ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : [SongFic] Tao x Baekhyun - ไกล แค่ไหนคือ ..ใกล้..
Title: ไกล แค่ไหนคือ ..ใกล้..
Pairing: Tao x Baekhyun
Author: BettyNoona
Note: *วิ่งหนีรองเท้า*
“แบคฮยอนตื่นได้แล้วค่ะลูก” เสียงปลุกของมารดาเรียกให้ลูกชายตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงนอนค่อยๆลืมตาตื่น ดวงตาเรียวหันมองนาฬิกาข้างหัวเตียง ...ตี5... สองแขนเล็กค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง ปรับโฟกัสของสายตาสักแปบก่อนที่จะก้าวเท้าลงจากเตียงไปจัดการกับตัวเองก่อนที่จะลงไปด้านล่าง
ใบหน้าน่ารักมองจ้องเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกแล้ววาดรอยยิ้มส่งกำลังใจให้ตัวเองอย่างเช่นทุกเช้า เวลาเช้าขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นๆก็คงไม่ตื่นและแน่นอนคนนี้ก็ไม่อยากตื่นนักหรอกถ้าไม่ใช่ว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนขี้เซาอย่างพยอนแบคฮยอนต้องตื่นเช้าขนาดนี้
“สู้ๆนะแบคฮยอน” เอ่ยให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากห้องน้ำแล้วลงไปด้านล่างทันที ภายในห้องครัวปรากฏร่างของมารดาที่ยืนทำอาหารเช้าดั่งเช่นทุกเช้า ลูกชายตัวเล็กก็เดินเข้าไปเตรียมหยิบอุปกรณ์ของตัวเองบ้าง
“วันนี้แบคฮยอนจะทำอะไรจ๊ะ” มารดาหันไปยิ้มหวานส่งให้บุตรชายที่กำลังเขย่งหยิบถาดจากชั้นบน แบคฮยอนหยิบถาดออกมาแล้วก็หันไปส่งยิ้มให้มารดา
“ทำแซนด์วิชครับคุณแม่ แล้วเช้านี้มีอะไรทานครับ” เรียวปากเล็กวาดรอยยิ้มเอาใจคุณลูกตัวดีที่วันนี้เข้ามากอดอ้อน เวลาเหนื่อยล้าแล้วต้องการกำลังใจกอดร่างนุ่มนิ่มของมารดาและสูดกลิ่มหอมๆจากกายของผู้เป็นแม่นี่ สดชื่นดีนักแล
“ก็ของโปรดคุณลูกชายนั่นล่ะ ทั้งแกงกิมจิแล้วก็แฮมเบอร์เกอร์ทอดสุดโปรดของคนแถวนี้ล่ะ~”
แบคฮยอนเริ่มต้นทำแซนด์วิชดั่งที่ตั้งใจไว้ วันนี้มีทั้งไส้ทูน่าแล้วก็แฮมชีสด้วย ของโปรดของใครบางคน คนที่ต่อให้ทำอะไรไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้อยู่ใกล้หัวใจดวงนั้นเสียที เมื่อวานเพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มนั้นเปรยๆว่าอยากกินก็เป็นผลให้แบคฮยอนคนนี้ลุกขึ้นมาทำให้ ไม่ใช่แค่เมื่อวานแต่เป็นทุกวัน เป็นมาสองปีแล้ว ทำไปก็รู้ว่ามันไร้ประโยชน์ แต่แค่เพียงรอยยิ้มที่ดีใจและอ้อมกอดที่มอบให้แค่นี้ก็ทดแทนความรู้สึกต่างๆได้แล้ว
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแบคฮยอนก็เตรียมตัวไปโรงเรียนและไม่ลืมที่จะหิ้วกล่องข้าวที่วันนี้มีแซนด์วิชอัดอยู่เต็มกล่องใบใหญ่ไปด้วย เรียวปากบางวาดรอยยิ้มกับกล่องข้าวในมือและหวังว่าวันนี้ระยะทางของสองเราจะสั้นลงอีกสักนิดก็ยังดี ก็แค่เพียงหวังว่าใครบางคนจะรู้ว่าที่ทำทั้งหมดน่ะพยอนแบคฮยอนหวังผลนะ .. หวังให้หันกลับมามองเห็นแล้วก็รักกัน
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้เดินเข้าประตูโรงเรียน ร่างของตัวเองก็แทบถลาไปข้างหน้าเพราะแรงโถมกอดของร่างสูงยาวที่วิ่งเข้ามาหาจากทางด้านหลัง สองแขนยาวกอดรอบลำคอของคนตัวเล็กแล้วใบหน้าคมก็ก้มลงแนบแก้มลงกับขมับของคนที่ตกใจหัวใจหล่นวูบ
“เทานี่นายเล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมด!” เสียงแหลมหวีดร้องพร้อมกับฟาดมือที่กอดโอบรอบคอตัวเองเบาๆ จะตีแรงก็กลัวว่าคนด้านหลังจะเจ็บ
“แหมก็นิดหน่อยเอง ว่าแต่วันนี้มาทันนายด้วยแหะ” เทาคลายอ้อมกอดแล้วเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ แก้มของคนมองแดงระเรื่อสีจางๆ
“ทันแล้วทำไม? จะลอกการบ้านหรือไง” เทายิ้มแล้วดีดหน้าผากแบคฮยอนเบาๆ
“รู้ทันนะ ฮ่าๆๆ เปล่าหรอกก็ทุกวันมาไม่เคยทันเดินเข้าโรงเรียนพร้อมนายเลยอ่ะ วันนี้โชคดีแฮะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็จับมือเล็กๆมากุมไว้ แบคฮยอนที่เขินหนักก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ หายใจติดขัดไปหมด ก็เลยยื่นถุงกล่องข้าวให้ชายร่างสูงยาวข้างกาย
“อะไรน่ะ” เทารับมาแล้วก็ยิ้มก่อนจะค่อยๆเปิดมันออก แล้วก็พบเข้ากับแซนด์วิชที่เพิ่งบ่นว่าอยากกินแต่ก็จำไม่ได้หรอกว่าบ่นอะไรไป
“ขอบคุณนะ รักแบคฮยอนที่สุดเลย! โคตรรู้ใจอ่ะ!!” แล้วเทาก็เก็บกล่องข้าวให้เรียบร้อยก่อนที่จะกอดเพื่อนตัวเล็กไว้แนบอก ใบหน้าน่ารักแนบกับแผงอกกว้างที่แสนอบอุ่นแล้วก็หลับตาพริ้ม ริมฝีปากบางวาดรอยยิ้มอย่างสุขใจกับความอบอุ่นที่โอบล้อมกาย
“เข้าโรงเรียนกัน” เทาผละกายเล็กของเพื่อนออกแล้วจับจูงมือให้เข้าไปโรงเรียนด้วยกัน แบคฮยอนเงยหน้ามองชายหนุ่มที่สูงกว่าตนอยู่มาก ใบหน้าด้านข้างของเจ้าของความอบอุ่นที่มือนี้ช่างดูดีราวกับรูปปั้นยิ่งนัก ทำให้ผู้มองหลงใหลไปกันมันแม้แต่คนที่มองอยู่หรือนี้ ... หรือผู้คนอื่นๆก็ตาม
“เฮ้ยไอ้เทามาเช้าว่ะมึง ไปซ้อมบาสกัน!!” เสียงทุ้มของหัวหน้าทีมบาสโรงเรียนตะโกนเรียก เทาและแบคฮยอนหันไปมองตามเสียงเรียกก็เจอร่างของหัวหน้าทีมบาสกับผู้จัดการทีมที่ยืนกอดอกส่งยิ้มมาให้ เจ้าของรอยยิ้มสวยที่คนข้างกายนึกชอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะรอยยิ้มสวยๆนั้นมีเจ้าของแล้ว
“เออไปดิๆ” แล้วความอบอุ่นที่กอบกุมกันมาก็สลายไป แบคฮยอนมองตามหลังคนที่เดินผละจากไปก่อนที่ตัวเองจะเดินหนีไปอีกทางเพื่อขึ้นตึกเรียน หยดน้ำตาใสค่อยๆไหลริน ทำไมกันนะพอเขามานายถึงได้ลืมกันว่านายจับมืออยู่กับฉัน ทำไมถึงปล่อยมือฉันง่ายจัง เส้นทางระหว่างเราเหลืออีกแค่ไหนนะ
...พยายามจะทำวิธีต่างต่างให้เธอนั้นรักฉัน พยายามทุกวันมอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้…
“เอ้ากินเยอะๆนะ นายน่ะตัวเล็กเกินไปแล้ว” แล้วเนื้อหมูชิ้นใหญ่ถูกวางลงในจานของแบคฮยอน คนตัวเล็กอมลมเงยหน้ามองร่างสูงตรงข้ามที่ยิ้มกว้างส่งให้ แม้จะชอบรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้านั้นแต่ถ้ามองนานๆคนมองก็อาจจะตาบอดได้อยู่นะ แก้มใสแดงเรื่อก่อนที่จะก้มหน้าลงแสร้งทำเป็นบ่นกระปอดกระแปด
“ก็ใครจะไปตัวโตแบบนายกันล่ะฮวางจื่อเทา” เทาเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มมือของคนตัวเล็กตรงหน้า
“ก็บอกแล้วว่าให้ดื่มนมเยอะๆ” ปากเล็กยู่อย่างขัดใจ แสร้งทำเป็นไม่พอใจแล้วบ่นโน้นนี่นั่นไปเรื่อย ก็ถ้าเราตัวโตแล้วนายจะยังปกป้องเราอยู่อีกหรือเปล่าล่ะเทา..
