คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ ๒๑
๒๑
31 มกราคม 25xx
Rrrrrrr……..Rrrrrrrr….
เสียงปลุกพร้อมการสั่นครืดคราดอันคุ้นหูจากเจ้าตัวกำเนิดเสียงดังขึ้น ทำเอาผมขัดใจอยู่นิดหน่อยเมื่อรู้ว่าเวลานอนอันรักยิ่งกำลังจะหมดไปแต่ก็ต้องจำใจขยับตัวเพื่อบิดขี้เกียจทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“อื้อ...” ผมร้องเบาๆขณะชูมือขึ้นแล้วบิดเอวไปมากะให้ตาสว่างแบบที่ชอบทำทุกวัน แต่.... วันนี้ไม่เหมือนทุกวัน เมื่อการขยับตัวของผมมันไม่ได้ง่ายอย่างที่เคย...
ติดเหี้ยอะไรไม่รู้..
ผมจำยอมปรือตาขึ้นมามองไอ้อุปสรรคตัวโตที่ทำให้ชีวิตผมไม่ราบรื่นเหมือนเคย
หือ....? ก็แค่ไอ้โฟล์ค....
ไอ้โฟล์ค.......หรอ? ไอ้โฟล์ค............มัน.....มาอยู่นี่ได้ไงวะ?
........ชิบหาย!!!
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย!!!! ตื่น!! ตื่นๆๆๆๆ” ผมจับมันเขย่าอย่างบ้าคลั่ง เรื่องเมื่อคืนค่อยๆเข้ามาในหัวจนไม่รู้ว่าควรตกใจอะไรก่อนดี ไหนบอกจะตื่นตี 4 !!! นี่แดดแม่งสาดตูดแล้วไอ้ห่าเอ๊ย!!
“อื้ม....” แต่ผลตอบรับจากมั้นเสือกมันแค่การร้องเบาๆแล้วขยับตัว ส๊าสสสส!!!
“อื้มพ่อง! ไอ้ห่า ไหนตีสี่มึง แปดโมงครึ่งแล้วไอ้เหี้ย!!”
“หือ?” นั่นไง ตาโตเลยสิมึง
“เขาเคารพธงชาติกันเสร็จแล้วนะเว่ย!”
“เดี๋ยวค่อยเข้าคาบบ่ายก็ได้.... ขอนอนต่อได้มั๊ย...” มันส่งสายตาวิงวอนมาให้ทั้งที่ยังลืมตาแทบไม่ขึ้น...มึงเป็นเด็กขี้เซาตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย
“แต่กูมีเรียนสิบโมง!”
“..........งั้นพี่ไปอาบน้ำดิ เดี๋ยวผมไปส่ง” พูดจบมันก็ตัดขาดจากโลกด้วยการมุดเข้าไปในผ้าห่มทั้งตัว ย้ำครับ ทั้งตัวจริงๆ มันถกผ้าห่มขึ้นมาคลุมมิดยันหัว เหมือนจะใช้กันแสงแดดจากผ้าม่านที่ปิดไม่สนิท...
แล้วผม......ควรปลุกมันขึ้นมาแล้วด่า หรือรีบอาบน้ำแล้วไปเรียนดีวะ....?
ผมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้คำตอบเมื่อเหลือบเห็นนาฬิกาดิจิตอลหัวเตียง..... วิ่งผ่านน้ำเอาแล้วกันเว่ย!!!
