คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ ๒๐
๒๐
30 มกราคม 25xx
“มาทำไมวะ” ผมทำหน้ามึนใส่ไอ้โฟล์คที่ยืนทำหน้ามึนแข่งกันอยู่หน้าประตูห้อง มันใส่ชุดนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ยกับกระเป๋าหนังถือแบนๆแลดูเกเรไม่เข้ากับสีหน้าและนิสัยโคตรๆ มือข้างหนึ่งหิ้วถุงพลาสติกบรรจุกล่องโฟม 2 กล่อง
“เยียร์บอกให้มา”
“ไอ้เยียร์บอก? เดี๋ยวนะ กูงง ......มาทำห่าไรวะ?” ผมเอาศอกข้างหนึ่งท้าวประตูแล้วใช้อีกข้างเกาหัว นี่ถ้าไอ้เยียร์บอกให้มึงโดดตึกตายมึงจะทำไหมไอ้สัส
“ไม่อยากรีบกลับบ้าน....”
“แล้วทำไมต้องมาหากูวะ? ไม่รีบกลับบ้านนี่จะเกเรรึไง?”
“ป่าว.... แต่กลับไปก็ไม่มีใครอยู่....” มันพูดเสียงเบาลงนิดหน่อย ยิ่งประกอบกับความหลังมันที่ผมพอประติดประต่อได้รางๆนี่เอาซะกูแอบเห็นใจเลย
“แล้วเพื่อนมึงอ่ะ?”
“เยียร์เรียนพิเศษ ปกติถ้ามันเรียนก็จะอยู่กับเป๊ป แต่มันมีนัด”
“กับแฟน?”
“อือ”
“เพื่อนมึงมีแค่สองคนหรอวะ?”
“ป่าว...... แต่สนิทด้วยแค่สองคน....” พูดเหมือนกับกูนี่สนิทกันมากโขเลยเนอะ
“เฮ้อ......แล้วแฟนมึงอ่ะ”
“.............” เงียบ...
“เฮ้อ........” ผมพ่นหายใจออกมาอีกครั้ง นี่ถ้าเซลล์เม็ดเลือดแดงมันจะตายไปเจ็ดตัว ป่านนี้เลือดผมแม่งคนเหลือแต่เม็ดเลือดขาวไปและ “ข้าวนั่นซื้อมาให้กูกล่องหนึ่งใช่มั๊ย เอาไปใส่จานไป เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนแล้วจะมาล่นด้วยนะน้องชาย” ผมใช้น้ำเสียงทะเล้นแล้วตบบ่ามันเบาๆทำให้ไอ้เด็กอมทุกข์นั่นคลี่ยิ้มนิดหน่อยแล้วพยักหน้ารับเบาๆ..... ไม่รู้ดิ.... เห็นมันโหมดดราม่าแล้วขัดตาแปลกๆ อย่างไอ้เหี้ยนี่น่ะ เหมาะกับหน้ามึนๆไม่ก็เปื้อนรอยยิ้มตางหาก
ผมเบี่ยงตัวหลบให้ไอ้โฟล์คแทรกตัวเข้ามาถอดรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะและถือกล่องโฟมเดินเข้าครัว พร้อมๆกับผมที่พาร่างตัวเองไปนั่งจ๋องเปิดทีวีดูการ์ตูนเน็ตเวิร์ค
ไม่นานไอ้เด็กม.ปลายก็เดินออกมาพร้อมจานสองใบที่จากกลิ่นนี่รู้เลยว่าเป็นอาหารสิ้นคิดอย่างผัดกะเพราเดินตรงมาทางผมแล้วยื่นจานให้ ก่อนที่มันจะทิ้งตัวลงข้างๆ
“กินเสร็จก็มีการ์ตูนตรงมุมนู้นอ่ะ รื้ออ่านได้” ผมว่าแล้วบ่ายหน้าไปที่ตู้ที่อัดแน่นเอี๊ยดไปด้วยหนังสือการ์ตูน
“อืม” มันพยักหน้ารับ “นี่ผม...มากวนพี่ป่าว?”
