ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ ๑๔

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 58


     

     

    2 มกราคม 25xx
     

    อืมมมมมมมมม...ผมยืดแขนขึ้นข้างบนแล้วลากเสียงครางหงุงหงิงยาวๆหลังจากรู้สึกถึงเสียงเพลงเบาๆแต่มันชั่งน่ารำคาญเหลือเกินในตอนเช้าๆแบบนี้

     

    ตาหนักๆของผมค่อยๆลืมขึ้นมามองเพดานสีขาวสะอาดๆแล้วหรี่ต่ำลงมามองที่หน้าท้องเมื่อรู้สึกถึงอะไรหนักๆ ทับลงมา แน่นอน.... แขนไอ้เชี่ยโฟล์ค

     

    ผมยู่หน้านิดหน่อยแล้วมองตามแขนนั้นไปจนเจอกับเจ้าของของมัน ไอ้เด็กหน้าหล่อที่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาผมด้วยท่าเดิมเป๊ะๆกับเมื่อคืน และแน่นอนว่าถ้าผมไม่ใช่ไอ้คนนอนดิ้นขั้นสุดยอด ป่านนี้ก็คงตื่นขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนมันนั่นแหละให้ทาย

     

    แค่คิดก็... ยี๊

     

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะยกแขนหนักๆนั่นออก ไอ้เจ้าตัวก็เหมือนจะรู้สึกตัว พลิกตัวไปนอนหงายแล้วเอามือขึ้นไปคลำๆแถวหัวเตียงทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา แล้วหยิบไอโฟนแหล่งกำเนิดเสียงนาฬิกาปลุกของมันมาสไลด์ปิดเบาๆ แล้วลืมตาลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจด้วยหน้ามึนๆอึนๆเนือยๆแบบที่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าห่างหายกับไอ้หน้าแบบนี้ของมันมาเป็นชาติ

     

    ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงครึ่งและด้วยความที่ไม่มีใครคิดอยากจะอาบน้ำในหน้าหนาวแถมเช้าชิบหายแบบนี้ก็เลยแค่ล้างหน้า แปลงฟัน เปลี่ยนชุดเท่านั้น ทำให้ผมเช็คเอาท์ แล้วมานั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับในรถของตัวเองก่อนเวลาที่คิดไว้ 15 นาที

     

    หันไปมองหน้าไอ้คนขับรถที่ยังทำท่าสะลึมสะลือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ก็รู้สึกรักตัวกลัวตายขึ้นมานิดหน่อยจนต้องเอาเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาดแบบไม่ต้องรอให้มันคาดก่อนเหมือนที่ผ่านมา... ส่วนสาเหตุที่ผมไม่ขับเองน่ะหรอ... หึหึ...

     

    แค่แยกทะเลยังแยกไม่ออกเลยครับว่าที่ไหน แล้วจะให้ขับกลับเนี่ยนะ? เลิกคิดเถอะ ถ้าไอ้โฟล์คต้องนั่งบอกตลอดทางก็สู้ให้มันขับไปเลยดีกว่า สบายผมสิ

     

    การเป็นลูกคนเล็กมันก็เสียงี้แหละครับ ไปไหนมาไหนเฮียขับตลอด ผมเลยไปไหนเองไกลๆกรุงเทพไม่ค่อยเป็น

     

    ระหว่างทางก็มีบ้างที่รถจะเลี้ยวออกนอกเส้นทางเพื่อแวะปั๊ม หรือหาข้าวเช้ากินกันซักมื้อ ก่อนจะขับยาวกลับกรุงเทพ

     

    ไม่ค่อยมีใครพูดแทรกขึ้นมาระหว่างเพลงที่คลอเบาๆ เพราะตั้งแต่เราแวะกินข้าวมันไก่มื้อเช้าเสร็จ ผมก็บ่นอะไรไร้สาระนิดหน่อยตามนิสัยก่อนจะขึ้นรถมา แล้วก็นั่งเงียบมองข้างทางเหมือนอยากอยู่ในโลกส่วนตัว ไอ้คนข้างตัวผมก็เหมือนจะรู้ เลยขับรถไปเงียบๆ ปล่อยให้ผมจมอยู่กับความคิด ว่าจะทำยังไงดีกับไอ้อนาคตอันใกล้...ที่กำลังจะมาถึงนี้

     

    เวลาผ่านไปรวม 3 ชั่วโมงกับอีกไม่กี่นาทีนับตั้งแต่ออกจากโรงแรม ผมก็รู้สึกว่าข้างทางที่มองมาไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมงมันเริ่มคุ้นขึ้นมานิดหน่อย ใช่... ใกล้จะถึงแล้ว...

