คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑
๑ ๐
หลังจากแน่ใจว่าไอสายนรกนั้นเป็นมัน ผมก็รีบปรี่เข้าหาเป้าหมาย ก่อนจะหยุดประจันหน้ากับมัน ถ้าเป็นในหนัง ตอนนี้กล้องก็คงอยู่มุมต่ำ แล้วถ่ายวนรอบเราสามร้อยหกสิบองศาแล้วล่ะ
“สวัสดีครับ โห... บังเอิญจัง” มันยกมือขึ้นไหว้ผม ก่อนจะทำหน้าอึนๆ ไม่รู้ว่าตั้งใจรึเปล่า แต่ภาพที่ออกมาแม่งทำให้มือผมแทบกระตุกไปสัมผัสหน้ามันซักที
สวัสดีพ่อง! นี่ตั้งใจจะกวนกันชัดๆ
แต่ที่มันพูดก็จริงแฮะ คิดดูสิ โทรเบอร์สุ่มไปมั่วๆ แต่ตัวดันอยู่ใกล้กันขนาดนี้น่ะนะ ขอบคุณพระเจ้า
“สวัสดีพ่อง!!” ผมเป็นคนปากตรงกับใจน่ะ คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น... “ไอเหี้ย! ถ้ามึงคิดจะโรคจิตก็ช่วยให้มันถูกที่ถูกเวลาหน่อยได้มั๊ยห๊ะ! นี่ถ้าเกิด’จารย์แกเฮี๊ยว ตัดสิทธิ์สอบกูขึ้นมา ไม่ซวยเลยหรอ!? มึงรู้มั๊ยว่าคะแนนกูโดนตัดไปครึ้งอ่ะ จะผ่านไหมล่ะสัส!”ผมแรพสด รัวปากด่ามันไปเป็นชุด แล้วยืนหอบแฮ่กๆ หายใจไม่ทัน แต่สายตาก็ยังคง มองหน้ามันอย่างขูดเลือดขูดเนื้อไม่ยอมเสียฟอร์ม
ผมรู้นะว่าตัวเองก็ผิด ที่ไม่ยอมปิดเสียง ไม่ยอมปิดเครื่อง แต่มันก็ผิดอยู่ดี เพราะถ้ามันไม่โรคจิตโทรมา ผมก็คงไม่เจอเรื่องซวยๆแบบนี้
“อ่า....ผมเห็นเป็นวันเสาร์นี่... ” มันบอกมาหน้าซื่อๆ “พี่อยากกินอะไรไหมครับ? เดี๋ยวผมเลี้ยงเอาไหม?”
“คิดจะชดใช้กูรึไง”
“งั้นมั๊ง....”
“ไม่เอา คะแนนกูมีค่ามากกว่าข้าวมื้อเดียวเว่ย” ผมตอบเสียงแข็ง นี่กูดูเห็นแก่กินรึไงวะ
“งั้นไปกินก่อน แล้วค่อยคิดว่าพี่ต้องการอะไร โอเคไหม?”
“......” ผมนิ่ง ขมวดคิ้วมองหน้ามัน
“ถือว่าในฐานะคนมีเบอร์โทรเหมือนกันก็ได้ หายากนะ”
เออ ตอนนี้ผมเชื่อแล้วล่ะว่าไอ้นี่มันไม่ปกติจริงๆ คนบ้าอะไร เลี้ยงข้าวคนที่เพิ่งเจอกัน แถมเพิ่งด่ามันไปหยกๆ ด้วยเหตุผลง่อยๆ แปลกๆ พิสดารพันนั้นเนี๊ยนะ!?
-------------------------------------------
และสุดท้าย ผมก็มาอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่น กับมัน ไอ้เด็กนรกโรคจิต
ไอ้นี่มันก็เป็นแค่เด็กหน้าตางั้นๆที่หาได้ทั่วไปนั่นแหละ.... โอเคๆ พูดแบบไม่อคติก็ได้วะ อุส่าไม่พูดเรื่องนี้นะเว่ย หมั่นไส้ ก็... ดี ดีแบบชิบหายมากๆ คิดดูดิพี่พนักงานแม่งหน้าแดงแถมยังเอาแต่มองมัน
หมั่นไส้โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“พี่ครับ นี่เมนูใหม่หรอครับ?” ผมชี้ภาพในเมนูที่ร้านทำไว้ซะใหญ่ ท่าจะเป็นไฮไลท์มั๊ง
“อ๋อ ค่ะ ตอนนี้มีโปรโมชั่นสำหรับจานนี้ด้วยนะคะ” เธอหันมายิ้มละไมให้
“นี่สนใจจังครับ ผมขอสองที่นะ หู.. อันนี้ยังไม่เคยกินเลยแฮะ เอาด้วยนะครับ นี่ด้วย ชุดนี้อีก นี่.... นี่.... นี่.... แล้วก็นี่ครับ” ผมยิ้มให้พี่พยักงานที่รีบบันทึกข้อมูลมือเป็นระวิงก่อนจะปิดเมนูลงเบาๆแล้วส่งคืน โดยไม่ลืมหันไปยิ้มละไมให้คุณเจ้ามือ
“กินหมดหรอ” มันถามขึ้นมาหลังจากพนักงานเดินออกไป
“ก็อยากกิน” ผมตอบมันไปส่งๆ
“ผมรู้นะว่าพี่แกล้ง” มันพูดด้วยน้ำเสียงเนือยกว่าปกติเล็กน้อย
ผมยักไหล่ ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะแกล้งทำเป็นหันไปสนใจอาหารที่เพิ่งยกมาเสิร์ฟ
“โฟล์ค” หลังจากนั่งกินไปซักพัก อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา
“หือ?”
