอยู่ แต่เหมือนมันจะพยายามเอามากๆที่จะข่มตัวเองให้อยู่อย่างนั้น มันดูเป็นเอาหนักขึ้นเรื่อยๆ
“ด เดี๋ยวกูให้ยืมห้องน้ำนะ .....มึงไปใช้มือเอา นะ” หัวผมพยายามคิดหาทางแก้ที่ดีที่สุด ทั้งที่สติดูเหมือนจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย
“.....ล แล้วก็อ่าง.... อ่างอาบน้ำ มึงลงไปแช่นะ มันน่าจะช่วยให้เย็นขึ้น” อาจจะต้องเพิ่มน้ำแข็งซักหน่อย...
“ฮะ เฮ๊ย!!!!” ผมแหวขึ้นเมื่อยู่ดีๆก็ถูกกระชากลงไปตามด้วยน้ำหนักที่ทาบทับลงมา
“....ม ไม่ไหวแล้ว.... ขอโทษนะ” น้ำเสียงมันแหบพร่าจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
ไม่ทันให้ตั้งตัวมันก็โน้มหน้าลงมากดริมฝีปากลงกับผมที่เบิกตาโพล่ง พยายามดิ้นแต่เหมือนเรี่ยวแรงเหมือนจะหายไปหมดสิ้นเพราะอดหลับอดนอน ยิ่งดิ้นมันก็ยิ่งกดน้ำหนักลงมามากขึ้นจนผมเริ่มเจ็บ
ผมเม้มริมฝีปากแน่นจนเจ็บเพื่อไม่ให้ลิ้นร้อนๆรุกล้ำเข้ามา แต่เหมือนมันจะยังไม่พอใจกับอีแค่บดริมฝีปาก สองมือที่เคยขึงแขนผมแน่นเปลี่ยนมาเป็นรวบไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็เปลี่ยนมาบีบคางผมให้อ้าออก และใช้ มันทำสำเร็จ ผมเผลอเผยอปากด้วยความเจ็บปวดแล้วมันก็อาศัยจังหวะนั้นรุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก...
เหมือนไม่ใช่มันเลย....
ผมพยายามขืนสุดชีวิต แต่ต่อให้ดิ้น หรือพยายามร้องห้ามยังไงมันก็ไม่ยอมปล่อย กลับเพิ่มแรงกดขึ้นอีกจนผมแทบจมลงไปกับโซฟา ลิ้นมันที่พยายามเกี่ยวกวัดอยู่ในปากทำให้ผมรู้สึกอึดอัด พยายามผละหนีแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นการตอบรับมันกลายๆ
ผมโล่งใจขึ้นมาเมื่อมันละมืออกจากหน้า แต่ก็ได้ไม่นาน... เมื่อมือข้างนั้นเริ่มสอดเข้าไปใต้สาบเสื้อ...
น้ำใสๆที่เริ่มเอ่อคลอทำให้ผมมองอะไรได้ไม่ชัด... น้ำตา... นี่ผมกำลังร้องไห้? ผมไม่ใช่เด็กขี้แยเจ้าน้ำตา ถึงจะเป็นลูกคนเล็ก แต่ผมว่าผมเข้มแข็ง... แต่นี่เสือกร้องไห้เนี่ยนะ?
โอเค การ์ด..... ไม่เป็นไร... เดี๋ยวมันรู้ว่ามึงไม่มีนมมันก็เลิกไปเอง...
ผมพยายามปลอบใจตัวเอง ถึงจะโดนยายังไงแต่เมื่อได้สติว่าไอ้คนที่มึงวุ่นอยู่ด้วยมีดุ้นเหมือนกันเนี่ย ให้ตายไงก็ต้องหยุด... ใช่ไหม?
มือมันลูบหน้าท้องผมก่อนจะค่อยๆขยับมาไล้แถวๆสีข้าง ฟันซี่ขาวๆนั่นขบริมฝีปากผมเบาๆเหมือนอยากให้มีอารมณ์ร่วมตามที่มันชักนำ... และให้ตาย ผมรู้สึกว่ามันจูบเก่งชิบหาย...