     

    มึงเลยไปบ้านมึงเลย เดี๋ยวกูขับกลับเอง

     

    ไอ้คนฟังเพียงหนึ่งเดียวก็พยักหน้าหงึกๆแล้วขับต่อไปจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ผมเคยมาครั้งหนึ่ง ผมเปิดประตูออกนอกรถเพื่อที่จะเปลี่ยนฝั่งไปขับต่อแล้วยืนรอให้ไอ้คนขับรถประจำวันเปิดประตูก้าวออกมายืนเต็มความสูง

     

    อ่า... คือ ขอบคุณมึงอีกครั้งนะ...

     

    อืมมันพยักหน้ารับ

     

    มึงช่วยกูไว้มาก มากจริงๆ

     

    ฮะ?” มันเลิกคิ้วนิดหน่อยเหมือนไม่คิดว่าคนอย่างผมจะพูดอะไรแบบนี้ได้ เล่นเอาซะอยากซัดซักเปรี๊ยง

     

    คือ เรื่องวันนั้นก็....หายกันและกันตลอดระยะเวลารวม 3 ชั่วโมง ผมก็คิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะดูเหมือนมันไม่ได้ทำอะไร แต่สำหรับผม มันมากจริงๆนะ

     

    “...”

     

    “...เนอะ?”ผมถามย้ำอีกที ไม่รู้เป็นเพราะท้องฟ้าหน้าหนาวที่มันครึ้มแบบนี้รึเปล่า เลยทำให้ผมรู้สึกหดหู่แปลกๆ

     

    “...” ไอ้บรรยากาศแบบนี้มันคืออะไรวะ มึงเงียบทำไม?

     

    อ่า... งั้นกู...ไปแล้วนะว่าแล้วก็โบกมือให้มันหย๋อยๆแล้วหันหลังกลับ

     

    โอเค ต่อจากนี้มันก็จะไม่หาเรื่องซวยมาให้ ไม่มีคนมาทำให้จะเป็นโรคประสาทแดก...

     

    .........ก็ดี

     

    แต่ทำไมรู้สึกโหวงๆวะ...

     

    “...เฮ้แต่เสียงไม่ดังมากของมันก็เรียกให้ผมหันหลังกลับไป

     

    แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เหมือนได้เที่ยวฟรีอีกตางหาก

     

    “...” ผมเงียบ สมองก็กำลังประมวนคำพูดของมัน แต่ไม่ทันไร ริมฝีปากสีอ่อนๆนั่นก็พูดต่อ

     

    พี่คิดว่ามันคุ้มหรอ? ....เสียไป 5 คะแนนเลยนะ?”

     

    ไอ้ความรู้สึกอยากยิ้มให้แก้มปริแบบนี้มันอะไรอีกล่ะวะ...!!

     

    ฮะ...ผมหัวเราะออกมาเบาๆ

     

    แล้วแต่มึงแล้วกัน...พูดจบผมก็เปิดประตูแล้วรีบขับออกไป...

     

    เพื่อมานั่งแหกปากฉีกยิ้มอยู่บนรถนี่ไง....

     

    มึงโง่กว่าที่คิดวุ๊ย... อุส่ายื่นโอกาสดีๆให้...

     

    แล้วเหมือนผมก็จะเริ่มบ้าแล้วเหมือนกัน... ที่คิดว่าการมีคนคอยกวนประสาทมันก็.... ดีเหมือนกัน...

     

    เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยย!!!! อะไรเข้าสิงห์กูวะเนี๊ย!