“อ๊ะ.. ฝากเก็บจานด้วยนะแบคฮยอน” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่ร่างสูงตรงข้ามจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ววิ่งไปหาผู้จัดการทีมบาส ดวงตาเรียวที่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นก็หม่นแสงลง พยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ พยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่จะล้มได้ง่ายๆ
“ทำไมกับข้าววันนี้เค็มจังนะ” หยดกลมเม็ดใสค่อยๆกลิ้งไหลผ่านแก้มนวลไป ไม่เป็นไรนะคนเริ่ดๆอย่างพยอนแบคฮยอนน่ะไม่ล้มเลิกอะไรได้ง่ายๆหรอก มือเล็กยกขึ้นปาดเช็ดหยดน้ำนั้นก่อนที่จะก้มหน้ากินข้าวให้หมด
ระยะทางของเรามันยาวออกไปอีกหรือเปล่านะ อีกไกลแค่ไหนกว่าที่ฉันจะเดินถึงหัวใจของนายกันนะ ทั้งๆที่ฉันก็อยู่ใกล้นายมากกว่าใคร ทั้งๆที่เราก็อยู่ไม่เคยไกลกันเลย ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเส้นทางนี้มันยาวไกลจนมองไม่เห็นสุดปลายทางเสียทีนะ ฉันต้องทำอะไรอีกหรือไง ต้องทำยังไงเส้นทางเหล่านี้ถึงจะสั้นลง
“เย็นนี้ไปดูฉันคัดเลือกบาสเปล่าแบคฮยอน” เสียงทุ้มกลับมาพร้อมกับแรงโถมที่มาลงนั่งเก้าอี้ข้างๆที่เป็นที่นั่งเรียนของเจ้าตัว
“ไปได้เหรอ?” ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มให้อีกคน ซึ่งเทาก็ยิ้มรับแล้วพยักหน้า
“ได้สิ เพื่อนคนสำคัญทั้งที อีกอย่างนะถ้านายไปดูฉันต้องได้ไปแข่งแน่ๆ” แบคฮยอนยิ้มรับก่อนที่จะก้มหน้าลงทำงานที่อาจารย์สั่งให้ส่งท้ายชั่วโมงต่อ
“แค่เพื่อนเองเหรอ?” พึมพำพูดเบาๆกับตัวเอง แต่คนข้างเคียงกับได้ยินเสียนี่
“อะไรนะ?” เทาเอียงหูเข้าไปใกล้เพื่อฟังว่าเพื่อนตนนั้นพูดอะไรแต่แบคฮยอนหันหน้ากลับมาซึ่งใบหน้าคมเข้มที่ก้มลงมาอยู่ใกล้นั้นก็ห่างออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อยู่ใกล้กันเสียจนหัวใจของคนตัวเล็กเต้นรัว ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างตกใจไม่คาดคิดว่าใบหน้าคมจะอยู่ใกล้มากเสียจนมองเห็นแพขนตาที่เรียงอยู่เหนือดวงตาคมดุนั้น ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาหน้าหน้าผากของตัวเองเคาะหน้าผากมนของเพื่อนตัวเล็กเบาๆก่อนที่จะผละออก
“เฮ้ยๆ พวกมึงก็สวีทกันเกินไปไหมเกรงใจพวกกูกับอาจารย์หน่อยเว๊ย~” เพื่อนคนอื่นๆได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องแซวกัน ส่วนอาจารย์ที่นั่งตรวจงานก็แค่เงยหน้าขึ้นมามองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เทาพิงหลังลงกับพนักเก้าอี้แล้ววาดมือโอบรอบคอเพื่อนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ชิด ใกล้จนแก้มร้อนของแบคฮยอนแนบซอกคอของคนแกล้ง
“อะไรล่ะ? ก็คนเขารักกันนิเนอะ~” ว่าแล้วก็ก้มลงหอมลงบนกลุ่มผมนิ่มสีดำขลับ แบคฮยอที่ไม่รู้จะอายคนตัวโตกว่าหรืออายเสียงโห่แซวของเพื่อนก่อนดีก็ได้แต่ฟาดมือลงต้นขาของคนข้างกายแรงๆ
“แกล้งฉันอยู่ได้!” แบคฮยอนผละตัวออกแต่ก็ถอยออกไปได้ไม่ไกลนักเพาระแขนยาวยังล็อคคอคนตัวเล็กไว้อยู่ ใบหน้าน่ารักนั้นมุ่ยจนคนแกล้งได้แต่หัวเราะขำๆ
“ไม่ให้แกล้งนายแล้วฉันจะไปแกล้งใครล่ะ? ก็นายเป็นเพื่อนสนิทของฉันนะแบคฮยอน!!!” คนตัวเล็กแสร้งทำหน้ารำคาญก่อนจะฟาดเข้าไปที่อกของคนแกล้งแรงๆก่อนจะดีดตัวกลับมานั่งเหมือนเดิมแล้วก้มหน้าทำงานต่อ บางทีคำว่าเพื่อนก็ไม่ต้องย้ำกันก็ได้นะ ไม่ต้องขีดเส้นสถานะให้ฉันก็ได้นะ บางทีถ้านายหันมองฉันบ้างก็คงจะดีนะ
หลังจากหมดคาบเรียนแล้วเทากับแบคฮยอนก็พากันไปที่โรงยิมเพื่อคัดตัวไปแข่งกับทีมโรงเรียนอื่น พอเข้าไปในโรงยิมแล้วเทาก็แยกตัวไปรวมกับพวกนักกีฬาคนอื่น ส่วนแบคฮยอนก็เดินไปนั่งที่แสตนด์พร้อมกับกระเป๋าหนังสือของเทาที่ฝากมาด้วย คนตัวเล็กนั่งมองตรงไปยังกลางสนามบาสก็เห็นร่างสูงยาวของเทากับนักกีฬาคนอื่นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเทาน่ะแบคฮยอนชอบที่สุดเลยนะ เรียวปากเล็กวาดรอยยิ้มตาม ทุกคนที่เห็นรอยยิ้มของเทาน่ะก็อดที่จะยิ้มตามรอยยิ้มที่มีความสุขนั้นไม่ได้หรอก
แบคฮยอนนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนที่จะหันไปเห็นเพื่อนต่างห้องที่เป็นผู้จัดการทีมบาสกำลังยกกะบะใส่ขวดน้ำเดินเข้ามาในโรงยิม วันนี้หัวหน้าทีมบาสยังไม่มาก็เลยต้องยกมาคนเดียวแต่ตอนนี้คนช่วยก็วิ่งเข้ามาช่วยถือเสียแล้ว เทาถือกะบะขวดน้ำแล้วก็ยิ้มคุยกับคนนั้นอย่างร่าเริง รอยยิ้มสวยนั้นก็มองส่งคืนให้เทาเช่นกัน ทั้งสองคุยอะไรกันแบคฮยอนไม่ได้ยินหรอกรู้แค่ว่าภาพตรงหน้ามันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนบาดลึกไปถึงข้างใน
คนตัวเล็กนั่งมองการแข่งขันตรงหน้า ผู้เล่นทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสองทีมแล้วให้แข่งกันเอง การแข่งนั้นก็เสมือนจริงทั้งการกระทบกระทั่งและการทำสกอร์ ใครสักคนจากทีมฝั่งตรงข้ามร่างสูงยาวนั้นที่แบคฮยอนไม่รู้จักวิ่งเข้ามาสกัดแล้วชนเทาให้ล้มลงกับพื้น การเล่นหยุดชะงักทั้งคนเล่นและเกมในสนาม แบคฮยอนที่ร้องอย่างตกใจลุกขึ้นและหมายว่าจะวิ่งเข้าไปดูร่างสูงที่นอนกุมแขนอยู่กับพื้น แต่ทว่า.. ก็ช้ากว่าผู้จัดการทีมคนนั้นที่วิ่งเข้าไปหาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ ใบหน้าของเทาดูอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะเจ็บตัว ... หรือเพราะมีเขาคนนั้นคอยดูแลอยู่ข้างๆกันนะ
“ดีใจด้วยนะเทา” แบคฮยอนเอ่ยกับร่างสูงข้างกายที่เดินกลับบ้านพร้อมกันหลังจากคัดเลือกตัวเสร็จ และแน่นอนว่าฮวางจื่อเทาต้องติดรายชื่อนักเล่นตัวจริงอยู่แล้ว
“อืม ขอบใจมากก็เพราะนายไปนั่งเชียร์นั่นล่ะ” แล้วคนตัวสูงกว่าก็ก้มลงมายิ้มกว้างๆคนเพื่อนตัวเล็ก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย นายต่างหากที่เป็นคนเล่น” เทายิ้มแล้วกอดคอคนตัวเล็กไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน วันนี้คนข้างกายดูมีความสุขมาก นัยน์ตาดุคมนั้นฉายแววประกายดีใจจนปิดไม่มิด
“ไม่หรอกก็เพราะมีนายเชียร์อยู่ไงฉันถึงได้เล่นเต็มที่เลย นายนี่เป็นเพื่อนรักฉันแล้วยังเป็นตัวนำโชคอีกนะ” แบคฮยอนก้มหน้าลงยิ้มเยาะตัวเองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วยู่หน้าใส่คนตัวสูงกว่าที่ยิ้มหน้าทะเล้น