เสื้อยืดที่ผมใส่ถูกเลิกขึ้นมาอยู่ตรงลำคอก่อนที่มือจะลูบไล้ไปทั่ว ทันทีที่มันถอนริมฝีปากออก ไอ้ที่คิดว่าจะร้องห้ามหรือด่าเตือนสติมันก็ทำได้แค่คิดเพราะผมไม่มีแรง ทำได้มากสุดแค่พยายามตักตวงอากาศเข้าปอด ตาพร่าเลือนพยายามปรับโฟกัสไปมองหน้ามัน....
และนั่นทำให้ผมกลัว... ตามันไม่สื่อความหมายอื่นเลยนอกจากสั่นระริกเพราะความต้องการ...
“อ๊ะ....” ผมสะดุ้งจนเผลอร้องขึ้นมาเบาๆเมื่อถูกริมฝีปากร้อนๆแนบลงที่อก มันไล้เลียปนกับขมเม้มไปทั่ว
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยย มึงน่าจะรู้แล้วนะว่ากูไม่มีนม กูไม่มีนม ฟัง! กู-ไม่-มี-นม!!! ส๊าสสสสสสสส!!!
“อ ไอ้เหี้ย หยุด! พ อา....”คำร้องห้ามกลืนหายไปในลำคอแทนที่ด้วยเสียงครางต่ำ เมื่ออยู่ๆมันก็ครอบริมฝีปากลงที่...ห หัว...หัวนม?
ผมกัดริมฝีปากแน่นไม่ให้มีเสียงหลุดรอด หลับตาปี๋อย่างไม่ยอมรับ แต่เมื่อประสาทสัมผัสถูกปิดไปทางหนึ่ง ส่วนที่เหลือก็ดูเหมือนจะรับรู้ได้ดีขึ้น... สัมผัสชื้นร้อนที่โลมเลียดูดดุนบริเวณยอดอก.... ทำเอาร่างกายร่างกายมันอ่อนระทวยไปหมด
“อา...อะ อือ อ๊า...” และแล้วสิ่งที่ผมพยายามกลั้นไว้มันจะไม่เป็นผล เมื่อความเปียกร้อนชื้นนั่นเหมือนกับจะแกล้งกัน วนเวียนอยู่แต่กับตุ่มไตตรงนั้นไม่จบไม่สิ้น มือที่ว่างก็สกิดเบาๆแล้วเปลี่ยนมาเค้นคลึงที่อีกข้างจนผมต้องแอ่นอกขึ้นตอบรับความเสียวที่ได้รับอย่างห้ามไม่อยู่
น้ำตาที่เคยคลอเป็นเพียงม่านน้ำใสๆเพิ่มปริมาณขึ้นจนหยดไหลเป็นทาง เหตุหนึ่งก็เพราะกลัว... แต่อีกเหตุหนึ่ง... ผมเองก็ไม่อยากยอมรับเลยว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์ร่วม...
คิดแล้วก็อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายตรงนี้...
“อ๊ะ...!” ผมเผลอร้องครางออกมาอีกครั้งเมื่อมือใหญ่ๆนั่นลูบไล้ต่ำลงไปถึงขอบกางเกง....
ซะที่ไหนล่ะ....
สุขสันต์วันโกหกค่ะ #โดนถีบไปดาวอังคาร 555555 ง่า อย่าเพิ่งเงิบกันนะ ถ้าจะบอกว่า...ไอ้ข้างบนนั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาค่ะ...คงเพราะต้องการสนองต่อมเกรียนของตัวเอง... 555555555555 เนื้อเรื่องหนักจะตามมาเร็วๆนี้ และคิดว่าจะต่อลงไปในบทเดียวกันเลย...