“ก็ไม่นะ” ดีซะอีก มีคนหาข้าวให้แดกฟรี ฮ่าๆๆ
“แล้วอยู่ได้ถึงตอนไหนอ่ะ”
“แล้วแต่มึง” ผมยักไหล่ให้แบบไม่ยี่หระ
“อื้ม.... ขอบคุณ” มันคลี่ยิ้มบางๆให้ผมอีกครั้ง เชี่ยเอ๊ยยยยยย เกือบหล่อและถ้าไม่ติดตรงยางดัดฟันสีช็อคกิ้งพิ้งค์นั่นน่ะ
“มึงยังไม่เป็นเปลี่ยนยางอีกรึไง ติดใจหรอฮะ?” นี่ก็ผ่านมาจะ 2 เดือนแล้วนะ หรือผมจะทำให้มันค้นพบความชอบของตัวเองวะ? แถมสีแม่งก็สดบาดตาได้ทุกครั้งยังไม่ซีดด้วย
“วันหมอนัดไปตรงกับตอนเข้าค่ายพอดีอ่ะ” มันหุบปากลงแล้วเอาลิ้นไล้ไปตามแนวฟันแบบอายๆ
“มึงก็ต้องใช้ไป 2 เดือนเต็มๆอ่ะนะ?” ผมทำหน้าเหยใส่
“ก็ขอนัดใหม่ได้นะ แต่ขี้เกียจ....” มันว่าแบบไม่ได้ใส่ใจ เปลี่ยนไปสนใจทีวีแล้วตักข้าวเข้าปาก
“นั่น.... กูจะฟ้องเฮีย” ผมขู่ไปแบบไม่ได้ใส่ใจแล้วเอาช้อนที่มีข้าวพูนๆยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆตาม
“เฮีย?”
“อ่า...... เฮียกู๊ดหมอฟันมึงอ่ะ พี่ชายแท้ๆกูเลย”
“หือ? อ๋อ..... นั่นสิ ชื่อก็คล้ายๆกันเนอะ อายุห่างกันเยอะเลยดิ”
“อือ 9 ปีอ่ะ เออ....พูดถึงเรื่องชื่อ มันเป็นข้อเสียของคนเกิดเป็นน้องจริงๆนะเว่ย คนอื่นแม่งชื่อเขามีความหมายกันหมดแต่ชื่อกูดันมีเหตุผลแค่ว่า ‘ตั้งตามพี่’” ว่าแล้วก็ยัดข้าวเข้าปากอีกคำ ยิ่งคิดยิ่งแค้นเฮียว่ะ ความสูงก็เอาไป ความหล่อก็เอาไป ยังมาเป็นตัวกำหนดชื่อผมอีก แม่ง ฮ่าๆๆๆๆ
“ฮะๆๆ” ไอ้โฟล์คหัวเราะ แบบที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันหัวเราะเพราะอะไร แต่......ผมว่ามันก็ดีแล้วล่ะ เวลาไอ้ห่านี้ยิ้มหรือหัวเราะแล้วดูสดใสสว่างจ้าดี
สะ...สด สดใส?
‘มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้น’ เสียงไอ้เยียร์ดังก้องขึ้นมาในโสตประสาท
ตั้งแต่เมื่อไหรวะที่มันยิ้มให้ผมถี่ขนาดนี้?
แล้วตั้งแต่เมื่อไหรวะ ที่รอยยิ้มมันดูสว่างขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้?
‘กูว่ามึงชอบเขาว่ะ’ เสียงไอ้เยียร์ยังไม่ทันจะหาย เสียงเฮียแม่งก็แทรกเข้ามาตีกันให้ยุ่งไปหมด โอ๊ยยย อันแรกน่ะพอเป็นไปได้เว่ย แต่อันที่สองนี้ไม่ใช่แล้วมั๊ง!