“นายก็เป็นตัวนำโชคของเราเหมือนกัน ... โชคร้ายน่ะนะ ฮ่าๆๆ” แม้ว่าแบคฮยอนจะหัวเราะแต่ก็ไม่รู้ทำไมเสียงหัวเราะมันถึงได้ดูฝืนอย่างนั้น และเทาที่ควรจะโวยวายแล้วหาเรื่องแกล้งตนกลับนิ่งเงียบแล้วมองเลยไปยังถนนฝั่งตรงข้าม ที่หน้าร้านไอศกรีมสีชมพูหวานนั้นมีร่างของหัวหน้าทีมบาสกับผู้ที่เป็นทั้งผู้จัดการทีมและผู้ครองหัวใจยืนจับมือป้อนไอศกรีมให้กัน ดวงตาคมนั้นหม่นแสงลง หม่นจนแสงระยิบระยับคล้ายดวงดาวสะท้อนผิวน้ำถูกกลืนหายไป สองมือเล็กของแบคฮยอนแนบเข้าที่แก้มของชายหนุ่มแล้วผินหน้าให้หันมามองที่ตัวเอง
“ไปกินข้าวบ้านเราไหมเทา?” แบคฮยอนยิ้มกว้างหมายที่จะเอาใจคนข้างกายแต่เทากลับจับสองมือของแบคฮยอนออกแล้วส่ายหน้าปฏิเสธก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง เพราะบ้านของเทาถึงก่อนแบคฮยอน คนตัวเล็กที่ยืนมองตามหลังก็ได้แต่ก้มหน้าเก็บเสียงสะอื้นปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินกระทบลงพื้น เจ็บปวดที่กายคงไม่เท่าไหร่ สัมผัสเมื่อครู่ที่เอามือตนออกนั้นช่างเย็นชาและเสียดแทงยิ่งนัก เจ็บที่กายไม่เท่าไหร่แต่บาดลึกลงที่หัวใจนี่สิ เจ็บจนเจียนตายเลย ทางตรงหน้ากลับพร่าเลือนและขุ่นมัวไปหมด มองแทบไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นสิ่งใดจริงๆ ทางข้างหน้าไม่มีสิ่งใดเลย
“จะให้ฉันทำยังไงล่ะจื่อเทา นายถึงจะหันมาสนใจฉันบ้าง”
...แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร…
คุณเคยถูกผีอำไหม? อาการอึดอัดที่ถูกกอดรัดและอากาศที่แทบจะไม่มีหายใจ ร่างกายก็ขยับไม่ได้ตามที่ใจอยาก เรียวคิ้วขมวดมุ่นเป็นปมก่อนที่จะคิดวิเคราะห์ว่าต้องโดนผีอำแน่ๆ พอคิดว่าตัวเองอาจจะโดนสิ่งเหนือธรรมชาติเล่นงานก็เกิดอาการกลัวขึ้นมา คิดถึงใครบางคนที่อยากให้มาช่วยไล่ผีออกไปเสียเหลือเกิน
“ฮือ... อย่าทำอะไรเลยนะ เดี๋ยวเราจะสวดมนต์ให้นะ ถึงเราจะสวดไม่ค่อยเป็นก็เหอะ” ก็หลับหูหลับตาระล่ำระลักบอกไปไม่ยอมลืมตาขึ้นมาดูเพราะกลัวว่าจะเจอใบหน้าของสิ่งนั้นอยู่ตรงหน้า สิ่งนั้นค่อยๆขยับตัวแต่พยอนแบคฮยอนที่ยังหลับตาปี๋ก็หวาดกลัวสั่นไปทั้งตัว
“กลัว..มาก..ไหม..” เสียงยานคางเอ่ยถามซึ่งคนตัวเล็กที่นอนสั่นอย่างหวาดกลัวก็พยักหน้ารับ
“ลืม..ตา..สิ” แล้วเสียงยานคางนั้นก็เอ่ยกระซิบอยู่ข้างหู แบคฮยอนส่ายหน้ารัวๆก่อนที่จะหยุดนิ่งเมื่อรับรู้ถึงลมร้อนของลมหายใจที่เป่ารดอยู่ใกล้ๆนี่สิ ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆลืมเปิดขึ้นแล้วหันไปหาผีตนนั้น รอยยิ้มกว้างที่คุ้นตาถูกส่งมาให้ หยดน้ำตารื้นคลอที่รอบหน่วยตาเล็ก
“ไอ้บ้าเทา ตกใจหมดเลย!!!” มือเล็กฟาดเข้าที่อกคนแกล้งเสียเต็มแรง เทาส่งเสียงหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจที่แกล้งเพื่อนตัวเล็กได้ หยดน้ำตาไหลรินออกจากทางหางตา ปลายเรียวนิ้วแข็งปาดเช็ดให้แล้วโอบกอดคนตัวเล็กเข้ามาแนบอกแล้วลูบหลังเบาๆ
“กลัวมากเลยเหรอ ขอโทษนะก็แค่จะปลุกให้ตื่นเอง” ใบหน้าที่ชื้นน้ำตาพยักหน้ารับ แต่จริงๆแล้วที่มาของน้ำตาน่ะก็แค่ดีใจ ดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วคนที่คิดถึงอยู่ในความคิดปรากฏอยู่ตรงหน้าจริงๆ จะผีจริงหรือผีปลอมแต่ขอให้คนตรงหน้ายังคงไม่ผลักไสและยังคงปกป้องตนแค่นั้นก็พอแล้ว
“แล้วมาทำไมน่ะ” หลังจากที่ร้องไห้ซบกับแผ่นอกอุ่นๆอยู่นานจนน้ำตาเหือดแห้ง คนตัวเล็กก็ค่อยๆผละออกจากอ้อมกอด ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนจากลูบแผ่นหลังเล็กเปลี่ยนมาลูบกลุ่มผมนิ่ม
“ก็มาทำรายงานน่ะสิ ก็นัดไว้ไม่ใช่หรือไง”
“เออจริงด้วย” แล้วคนขี้ลืมก็โดนเขกหัวไปหนึ่งที
“โอ๊ย!! ไอ้เทาบ้า เจ็บนะ” เทายิ้มแล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะฉุดคนที่ยังนอนกลิ้งให้ลุกขึ้นนั่งตาม อ้อมแขนยาวตวัดกอดร่างเล็กๆเข้ามากอด
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เหม็น!” แล้วคนขี้แกล้งก็วิ่งลงจากเตียงออกไปนอกห้องพร้อมกับเสียงหัวเราะ แบคฮยอนที่คว้าหมอนได้แต่ก็ไม่ทันเพราะบานประตูนั้นปิดไปเสียแล้ว
“ไอ้บ้า..” ด่าตามหลังแต่รอยยิ้มก็ประดับอยู่บนใบหน้า แค่นี้ก็รับรู้ได้แล้วว่า ทุกวินาทีของแต่ละวันนั้นอยู่เพื่อใคร ถ้าไม่ใช่คนที่เพิ่งแกล้งตัวเองเมื่อครู่ ถ้ายังไม่หมดเวลาพยอนแบคฮยอนก็ไม่หยุดรักหรอก ต่อให้หมดลมหายใจความรักนี้ก็จะไม่มีวันสิ้นสุด
แบคฮยอนที่อาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินลงมาจากบันได ร่างสูงที่นั่งอยู่บนพื้นเล่นโน้ตบุคของตัวเอง แค่มองริมฝีปากเล็กก็วาดรอยยิ้มด้วยความสุขแล้ว เมื่อครู่คนตัวสูงแกล้งเขาแต่รอบนี้เป็นการเอาคืนโดนพยอนแบคฮยอน!!
คนตัวเล็กที่ค่อยๆย่องเข้าไปด้านหลังหมายว่าจะหลอกให้อีกคนสะดุ้งตกใจ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆแผ่นหลังกว้างนั้นก็เห็นว่าในหน้าโน๊ตบุคนั้นเป็นรูปภาพของคนที่ร่างสูงนี้รักหมดหัวใจ เพียงแค่นี้แบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนว่าลมหายใจของตัวเองถูกลิดรอนอีกครั้ง อยากจะฆ่าฉันให้ตายเลยใช่ไหม ฉันต้องทำยังไง ต้องทำอะไรอีกนายถึงจะหันมารักฉันเสียที
“เทา ไปกินข้าวกันเถอะ” เอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่น เทาสะดุ้งแล้วหันมาหาก็เจอเข้ากับเพื่อนตัวเล็กที่ส่งยิ้มแปลกๆมาให้ เทายิ้มรับแล้วพับหน้าจอลง
“ไปดิ หิวจะแย่อยู่แล้วอาบน้ำนานเชียวนะ” เทาเดินมาคว้าข้อมือเล็กแล้วพาจูงไปทานข้าวเช้าด้วยกัน ดวงตาเล็กมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าแล้วก็ก้มหน้ายิ้มเยาะตัวเอง สมเพชตัวเองชะมัดเลย
“มาจ๊ะเด็กๆมาทานข้าวกัน เดี๋ยวคุณแม่ต้องเอาแฟ้มเอกสารไปให้คุณพ่อนะทานกันไปเลยนะ” มารดาของแบคฮยอนหันมายิ้มเมื่อเห็นลูกชายและเพื่อนลูกชายเดินเข้ามาในห้องทานอาหาร เธอเดินเข้ามาหอมแก้มบุตรชายแล้วลูบหัวกลมๆของบุตรในอุธรณ์เบาๆ
“ทานข้าวกันเถอะ” พอได้ชาร์ตพลังแล้วแบคฮยอนก็กลับมายิ้มร่าเริงอีกครั้ง หลังจากที่มารดาออกจากบ้านไปทั้งสองก็มานั่งทานข้าวเช้ากัน
เทากับแบคฮยอนช่วยกันหาข้อมูลและทำรายงานกันอยู่นานกว่าที่จะเสร็จ แบคฮยอนเอนหลังไปพิงกับโซฟาก่อนที่จะเอนหัวลงนอนบนที่นั่งของโซฟา ร่างสูงข้างกายเองก็ทำเช่นเดียวกัน ดวงตาดุหันมองใบหน้าด้านข้างของคนข้างกายที่หลับตาพริ้มแล้วก็ยิ้มออกมา นิ้วยาวเอื้อมไปทัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดใบหูขาวก่อนที่จะจิ้มแก้มคนที่ยังนอนหลับตาอยู่ในลืมขึ้น แบคฮยอนหันหน้าไปมองใบหน้าคมที่ส่งรอยยิ้มมาให้ในระยะประชิด หัวใจก็เต้นรัวเสียจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
“พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ ไปเที่ยวกันไหม? เดี๋ยวเลี้ยงหนัง” เทายักคิ้วให้คนที่ชอบดูหนังฟรีและรู้ว่าเพื่อนตัวเล็กต้องตอบตกลงแน่ๆ
“ฟรีเหรอ? ไปดิๆๆ” แบคฮยอนยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายตอบรับ จริงๆแล้วแบคฮยอนแล้วไม่ได้ชอบดูหนังฟรี แต่แบคฮยอนชอบดูหนังกับเทา
“พรุ่งนี้เที่ยงไปเจอกันที่หน้าเซ็นเตอร์นะ แต่งตัวน่ารักๆด้วยล่ะ” แบคฮยอนย่นจมูกใส่
“ถึงจะแต่งธรรมดาฉันก็น่ารัก!!!” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะประสานเสียงไปด้วยกัน แบคฮยอนแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของร่างสูงที่ดูมีความสุขและผ่อนคลาย อยากให้เวลาหยุดไว้แค่ตรงนี้จัง อยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป คนตัวเล็กค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้แล้วเอนหัวพิงไหล่กว้างไว้ เทาลืมตาขึ้นมาเห็นว่าแบคฮยอนหลับก็ไม่ได้ว่าอะไรค่อยๆเลื่อนตัวของคนหลับให้เข้ามาซบดีๆแล้ววาดแขนโอบเอวเล็กไว้ นายผอมลงหรือเปล่านะแบคฮยอน
แบคฮยอนหมุนรอบตัวเองเป็นรอบที่ร้อยกว่าๆแล้วในกระจก วันนี้เป็นวันที่เทาบอกว่าจะเลี้ยงหนัง ถ้าจะติ๊ต่างว่าเราไปเดทกันจะได้ไหมนะ คิดเองก็หน้าแดงเอง สองมือเล็กยกขึ้นปิดแก้มตัวเองไว้ก่อนที่จะยกมาพัดๆให้แก้มของตัวเองหายร้อน ดวงตาเล็กมองเงาสะท้อนของตัวเองแล้วก็วาดรอยยิ้ม วันนี้แบคฮยอนควานหาชุดน่ารักที่สุดในตู้มาเลยนะ
“แบคฮยอนไฟท์ติ้งนะ! วันนี้จะต้องบอกให้เทารู้ให้ได้เลย!!” พอให้กำลังใจตัวเองเรียบร้อยแล้วแบคฮยอนก็เดินไปคว้ากระเป๋าสะพายข้างแล้วเตรียมตัวไปเจอเทาที่หน้าเซ็นเตอร์ทันที
แบคฮยอนนั่งเท้าคางกับขอบกระจกของรถโดยสาร เรียวปากบางยิ้มกว้างกับทัศนียภาพด้านนอก เห็นอะไรคนตัวเล็กก็อารมณ์ดีไปหมดเสียทุกอย่างนั้นล่ะ ยกข้อมือดูเวลาก็พบว่าอีก20นาทีจะถึงเวลานัดหมาย ยังไงแบคฮยอนก็ถึงทันแน่นอน เทาน่ะชอบมาสาย20นาทีประจำ เพราะฉะนั้นแบคฮยอนมีเวลา40นาที
คนตัวเล็กนั่งรอที่น้ำพุใหญ่ตรงลานหน้าเซ็นเตอร์เพื่อรอคนนัด แรกๆใบหน้าน่ารักก็ยังคงประดับรอยยิ้มแต่ทว่าเวลาที่เดินผ่านไปจนล่วงเลยเวลานัดไปหนึ่งชั่วโมงแล้วคนนัดก็ยังไม่มาสักที แบคฮยอนคิดว่าคนตัวสูงนั้นอาจจะมีเหตุจำเป็นให้ออกจากบ้านสายก็ได้ แต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็น แบคฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วหยิบมือถือขึ้นมาหมายว่าจะโทรตามตัวคนนัดเสียหน่อย แต่คนสองคนที่เดินผ่านไปอีกด้านนั้นช่างคุ้นตาเสียจริง
มือถือสุดรักของแบคฮยอนตกกระทบพื้นอย่างจังเมื่อเจ้าของมันมืออ่อนเมื่อมองเห็นชัดๆแล้วว่าคนที่เดินผ่านไปอีกด้านนั้นคือใคร สองร่างที่เดินมาเคียงข้างกันทั้งยิ้มให้กัน หัวเราะให้กัน ภาพตรงหน้าคล้ายดั่งภาพสโลว์ที่เคลื่อนไหวช้าๆทีละสเต็ป ช้ามากจนเสียไปทั้งใจ แบคฮยอนก้มลงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดส่งข้อความหาใครอีกคน
นายอยู่ไหนน่ะเทา
ขอโทษนะพอดีมีธุระด่วน ไว้วันหลังเราไปดูหนังกันใหม่นะ ฉันจะเลี้ยงนาย2เรื่องเลย! ฉันสัญญา
ธุระของนายคือเขาอีกแล้วใช่ไหม.. นายจะทำร้ายฉันไปถึงไหน ฉันเป็นอะไรสำหรับ ฉันเคยมีความหมายสำหรับนายบ้างไหมฮวางจือเทา พยอนแบคฮยอนเป็นอะไรกันแน่สำหรับฮวางจื่อเทา
แบคฮยอนยกหลังมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ออกไปให้ไกล ไกล.. จนกว่าจะมองไม่เห็นภาพนั้นอีก
...อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย…
“เฮ้อ……” แบคฮยอนนั่งกอดเข่าแล้วถอนหายใจยาวๆ วันนี้คนตัวเล็กมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อเอากล่องข้าวมาให้ใครอีกคน ว่าจะไม่เอามาให้แต่ตัวเองก็ตื่นเวลาเดิมแล้วลงมาจัดเตรียมเมนูอาหารให้เสียอย่างนั้น จะด้วยความเคยชินหรือด้วยความรักที่ทำให้ก็แล้วแต่ ตอนนี้แบคฮยอนเหนื่อยมาก ดวงหน้าขาวซบลงกับเข่าเพื่อปิดกลั้นทุกสิ่งอย่าง
วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนโดดเรียนไม่เข้าสักคาบเดียว ช่วงพักกลางวันก็ไม่ลงไปกินข้าว เอาแต่นั่งซบหน้าหลบอยู่ในห้องชมรมดนตรีด้านใน ห้องเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักถ้าไม่ใช่พวกรุ่นพี่ที่เคยแอบเข้ามา และแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พบเจอโดยบังเอิญ แต่สถานที่แห่งนี้เทาไม่รู้และถ้าตามหาก็คงจะตามหาไม่เจอ
“บ้าน่า.. จะมาตามหาทำไม” พูดไปก็นึกคิดน้อยใจ ที่ทำทุกอย่าง ทำให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยมองเห็นค่ากันเลย
“ฉันเหนื่อยแล้วนะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” เส้นทางของเราคงยาวจนไม่มีที่สิ้นสุดสินะ จะให้ทำตัวแบบที่นายชอบ ทำทุกอย่างที่นายชอบให้ แต่ก็ไม่เคยหันมาสนใจกันเลย บางทีมันก็เหนื่อยนะ เหนื่อยเกินไปที่จะยืนอยู่ที่ตรงนั้น เหนื่อยเกินกว่าที่จะก้าวขาเดินต่อได้อีก
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาหลังจากที่ตัวเองนั่งท่านี้อยู่นาน มือเล็กหยิบมืถือที่เปิดสั่นและมันก็สั่นแทบจะตลอดเวลาขึ้นมาดู มิสคอลและข้อความเป็นร้อยๆสายที่ใครอีกคนโทรหา ริมฝีปากเล็กค่อยๆวาดรอยยิ้ม เทาไม่เคยมีความอดทนอะไรได้นานๆ เทาไม่ชอบรออะไรนานๆ แต่แบคฮยอนยอมที่จะรอเทาได้นานๆ นานมากกว่าที่เทาคิดเสียอีก แค่เพียงเห็นว่าอีกคนเพียรพยายามโทรหามากขนาดนี้หัวใจก็เต้นรัวอีกครั้ง
ก็ยังคงรัก ยังคงอยากทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมแต่แบคฮยอนไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้ากันในเร็ววันนี้ ภาพเหตุการณ์นั้นมันยังคงติดตาและฝังลึกลงไปในสมอง ต่อให้ลบยังไงก็คงทำไม่ได้ ปลายนิ้วเลื่อนอ่านข้อความแต่ละข้อความด้วยรอยยิ้มแค่สิ่งเล็กน้อยนี้ก็เมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจและเป็นสิ่งที่ผลักดันให้แบคฮยอนลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง
“ต่อให้ต้องรอนายไปทั้งชีวิต.. ฉันก็ยอมรอ รอไปจนกว่าโลกนี้จะดับสูญ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ฉันก็จะรอนายแค่คนเดียว” รอยยิ้มถูกวาดส่งให้กับรายชื่อของคนที่โทรเข้ามา หยดน้ำตากลิ้งไหลผ่านแก้มไป
“ไม่ว่าฉันจะเป็นผู้ชนะหรือไม่ แต่ฉันจะต้องคว้าเหรียญรางวัลอย่างนายให้ได้”