สุดท้ายนี้ก็ Happy April fool’s day กันถ้วนหน้าค่ะ อิอิ
ขอย้ำอีกที เนื้อเรื่องส่วนข้างบน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหลักนะคะ
01/04/2557
PS.คนขอตอนต่อจากนี้กันมาเยอะค่ะ เลยเอามาแปะไว้ตรงนี้แล้วกันเนอะ >>>>>>>>>> คลิก<<<<<<<<<<<
เนื่องจากบล็อกมันยังใหม่ เอาคีย์เวิร์ดไปเสิร์ชยังไม่น่าจะเจอ ก็เลยขออนุญาติแปะลิ้งค์โปรไฟล์บล็อกเอาแล้วกันนะคะ จากนั้นก็จะเจอแถบ 4 แถบ คลิกที่แถบ All Entry และเลือก Twins number : special Apill fool's day ค่ะ
16/06/2557
๑๕
[REAL]
5 มกราคม 25xx
วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่เป็นเสาร์ที่ผมไม่มีโอกาสได้หยุดพักเอาเสียเลย เพราะวันพฤหัสหน้ามีพรีเซ็นต์งานใหญ่ แต่ผมเพิ่งมานั่งแก้โมเดลตั้งแต่ความก่อน ลังากแผนที่กะไว้ว่าจะทำหลังปีใหม่มันเละไม่เป็นท่าเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง เรียกได้ว่าไม่มีเวลาไปจดจ่ออยู่กับเรื่องอื่นเลยด้วยซ้ำ เพราะตลอดทุกคืนที่ผ่านมาสมองผมอยู่แต่กับไอ้บ้านหลังเล็กๆตรงหน้า ดังนั้นอย่าถามถึงเวลานอนเลยครับ เวลาหายใจยังแทบไม่มี
ห้องผมมีเศษวัสดุอุปกรณ์อะไรต่างๆนานากระจัดกระจายไปทั่ว จนรู้สึกแอบกลัวไม่ได้ว่าถ้าหากมีตัวอะไรเข้ามาอาศัยอยู่ด้วยคงจะไม่รู้เป็นแน่ แถมอาทิตย์นี้สั่งระงับแม่บ้านอีกตางหาก ก็แหม เดี๋ยวมันก็รกอีก อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น วันนี้กะจะเคีลยร์ตัวโมเดลให้เสร็จไปอย่างหนึ่งก่อน พรุ่งนี้ค่อยวางแผนพรีเซ็นต์ต่อ...
โอเค.... ไฟท์!!
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
กดครั้งเดียวกูก็ได้ยินแล้วไอ้ห่า
ผมจำยอมลุกขึ้นจากกองงานบานตะไทแล้วก้าวหลบหลีกสิ่งกรีดขวางหรือเรียกง่ายๆว่าขยะที่วางระเกะระกะบนพื้นอย่างพลิ้วไหวประดุจนักบัลเลต์ทีมชาติ ตรงไปยังบานประตูที่เสียงกริ๊งยังคงดังไม่หยุดหย่อน...
กวนตีนๆแบบนี้มีไม่กี่คน...
“โย่! น้องชาย” นึ่งในนั้นก็พี่ชายผมนี่แหละ... เฮียแกยืนหอบหิ้วอะไรพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือ นั่นคือสิ่งที่บอกผมว่าทำไมพี่แกถึงเลือกกวนตีนด้วยการกดกริ่งเรียกแทนการแอบเข้ามาเงียบๆแล้วทักทายด้วยการตะครุบหลัง -___-
“ซื้อมาทำไมเยอะแยะวะ” ผมบ่นอุบอิบแล้วยื่นมือไปรับถุงพลาสติกที่ใส่ของที่กินคนเดียวได้เป็นอาทิตย์
“บ่นเยอะแต่กูเห็นมึงแดกหมดทุกที” เฮียว่าแล้วแทรกตัวเข้ามาในห้อง เดินหลบขยะบนพื้นมุ่งไปที่ครัว เปิดตู้เย็นแล้วค่อยๆจัดเรียงของในถุงไว้เป็นระเบียบอย่างสวยงาม...