‘มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้น’
‘กูว่ามึงชอบเขาว่ะ’
‘มีคนน้อยมากที่มันอยู่ด้วยแล้วจะทำตัวสดใสขนาดนั้น’
‘กูว่ามึงชอบเขาว่ะ’
ว๊ากกกกกกกกก ออกไปเลยนะ ออกไปให้หมด!! มาบุกรุกพื้นที่สมองชาวบ้านเค้าได้ไงเนี๊ยฮะ!?
“อ อ่า.....แล้ว....แล้วทำไมมึงถึงชื่อโฟล์คอ่ะ” ผมกลับมาคุยกับมันต่อเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเจอมันที่จ้องผมอยู่ด้วยสายตาสงสัยว่าทำไมอยู่ๆถึงเงียบไป
“......ไม่รู้ดิ”
“แม่มึงชอบรถโฟล์คป่าว?”
“ความจริงชื่อผมมันมาจาก โฟล์ค F-O-L-K น่ะ”
“หือ? ที่แปลว่าพื้นบ้านอ่ะนะ?”
“อือ”
“ตลกว่ะ น้องพื้นบ้าน ฮ่าๆๆๆๆๆ แล้วทำไมถึงเขียนว่า Volk แบบรถโฟล์คอ่ะ” จำมาจากไลน์น่ะ ถึงตอนนี้ผมจะเปลี่ยนชื่อให้มันใหม่ไปแล้วก็เถอะ
“ไม่รู้สิ.... มัน....ไม่มีความหมายมั๊ง” .........นี่มึงตั้งประชดอะไรรึป่าววะ นั่น....กูอุส่าพามันออกมาจากห้วงลึกหุบเหวดราม่าได้แล้วเชียวนะ... เสือกวกกลับเข้ามาได้อีกสิน่า...
“แต่...... มันก็มีค่านะเว่ย” ผมแถมรอยยิ้มบางๆแล้วยักคิ้วข้างเดียวให้มันอีกหนึ่งดอก เสี่ยวชิบหายเลยกู.....
แต่ถ้ามันยิ้มได้แบบนี้ก็ดีแล้วแหละ.....
ไอ้ชิบหายเอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มึงไปสมัครนายแบบไป๊!!!
-------------------------------------------
ปลายพู่กันค่อยๆปาดสีลงบนกระดาษที่ขึ้นโครงลงปากกาไว้แล้วด้วยฝีมือผมที่ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงาน งานสีน้ำเป็นอะไรที่ผมไม่ค่อยชอบ มันลงผิดง่าย แก้ยาก สีชอบไหลชอบซึมไปปนกันแล้วเละโดยเฉพาะกับไอ้คนไม่ได้ใจเย็นอะไรแบบผม
ไอ้ผมห่านี่ก็ชอบร่วงลงมาจริงวุ๊ย เจริญเติบโตกันเร็วชิบหาย เพิ่งไปตัดมาไม่นานเอง เดี๋ยวพ่อจับตัดสกินเฮดมันซะเลยดีมั๊ย!
“เฮ๊ยมึงๆ” ผมออกปากเรียกไอ้เด็กม.ปลายที่นอนคว่ำเอกเขนกอยู่บนโซฟาอ่านการ์ตูนที่ดูเหมือนมันจะถูกอกถูกใจเอาการอยู่ข้างหลัง
“หือ?”
“เข้าไปในห้องน้ำในห้องกูอ่ะ มันจะมีที่คาดผมอันดำๆอ่ะ บนซิงค์ เอามาให้หน่อย” ไม่มีเสียงตอบรับ แต่เสียงเสียดสีเนื้อผ้าโซฟาทำให้ผมรู้ว่ามันคงลุกไปหยิบให้แล้ว
“อันนี้ป่ะ”
“อือๆ ขอบใจๆ” ผมรับที่คาดผมสีดำๆมาคาดไว้เอาไอ้หน้าม้าน่ารำคาญนี่ขึ้นไป แม่ง ก่อความรำคาญให้กูหลายครั้งแล้วนะ เราคงได้เจอกันจริงๆเข้าซักวันแหละสกินเฮด
“ห้องนอน?”