     

    ไอ้ที่คิดๆมาข้างบนนั่นไม่ใช่ผมนะ จริงๆนะ เชื่อดิ!

     

    ผมรีบหุบยิ้ม ยู่หน้า ทิ้งน้ำหนักให้หัวลงไปกระแทกพวงมาลัยเบาๆ แล้วฟุบค้างอยู่อย่างนั้นขณะรอไฟแดง

     

    ในขณะที่ปากก็ฉีกยิ้มออกมาอีกจนได้...

     

    -------------------------------------------

     

    ผมยืนรอลิฟต์หลังจากเพิ่งวางสายเฮียที่โทรไปรายงานว่าอยู่คอนโดแล้ว ไม่เป็นอะไร และยังไม่ทันจะละหูออกจากไอโฟนข้อความที่บอกว่ามีใครบ้างที่พยายามติดต่อก็ค่อยๆทยอยเข้ามาจนโทรศัพท์สั่นครืดๆ มีทั้งเบอร์ที่รู้จักและไม่รู้จักยาวเหยียดเป็นหางว่าว พอๆกับตอนที่ผมเปิดเครื่องมาครั้งแรกตอนอยู่โรงแรม สงสัยมันคงแจ้งไปหาพวกมันว่าผมเปิดเครื่อง...

     

    และแน่นอนว่าสายที่มีมากที่สุดคือไอ้ซี...

     

    ผมมองข้อความที่แจ้งว่ามันพยายามโทรหาผมเฉียดร้อย ข้อความเป็นสิบ แจ้งเตือนจากแอพพิเคชั่นต่างๆอีกมากมายด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งเหยียดๆ สะใจ ดีใจ หรืออะไรก็ไม่รู้มากมายแยกไม่ถูกแต่ผมไม่รู้สึกผิดเลยซักนิด... ถือว่าเป็นบทลงโทษเล็กๆของมันก็แล้วกัน

     

    ครืด...

     

    ไอโฟนในมือสั่นอีกครั้งจากแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นสีเขียวยอดฮิต และด้วยความเคยชิน นิ้วโป้งผมก็คลิ๊กเข้าที่แจ้งเตือนนั้นอย่างอัตโนมัติ

     

    [ลูกหนี้:อย่าหนีปัญหานะทันทีที่อ่านข้อความผมก็นึกขำในใจจนต้องยิ้มออกมา ฮ่ะๆ อย่าให้กูเปลี่ยนชื่อมึงอีกทีเป็นพ่อนะ...

     

    บางทีก็อดคิดไม่ได้ ว่ามันดูเป็นผู้ใหญ่กว่าผมอีก

     

    [Card : เออพอตอบปุ๊บมันก็ขึ้นรีดปั๊บ ผมเหลือบตาขึ้นไปมองข้อความเสียงที่มันส่งมาให้คืนวันปีใหม่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้กดฟังเพราะลิฟต์ดันเปิดขึ้นซะก่อน

     

    ลิฟต์พาผมขึ้นมายันชั้น 18 ก่อนผมจะลากขาตัวเองให้มาอยู่หน้าห้อง... ที่มีโพสอิทสีเหลืองเข้มแปะอยู่ที่บานประตูพร้อมลายมือที่ผมรู้จัก...

     

    ขอโทษ

     

    นั่นคือคำที่อยู่ในกระดาษใบเล็กๆแผ่นนั้น ผมหยิบขึ้นมามองแล้วเหยียดยิ้มบางๆให้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

     

    ไอ้การ์ด!” เสียงห้าวๆดังขึ้นพร้อมเจ้าตัวที่เด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากประตู ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหรที่เห็นมันอยู่ในห้องเพราะจำได้ว่าเป็นคนยื่นคีย์การ์ดและกุญแจสำรองให้เอง...

     

    และไม่กี่วินาทีถัดมาเสียงไอ้เจฟก็เรียกให้ไอ้พวกที่เหลือ ที่กระจัดกระจายกันอยู่คนละมุมห้องมายืนออกันที่หน้าประตู

     

    รวมทั้งไอ้คนที่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะเห็นหน้ามันเท่าไหร...