-------------------------------------------
“ไอ้ฟัคคคคค ไอ้เหี้ยยยยยยย ตื่นครับบบบบ!!!” ผมตะโกนเรียกไอ้เด็กตัวโตที่ยังคงนอนท่าเดิมเป๊ะ พรางยืนติดกระดุมเสื้อแบบรีบๆ
ไม่ต้องรอให้เรียกซ้ำสอง ไอ้โฟล์คลุกขึ้นมาทำหน้าสะลึมสะลือแล้วเอามือลูบผมที่เริ่มจะยาวสองสามทีแบบเกียจคร้าน มันนั่งตาปรืออยู่นิ่งๆ 2-3 วิก่อนจะพรวดพราดรุกขึ้นมาคว้ากางเกงนักเรียนมาใส่ทับบ็อกเซอร์ที่มันใส่นอนเมื่อคืน ถอดเสื้อยืดแล้วคว้าเสื้อนักเรียนไปใส่ลวกแบบขอไปที
“ไปส่งนะ”
“...อือ”
มันเดินติดกระดุมเสื้อแล้วเดินออกไปข้างนอก คว้าถุงเท้ามายัดใส่กระเป๋านักเรียน แล้วเดินไปใส่รองเท้ารอที่หน้าประตู ส่วนผมก็จัดการเอาแบบที่แผร่ตากแห้งไว้ม้วนใส่กระบอกภาพแล้วสะพายข้างเดินไปเปิดประตู
รถเวสป้าสีขาวโคตรคลาสสิคน่าทะนุถนอมกำลังถูกผู้ชายสองคนกดขี่ห่มเหง.... นั่งทีนี่รถแทบยุบไปขูดกับพื้น เบาะก็เล็กชิบหาย ไม่เหมาะกับการให้ชายไทยมาซ้อนกันเองเลยครับ... แถมความเร็วก็...หอยทากวิ่งเล่น...
อาจจะเพราะมันเก่าแล้วด้วยล่ะ ไอ้ที่มันขี่นี่รุ่นแรกๆของเวสป้าเลยครับ ผมว่าด้วยกำลังทรัพย์และความติสของมันคงซื้อมาขับเล่นกินลมล่ะมั๊ง...
โดยลืมไปว่ากูรีบไง...
คงต้องขอบคุณเพื่อนเฮียที่ขายคอนโดใกล้มหาลัย ให้ผม ระยะทางมันเลยพอทนไหวกับการขี้หอยทากตะลอนทัวร์ประกอบกับเวลาขณะนี้ที่ประมาณเก้าโมงกว่า รถมันจึงเบาบางลงไปบ้าง แต่ก็ต้องอย่าลืมครับว่าเราอาศัยอยู่ในกรุงเทพ เมือที่รถติดชิบหายวายวอด...
มันจัดการขับน้องเวสป้าเข้ามาถึงหน้าคณะผมโดยใช้เวลาไม่นานพอเหลือเวลาว่างให้หาอะไรกินนิดหน่อย
“’ใจเว่ย” ผมว่าขณะถอดหมวกกันน็อคสีขาวคืนมัน
“อืม”
“นี่มึงจะกลับบ้าน?”
“อือ”
“เออๆ ไปๆ อย่าโดดนะเว่ย”
“อืม....พี่ก็ตั้งใจเรียนนะ” กำลังจะบ่นเลยว่ามึงพูดเป็นแต่อือ อืมหรอ แต่นี่เริ่มเข้าข่ายกวนตีนและ
ผมขยับปากเน้นๆให้พออ่านออกแต่ไม่มีเสียงด้วยเป็นคำว่า ‘ค*ย’ ให้มันแถมท้ายหนึ่งดอก ก่อนท่านผู้โชคดีได้รับคำอวยพรจะหัวเราะเบาๆแล้วโบกมือลา ผมมองมันขับไปไกลนิดหน่อยก่อนจะขับหลังเดินเข้าคณะ...
“เต้ๆ เด็กม.ปลายนั่นใครวะ” เสียงไอ้ปั้น
“ผัวการ์ดมัน” เสียงไอ้เต้
“มีมาส่งกันด้วยอ่ะ” ไอ้ปั้น
“เขารักกันจะตาย” ไอ้มิลค์
“ค*ย” ผมแจกของลับอีกครั้งหนึ่งให้ไอ้ 3 ตัวที่แกล้งยืนป้องปากกระซิบกระซาบ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมเมื่อมันจงใจจะให้ผมไอ้ยินอยู่แล้ว ไอ้พวกห่าเอ๊ย
“ฮ่าๆๆๆๆ มาสายเพราะเก็บสบู่อยู่หรอมึง”
“เดี๋ยวนี้พี่การ์ดไม่ขับบีเอ็มแล้วหรอฮะ” ผมเหลือบตาไปมองไอ้มิลค์ว่ามันจะเล่นมุขอะไรของมัน
“ขี่โฟล์คแทน....” สัส!