เมื่อมองเวลาแล้วว่าตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วแบคฮยอนก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องซ้อมดนตรีไป วันนี้ไม่มีเด็กเข้าชมรมเลยรอดตัวไป เมื่อเดินลงมาจากตึกก็เห็นเทาที่รีบวิ่งเข้ามาหา พอเข้ามาถึงตัวแขนยาวก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดรัดไว้แนบอก
“นายหายไปไหนมา ฉันโทรไปทำไมไม่รับ” แบคฮยอนหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นเอาไว้แล้วจึงวาดรอยยิ้มกับแผ่นอกอุ่นนั้น
“ไม่สบายน่ะก็เลยไปนอนที่ห้องพยาบาลมา ฉันตั้งเสียงสั่นไว้น่ะก็เลยไม่ได้ยิน” แบคฮยอนยกมือขึ้นตบแผ่นหลังกว้างเบาๆ
“ฉันไปตามที่ห้องพยาบาลทำไมถึงไม่เจอ” เทาจับสองแขนของแบคฮยอนแล้วละตัวเพื่อนให้ออกห่าง
“เอ่อ... สงสัยฉันคงไปเข้าห้องน้ำมั้ง เรากลับบ้านกันเหอะนะ” เทาขมวดคิ้วมองแต่ก็ไม่ได้ต่อตวามยาวสาวความยืดอะไรอีก มือใหญ่สอดจับเข้ากับมือเล็กแล้วพากันเดินกลับบ้านด้วยกัน
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เดินจับมืออยู่เคียงข้าง ถ้าวันใดที่ใบหน้านั้นหันกลับมามองกันฉันคงจะเข้าใกล้นายมากจนสัมผัสหัวใจของนายได้สินะ แบคฮยอนกระชับมือที่จับกันอยู่แล้วก้มหน้าลงยิ้มกว้างๆกับตัวเอง มีความสุขก็ขอเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้ให้ได้ทั้งหมด เก็บไว้ใช้ในวันที่ทุกข์ใจ ถ้าฉันยอมถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ระยะทางของเราจะห่างกันแค่หนึ่งก้าวหรือเปล่า หรือมันจะห่างออกไปจนมองไม่เห็นอะไรอีกเลย
แบคฮยอนก็ยังคงตื่นเช้าเหมือนเดิมและลงมาทำอาหารให้จื่อเทาอีกแล้ว วันนี้ว่าจะทำไข่ม้วนเพราะเมื่อวานตอนเย็นเทาก็มาทานข้าวเย็นด้วยแล้วบอกว่าอร่อยอยากกินอีก แน่นอนว่าแบคฮยอนก็ไม่ยอมให้มันปล่อยผ่านไปหรอก เพียงไม่นานไข่ม้วนสีเหลืองหอมน่ากินก็เสร็จเรียบร้อย คนตัวเล็กยิ้มกว้างกับผลงานแล้วค่อยๆใช้มีดตัดเป็นชิ้นพอดีคำแล้วจัดเรียงใส่กล่องข้าวอันเดิม พร้อมกับเหลือช่องสุดท้ายไว้ใส่ข้าวที่อัดไว้แน่น
หลังจากทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วแบคฮยอนก็เตรียมตัวเดินไปโรงเรียนแต่วันนี้ที่หน้าบ้านกลับมีคนมายืนพิงกำแพงบ้านหลับเสียอย่างนั้น แบคฮยอนเดินเข้าไปด้วยความสงสัยว่าเพราะอะไรคนนี้ถึงมายืนหลับอยู่หน้าบ้าน ฝ่ามือเล็กจับเข้าที่แขนของคนหลับแล้วเขย่าเบาๆ
“มายืนหลับอะไรตรงนี้เนี่ยเทา ทำไมไม่เข้าบ้าน” เทาหาวหวอดๆก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้” ดวงตาดุก้มลงมองคนที่ยืนทำหน้าคิ้วขมวดก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้จิ้มเข้าที่ระหว่างคิ้วนั้นเบาๆ
“ก็มารอนายนั่นแหละไปกันได้แล้ว ง่วงมากว่าจะไปนอนต่ออีกสักหน่อย” เทาจับมือเล็กแล้วพาจูงให้ออกเดินไปด้วยกัน แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัวแล้วก็ยิ่งสงสัยหนัก
“มารอทำไมล่ะ ก็ไปเองได้ทุกวันนิ” เทาหันมาทำหน้าดุใส่อีกคนที่วันนี้ช่างสงสัยเสียเหลือเกิน
“ก็มารับน่ะสิ ถ้าเกิดวันนี้นายหายไปอีกฉันจะทำยังไงห๊ะ!” แบคฮยอนแอบลอบยิ้มกับตัวเอง ไอ้คำพูดแบบนี้คือ...
“นายเป็นห่วงฉันเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!” คุณคิดว่าคนเราจะยิ้มกว้างได้แค่ไหนกันนะ วันนี้แบคฮยอนรู้แล้วว่ากว้างได้แค่ไหน แทบจะกว้างได้เท่าโลกเลยล่ะ
ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาเป็นห่วงกัน ทำไมถึงทำเหมือนแคร์กันมากขนาดนั้น ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ช่างเถอะก็ขอเข้าข้างตัวเองต่อไป ถ้าไม่ผลักไสกันก็จะคอยอยู่ข้างๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ อยู่ข้างหลังคอยลอบมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้านี้ไปตลอด แม้จะอยากรู้ว่าที่ทำมาทั้งหมด ที่มาทำห่วงกันนี่เพราะอะไร แต่ก็ช่างเถอะ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆก็พอ ได้อยู่ด้วยกัน
ถ้าบอกว่าพยอนแบคฮยอนกลัวความจริงล่ะ? ทุกคนจะเชื่อไหม? ถ้าคำตอบนั้นบอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน ถึงจะบอกแต่ก็คงตัดใจไมได้ ก็คนมันรักไปแล้ว
แต่ในส่วนลึกๆของใจก็ยังอยากที่จะรับรู้ความรู้สึกจริงๆ ว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันในฐานะอะไร ถ้านายไม่พูดฉันก็ไม่รับรู้หรอก ขอยืดเวลาความสุขของฉันไปอีกเถอะนะ
…ยังไม่คิดยอมแพ้ฉันเพียงแต่อ้อนล้าก็เท่านั้น ภายในใจยังคงรักเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอบอกให้ฉันได้รับรู้ ความในใจของเธอเหตุผลต่างต่างที่ยังซ่อนไว้…
“เทานายเป็นอะไร!!” แบคฮยอนที่วิ่งวุ่นตามหาเทาทั่วโรงเรียนก็แทบจะถลาเข้ามาเมื่อเห็นคนที่ตัวเองตามหานั่งอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ริมสระน้ำด้านหลังโรงเรียน เทานั่งนิ่งแต่หยดน้ำตาของเขาก็ไหลเป็นสาย แบคฮยอนตกใจมากที่อยู่ๆเขาคนนั้นก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกให้หาตัวเทา ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหตุการณ์อะไรมากนักหรอกแต่ข้างในมันร้อนรุ่มและกระวนกระวาย
“นายร้องไห้ทำไม เป็นอะไร ใครทำอะไรนาย” เทาหันไปคว้าคนตัวเล็กมากอดแล้วปล่อยความรู้สึกทั้งหมดลงกับไหล่เล็ก หยดน้ำตาของผู้ชายร่างสูงนี้ก็ทำให้แบคฮยอนเศร้าใจไปด้วย สองแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างที่สั่นสะท้าน มือเล็กลูบแผ่นหลังปลอบ
“บอกฉันมาเถอะว่าใครทำอะไรนาย”
“ฉันไปบอกรักเขา .... แต่เขาก็ปฏิเสธ” นานมากกว่าที่เทาจะเริ่มต้นเอ่ยบอก แบคฮยอนรู้ว่าเขาที่คนที่กอดตัวเองไม่ปล่อยนั้นคือใคร
“นายก็รู้ว่าเป็นเป็นแฟนกับ...”
“ฉันรู้! ฉันรู้แล้ว!!” ยังพูดไม่ทันจบประโยคเทาก็ขึ้นเสียงตัดประโยคนั้นทิ้ง “ฉันก็แค่อยากให้เขารู้ แค่อยากบอก ก็ว่าทำใจได้แล้วนะแต่พอได้ยินจริงๆมันก็....” ม่านน้ำที่รอบหน่วยตาของแบคฮยอนทำให้คนตัวเล็กมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน แล้วคิดถึงตอนที่ตัวเองบอกกับคนๆนี้บ้าง ก็คงจะไม่ต่างกัน
“นายก็มองคนอื่นบ้างสิ บางทีนายก็อาจจะมีคนที่รักนายเหมือนกันนะ” เทาส่ายหน้ากับลาดไหล่เล็กของแบคฮยอนแล้วเอ่ยพูดประโยคที่ทำให้แบคฮยอนอยากปล่อยโฮเหมือนกัน
“ฉันรักใครไม่ได้แล้ว ทั้งหัวใจของฉันเป็นของเขา” แล้วฉันล่ะ!! ฉันก็รักนายเหมือนกัน ทำไมถึงมองไม่เห็น ทำไมถึงไม่สนใจกัน ทำไมถึงไม่เคยรู้ตัวนะฮวางจื่อเทา!!
“อึก... อีกไม่นาน นายจะลืมเขาเอง นายจะต้องเจอคนที่รักนายมากๆและนายก็จะรักเขามากเช่นกัน ...สักวัน” ก็แล้วมันเป็นวันไหนกันนะ หรือวันนั้นจะไม่มีอยู่จริง?