     

    ผมเผลอไปสบตาไอ้ซีแว๊บหนึ่ง หน้ามันมีรอยจ้ำสีเขียวอยู่ที่โหนกแก้ม รอยม่วงๆที่มีเลือดซิบที่มุมปาก ผมรู้แค่ว่าไอ้รอยที่มุมปากน่ะเป็นของผม แต่อีกที่ก็ไม่แน่ใจ... อาจจะเป็นของใครซักคนในนี้

     

    มึงหายไปไหนมาวะ? พวกกูเป็นห่วงแทบแย่ไอ้มินว่าแล้วเข้ามาลากแขนผมให้ไปนั่งบนโซฟา รอยคล้ำใต้ตาของพวกมันเป็นหลักฐานอย่างดีให้คำพูดมันดูน่าเชื่อถือ

     

    พวกที่เหลือก็เดินตามมาน้อมล้อมผมไว้แล้วถามไถ่ซักไซ้ นู่นนี่ จะมีก็แต่ไอ้ตัวต้นเรื่อง ที่ยังยืนค้างอยู่ที่เดิม

     

    การ์ด...ไอ้ซีเดินมาหยุดอยู่ห่างผมประมาณ 2 เมตร

     

    “....................................ครึ่งชั่วโมง... กูให้เวลามึงอธิบายครึ่งชั่วโมง

     

    “...”

     

    โอเค ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไป กูมีเรียน และเวลากูก็มีค่าแต่ยังไม่ทันที่ผมจะยืนขึ้น

     

    กูขอโทษ...

     

    กูว่ากูบอกว่ากูต้องการคำอธิบายนะ...

     

    “...”

     

    แล้วก็ขอความจริงด้วย กูอยากรู้ทุกอย่าง มึงคงไม่ได้ปิดบังอะไรไว้อีกใช่ไหม?”

     

    “............กู...... กู.. ชอบมิวมาตั้งแต่ม.6ประโยคนี้ทำให้ผมเผลอขบกราม อารมณ์โกรธมันที่เคยบอกว่าเพลาๆลงแล้วกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นผมกับมิวคบกันได้เกือบปีแล้วด้วยซ้ำ...

     

    “..........กูรู้สึกผิดมาตลอด กูพยายามเลิกคิดแล้ว แต่ยังไงมันก็ยังทำไม่ได้.... กูเลยตัดสินใจสอบเข้าที่ไกลๆ แต่เหมือนอะไรมันเล่นตลก กูมารู้อีกทีว่ามิวก็ติดที่เดียวกันซะงั้น...มันเค้นยิ้มออกมาพร้อมกับน้ำตาที่หยดลงพื้น

     

    มึงแน่ใจนะว่ามึงไม่รู้?”

     

    ทุกอย่างที่กูพูดคือความจริง...มีคนว่าเอาไว้.... ว่าความเชื่อใจก็เหมือนกับแก้ว ถ้ามันแตกไปครั้งหนึ่ง ต่อให้พยายามยังไง ก็จะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิม

     

    ก็ได้ กูจะพยายามเชื่อผมจงใจกดเสียงให้หนักขึ้นในคำว่า ’พยายาม

     

    “....ขอบคุณ

     

    “...”

     

    เรื่องนี้ถ้าจะมีคนผิดก็คงจะเป็นกู.... มึงอย่าไปโทษมิวเลย เค้าไม่ผิดอะไร กูเองการ์ด... กูเลวเอง กูขอโทษตบมือข้างเดียวน่ะ... มันไม่ดังหรอกนะ

     

    “...แล้วพอกูคุยกับเค้า ความชอบที่กูมีมันก็เหมือนจะเริ่มมากขึ้น มากขึ้น... จนกู...

     

    พอเหอะ... กูไม่อยากรู้แล้ว.... ไม่ต้องเล่าต่อแล้ว เหมือนจะกลายเป็นการบอกถึงความรักที่พวกมึงมีให้กันมากกว่า

     

    มันไม่ชะ...