“ฮ่าๆๆๆๆ!!!” ไอ้ลูกคู่ก็ขำกันใหญ่สิครับ
“กูว่ามันจะโดนโฟล์คขี่มากกว่าว่ะ.....” เอาล่ะครับ นับ1-3 พวกมันจะระเบิดหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน... อ่ะไม่เชื่อ คอยดูนะ
1.........2........3............
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!” นั่นไง ทำไมแทงหวยไม่ถูกนะ.... เอาเถอะครับ เห็นเพื่อนมีความสุขกูก็สบายใจวะ -__-
ผมเดินหนีแล้วส่งสายตาเอือมระอาไปให้ไอ้บ้าสามตัวที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด และแน่นอน พอเดินหนีมันก็เดินตามกันเป็นฝูง
“แหมๆๆ นายคิดเหมือนชั้นมั๊ย บี1” เสียงดัดเล็กเลียนแบบการ์ตูนขวัญใจวัยเด็กของไอ้มิลค์ที่ถ้าเด็กมาได้ยินคงขวัญผวาดังขึ้นตามหลัง
“ชั้นว่าชั้นก็คิดเหมือนนายเลยว่ะบี2” ไอ้เต้ก็รับมุขบ้าง
“ให้กูเป็นบี3 ดิ” ไอ้ปั้นที่ดูเหมือนจะไม่ยอมเงียบปากง่ายๆ
“มันไม่มี”
“มีแล้วไง”
“เออ เอาใหม่ๆ”
“ช่วยเงียบกันหน่อยเถอะครับ อ้าปากรับออกซิเจนไปเลี้ยงหมาในปากหรอ คุยเหี้ยอะไรกันไม่หยุดเนี่ย” จิกตาใส่แม่งเลย
“เขินหรอ?”
“เขินอ่ะดิ”
“อย่าแซวมันดิวะ แค่นี้มันก็เขินแย่แล้ว”
“จะรับอีกซักอันไหมครับ?” ผมยิ้มละไมพร้อมยกนิ้วให้มัน.... ไม่ต้องบอกเนอะนิ้วอะไร
“โอ๋ๆๆๆ ไม่งอนเนอะตัว”
“เลิกดัดจริตเถอะสัส เป็นเหี้ยไรถึงมาคณะกูเนี่ย” มันสองตัวอยู่คณะยอดฮิตที่ดูเหมือนจะแอบอริกับคณะผมแบบบ้าๆบอๆอย่างวิศวะครับ ไอ้เต้เครื่องกล ไอ้มิลค์ไฟฟ้า
“หาข้าวแดก”
“แดกข้าวหรือส่องสาว”
“สาวคณะมึงน่าส่องตายห่า”
“พูดไรระวังไว้มั่งนะเว่ย สาวคณะกูถึกพอที่จะจับมึงRKOได้เลยนะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมแก้ต่างให้....ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
“ไอ้มินไม่มาด้วยหรอวะ?”
“บ่าย”
“อื๋อ.... คณะมึงแม่งโรงใหญ่จะตาย ถ่อมาแดกทำไมคณะกูวะ” ยอมรับมาเถอะว่าส่องสาว คณะผมก็สาวสวยเยอะนะเว่ย ถึงจะถึกหน่อยก็เถอะ เจ๊เปรี้ยวเป็นตัวอย่าง
“เปลี่ยนบรรยากาศมั่งดิวะ” มันว่าแล้วเดินนำหน้าเข้าโรงอาหารไปหย่อนตูดลงบนโต๊ะกินข้าว
“เออๆ เรื่องของมึง..... ปั้น มึงแดกไรวะ” ผมหันไปถามไอ้เตี้ย ฮ่าๆๆๆ แม่งเตี้ยอยู่แล้ว ยังมาถูกไอ้พวกนี้ข่มอีก หมดกันพี่ปั้นมาดแมน
“ข้าวมันไก่” คณะผมมีอาหารกินได้ก็แค่นี้แหละครับ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารมาก....ในด้านลบน่ะนะ
“2 เลยมึง” ผมว่าแล้วชูสองนิ้วประกอบ
“3 เลย” ไอ้เต้เลียนแบบผมด้วยการชูสามนิ้ว... และแน่นอน
“4 เลยเพื่อน” ครับ....ไอ้มิลค์ก็เช่นกัน
“สัส กูมีสองมือ มาช่วยกัน!”