เนี๊ยยยยยยยยยย เริ่มฉายออร่าความเนี๊ยบของหมอ
ผมแอบแซวเฮียในใจแล้วรื้อๆถุงที่หิ้วมาเพื่อเอานมขวดใหญ่ขึ้นมากระดกทั้งอย่างนั้น
“เดี๋ยวคืนนี้กูนอนนี่”
“อีกและ....ไม่ต้องอ่ะ บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรดิ”
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นิสัยมึงนะ...” โอเค... ยอมพี่แกแล้ว... ผมยอมรับเลยว่าบางครั้งเรื่องพวกนั้นก็ชอบโผล่มาให้ผมปวดหัวจนต้องทิ้งงานมาอัดบุหรี่บ้างเป็นระยะๆ... แต่นั่นก็ยังน้อยถ้าเทียบกับที่ผมจินตนาการสภาพตัวเองไว้ในคราวแรก
เพราะอย่างนั้นแหละครับ ทั้งบรรดาเพื่อนๆทั้งสามหน่อและเฮียแม่งก็เลยชอบเซ้าซี้บอกจะมาอยู่เป็นเพื่อน ไอ้สามตัวนั้นก็พอห้ามได้อยู่หรอก แต่พี่แกนี่สิ จนปัญญาเว่ย
ช่วงนี้พอเฮียเคลียร์อะไรที่คลินิกเสร็จก็เลยชอบมาขลุกอยู่กับผมที่คอนโดตลอดทุกวันตั้งแต่กลับมาและ
ผมยู่หน้าแล้วยักไหลตั้งขวดนมที่พร่องไปเกือบครึ่งไว้บนโต๊ะแล้วกลับไปจมกับงาน ซักพักก็ได้กลิ่นหอมๆลอยมาจากครัว เห็นเฮียแกเป็นงี้ทำกับข้าวอร่อยนะครับ! ฮ่าๆๆๆๆๆ โสดด้วย สนติดต่อทางผมได้เลยโดยตรง คิดค่านายหน้านิดหน่อย ส่วนเบอร์ผมก็หาได้ง่ายๆถ้าคุณรู้เบอร์ไอ้โฟล์คน่ะ อิอิ
ด้วยความที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่บ่าย ซึ่งนี่ก็ปาเข้าไปใกล้ทุ่ม ผมรีบทิ้งงานอย่างไม่รีรอ แล้วรปรี่เข้าไปในครัว ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะกินข้าวก่อนจานที่มีแฮม ไส้กรอม ไข่ดาวจะวางตรงหน้า...
“อยากกินข้าวผัดอ่ะ...” แบบนี้ก็ทำกินเองได้นะ...
“ช่วยดูหน่อยครับคุณชาย... ข้าวคุณไม่มี ได้แค่นี้ก็ดีตายห่า” ผมมองตามนิ้วเฮียที่ชี้ไปที่หม้อข้าวที่ตั้งอยู่จนฝุ่นแทบจับเพราะไม่ได้แตะ...
แล้วไมตอนนั้นไอ้โฟล์คมันทำข้าวผัดได้ทั้งๆที่ไม่มีข้าวสวยวะ...
ผมพยายามนึกไปถึงไอ้ภาพข้าวผัดไหม้ๆในกระทะ ก่อนที่ความรู้สึกอยากเอาหัวโขกโต๊ะจะตามมาเมื่อนึกดูดีๆแล้วข้าวในกระทะนั่นมันข้าวสารเป็นเม็ดๆ...
“เป็นไรวะ” เฮียวางจานของตัวเองแหมะกับโต๊ะแล้วทิ้งตัวลง สงสัยผมจะแสดงปฏิกิริยาเอือมระอาออกมามากไปหน่อยจนพี่ท่านสังเกตเห็น
“.....เคยมีเด็กเอาข้าวสารมาผัดให้กิน...” ผมเล่าด้วยเสียงเอือมๆ มือก็บีบซอสพริกราดลงไปบนมื้อเย็นวันนี้
“เนี่ยยย เด็กที่ไหนจ๊ะ” ช่วยสนใจประเด็นหลักหน่อยเหอะเพ่!
“ยุ่งน่า” ผมยู่ปาก แล้วใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกชิ้นเล็กๆมางับ
“ผู้หญิงทำกับข้าวไม่เป็นน่ารักจะตาย” ประโยคนี้ทำให้ผมเหลือตาขึ้นมอง
“ตรงไหน?”
“มึงลองคิดดิ การที่ผู้หญิงพยายามทำอะไรให้ ทั้งๆที่ไม่เป็นมันน่ารักดีออก” แต่มันไม่ใช่ผู้หญิงดิ... “ท่าทางเก้ๆกังๆ ....หรือไม่เราก็เข้าไปโอบเขาไว้แล้วช่วยสอน...”
“หื่นและๆ” ผมเอาส้อมไปตวัดกลางอากาศข้างหน้าไอ้คนที่เหมือนจะหลุดนอกประเด็นออกไปทุกทีๆให้ได้สติ
“ฮ่าๆๆๆ” แล้วพี่แกก็หัวเราะทั้งๆที่อะไรเต็มปาก “น่ารักจริงๆน้า~”
“เชิญน่ารักคนเดียวเหอะ... ครัวแทบไหม้...”
“นี่มึงพาเขาขึ้นห้องเลย?!” ไปกันใหญ่และ...