“อืม...” แล้วทั้งคู่ก็ร้องไห้ด้วยหัวใจที่ปวดร้าวอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน การที่รักคนที่ไม่รักเรานี่มันก็เจ็บปวดเหมือนกันนะ แต่คงจะเจ็บกว่าที่เห็นคนที่เรารักเจ็บปวดเพราะรักคนอื่นที่ไม่ใช่เรา เจ็บมากแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี รอให้นายเปลี่ยนใจจากเขาใช่ไหม? ฉันคงทำได้แค่นี้สินะ
นานแค่ไหน? ไกลแค่ไหน? กว่าที่เราจะใกล้ และ นายจะรักฉัน บอกฉันทีว่าต้องทำอย่างไร
“ไม่เป็นไรนะ ถึงนายจะไม่มีเขาแต่นายก็มีฉันนะ ฉันจะอยู่กับนาย อยู่ใกล้ๆนาย อยู่กับนายแบบนี้” ตลอดไป และจะรอจนกว่านายจะเห็นความหมายของฉัน
“ขอบใจนะ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยแบคฮยอน”
ฉันไมได้อยากเป็นเพื่อนนาย ... เดินมาไกลขนาดนี้ก็ยังไม่ถึงใจนายสักทีสินะจื่อเทา อีกไกลไหม? ปลายทางของนายน่ะ
...ว่าทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร…
ใต้ต้นใหม่ใหญ่ริมทะเลสาบในสวนสาธารณะใหญ่ สถานที่ที่ทั้งสองชอบมานั่งด้วยกัน เทานั่งพิงลำต้นใหม่แล้วหลับตาไว้ ขาข้างหนึ่งชันขึ้นและพาดแขนวางไว้ส่วนอีกมือก็วางไว้สบายๆที่ตัก รับเอาอากาศเย็นๆและสายลมบริสุทธิ์ให้เต็มปอด แบคฮยอนนั่งข้างเคียงลอบมองด้านข้างของคนที่นั่งพักผ่อนแล้วก็วาดรอยยิ้ม
ไม่ต้องไกลกันมากไป ไม่ต้องใกล้กันจนรู้สึก แต่แค่ความพอดีที่เรายังคงยืนอยู่เคียงข้างกันได้ แม้หัวใจของเราจะไม่ใช่ของกันและกัน แต่ตอนนี้ขอแค่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันไปก่อนก็แล้วกัน .. ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนินา หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลคงมีสักวันที่ฉันจะเดินทันนายนะ สักวันที่ฉันจะเฝ้ารอ
“มีอะไรจะพูดก็พูดมา มองหน้าอยู่ได้ ... เขินเป็นเหมือนกันนะ” นัยน์ตาสีรัตติกาลหลังเปลือกตาหันมองคนตัวเล็กที่นั่งมองอยู่เคียงข้าง แบคฮยอนส่งยิ้มให้อย่างเขินอายที่โดนจับได้
“หนาๆอย่างนายเขินเป็นเหรอเทา? เพิ่งรู้นะเนี่ย!!” แล้วแบคฮยอนก็หัวเราะเสียงใส เทาเองก็ทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนที่จะเขกหัวกลมๆนั้นไปเสียหนึ่งที
“เจ็บนะไอ้เทาบ้า!!” สองมือยกขึ้นกุมหัว จริงๆก็ไม่เจ็บอะไรมากนักหรอกนะ
“ช่วยไมได้ มาด่าฉันก่อนทำไม” แล้วเจ้าตัวก็ยักไหล่อย่างไม่แยแส แบคฮยอนเลยยู่ปากแล้วฟาดมือลงที่ต้นขาของคนแกล้งแรงๆจนเทาสะดุ้ง
“ไอ้หมากระเป๋าเจ็บนะ!!” แบคฮยอนก็เชิดหน้าแล้วยักไหล่
“ทำไมต้องสนด้วยล่ะไอ้แพนด้าตาดำ!!” เทาล็อคคอแบคฮยอนแล้วใช้อีกมือเคาะหัวแบคฮยอน
“แล้วแพนด้าที่ไหนตาขาววะห๊ะ?” แบคฮยอนดิ้นๆหนีมือนั้นแต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ก็เล่นล็อคคอกันแบบนี้น่ะ
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!!” แต่เทาก็ไม่ยอมปล่อย กลับดึงให้แบคฮยอนลงมานอนซบที่อกของตัวเอง ทั้งสองเงียบกันอยู่นานปล่อยให้ธรรมชาติร้องเพรียกหากัน ก่อนที่แบคฮยอนจะสูดลมหายใจแล้วเอ่ยถามสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจมานานแสนนาน
“เทา... ฉันมีความหมายกับนายมากแค่ไหน” ดวงหน้าน่ารักเงยขึ้นมองเจ้าของอกอุ่นนี้ ดวงตาเรียวสั่นไหวคล้ายกลัวคำตอบ แต่ก็ยังอยากที่จะรับฟัง
“นายมีความหมายกับฉันมากนะแบคฮยอน นายเป็นเพื่อนรักของฉัน นายเป็นคนแรกที่เข้าหาฉัน นายเป็นคนแรกที่ไม่กลัวฉันและฉันก็มีความสุขที่ได้อยู่กับนายนะ” แบคฮยอนยิ้มกับคำตอบแบบนั้นก่อนที่จะค่อยๆดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้น
“ฉันรักนายนะเทา .... นายรู้ใช่ไหม?” แบคฮยอนหันไปมองคนข้างตัวที่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้
“อืม รู้และฉันก็รักนายมากเหมือนกันนะ” หัวใจของแบคฮยอนเต้นรัวเร็วจนเจ็บหน้าอกไปหมด คนตัวเล็กส่งยิ้มกลับคืน
“นายรักฉันแบบไหน” ฝ่ามือใหญ่ที่อบอุ่นวางลงบนกลุ่มผมนิ่มพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้
“นายเป็นเพื่อนรักที่ฉันรักมากที่สุด” หัวใจที่เคยเต้นรัวนั้นค่อยๆเต้นช้าลงและก็ไม่รู้ว่ามันจะหยุดเต้นเมื่อไหร่ คนตัวเล็กก้มหน้าลงซ่อนความเสียใจไว้ เทาละมือออกแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่ริมทะเลสาป
“แล้วอีกไกลไหมที่ฉันจะไปอยู่ในหัวใจของนายน่ะ” แบคฮยอนพูดกับตัวเองไม่หวังให้ใครอีกคนตอบคำถามนี้
...อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย…
เทาไม่ตอบแต่แค่หันไปมองด้านหลังที่มีร่างของคนตัวเล็กนั่งก้มหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มก่อนที่จะหันกลับมามองตรงไปยังด้านหน้า สองมือล้วงลงในกระเป๋าแล้วยืนมองเหม่อไปด้านหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไกล.. จนไม่รู้ว่าสุดปลายสายตานั้นคือที่ตรงไหน ... และจะพบเจอสิ่งใด
ไกลแค่ไหนคือใกล้... กันนะ
Pairing: Tao x Baekhyun
Author: BettyNoona
Note: *วิ่งหนีรองเท้า*
“แบคฮยอนตื่นได้แล้วค่ะลูก” เสียงปลุกของมารดาเรียกให้ลูกชายตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงนอนค่อยๆลืมตาตื่น ดวงตาเรียวหันมองนาฬิกาข้างหัวเตียง ...ตี5... สองแขนเล็กค่อยๆยันตัวขึ้นนั่ง ปรับโฟกัสของสายตาสักแปบก่อนที่จะก้าวเท้าลงจากเตียงไปจัดการกับตัวเองก่อนที่จะลงไปด้านล่าง
ใบหน้าน่ารักมองจ้องเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกแล้ววาดรอยยิ้มส่งกำลังใจให้ตัวเองอย่างเช่นทุกเช้า เวลาเช้าขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นๆก็คงไม่ตื่นและแน่นอนคนนี้ก็ไม่อยากตื่นนักหรอกถ้าไม่ใช่ว่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนขี้เซาอย่างพยอนแบคฮยอนต้องตื่นเช้าขนาดนี้
“สู้ๆนะแบคฮยอน” เอ่ยให้กำลังใจตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากห้องน้ำแล้วลงไปด้านล่างทันที ภายในห้องครัวปรากฏร่างของมารดาที่ยืนทำอาหารเช้าดั่งเช่นทุกเช้า ลูกชายตัวเล็กก็เดินเข้าไปเตรียมหยิบอุปกรณ์ของตัวเองบ้าง
“วันนี้แบคฮยอนจะทำอะไรจ๊ะ” มารดาหันไปยิ้มหวานส่งให้บุตรชายที่กำลังเขย่งหยิบถาดจากชั้นบน แบคฮยอนหยิบถาดออกมาแล้วก็หันไปส่งยิ้มให้มารดา
“ทำแซนด์วิชครับคุณแม่ แล้วเช้านี้มีอะไรทานครับ” เรียวปากเล็กวาดรอยยิ้มเอาใจคุณลูกตัวดีที่วันนี้เข้ามากอดอ้อน เวลาเหนื่อยล้าแล้วต้องการกำลังใจกอดร่างนุ่มนิ่มของมารดาและสูดกลิ่มหอมๆจากกายของผู้เป็นแม่นี่ สดชื่นดีนักแล
“ก็ของโปรดคุณลูกชายนั่นล่ะ ทั้งแกงกิมจิแล้วก็แฮมเบอร์เกอร์ทอดสุดโปรดของคนแถวนี้ล่ะ~”