“กูจองโต๊ะ” ไอ้มิลค์ว่า พร้อมเอานิ้วจิ้มโต๊ะจิ๊กๆแล้วทำหน้าเหมือนผมควรสำนึกในบุญคุณมัน
“กูไม่ชินพื้นที่ว่ะ” พวกมึงขี้เกียจกูบอกมาเถอะ...
ผมถอนหายใจแล้วเดินตามไอ้ปั้นไปสั่งข้าวโดยไม่ลืมทิ้งสายตาเอือมระอาให้มันสองคน แต่ใบหน้าที่บุทับด้วยหนังควายอย่างนั้นน่ะหรอจะรู้สึก....ฝันเถอะครับ
ไม่ค่อยมีคนมากินข้าวที่นี่หรอกครับ เหตุผลก็บอกไปแล้ว กลางวันผมจะแย๊บไปหากินที่อื่นมากกว่า ฮ่าๆๆ ข้าวมันไก่ 4 จานก็เลยได้อย่างไว พอยกมาที่โต๊ะก็เจอกับน้ำเปล่า 4 ขวดตั้งอยู่ คงเป็นของสัมมนาคุณของไอ้สองตัวนี่แหละ
“สรุปเด็กเมื่อกี้นี่ใครวะ” มึงก็จะเสือกให้ได้ใช่มั๊ยไอ้ปั้น...
“คนรู้จักอ่ะ”
“ทำไมกูไม่รู้จักอ่ะ”
“เดี๋ยวกูทำตารางเครือญาติกูให้นะ”
“ไอ้เหี้ย! กูแค่สงสัยว่าทำไมไอ้พวกนี้ถึงล้อว่าเป็นแฟนมึง...” มันส่งสายตาให้ผมเหมือนคาดคั้นว่าไอ้นั่นมันต้องมีอะไรมากกว่าคนรู้จักแน่ๆ
“มึงก็น่าจะพอเข้าใจสันดานพวกมัน” ผมพูดแบบไม่สนใจแล้วยกน้ำขึ้นกระดก
“มันเคยจูบกัน...”
“ดีฟคิสด้วย”
“พรวดด....!!!! แค่กๆ แค่ก แค่กๆๆ แค่ก” แต่เสียงเสือกของไอ้สองตัวที่ดูท่าจะสงบปากนานไม่ได้ก็สอดเข้ามา ไอ้เหี้ย น้ำขึ้นจมูก!
“จริงดิ!?!!?”
“แค่ก...มัน แค่กๆ เป็นเกมส์ ....ไอ้สัส!” ผมหันไปตบไอ้ลูกคู่คนละป๊าบ แม่งทำกูสำลักแล้วนั่งขำอีก
แต่เรื่องนั้น.... ผมก็ลืมไปเลย
-------------------------------------------
“มึงไปไหนต่อป่าววะ?” ไอ้เตี้ยถามแบบที่มันถามทุกวันหลังเลิกคลาสพลางก้มหน้าก้มตาเก็บชีทของยัดใส่เป้
“หึ ไม่อ่ะ” ผมบิดขี้เกียจไปพลางให้คลายเส้น นั่งฟังอาจารย์ติดต่อกันนานๆนี่มันไม่ค่อยใช่แนวผมเท่าไหร ไอ้พวกประเภทไฮเปอร์อย่างผมมันต้องมีงานมาให้ทำถึงจะกระปี้กระเป่า แต่อย่าเยอะนะเว่ย เอาแค่พอกรุบกริบพอ ฮ่าๆๆ
“แหม เดี๋ยวนี้สุดหล่อไม่มีนัดกับแฟนแล้วหรา?”
“เรื่องไอ้เหี้ยนั่นยังไม่จบอีกนะมึง” ผมแกล้งคาดโทษมันแบบไม่ได้จริงจังอะไรแล้วเก็บของตาม
“อะไรๆ กูหมายถึงน้องเด็กนิเทศของมึงอ่ะ”
“อ๋อ...” เวลาเก็บเศษหน้าแป๊ปนึงนะครับ
“อะไรกัน ได้หลังแล้วลืมหน้าหรอมึง” พูดไม่พอ มันยังเอามือมาฟาดตูดผมอีก วอนและๆ
“มึงละอยากได้รอยตีนไว้บนหน้าไหม?”