“ชั่งมันเถอะน่า”
“ร้ายนักนะ” ผมตั้งหน้าตั้งตากินต่อแบบไม่สนใจ “น้องการ์ดของเรามีสาวมาดามใจแบบนี้ก็หมดห่วงแล้วสิเนอะ”
บอกว่าไม่ใช่ผู้หญิงไงว่อยยยยยยยยยยย!!!
ผมได้แต่ร้องคำรามในใจแล้วยัดของที่เหลือบนจานเข้าปากให้หมด เดินไปล้างจาน เปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาเทดื่มพรางทอดสายตามองไปมองซิงค์ทำครัวที่ไม่ได้น่ามองอะไรมากมาย... จู่ๆคำพูดเฮียก็ไหลย้อนเข้ามาจนผมเห็นเป็นภาพไอ้โฟล์คในผ้ากันเปื้อนสีชมพูหวานแหววกำลังยืนผัดข้าวผัดโดยมีผมประคองอยู่ข้างหลัง...
เอิ่ม... แค่คิดยังรู้สึกอุบาทขนาดนี้เลย...พอเถอะ อีกอย่างผมทำกับข้าวไม่เป็นด้วย...
โอยยยยยยย!!!! ทำไมมึงพูดเหมือนถ้ามึงทำอาหารเป็นแล้วไอ้ภาพแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นจริงได้วะการ์ด สยอง!!!
ผมปัดๆความคิดสยองๆทิ้ง กลับมานั่งจมจ่อมอยู่กับงานเหมือนเดิมโดยมีพี่หมอฟันนั่งเล่น PS4 อยู่ใกล้ๆ แถมยังเปิดซาวน์เอฟเฟคซะดังลั่นเหมือนจะทรมานกันยังไงยังงั้น ช่างเป็นพี่ที่วิเศษดีจริงๆ
“เบาๆหน่อยดิวะ” สุดท้ายก็ตะบะแตก บ่นออกมาจนได้ เมื่อเสียงที่มีไม่ใช่แค่เอฟเฟ็คจากเกมส์ในทีวี แต่เป็นเสียงคนเล่นที่เริ่มสวมบทบาทนักแคสเกมส์
“อิจฉาเหรอจ๊ะ” ในขณะที่ตายังไม่ละออกจากทีวี มือก็ยังรัวยิกๆที่จอย แต่หน้าเฮียกลับยิ้มแป้นกวนผมอยู่ได้
และไม่นานก้อนกระดาษก็ลอยฟิ้วไปปะทะกับไหล่ไอ้คนกวนตีน
แหม่ ความจริงเล็งหน้านะ สงสัยกระดาษมันเบาไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ทำให้คนโดนมันกระทบกระเทือนเลย
“ตอนนั้นมึงเอาเบอร์ใครโทรมาวะ” เฮียวางมือจากจอยเกมส์ปล่อยให้มันตายแล้วหันมานั่งขัดสมาธิล้วงขนมมาเคี้ยวแล้วมองผมที่ทำงานอย่างสนอกสนใจ
“ตอนไหน”
“ที่ไปทะเลไง”
“อ๋อ.... คนรู้จักน่ะ”
“แล้วไมเบอร์เหมือนกันวะ”
“เรื่องมันยาว....ว่างมากก็ช่วยทำประโยชน์ให้หน่อยดิ ที่คาดผมสีดำๆในห้องน้ำอ่ะ หยิบให้หน่อย”
“ค๊าบๆ ท่านชาย”
ไม่นานเฮียก็กลับมาพร้อมของที่ผมสั่ง ผมเอามันมาคาดไว้ที่หัวจนหน้าม้าน่ารำคาญๆมันขึ้นไปชี้ๆเหมือนสิงโต น่าจะหาเวลาไปตัดซักหน่อย...