“หา? อ๋อ... อือ สวยอ่ะดิ” ผมยองานตัวเองแล้วหันไปยักคิ้วให้ไอ้เด็กหัวเกรียนสองที ภาพที่ผมกำลังลงสีอยู่นี่เป็นโจทย์ของห้องนอนครับ ซึ่งเรื่องออกแบบนี่เรียกได้ว่าหวานหมูเลยสำหรับคนที่คลุกคลีอยู่แต่กับห้องนอนแบบผม.... ผมรักมัน ฮ่าๆๆ
“อือ” มันตอบรับง่ายๆแล้วลากเก้าอี้ตัวเล็กใกล้ๆมานั่งข้างๆ นั่งลงเงียบๆเหมือนสนอกสนใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรตราบใดที่มันยังไม่ก่อความวุ่นวายหรือสร้างความรำคาญ กลับรู้สึกดีซะอีก งานเรามีคนชม งานเรามีคนสนใจ
ผมยังคงก้มหน้าก้มตาปาดปลายพู่กันลงบนกระดาษอย่าง(พยายาม)ไม่รีบร้อน ริมฝีปากก็ยิ้มตามแถมฮัมเพลงเบาๆกับผลงานที่ดูเหมือนจะออกมาได้สวยอย่างเคยตัว ทั้งๆที่งานสีน้ำผมนี่ปกติจะออกมาถูๆไถๆแท้ๆ สงสัยวันนี้มือขึ้นเว๊ย
อืม..................ทำไมกูรู้สึกเหมือนมีคนมอง
และจากสกิลการเหลือบตาขึ้นด้วยความไวเหนือผู้หญิงแย่งซื้อของเซลล์ของผมนั่นเอง!!!!! .............ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า ไอ้เด็กม.ปลายที่กำลังทอดสายตาไปบ่นแผ่นกระดาษเพลินๆเหลือบตาขึ้นมามองผมอย่างสงสัยเหมือนจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า อยู่ๆก็หยุดทำไป
“อ... ไอ้เหี้ย!!! สี่ทุ่มกว่าแล้วนี่หว่า! มึงกลับไงเนี่ย?” ผมร้องตาโตเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนผนังห้องพอดี ไอ้ผมก็ทำงานเพลิน ใจจริงกะว่าซักสองทุ่มก็จะไล่มันกลับแล้ว
“เอา’มอร์ไซค์มาอ่ะ”
“มึงจะขับ’มอร์ไซค์กลับบ้านตอนนี้อ่ะนะ?” บ้านแม่งก็ไม่ใช่ใกล้ๆ
“........อือ” ทำไมน้ำเสียงมึงดูไม่ค่อยมั่นใจเลยวะ
“เฮ้อ.......” เม็ดเลือดแดงกูตายไปอีกแล้ว 7 ตัวสินะ เพราะมึงคนเดียวเลยไอ้ห่า “จะนอนนี่ไหมล่ะ”
“ได้หรอ?” มันเอียงคอหน่อยๆเหมือนไม่เชื่อ
“อือ เช้าๆค่อยกลับบ้านไปเปลี่ยนชุด” เป็นห่วงมั๊ง ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ หล่อทั้งหน้าหล่อทั้งใจ ห่วงใยทุกคน ฮิ้ววววว
-------------------------------------------
“วันนี้กูยกหมอนข้างให้วันนึง ฮ่าๆๆๆๆ” ผมว่าน้ำเสียงทะเล้นปนขัน ตบหมอนข้างที่วางไว้ข้างตัวเบาๆให้ไอ้เด็กสูงเปรตที่ยืนเช็ดหัวอยู่ปลายเตียงยิ้มเขินๆ แล้วเอื้อมตัวไปหยิบโทรศัพท์มาอัพเดทสังคมซักหน่อย
แน่นอนว่าคนฮอตอย่างผมเมื่อห่างหายจากโทรศัพท์ไปนานย่อมมีแจ้งเตือนเป็นแสน ฮ่าๆๆๆ ไม่ชวนไปกินเหล้าก็ขอลอกงานแหละครับ แน่นอนว่าอันแรกปฏิเสธ เวลานอนยังแทบไม่มีนับประสาอะไรกับการกินเหล้าเข้าผับ อันที่สองก็ส่งต้นฉบับให้เพราะผมก็ลอกเขามาอีกที ฮ่าๆ สาวๆก็ทักมาเยอะอยู่ อันนี้ผมก็ตอบเท่าที่มีเวลาน่ะนะ คุยเยอะเดี๋ยวกลายเป็นให้ความหวังอีก ไม่ตอบก็เดี๋ยวกลายเป็นว่าหยิ่ง.... เกิดมาหล่อนี่มันวางตัวยากเนอะ ฮ่าๆๆ
แต่ก็มีคนนึงนะที่ผมจะทักไปก่อน....