“โหดร้าย!”
“......” ผมเงียบไปพักนึงเพื่อเก็บของให้เสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยริมฝีปากที่ยกยิ้มอ่อนๆ “กูกับแกรนด์ยังไม่ได้คบกัน”
“จริงอ่ะ? มึงก็คุยกันมานานแล้วนา”
“เดือนเดียวเองเถอะว่ะ อีกอย่าง...กูชอบความรู้สึกแบบนี้มากกว่าว่ะ” ผมว่ามันเป็นความรู้สึกที่สบายดีนะ ไม่ต้องหึงหวง ไม่ได้กังวล แต่ต่างคนต่างรู้ว่าเรามีความรู้สึกดีๆให้กัน ผมเลยอยากขอเวลาตักตวงความรู้สึกนี้อีกซักหน่อย จนพอใจแล้วค่อยเริ่มรับความรู้สึกใหม่...
และอีกเหตุผลนึง คือรอให้ความรู้สึกมันชัดเจน และแน่นอนกว่านี้....
“มึงยังลืมมิวไม่ได้รึไง”
“เรื่องนั้นมันจบไปแล้วว่ะ” ครับ ไอ้ปั้นรู้เรื่องนี้พอๆกับที่พวกไอ้มิลค์รู้ มันเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมชอบเรียกใช้ไปนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนเวลาเฮิร์ต และตอนปีใหม่มันก็โดนไอ้พวกนั้นซักซะวุ่นว่าซ่อนผมไว้รึเปล่า
“กูไปจี้ต่อมมึงป่ะเนี่ย?”
“ฮ่าๆๆ อย่าทำเสียงจ๋อยดิสัส กูบอกว่าจบก็คือจบ ไม่มีอะไรค้างคาดิ ว่าแต่มึงเหอะ มีแพลนแดกเหล้าที่ไหนมั๊ยครับ ไม่มีงานทั้งที”
“มึงคนเดียวเถอะ โปรเจคกูยังค้างเติ่งอยู่เลย ไร้ความคืบหน้าโดยสิ้นเชิง ว่าจะนั่งทำว่ะ”
“กูไม่มีไรทำอ่ะ”
“ว่าที่แฟนมึงอ่ะ ชวนไปหาไรกินสิครับ ขากลับก็พาขึ้นคอนดะ... โอ๊ยเหี้ย!!” โดนไปหนึ่งกระโหลก เป็นไงล่ะ ท่าปราบหมาในตำนาน
“ปล่อยหมาไม่พอยังปล่อยเหี้ยอีกนะ”
“กูเลี้ยงไว้ทุกชนิดแหละ”
“ขี้เกียจเถียงแล้วว่ะ กูว่ากูไปนั่งเล่นคลินิกเฮียดีกว่า” ตั้งใจจะขูดหินปูนตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วยังไม่ได้ทำเลยนี่หว่า เริ่มรู้สึกเสียวขึ้นมาเลย คราวที่แล้วอุส่าทำใจได้แล้วนะเนี่ย...
“เดินทางโดยสวัสดิภาพเพื่อน”
“เออ...” ผมรับคำไอ้ปั้นที่มีจุดมุ่งหมายจะกวนตีนมากกว่าอวยพรแล้วก้มลงจิ้มจอไอโฟนเพื่อต่อสายหายพี่ชายอันรักยิ่ง...