แบคฮยอนเริ่มต้นทำแซนด์วิชดั่งที่ตั้งใจไว้ วันนี้มีทั้งไส้ทูน่าแล้วก็แฮมชีสด้วย ของโปรดของใครบางคน คนที่ต่อให้ทำอะไรไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้อยู่ใกล้หัวใจดวงนั้นเสียที เมื่อวานเพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มนั้นเปรยๆว่าอยากกินก็เป็นผลให้แบคฮยอนคนนี้ลุกขึ้นมาทำให้ ไม่ใช่แค่เมื่อวานแต่เป็นทุกวัน เป็นมาสองปีแล้ว ทำไปก็รู้ว่ามันไร้ประโยชน์ แต่แค่เพียงรอยยิ้มที่ดีใจและอ้อมกอดที่มอบให้แค่นี้ก็ทดแทนความรู้สึกต่างๆได้แล้ว
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแบคฮยอนก็เตรียมตัวไปโรงเรียนและไม่ลืมที่จะหิ้วกล่องข้าวที่วันนี้มีแซนด์วิชอัดอยู่เต็มกล่องใบใหญ่ไปด้วย เรียวปากบางวาดรอยยิ้มกับกล่องข้าวในมือและหวังว่าวันนี้ระยะทางของสองเราจะสั้นลงอีกสักนิดก็ยังดี ก็แค่เพียงหวังว่าใครบางคนจะรู้ว่าที่ทำทั้งหมดน่ะพยอนแบคฮยอนหวังผลนะ .. หวังให้หันกลับมามองเห็นแล้วก็รักกัน
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้เดินเข้าประตูโรงเรียน ร่างของตัวเองก็แทบถลาไปข้างหน้าเพราะแรงโถมกอดของร่างสูงยาวที่วิ่งเข้ามาหาจากทางด้านหลัง สองแขนยาวกอดรอบลำคอของคนตัวเล็กแล้วใบหน้าคมก็ก้มลงแนบแก้มลงกับขมับของคนที่ตกใจหัวใจหล่นวูบ
“เทานี่นายเล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมด!” เสียงแหลมหวีดร้องพร้อมกับฟาดมือที่กอดโอบรอบคอตัวเองเบาๆ จะตีแรงก็กลัวว่าคนด้านหลังจะเจ็บ
“แหมก็นิดหน่อยเอง ว่าแต่วันนี้มาทันนายด้วยแหะ” เทาคลายอ้อมกอดแล้วเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ แก้มของคนมองแดงระเรื่อสีจางๆ
“ทันแล้วทำไม? จะลอกการบ้านหรือไง” เทายิ้มแล้วดีดหน้าผากแบคฮยอนเบาๆ
“รู้ทันนะ ฮ่าๆๆ เปล่าหรอกก็ทุกวันมาไม่เคยทันเดินเข้าโรงเรียนพร้อมนายเลยอ่ะ วันนี้โชคดีแฮะ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็จับมือเล็กๆมากุมไว้ แบคฮยอนที่เขินหนักก็ไม่รู้จะทำอะไรต่อ หายใจติดขัดไปหมด ก็เลยยื่นถุงกล่องข้าวให้ชายร่างสูงยาวข้างกาย
“อะไรน่ะ” เทารับมาแล้วก็ยิ้มก่อนจะค่อยๆเปิดมันออก แล้วก็พบเข้ากับแซนด์วิชที่เพิ่งบ่นว่าอยากกินแต่ก็จำไม่ได้หรอกว่าบ่นอะไรไป
“ขอบคุณนะ รักแบคฮยอนที่สุดเลย! โคตรรู้ใจอ่ะ!!” แล้วเทาก็เก็บกล่องข้าวให้เรียบร้อยก่อนที่จะกอดเพื่อนตัวเล็กไว้แนบอก ใบหน้าน่ารักแนบกับแผงอกกว้างที่แสนอบอุ่นแล้วก็หลับตาพริ้ม ริมฝีปากบางวาดรอยยิ้มอย่างสุขใจกับความอบอุ่นที่โอบล้อมกาย
“เข้าโรงเรียนกัน” เทาผละกายเล็กของเพื่อนออกแล้วจับจูงมือให้เข้าไปโรงเรียนด้วยกัน แบคฮยอนเงยหน้ามองชายหนุ่มที่สูงกว่าตนอยู่มาก ใบหน้าด้านข้างของเจ้าของความอบอุ่นที่มือนี้ช่างดูดีราวกับรูปปั้นยิ่งนัก ทำให้ผู้มองหลงใหลไปกันมันแม้แต่คนที่มองอยู่หรือนี้ ... หรือผู้คนอื่นๆก็ตาม
“เฮ้ยไอ้เทามาเช้าว่ะมึง ไปซ้อมบาสกัน!!” เสียงทุ้มของหัวหน้าทีมบาสโรงเรียนตะโกนเรียก เทาและแบคฮยอนหันไปมองตามเสียงเรียกก็เจอร่างของหัวหน้าทีมบาสกับผู้จัดการทีมที่ยืนกอดอกส่งยิ้มมาให้ เจ้าของรอยยิ้มสวยที่คนข้างกายนึกชอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะรอยยิ้มสวยๆนั้นมีเจ้าของแล้ว
“เออไปดิๆ” แล้วความอบอุ่นที่กอบกุมกันมาก็สลายไป แบคฮยอนมองตามหลังคนที่เดินผละจากไปก่อนที่ตัวเองจะเดินหนีไปอีกทางเพื่อขึ้นตึกเรียน หยดน้ำตาใสค่อยๆไหลริน ทำไมกันนะพอเขามานายถึงได้ลืมกันว่านายจับมืออยู่กับฉัน ทำไมถึงปล่อยมือฉันง่ายจัง เส้นทางระหว่างเราเหลืออีกแค่ไหนนะ
...พยายามจะทำวิธีต่างต่างให้เธอนั้นรักฉัน พยายามทุกวันมอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้…
“เอ้ากินเยอะๆนะ นายน่ะตัวเล็กเกินไปแล้ว” แล้วเนื้อหมูชิ้นใหญ่ถูกวางลงในจานของแบคฮยอน คนตัวเล็กอมลมเงยหน้ามองร่างสูงตรงข้ามที่ยิ้มกว้างส่งให้ แม้จะชอบรอยยิ้มที่แสนเจิดจ้านั้นแต่ถ้ามองนานๆคนมองก็อาจจะตาบอดได้อยู่นะ แก้มใสแดงเรื่อก่อนที่จะก้มหน้าลงแสร้งทำเป็นบ่นกระปอดกระแปด
“ก็ใครจะไปตัวโตแบบนายกันล่ะฮวางจื่อเทา” เทาเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มมือของคนตัวเล็กตรงหน้า
“ก็บอกแล้วว่าให้ดื่มนมเยอะๆ” ปากเล็กยู่อย่างขัดใจ แสร้งทำเป็นไม่พอใจแล้วบ่นโน้นนี่นั่นไปเรื่อย ก็ถ้าเราตัวโตแล้วนายจะยังปกป้องเราอยู่อีกหรือเปล่าล่ะเทา..
“อ๊ะ.. ฝากเก็บจานด้วยนะแบคฮยอน” ว่าไว้แค่นั้นก่อนที่ร่างสูงตรงข้ามจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ววิ่งไปหาผู้จัดการทีมบาส ดวงตาเรียวที่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นก็หม่นแสงลง พยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่อ่อนไหวกับอะไรง่ายๆ พยอนแบคฮยอนไม่ใช่คนที่จะล้มได้ง่ายๆ
“ทำไมกับข้าววันนี้เค็มจังนะ” หยดกลมเม็ดใสค่อยๆกลิ้งไหลผ่านแก้มนวลไป ไม่เป็นไรนะคนเริ่ดๆอย่างพยอนแบคฮยอนน่ะไม่ล้มเลิกอะไรได้ง่ายๆหรอก มือเล็กยกขึ้นปาดเช็ดหยดน้ำนั้นก่อนที่จะก้มหน้ากินข้าวให้หมด
ระยะทางของเรามันยาวออกไปอีกหรือเปล่านะ อีกไกลแค่ไหนกว่าที่ฉันจะเดินถึงหัวใจของนายกันนะ ทั้งๆที่ฉันก็อยู่ใกล้นายมากกว่าใคร ทั้งๆที่เราก็อยู่ไม่เคยไกลกันเลย ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเส้นทางนี้มันยาวไกลจนมองไม่เห็นสุดปลายทางเสียทีนะ ฉันต้องทำอะไรอีกหรือไง ต้องทำยังไงเส้นทางเหล่านี้ถึงจะสั้นลง
“เย็นนี้ไปดูฉันคัดเลือกบาสเปล่าแบคฮยอน” เสียงทุ้มกลับมาพร้อมกับแรงโถมที่มาลงนั่งเก้าอี้ข้างๆที่เป็นที่นั่งเรียนของเจ้าตัว
“ไปได้เหรอ?” ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มให้อีกคน ซึ่งเทาก็ยิ้มรับแล้วพยักหน้า
“ได้สิ เพื่อนคนสำคัญทั้งที อีกอย่างนะถ้านายไปดูฉันต้องได้ไปแข่งแน่ๆ” แบคฮยอนยิ้มรับก่อนที่จะก้มหน้าลงทำงานที่อาจารย์สั่งให้ส่งท้ายชั่วโมงต่อ
“แค่เพื่อนเองเหรอ?” พึมพำพูดเบาๆกับตัวเอง แต่คนข้างเคียงกับได้ยินเสียนี่
“อะไรนะ?” เทาเอียงหูเข้าไปใกล้เพื่อฟังว่าเพื่อนตนนั้นพูดอะไรแต่แบคฮยอนหันหน้ากลับมาซึ่งใบหน้าคมเข้มที่ก้มลงมาอยู่ใกล้นั้นก็ห่างออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อยู่ใกล้กันเสียจนหัวใจของคนตัวเล็กเต้นรัว ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างตกใจไม่คาดคิดว่าใบหน้าคมจะอยู่ใกล้มากเสียจนมองเห็นแพขนตาที่เรียงอยู่เหนือดวงตาคมดุนั้น ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาหน้าหน้าผากของตัวเองเคาะหน้าผากมนของเพื่อนตัวเล็กเบาๆก่อนที่จะผละออก
“เฮ้ยๆ พวกมึงก็สวีทกันเกินไปไหมเกรงใจพวกกูกับอาจารย์หน่อยเว๊ย~” เพื่อนคนอื่นๆได้แต่ส่งเสียงโห่ร้องแซวกัน ส่วนอาจารย์ที่นั่งตรวจงานก็แค่เงยหน้าขึ้นมามองแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เทาพิงหลังลงกับพนักเก้าอี้แล้ววาดมือโอบรอบคอเพื่อนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ชิด ใกล้จนแก้มร้อนของแบคฮยอนแนบซอกคอของคนแกล้ง