[Card: นอนยังๆ]
[Card: เราจะนอนแล้วแหละ]
[Card: เลยมาบอกราตรีสวัสดิ์ก่อน 555]
[Card: ฝันดีค่ะ]
[Card: *สติ๊กเกอร์กู๊ดไนท์*]
ให้ทายว่าใคร............................... เยสสสสส แกรนด์ไง ฮ่าๆ
ผมยอมรับเลยครับว่าแกรนด์เป็นผู้หญิงที่คุยด้วยแล้วไม่เบื่อจริงๆ ภายนอกดูน่ารักนะ แต่นิสัยนี่ออกจะติดเกรียน แต่ไม่เป็นไรๆ ผมชอบ น่ารักดี ชีวิตมีสีสัน ฮ่าๆๆ ว่ากันตามตรงเลยนะ แกรนด์เนี่ยเป็นผู้หญิงคนแรกของผมเลยครับที่เป็นฝ่ายเข้าหาผมก่อนแล้วผมรู้สึกว่าน่าสนใจ คือพอคุยแล้วไม่ได้ออกตัวแรงเหมือนคนอื่น ออกจะแนวเพื่อนกันมากกว่า ผมชอบแบบนี้แหละ แต่ก็ยังไม่มีอะไรแน่นอนเลยครับ สถานะก็คงจะอยู่ที่ ‘คนที่คุยๆกัน’ แหละมั๊ง
ผมมองข้อความที่ส่งแล้วยิ้มให้เบาๆ คนที่ผมชอบตอนนี้น่ะ น่าจะเป็นคนนี้มากกว่า
“ปิดไฟนะ”
“อือ” ผมขานรับ เอาไอโฟนไปชาร์จแบต แล้วซุกตัวลงใต้ผืนผ้าห่มสีเทาๆ ไฟกลางห้องถูกปิดลงเหลือแต่โคมไฟที่ให้เพียงแสงสลัวๆ
ความจริงห้องชุดนี่มันประกอบไปด้วย 2 ห้องนอนครับ แต่อีกห้องหนึ่งนี่ยกให้เป็นที่อยู่ของบรรดาของใช้นานาชนิดไปแล้ว ผมเพิ่งย้ายมาอยู่นี่เมื่อเทอมสองนี่เองครับ เทอมแรกอยู่หอ แต่มันทนไม่ไหวจริงๆเพราะไอ้เด็กศิลปกรรมห้องข้างๆมันยกเพื่อนฝูงมาโซโล่กีต้าร์ไล่ไอเดียและจินตนาการกันได้ทุกวันสิน่า ประจวบกันกับที่เพื่อนเฮียเขาคิดจะหายที่นี่เพราะซื้อไว้แต่ไม่ค่อยได้มาอยู่น่ะครับ เลยได้มาในราคากันเอ๊งกันเอง
ไอ้โฟล์คทิ้งตัวลงนอนหงายเหยียดตรงข้างๆผม หยิบหมอนข้างไปวางไว้บนตัวมันเอาผ้าห่มคลุมทับอีกทีแล้วใช้มือทั้งสองข้างกอดไว้หลวมๆ ตาก็มองไปที่เพดานเหมือนกำลังคิดหรือเหม่ออะไรอยู่...