-------------------------------------------
เวลาว่างมันก็ว่างจริงๆสิน่า.... ผมนั่งเล่นมือถืออยู่ในคลินิกเฮียมานานเท่าไหรแล้วไม่รู้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกว่าประตูห้องทำฟันมันเปิดออกพร้อมกับเด็กผู้หญิงที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นลูกค้าคนสุดท้ายแล้วเดินออกมาชำระเงินที่เคาน์เตอร์ มือถือเครื่องบางถูกยัดลงใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมกับที่ผมรีบลุกขึ้นและแทบจะกระโจนเข้าหาผู้ชายในเสื้อกราวน์สีขาว
“หมดยังเฮียยยยยยยยยยยย” ผมว่าเสียงระเหี่ยเหมือนใกล้ตายเสียเต็มประดา มันเบื่อน่ะครับ ทีแรกต้องไปนั่งห้องพักคนเดียวเหงาๆแล้วทนไม่ได้ ต้องย้ายมาเฝ้าหน้าห้องนี่แหละ
“อือ คนสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวเฮียเคลียร์งานก่อนแล้วช่วยกันปิดคลินิก ค่อยไปหาไรกิน” รู้งี้นอนอยู่ห้องก็ดีอ่ะ… ถ้าไม่ติดว่าเฮียจะเลี้ยงข้าวฟรีนี่ชิ่งกลับนานและ
“ไม่ต้องหรอกค่ะหมอ เดี๋ยวเมย์ช่วยกันทำช่วยกันปิดได้ พาน้องการ์ดไปทานข้าวเถอะค่ะ” อารมณ์เหมือนผมเป็นลูกเฮียเลยว่ะ
“ขอบคุณครับ” เฮียยิ้มให้พี่เมย์ก่อนจะเดินไปถอดเสื้อ เอากระเป๋าตังค์ส่วนผมก็ยืนยิ้มเป็นเชิงขอบคุณให้พี่เขาต่ออีกหน่อย
เมอซิเดส เบนซ์สีดำเงาวับของเฮียพาผมมาจอดหน้าร้านอาหารไทยเจ้าดังที่หนึ่ง คนก็เยอะอยู่ครับ แต่ที่ว่างก็ยังเหลือให้บ้าง แถมบรรยากาศดีซะด้วย เมื่อบวกกับอากาสช่วงปลายๆฤดูหนาวแบบนี้อากาศมันเลยเอื้ออำนวยซะไม่มี
“มึงเรียนเป็นไงมั่งละ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยเลยว่ะ” เฮียวางเมนูลงให้พนักงานหลังจากสั่งอาหารไปสองสามอย่างแล้วหันหน้ามาถามผม
“ระดับนี้แล้วเถอะพี่ชาย” ผมเอามือเท้าคอแล้วยักคิ้วกวนๆ
“มึงไปเอาเชื้อหลงตัวเองมาจากใครมากมายวะเนี๊ยฮะ?”
“อ่าว ยังไม่รู้ตัวอีก ฮ่าๆๆๆ”
“งั้นจ่ายตังเองเลยกูไม่เลี้ยงและ”
“เรื่องเมื่อกี้ลืมๆไปเหอะเนอะ” ผมว่าแล้วฉีกยิ้มหวาน เรียกให้เฮียต้องเอามือมาตบเบาๆที่หน้าผากด้วยใบหน้าหมั่นไส้เต็มประดา
“เดี่ยวนี้ไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะมึงอ่ะ ม๊าบ่นคิดถึงลูกรักให้กูฟังทุกวันจนกูน้อยใจจะฆ่าตัวตายและเนี่ย ติดสาวอื่นจนลืมสาวที่บ้านรึไงฮะ”
“สาวเสอวไรเฮีย การ์ดโทรคุยด้วยทุกวันน่า แถมเดี๋ยวนี้เสาร์อาทิตย์ไม่ค่อยว่างกลับด้วย”
“ทำมาเป็นสาวเสอวอะไร แหมๆ แกรนด์นี่ล่ะใครวะ”
“เฮ๊ย!! รู้ได้ไงวะ…” ผมร้องออกมาเบาๆ
“สายกูเยอะจะตายห่า”
“ไอ้เชี่ยมินสินะ”
“เรื่องไรจะบอกวะ” เฮียทำหน้าเบ้ “ว่าแต่.... ใช่คนนี้รึเปล่า” นิ้วยาวๆของเฮียยื่นมาจิ้มจึกๆบนอกซ้ายของผม
“อะไรวะ?”
“หัวใจเต้นแรง~ หน้าแดงทุกที~” ไม่ร้องเปล่าครับ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นก็ถูกส่งมาให้ผมพร้อมสายตาหยอกล้อ....
“เพลงสมัยไหนนะน่ะ” ผมยู่หน้าทำเป็นไม่สนใจ
“แหนะๆ กูถามก็ตอบสิครับ”
“.........”
“........??”
“.......ไม่ใช่ว่ะ...”