     

    พวกมึงทำเหมือนกูเป็นไอ้โง่... ทำให้กูคิดว่าถ้าเกิดอนาคตเรายังไม่มีใคร กูกับเค้าจะคบกันเหมือนเดิม.... มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไงใช่มั๊ย? ทุกวันนี้กูยังคิดถึงเค้าอยู่ กูยังตัดใจไม่ได้ เพราะกูคิดไง กูคิดว่าเรายังมีความรู้สึกดีๆให้กัน เค้ายังรักกู แค่เพราะเราอยู่ห่างกัน แต่มันไม่ใช่... เหอะ... กูรู้ว่าความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ โอเค กูเข้าใจเรื่องนี้

     

    มันนิ่งเงียบ มองผมด้วยแววตาที่มีหลากความหมาย ห้องทั้งห้องที่มีกันอยู่เกือบสิบกลับไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา มีแค่ผมที่จ้องตากับมัน เหมือนจะเค้นเอาความจริง และหาพิรุธในสายตาคู่นั้น....

     

    แต่ที่กูไม่เข้าใจ... คือทำไมมึงไม่บอกกู...

     

    “..........กูกะ...

     

    กูรู้มึงกลัวกูโกรธ แต่มึงไม่คิดหรอว่าถ้ากูรู้ทีหลังกูจะเสียใจขนาดไหน มึงเป็นเพื่อนเพื่อนสนิทกูแท้ๆ น่าจะรู้ว่ากูเป็นคนยังไง.... มึงทำให้กูอดคิดไม่ได้ซี ....ว่าถ้าวันนั้นไอ้ป้องไม่บอกกู กูก็คงเป็นไอ้โง่อยู่อย่างนี้ไปตลอด

     

    กูไม่ได้อยากปิดบังมึงนะ...

     

    แล้วทำไมไม่บอกกูล่ะ!!! มึงคบกันมาจะเป็นปี หรือกูเป็นยังเป็นไอ้โง่ไม่นานพอหรอ?”

     

    การ์ด...

     

    พอเหอะว่ะ... มึงกลับไปเถอะ...

     

    กะ...

     

    กูยังไม่ได้บอกว่าจะเลิกคบมึงเป็นเพื่อน... และก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าจะกลับไปเป็นได้ ....แต่ตอนนี้หน้ามึงกูยังไม่อยากมองเลยว่ะผมเบือนหน้าหนี รู้สึกได้ว่าตามันร้อนๆ

     

    ซี... มึงกลับไปก่อนเถอะเสียงใครไม่รู้ผมไม่ได้สนใจ มันพยายามลากไอ้ซีออกไป

     

    แต่กูก็ขอบใจมึงนะ.... อย่างน้อย กูก็ตัดใจจากเค้าได้ซักที...ตัดขาดเลยจริงๆ...

     

    อึก!” ผมสะดุ้งตัวโยน เมื่อไอ้คนที่เอ่ยปากไล่ไปเมื่อกี้มันถลาเข้ามากอดผมเอาไว้แน่น

     

    กูขอโทษ...มันพูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้แล้วสะอื้นต่อ ผมก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร แค่นั่งอยู่นิ่งๆอย่างนั้น...

     

    -------------------------------------------

     

    แล้วมึงจะเอาไงต่อไอ้เต้พูดไปขับรถไป โดยมีผมนั่งเบาะข้างคนขับด้วยชุดเครื่องแบบถูกระเบียบ

     

    ไม่รู้ไอ้ซี มันยอมกลับไปตามที่ผมบอก หลังจากนั้นผมก็อาบน้ำแต่งตัวแล้วติดรถไอ้เต้มาเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ทั้งๆที่คิดมาแล้วแท้ๆว่าจะทำยังไง แต่พอเจอเหตุการณ์เข้าจริงอะไรๆที่วางแผนไว้ผมก็ลืมมันไปหมดเพราะความโมโหจนได้สิน่า

     

    เฮ้อ.... ทำไมต้องเกิดเรื่องเหี้ยๆอย่างนี้ขึ้นด้วยวะมันถอนหายใจแล้วหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้ามหาลัย แล้วมึงหายไปไหนมาฮะ? ...........กูกลัวมึงคิดสั้นแทบแย่