-------------------------------------------
11 มกราคม 25xx
งานใหญ่ของผมเพิ่งแล้วเสร็จไปเมื่อวานทำให้รู้สึกเหมือนยกโลกทั้งใบออกจากอก จนมีเวลามานั่งตากแอร์รอคิวอยู่ในร้านตัดผมร้านหนึ่งในตัวห้าง คิวยาวๆนี่ทำให้ผมขี้เกียจรอนิดหน่อย แต่ผมอยากได้ทรงเดิม และครั้งก่อนก็ตัดร้านนี้ เลยจำยอมนั่งรอเพราะไหนๆก็มาแล้วทั้งที ยังไงซะตัดที่เก่ามันก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจหน่อยๆว่าจะต้องได้ทรงตามที่ต้องการ
หนังสือการ์ตูนแปลที่ผมเพิ่งสอยมาจากร้านก่อนหน้าถูกยกขึ้นมาอ่านแก้เบื่อ ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ แต่ขอจำกัดความไว้ที่หนังสือเบาสมองแล้วกัน อย่างพวกการ์ตูนความรู้ หรือการ์ตูนญี่ปุ่น อะไรที่เล่มหนาๆสาระแน่นเอี๊ยดน่ะ ไม่ค่อยได้เตะหรอกครับ เว้นจำเป็น
“เหย มึง น้องสองคนนั้นน่ารักว่ะ” เสียงไอ้คนข้างตัวดังขึ้นพร้อมมือที่สกิดยิกๆที่แขนผม ไอ้ปั้น เพื่อนร่วมชะตากรรมที่ปั่นงานจนผมยาวและไรหนวดจางๆ
ผมมองตากนิ้วมันอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเจอกับเด็กผู้หญิงม.ปลายในชุดนักเรียนคอนแวนต์สองคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล.... แต่คนนึงนี่คุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน...
อ๋อ... เมเปิ้ล
ดูเหมือนสองสาวนั่นจะรู้สึกตัว เปิ้ลเงยหน้าขึ้นมาจากจอไอโฟน ขมวดคิ้วมองผมเหมือนนึกอะไรซักอย่างแล้วยิ้มร่า โบกไม้โบกมือให้
“เหย เขาโบกมือให้มึงด้วยอ่ะ รู้จักหรอ” ไอ้ปั้นถามเสียงระริกระรี้
“อือ ก็นิดหน่อย” ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหาเปิ้ลที่ยิ้มให้ไม่ขาด
“พี่การ์ด ....มาตัดผมหรอคะ?” เธอชวนคุยพรางยิ้มโชว์เหล์กดัดฟันสีฟ้าน้ำทะเล
“ครับ เหมือนกันหรอ?”ผมทิ้งตัวลงบนที่ว่างที่เปิ้ลขยับให้แล้วยิ้มเป็นมิตร
“มาเป็นเพื่อนเพื่อนเฉยๆค่ะ ฮะๆ นี่จีนค่ะ” เปิ้ลพยักพเยิดไปหาเด็กผู้หญิงผมสั้นประบ่า ท่าทางดูห้าวๆหน่อยแต่ก็น่ารักดี
คนนี้ป่าววะ ที่ไอ้โฟล์คมันชอบ...?
ว่าแต่ตั้งแน่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกับมันอีกเลยวุ๊ย... รึว่า....
‘เรื่องวันนั้นก็....หายกันและกัน’
อยู่ๆคำพูดของตัวเองก็เข้ามาในหัว... บางทีมันอาจจะกลับไปคิดใหม่อีกที เปลี่ยนใจแล้วก็ได้...ผมให้มันเลือกเองนี่หว่า...
......แล้วจะสนทำไมล่ะ?
“พี่การ์ดอ่า คนรู้จักโฟล์ค” เปิ้ลแนะนำผมให้จีนเสร็จสรรพ
“พี่มาขัดอะไรไหมเนี๊ย”
“ฮ่าๆ ไม่หรอกค่ะ นี่คิดกันอยู่ว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนผู้ชายอ่า.... อ๊ะ! พี่การ์ดช่วยคิดหน่อยสิคะ ผู้ชายเหมือนกัน”
“โหว... เล่นงี้เลย ฮ่าๆ อา...ของอย่างนี้มันต้องแล้วแต่คนชอบนะ...ทำไมไม่ลองทำเองดูล่ะ มีชิ้นเดียวในโลกบวกกับความตั้งใจ”
“จะดีหรอค่ะ... ให้เปิ้ลทำนี่ต้องออกมาห่วยสุดๆแน่ๆอ่ะ”
“ของแบบนี้ก็ต้องลองนะ” ผมว่าแล้วยิ้มขำๆ
“อืม.... แล้วจะจัดที่ไหนดีค่ะ รู้สึกอายๆจัง รับมาทำกับจีนแต่ไม่ค่อยรู้อะไรเลย” เปิ้ลทำคอตกเหมือนหมดหวัง
“อา....ก็ต้องแล้วแต่นะ ว่าอยากได้บรรยากาศแบบไหน”
“แบบนี้โอเคไหมคะ” ไอโฟนสีขาวในเคสสีฟ้าสดใสที่เปิดแอพพริเคชั่นร้านอาหารแสดงภาพบรรยากาศร้านอาหารกึ่งบาร์
“ใช้ได้นะ” ผมยิ้มให้
“จริงหรอคะ” ท่าทางคอตกเมื่อกี้กลายเป็นอาการตื่นเต้นแทน
“อื้มมม”
“งั้นต้องรีบจองและอีก 2 วันเอง...” เปิ้ลพึมพำบอกเพื่อนข้างๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมเป็นการตอบแทน
“ขอบคุณนะคะ” เด็กสาวสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกันก่อนที่ผมจะขอตัวออกมาเพราะถึงคิว แอบเห็นไอ้ปั้นทำหน้ากระแนะกระแหนใส่นิดหน่อย ก็เลยเก๊กหล่อใส่มันให้อิจฉาเล่น ฮ่าๆๆๆ
-------------------------------------------
ครืด....ครืด.....ครืด.......