“เอ้า ไหงงั้นอ่ะ” ไอ้ห่านั่นมันเป็นผู้ชายไงพี่
“ใจเต้นมันก็ไม่ได้แปลว่าต้องชอบป่าว”
“แต่มันก็ต้องพิเศษกว่าใครดิ มึงไม่เป็นแบบนี้กับใครไม่ใช่หรอ? ถามใจตัวเองดีๆนะเว่ยการ์ด ถ้าเลือกผิดขึ้นมา มันจะเสียใจกันทุกฝ่าย ทั้งมึง ทั้งฝ่ายถูกและไม่ถูกเลือก” มันจะเสียใจทำไมล่ะวะเฮีย....
“แหม....ตัวเองประสบการณ์เยอะสินะครับ ฮ่าๆๆๆ”
“อ่าว กูพูดจริงนะเว่ย ทำไมมึงถึงคิดว่ามันไม่ใช่วะ?”
“ก็...”
“หยุด! สัญญากับกูก่อนว่าจะไม่แถ ไม่โกหก” ดักทันอีก สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน
“มัน....เป็นไปไม่ได้จริงๆว่ะเฮีย”
“ทำไม มันเป็นผู้ชายรึไง” เฮียนั่งท้าวคางพูดน้ำเสียงล้อเล่น แต่ผมนี่สิ..เผลอสะดุ้ง
“ไอ้เหี้ย! จริงหรอวะ!?” แล้วไอ้อาการสะดุ้งเมื่อกี้จะพ้นสายตาผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไง....
“ต...ตลกและเฮีย” ผมบ่ายเบี่ยงแล้วยกน้ำขึ้นมาจิบ พอๆกับที่พี่พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี ด้วยเสียงเรียกร้องจากลำไส้มันน่าสนใจมากกว่าเรื่องรักๆใคร่ๆไร้สาระของผมเป็นกอง
-------------------------------------------
1 กุมภาพันธ์ 25xx
เสียงแก๊กๆที่เกิดจากดินสอไม้แท่งสั้นๆถูกเคาะลงกับโต๊ะดังเป็นจังหวะ พร้อมกับผม เจ้าของของมันที่นั่งเหม่อลอยไม่ได้ฟังที่อาจารย์หน้าชั้นสอนเหมือนเก่า
“เหี้ยการ์ด เป็นห่าไรวะ มันนี้มึงเหม่อทั้งวันเลยนะ” เสียงไอ้เตี้ยข้างๆเรียกให้ผมหยุดเคาะโต๊ะแล้วหันไปตอบบ่ายเบี่ยง
โกหกอีกแล้วไง.... ผมกำลังเครียดกับเรื่องที่มันตามมากวนใจไม่หยุดตั้งแต่เมื่อคืน ทั้งเรื่องจูบนั่น ที่ผมเกือบลืมไปแล้ว แถมเรื่องนั้นมันยังลากวันนั้น....วันที่ถ้าไอ้มิลค์ไม่เข้ามา ผมกับมันก็คงจะจูบกันอีกครั้ง เมื่อก่อนผมเคยให้เหตุผลเข้าข้างตัวเองว่านั่นนะมันเป็นแค่เกมส์ ส่วนครั้งที่สองก็คงเพราะผมค้างมาจากแม่สาวในฝัน แต่ถ้าให้ย้อนนึกถึงอารมณ์ตอนนั้น.... ไอ้ความรู้สึกเหมือนมีเพลงทำนองอีโรติกมาเปิดอยู่ข้างๆหูนี่มัน....ดูท่าไม่น่าจะปกติกซักเท่าไหร.... ยังไม่นับเรื่องไอ้กล้ามเนื้อในอกที่มันขยันสูบฉีดเลือดซะเหลือเกินนี่อีกนะ....
นี่กูเป็นเกย์รึเปล่าวะ?
“ปั้นๆ” ผมสะกิดเรียกไอ้คนที่มันกำลังนั่งตาเยิ้มพร้อมเคลิ้มหลับให้สะดุ้งขึ้นมามองหน้าผมเหมือนสงสัยว่ามีอะไร ก่อนที่ผมจะจ้องลึกเข้าไปในดวงาของมัน....