     

    ชั่งมันเหอะน่า กูก็นั่งหัวโด่อยู่นี่ไง

     

    เอ๊า มึงอาจตายแล้วก็ได้ แต่ไม่รู้ตัวไงมันยิ้มหัวเราะกวนตีนแล้วเบนรถให้ไปจอดริมฟุตบาทหน้าคณะผม และก่อนจะลงผมเลยตบกะโหลกมันไปเบาๆหนึ่งทีแล้วรีบลงประกับปิดประตูรถดังปัง แต่ก็ทันได้ยินเสียงมันร้องโอดโอยเบาๆแล้วสบถด่านิดหน่อย

     

    ผมมองตามรถสีดำเงาวับนั่นไปจนพ้นสายตา ก่อนรอยยิ้มที่คลี่ไว้จะค่อยๆหุบลงจนกลายเป็นใบหน้าเรียบนิ่ง แล้วหันหลังเดินเข้าตึก

     

    ที่มากับมันก็เพราะเป็นทางผ่านระหว่างกลับบ้านมันพอดี ด้วยความที่วันนี้มันมีเรียนเช้า แถมยังโดดไปแล้วเพื่อรอผมอยู่ในห้องนั่น ไอ้แฝดที่มีเรียนเต็มวัน กับบ่าย ผมก็ไล่ให้มันกลับไปอาบน้ำเตรียมเรียนส่งไอ้เท็นไอ้เจฟที่สนามบิน จนผมอดบ่นไม่ได้ว่านี่ถ้าเกิดผมไม่กลับมาพวกมันไม่เป็นอันอยู่เฝ้าห้องผมเลยหรอ และคำตอบที่ได้ก็คือ...

     

    เฮียแม่งบอกว่าผมจะกลับมาเรียน... เออ........... ไอ้พี่เวร

     

    การ์ด!” เสียงหวานๆดังขึ้นข้างหลังทำให้ผมที่กำลังจะเดินเข้าคณะหันไปมอง

     

    อ่าว แกรนด์....

     

    แฮปปี้นิวเยียร์น้าเสียงเล็กๆนั้นว่าก่อนจะยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลซีดๆแกมแดงลายแบรนด์ คุ้กกี้ชื่อดังสัญชาติอังกฤษ

     

    แฮปปี้นิวเยียร์ครับ แต่ อ.. เอ่อ... เราเกรงใจอ่า อีกอย่างก็...ไม่มีอะไรให้ด้วยผมยิ้มแหยๆเกาหัวแก้เก้อ ขอโทษน้า

     

    นี่หาว่าเราซื้อมาเพราะหวังของตอบแทนหรอ?” เธอแบ้ปากนิดหน่อย

     

    ฮะ เฮ๊ย ไม่ใช่ๆ

     

    ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เราไม่ซีเรียส แต่ให้ไม่รับนี่มันเสียน้ำใจนา เอาไปเถอะนะ น้าาาาาาท่าทางอ้อนๆเหมือนลูกแมวนั่นทำให้ผมใจอ่อน เอื้อมมือไปรับมาจนได้

     

    ขอบคุณมากนะค๊าบผมยิ้มรับ เอางี้ เรียนเสร็จกี่โมงอ่า?”

     

    บ่ายสี่นะ

     

    อืม งั้นเดี๋ยวเราเลี้ยงเค้กผมว่ายิ้มๆ

     

    โหยยยย ป๋าาาาาา

     

    ฮ่าๆๆ .........แล้วเอาไงล่ะ?”

     

    ไปสิ!

     

    เมื่อความรู้สึกเก่าๆถูกสลัดทิ้งไปหมด.... ผมว่า ผมก็ควรจะเริ่มต้นใหม่กับใครซักคนอย่างจริงๆจังๆซักที

    -------------------------------------------

    รีไรท์ใหม่เล็กน้อยค่ะ แก้คำผิดด้วย ถ้ายังเจอคำผิดบอกกันได้น้า บางทีไรท์ก็เบลอๆอ่านข้ามๆ 5555

    cactus

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×