“ชื่อผม”
“อือ” ผมตอบรับในลำคอ แล้วคีบอะไรเข้าปาก
“แล้วพี่อ่ะ ไม่คิดจะบอกมั่งหรอ?” มันขมวดคิ้วถาม
“ก็ไม่ได้ถามกูนิ”
“มันก็เป็นมารยาทนะ” มันพูดหน้าตาย
“ไอ้ฟัค!” นี่ เปลี่ยนชื่อให้ใหม่แม่ง เรื่องกวนประสาทนี่ยกให้เลย
“ชื่อพี่นี่แปลกดีจัง” ผมชะงักกึ้ก แล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง ไอ้เหี้ยนี่ มันโง่หรือแกล้งโง่วะ “อ่าว ไม่ใช่หรอ” มันพูดก่อนจะยิ้มโชว์เหล็ดดัดฟันสีเขียวมะนาวพร้อมลักยิ้มบุ๋มๆที่แก้ม กวนตีนดีนักนะ...
“พ่อแม่กูไม่ได้โรคจิตแบบมึงหรอก ที่จะตั้งชื่อลูกทุเรศๆแบบนั้น”
“เมื่อกี้พี่ยังตั้งให้ผมเลยนิ” ไอ้เหี้ย! มันหรอกด่าผมอีกแล้ว สรุปก็รู้สินะว่าผมด่า แต่ก็ยังเสือกกวนตีนให้ผมโมโหเล่น “สรุปพี่ชื่ออะไร”
“การ์ด” ผมตอบสั้นๆห้วนๆ ไม่อยากคุยกับมันแล้ว รีบๆกินรีบๆกลับดีกว่า
“ก๊าซแบบแก๊สอ่ะนะ”
“หึ การ์ดแบบการ์ดของขวัญ” ทำไมชื่อผมมันถึงชอบมีคนคิดว่าเป็นก๊าซแก๊สวะ
“อ๋อ” มันขานรับก่อนจะหันไปกินต่อ อาหารเริ่มทยอยมาเสิร์ฟเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนเต็มโต๊ะ ผมสั่งไปเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี๊ย อิ่มแล้วนะโว้ย
“กินให้หมดนะ” ไอ้โฟล์คพูดขึ้นเนือยๆหลังจากอาหารจานสุดท้ายวางลงที่โต๊ะอย่างสวยงาม
“หมดนี่ก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะสัส” ผมบอก เห็นแล้วก็กลัว ต่อให้อดอยากมาสามวันแต่ให้ยัดเข้าไปหมดนี่ก็คงไม่ไหว
“แล้วจะสั่งมาทำไมเยอะแยะ” มันถามด้วยโทนเสียงเหมือนเดิมเป๊ะ
“ก็บอกแล้วไงว่าอยากกิน”
“แล้วทำไมไม่กิน” มันถามต่อ
“เป็นมึง มึงแดกเข้าไปหมดไหมล่ะ” ผมตอบมันแบบหงุดหงิด
“ผมก็ถึงได้ถามพี่ไง ว่าสั่งมาทำไมเยอะแยะ” มันเอาคำถามเดิมมาถาม ทั้งๆที่รู้ว่าผมจงใจแกล้ง แต่ก็แกล้งถามให้รำคาญเล่น “พี่รู้ไหม... มีคนอีกมากมายที่เขาไม่มีจะกิน แต่พี่กลับกินทิ้งกินขว้างแบบนี้” มันใช้น้ำเสียงเนือยๆ เล่นซะเหมือนผมกลายเป็นตัวร้ายในละครที่มีมันเป็นพระเอก
ให้ตายสิ ผมเกลียดมันจริงๆนะ!