“ไอ้เหี้ย! เล่นเชี่ยไรเนี่ย กูขนลุกหมด” มันว่าแล้วเอามือลูบแขนตัวเองเบาๆพลางมองผมด้วยสายตาเหยียดๆ อย่าว่ามึงมึงที่ขนลุกเลย กูก็เป็นครับเพื่อน แต่เห็นมันเป็นแบบนี้แล้วรู้สึกอยากแกล้งต่อว่ะ ไอ้เหี้ยนี่พอแกล้งแล้วมันน่ารักดีนะครับ ถ้าไม่รวมนิสัยน่ะ....
“กูจูบมึงได้มั๊ย” ผมยื่นหน้าเข้าไปพูดเสียงแหบๆเบาๆข้างใบหูมัน ก่อนจะเป่าลมอ่อนๆตบท้ายไปอีกหนึ่ง
“สัสการ์ด!” มันเอามือมาทาบหูข้างที่ผมเป่าไปแล้วทำตาโต เมื่อกี้ถ้ามองดีๆแม่งเกือบถลาตกเก้าอี้แหละครับ
“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะชอบใจก่อนจะหันมาทำท่าตั้งอกตั้งใจเรียน... แต่ไม่ใช่.... สมองผมมันยังคงวกกลับเข้าไปที่เรื่องๆเดิม...
ทำไมพอทำกับไอ้ปั้นแล้วถึงรู้สึกเหมือนเหมือนมัน? โอเค อย่างน้อยผมก็แน่ใจตัวเองไปหนึ่งเปราะ
กูไม่ใช่เกย์แน่นอนครับ....
แต่มีอีกอย่างที่ผมจะต้องจัดการกับมัน... ไอ้ความรู้สึกบ้าๆนี่... ต้องหาข้อสรุป และจุดจบให้มันซักที....
ผมเดินออกมาอยู่หน้าคณะ วันนี้บอกเลยครับว่าเรียนไม่รู้เรื่องจริงๆ ต้องขอบคุณอาจารย์มากที่ไม่สั่งงานให้ทำในคาบเหมือนก่อน ไม่งั้นละก็....ผมล่ะไม่อยากนึกถึงผลงานชิ้นนั้นเลย
เจ้าไอโฟนเครื่องบางกับลังถูกกดเพื่อพิมพ์เบอร์โทรศัพท์แสนคุ้นตา แล้วยกขึ้นแนบหู
(ครับ?) ปลายแสงแม่งก็เสือกรับทันทีทันใดเลยนะ!
“อ..เอ่อ... วันนี้มึงว่างป่ะ”
(อืม ครับ)
“อา... ก กูอยากกินผัดไทยร้านนั้นอีกอ่ะ ซื้อมาให้หน่อยดิ”
(ฮะๆ ได้สิ วันนี้เลยหรอ?)
“อือ”
(ครับ)
-------------------------------------------
ไอ้โฟล์คนั่งกอดหมอนอิงดูสารคดีชีวิตคนป่าในทีวีอยู่บนโซฟา ข้างหน้ามันมีอดีตจานผัดไทยที่ตอนนี้เหลือแต่ผักวางอยู่สองใบ และผม ที่แกล้งนั่งดูทีวี ทั้งที่แอบเหลือบตามองมันบ่อยๆ...
แล้วนี่กูให้มันมาทำอะไรวะเนี่ย....
“ล้างจานให้ด้วยนะเว่ย”
“อือ” มันรับคำทั้งๆที่ตายังจ้องไปที่การล่าสัตว์ของชนเผ่าในทีวีแบบไม่วางตา
“มึงไม่คิดจะขัดคำสั่งกูหน่อยหรอวะ... ทำตัวดีจริงนะ”
“ทำได้หรอ?” คราวนี้มันหันมาคุยกับผมเหมือนสนใจ
“ไม่”
“เห็นไหมล่ะ” มันใช้น้ำเสียงติดตลกแล้วยิ้มแบบสบายๆ
“เหอะ.... เอางี้ไหมล่ะ เรามาเล่นเกมส์กัน ใครแพ้ล้างจาน มึงจะได้ไม่หาว่ากูใช้แต่มึง”
“เกมส์? เกมส์อะไร...?”
“........จ...” อ่า เอาจริงหรอวะกู..
“หืม?” ไอ้โฟล์คขมวดคิ้วเป็นปมน้อยๆ
“......ตา....มาแข่งจ้องตากัน”
-------------------------------------------
ความคิดเห็น