โทรศัพท์เครื่องบางสั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกงทำให้ผมที่กำลังไขกุญแจเข้าห้องรีบรับแล้วเอาคอหนีบไว้แล้วใช้มือไขกุญแจ
“สวัสดีคร๊าบบบบบ”
(เฮ๊ย อาทิตย์ตอนเย็นว่างป่าววะ) ไม่มีการทักทายพี่แกก็เปิดประเด็นเลยครับ ใช้ไม่ได้เลยพี่รหัสผมเนี่ย
ครับ พี่แทน อีกหนึ่งคนที่เคยโผล่มาแค่ชื่อ ฮ่าๆๆๆๆ
“ก็ว่างอ่ะ” ผมเข้าห้องแล้วโยนๆเป้ไว้บนโซฟา
(อยู่ๆพี่บาสก็อยากเลี้ยงสายรหัสว่ะ) พี่บาสคือพี่สายรหัสผมปี 5 ครับ
“เฮียแกเลี้ยงหรอ?” ต้องเช็คให้มั่นใจว่าฟรี...
(มั๊ง)
“อ่าว...”
(ตกลงมึงว่างไหมเนี่ย คนอื่นเข้าโอเคกันหมดเหลือมึงนี่แหละ)
“ว่างคร๊าบว่างงงง” แหม นานๆทีสายรหัสในคณะที่งานบานตะไทแบบนี้จะว่างพร้อมกันซักที พลาดได้ไง
(โอเค เจอกันวันอาทิตย์)
“เดี๋ยวดิ ที่ไหนอ่ะพี่” ผมท้วง
(ไม่รู้ว่ะ... เหมือนยังคิดกันไม่ได้) เอิ่ม.... (มึงรู้จักร้านอะไรใหม่ไหมอ่ะ กูเบื่อหมูกระทะแถวม.และ)
“XXXX...”
(ฮะ?)
“อะ เอ่อ..... ร้าน XXXX อ่ะ” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดชื่อร้านที่เปิ้ลเอามาให้ดูออกไป...
(เออว่ะ... กูเคยผ่านๆ น่าสนๆ เดี๋ยวลองถามดู โอเค แค่นี้นะ บาย เปลืองตัง...) และหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงตัดสาย เออ มาเร็วเคลมเร็วดีครับ...
ว่าแต่... นั่นมันวันเดียวกับวันเกิดเพื่อนเปิ้ลป่ะวะ? .....แต่เปิ้ลอยู่หญิงล้วนนะ ถ้ามีผู้ชายก็.... เพื่อนไอ้โฟล์ค?
-------------------------------------------
ไอ้ที่อัพไว้เมื่อวานได้ผลตอบรับดีจังเลยค่ะ 555555555555 คอมเม้นท์พุ่งมาก อิอิ เมีใครโกรธกันรึเปล่าคะ ขอโทษน้า วันนี้เลยมาอัพเร็วเป็นพิเศษเพื่อไถ่โทษค่ะ สัญญาเลยว่าจะไม่ทำอีกแล้ว ถึงแม้จะนั่งมีความสุขกับการที่เห็นคนโอดครวญไม่ก็ข่มขู่เราก็เถอะ... 55555555555555555 ล้อเล่นค่ะ...
ความคิดเห็น