ผมสาบานเลยว่าเห็นภาพซ้อนมันกลายเป็นเด็ก 5 ขวบติดหมอนข้าง ฮ่าๆๆๆๆๆ ดูตลกๆดีนะครับ ผมยังนึกขำทุกครั้งเลยเวลานึกว่าไอ้เด็กตัวโตๆอย่างมันจะต้องนอนกอดหมอนข้างทุกคืน
แต่ถ้ามองอีกมุมนึง.... มันก็น่ารักดีนะ
“พรุ่งนี้มึงจะตื่นกี่โมง ตั้งนาฬิกาปลุกยัง?” นี่....โชว์พาวซะหน่อย ผมชอบอยู่กับคนอ่อนกว่าตรงนี้แหละครับ ได้ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ฮ่าๆๆ
“อืม ตี 4 “
“เชี่ย เช้าขนาดนั้นเลย? แม่งมืดพอๆกับตอนนี้เลยมั๊งเนี่ย” แล้วนี่ก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า นอนแค่ 3 ชั่วโมง ไอ้ห่า...มันยิ่งมึนๆอยู่ รถจะสอยป่าววะ
“เป็นห่วงรึไง?” มันขยับตัวให้นอนท่าตะแคงหันหน้ามาทางผมแล้วเอาขาขึ้นมาก่ายหมอนข้าง
“เออดิ ช่วงนี้ข่าวรถชนแม่งเยอะจะตาย เกิดมึงตายห่าขึ้นมากูซวยนะเว่ย เพราะผิดที่ให้มึงขับรถกลับเช้าๆมืดๆ”
“นี่มันห่วงตัวเองหนิ”
“ก็ใช่ไง ฮ่าๆๆ” ผมได้รอยยิ้มบางๆจากเป็นคำตอบ ก่อนที่เปลือกตามันจะปิดลงทั้งๆที่ยิ้มอยู่อย่างนั้น เห็นอย่างนั้นผมก็เลยปิดเปลือกตาลงตามแล้วปล่อยตัวให้เข้าโหมดพักผ่อน
.
.
.
.
.
.
.
“พี่....” อือ..... ใครเรียกวะ กำลังหลับสบายๆ กูไม่ตอบหรอก แบร่
.
.
“พี่การ์ด.....” แหนะ....ก็บอกว่าไม่ตอบไง ยังจะเรียกอยู่อีก รบกวนคนจะหลับจะนอนชิบหายเลยนะมึงเนี่ย
แม้แต่ความรู้สึกของสัมผัสเบาๆตรงเอวที่ตามมายังไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกอยากกระดิกกายหรือลืมตาตื่นขึ้นมาเลยครับ อย่างนี้มันความรู้สึกไวแต่ขี้เซาใช่ไหม?
จากสัมผัสเบาๆค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดจนสามารถพาตัวผมเขยิบเข้าไปชิดกับอะไรก็ไม่รู้ที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงพร้อมเสียงตึกตักให้ได้ยินอย่างชัดเจน แถมแรงกอดรัดหลวมๆบนลำตัวก็ทำให้อบอุ่นดีจนผมรู้สึกต้องการเพิ่ม เอื้อมมือไปกอดตอบไอ้ ‘อะไรก็ไม่รู้’ นั่นแล้วครางเบาๆในลำคออย่างถูกใจ.....
ว่าแต่ไอ้ ‘อะไรก็ไม่รู้’ นี่มันเหี้ยอะไรวะ?
..........ชั่งแม่งเถอะ
....................................................อย่างนี้ก็สบายดี
-------------------------------------------
ความคิดเห็น