-------------------------------------------
14 ธันวาคม 25xx
วันนี้เป็นวันเสาร์ ตอนนี้ก็ 5 โมงกว่าแล้ว นับเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ที่ผมนั่งกองอยู่กับพื้นห้องรับแขกเพื่อทำโมเดล นี่ยังไม่ได้บอกใช่ไหม ว่าผมเรียนไอ้คณะที่งานเยอะชิบหายแถมไม่ค่อยจะได้นอน..... สถาปัตย์นั่นเองงงงงงงงง เย้~~~~~
นั่นแหละครับ งานเยอะ โมเดลแยะ ทำทีนึงก็หามรุ่งหามค่ำ วันปกตินี่ได้นอนมากสุด 2 ชั่วโมงก็ถือว่าหรูแล้วล่ะ รายงานเขียนเป็นสิบๆหน้าสั่งวันนี้ส่งพรุ่งนี้ งานสั่งในคาบส่งในคาบโดนมาหมดแล้วววววว ได้ขาวว่าปี 1 เองนะเนี๊ยยยย ไม่ต้องสงสัยเลยที่พอถึงวันหยุดยาวๆ หรืองานไม่มีจะหลับกันเป็นตาย
ผมลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจให้หายเมื่อยก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นเมื่อท้องมันเริ่มประท้วงหนัก แต่ผลลับคือ มันว่างเปล่ามาก ทั้งตู้มีแค่น้ำเปล่า นมจืด กับกล่องอาหารญี่ปุ่นที่ผมกินเหลือเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็ไอ้โฟล์คมันสั่งพนักงานให้เอาที่เหลือมาแพ๊คกลับบ้าน แล้วยัดให้ผมน่ะสิ! ไม่เอามันก็ยกปประโยคเด็ด ‘พี่ไม่สงสารคนที่ไม่มีจะกินบ้างหรอ’ มาอ้าง ผมเลยจำยอมเอามา ดูผมเป็นคนใจบุญ ขี้สงสารเนอะ แต่นั้นแหละ ทำให้วันอาทิตย์ทั้งสามมื้อ ผมกินแต่อาหารญี่ปุ่นจะอยากไปเปลี่ยนสัญชาติ แล้วก็หลงเหลือนิดหน่อยในตู้มาถึงวันนี้นี่แหละ
พูดถึงไอ้โฟล์ค ตั้งแต่วันนั้น ผมกับมันก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้ติดต่อกันเลย นับว่าชีวิตปกติสุขดีครับ
Ice cream Ice cream . I'll melt you down like Ice cream. Ice cream Ice cream. I'll melt you down like Ice cream~~~~.
เสียงริงโทนโทรศัพท์ผมดังขึ้น ทำให้ต้องเดินวนกลับไปที่ห้องรับแขก เพื่อจะรับสายโทรศัพท์ ที่จำได้ว่าวางไว้แถวโซฟา
แต่เบอร์ที่โทรมาก็ทำให้ผมชะงัก
“มึงนี่ท่าทางจะตายยากนะ” ผมพูดออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าหน้าจอโชว์เบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ของไอ้เด็กกางเกงน้ำเงิน ที่เบอร์มีเลขเก้าตัวเหมือนผมเปี๊ยบ ต่างก็แค่ตัวเดียวที่ตามหลัง 08
“มีไร” ผมกรอกเสียงลงไป
(พี่คิดออกยัง) ปลายสายถามมา
“ยัง” ผมตอบไปเรียบๆ ได้ยินเสียงมันแล้วแค้นแปลกๆ ผมได้แค่ 4 ต้องเอารายงานมานั่งเขียนมือหงิก นี่ถ้าไอ้โฟล์คมันไม่คิดโรคจิตๆ ผมก็คงได้ 9 ไปแล้ว... เรียกได้ว่าท๊อปเลยนะ โถ่เว๊ย! นี่ผมจะทำยังไงให้หายแค้นมันดีเนี๊ย!!
“ไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ”
ผมกดวางสายก่อนจะหันไปสนใจงานต่อ ไม่ได้ฟังว่ามันพูดอะไรอีก รำคาญ เกลียด แค้น หมั่นไส้มัน!
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงง!
เสียงกริ่งยาวๆเรียกให้ผมต้องวางงาน ก่อนจะเดินไปเปิดประตู น่าจะเป็นพี่ชายผมนี่แหละ ผมย้ายมาอยู่คอนโดใกล้มหาลัยน่ะครับ
“ไอ้เหี้ย!!!” แต่แล้วผมก็ต้องตกใจเมื่อเปิดประตูออกมาไม่ได้เจอพี่ชายตามที่คิด จนต้องสบถแหกปากลั่น เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าผมไม่ใช่เฮียกู๊ด แต่เป็นไอ้เด็กม.ปลายที่เพิ่งจะวางสายผมไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วตางหาก!
“เซอร์ไพส์” บุคคลที่ผมไม่คิดว่ามันจะมาปรากฏตัวพูดออกมาน้ำเสียงเรียบๆ หน้านิ่ง แต่ดูกวนตีนตามแบบฉบับของมัน
...
ขอเวลาเดี๋ยวนะ...
ผมกำลังอึ้ง...
เซอร์ไพส์พ่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!
-------------------------------------------
มาแก้ + รีไรท์รอบที่ 2 ค่ะ #ไม่เอารอบสามแล้วนะ 55555
ความคิดเห็น