“อะไรล่ะ? ก็คนเขารักกันนิเนอะ~” ว่าแล้วก็ก้มลงหอมลงบนกลุ่มผมนิ่มสีดำขลับ แบคฮยอที่ไม่รู้จะอายคนตัวโตกว่าหรืออายเสียงโห่แซวของเพื่อนก่อนดีก็ได้แต่ฟาดมือลงต้นขาของคนข้างกายแรงๆ
“แกล้งฉันอยู่ได้!” แบคฮยอนผละตัวออกแต่ก็ถอยออกไปได้ไม่ไกลนักเพาระแขนยาวยังล็อคคอคนตัวเล็กไว้อยู่ ใบหน้าน่ารักนั้นมุ่ยจนคนแกล้งได้แต่หัวเราะขำๆ
“ไม่ให้แกล้งนายแล้วฉันจะไปแกล้งใครล่ะ? ก็นายเป็นเพื่อนสนิทของฉันนะแบคฮยอน!!!” คนตัวเล็กแสร้งทำหน้ารำคาญก่อนจะฟาดเข้าไปที่อกของคนแกล้งแรงๆก่อนจะดีดตัวกลับมานั่งเหมือนเดิมแล้วก้มหน้าทำงานต่อ บางทีคำว่าเพื่อนก็ไม่ต้องย้ำกันก็ได้นะ ไม่ต้องขีดเส้นสถานะให้ฉันก็ได้นะ บางทีถ้านายหันมองฉันบ้างก็คงจะดีนะ
หลังจากหมดคาบเรียนแล้วเทากับแบคฮยอนก็พากันไปที่โรงยิมเพื่อคัดตัวไปแข่งกับทีมโรงเรียนอื่น พอเข้าไปในโรงยิมแล้วเทาก็แยกตัวไปรวมกับพวกนักกีฬาคนอื่น ส่วนแบคฮยอนก็เดินไปนั่งที่แสตนด์พร้อมกับกระเป๋าหนังสือของเทาที่ฝากมาด้วย คนตัวเล็กนั่งมองตรงไปยังกลางสนามบาสก็เห็นร่างสูงยาวของเทากับนักกีฬาคนอื่นพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเทาน่ะแบคฮยอนชอบที่สุดเลยนะ เรียวปากเล็กวาดรอยยิ้มตาม ทุกคนที่เห็นรอยยิ้มของเทาน่ะก็อดที่จะยิ้มตามรอยยิ้มที่มีความสุขนั้นไม่ได้หรอก
แบคฮยอนนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนที่จะหันไปเห็นเพื่อนต่างห้องที่เป็นผู้จัดการทีมบาสกำลังยกกะบะใส่ขวดน้ำเดินเข้ามาในโรงยิม วันนี้หัวหน้าทีมบาสยังไม่มาก็เลยต้องยกมาคนเดียวแต่ตอนนี้คนช่วยก็วิ่งเข้ามาช่วยถือเสียแล้ว เทาถือกะบะขวดน้ำแล้วก็ยิ้มคุยกับคนนั้นอย่างร่าเริง รอยยิ้มสวยนั้นก็มองส่งคืนให้เทาเช่นกัน ทั้งสองคุยอะไรกันแบคฮยอนไม่ได้ยินหรอกรู้แค่ว่าภาพตรงหน้ามันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนบาดลึกไปถึงข้างใน
คนตัวเล็กนั่งมองการแข่งขันตรงหน้า ผู้เล่นทั้งหมดถูกแบ่งเป็นสองทีมแล้วให้แข่งกันเอง การแข่งนั้นก็เสมือนจริงทั้งการกระทบกระทั่งและการทำสกอร์ ใครสักคนจากทีมฝั่งตรงข้ามร่างสูงยาวนั้นที่แบคฮยอนไม่รู้จักวิ่งเข้ามาสกัดแล้วชนเทาให้ล้มลงกับพื้น การเล่นหยุดชะงักทั้งคนเล่นและเกมในสนาม แบคฮยอนที่ร้องอย่างตกใจลุกขึ้นและหมายว่าจะวิ่งเข้าไปดูร่างสูงที่นอนกุมแขนอยู่กับพื้น แต่ทว่า.. ก็ช้ากว่าผู้จัดการทีมคนนั้นที่วิ่งเข้าไปหาพร้อมกับปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ ใบหน้าของเทาดูอารมณ์ดีเกินกว่าที่จะเจ็บตัว ... หรือเพราะมีเขาคนนั้นคอยดูแลอยู่ข้างๆกันนะ
“ดีใจด้วยนะเทา” แบคฮยอนเอ่ยกับร่างสูงข้างกายที่เดินกลับบ้านพร้อมกันหลังจากคัดเลือกตัวเสร็จ และแน่นอนว่าฮวางจื่อเทาต้องติดรายชื่อนักเล่นตัวจริงอยู่แล้ว
“อืม ขอบใจมากก็เพราะนายไปนั่งเชียร์นั่นล่ะ” แล้วคนตัวสูงกว่าก็ก้มลงมายิ้มกว้างๆคนเพื่อนตัวเล็ก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย นายต่างหากที่เป็นคนเล่น” เทายิ้มแล้วกอดคอคนตัวเล็กไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน วันนี้คนข้างกายดูมีความสุขมาก นัยน์ตาดุคมนั้นฉายแววประกายดีใจจนปิดไม่มิด
“ไม่หรอกก็เพราะมีนายเชียร์อยู่ไงฉันถึงได้เล่นเต็มที่เลย นายนี่เป็นเพื่อนรักฉันแล้วยังเป็นตัวนำโชคอีกนะ” แบคฮยอนก้มหน้าลงยิ้มเยาะตัวเองก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วยู่หน้าใส่คนตัวสูงกว่าที่ยิ้มหน้าทะเล้น
“นายก็เป็นตัวนำโชคของเราเหมือนกัน ... โชคร้ายน่ะนะ ฮ่าๆๆ” แม้ว่าแบคฮยอนจะหัวเราะแต่ก็ไม่รู้ทำไมเสียงหัวเราะมันถึงได้ดูฝืนอย่างนั้น และเทาที่ควรจะโวยวายแล้วหาเรื่องแกล้งตนกลับนิ่งเงียบแล้วมองเลยไปยังถนนฝั่งตรงข้าม ที่หน้าร้านไอศกรีมสีชมพูหวานนั้นมีร่างของหัวหน้าทีมบาสกับผู้ที่เป็นทั้งผู้จัดการทีมและผู้ครองหัวใจยืนจับมือป้อนไอศกรีมให้กัน ดวงตาคมนั้นหม่นแสงลง หม่นจนแสงระยิบระยับคล้ายดวงดาวสะท้อนผิวน้ำถูกกลืนหายไป สองมือเล็กของแบคฮยอนแนบเข้าที่แก้มของชายหนุ่มแล้วผินหน้าให้หันมามองที่ตัวเอง
“ไปกินข้าวบ้านเราไหมเทา?” แบคฮยอนยิ้มกว้างหมายที่จะเอาใจคนข้างกายแต่เทากลับจับสองมือของแบคฮยอนออกแล้วส่ายหน้าปฏิเสธก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง เพราะบ้านของเทาถึงก่อนแบคฮยอน คนตัวเล็กที่ยืนมองตามหลังก็ได้แต่ก้มหน้าเก็บเสียงสะอื้นปล่อยให้หยดน้ำตาไหลรินกระทบลงพื้น เจ็บปวดที่กายคงไม่เท่าไหร่ สัมผัสเมื่อครู่ที่เอามือตนออกนั้นช่างเย็นชาและเสียดแทงยิ่งนัก เจ็บที่กายไม่เท่าไหร่แต่บาดลึกลงที่หัวใจนี่สิ เจ็บจนเจียนตายเลย ทางตรงหน้ากลับพร่าเลือนและขุ่นมัวไปหมด มองแทบไม่เห็นอะไรเลย มองไม่เห็นสิ่งใดจริงๆ ทางข้างหน้าไม่มีสิ่งใดเลย
“จะให้ฉันทำยังไงล่ะจื่อเทา นายถึงจะหันมาสนใจฉันบ้าง”
...แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร…
คุณเคยถูกผีอำไหม? อาการอึดอัดที่ถูกกอดรัดและอากาศที่แทบจะไม่มีหายใจ ร่างกายก็ขยับไม่ได้ตามที่ใจอยาก เรียวคิ้วขมวดมุ่นเป็นปมก่อนที่จะคิดวิเคราะห์ว่าต้องโดนผีอำแน่ๆ พอคิดว่าตัวเองอาจจะโดนสิ่งเหนือธรรมชาติเล่นงานก็เกิดอาการกลัวขึ้นมา คิดถึงใครบางคนที่อยากให้มาช่วยไล่ผีออกไปเสียเหลือเกิน
“ฮือ... อย่าทำอะไรเลยนะ เดี๋ยวเราจะสวดมนต์ให้นะ ถึงเราจะสวดไม่ค่อยเป็นก็เหอะ” ก็หลับหูหลับตาระล่ำระลักบอกไปไม่ยอมลืมตาขึ้นมาดูเพราะกลัวว่าจะเจอใบหน้าของสิ่งนั้นอยู่ตรงหน้า สิ่งนั้นค่อยๆขยับตัวแต่พยอนแบคฮยอนที่ยังหลับตาปี๋ก็หวาดกลัวสั่นไปทั้งตัว
“กลัว..มาก..ไหม..” เสียงยานคางเอ่ยถามซึ่งคนตัวเล็กที่นอนสั่นอย่างหวาดกลัวก็พยักหน้ารับ
“ลืม..ตา..สิ” แล้วเสียงยานคางนั้นก็เอ่ยกระซิบอยู่ข้างหู แบคฮยอนส่ายหน้ารัวๆก่อนที่จะหยุดนิ่งเมื่อรับรู้ถึงลมร้อนของลมหายใจที่เป่ารดอยู่ใกล้ๆนี่สิ ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆลืมเปิดขึ้นแล้วหันไปหาผีตนนั้น รอยยิ้มกว้างที่คุ้นตาถูกส่งมาให้ หยดน้ำตารื้นคลอที่รอบหน่วยตาเล็ก
“ไอ้บ้าเทา ตกใจหมดเลย!!!” มือเล็กฟาดเข้าที่อกคนแกล้งเสียเต็มแรง เทาส่งเสียงหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจที่แกล้งเพื่อนตัวเล็กได้ หยดน้ำตาไหลรินออกจากทางหางตา ปลายเรียวนิ้วแข็งปาดเช็ดให้แล้วโอบกอดคนตัวเล็กเข้ามาแนบอกแล้วลูบหลังเบาๆ
“กลัวมากเลยเหรอ ขอโทษนะก็แค่จะปลุกให้ตื่นเอง” ใบหน้าที่ชื้นน้ำตาพยักหน้ารับ แต่จริงๆแล้วที่มาของน้ำตาน่ะก็แค่ดีใจ ดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วคนที่คิดถึงอยู่ในความคิดปรากฏอยู่ตรงหน้าจริงๆ จะผีจริงหรือผีปลอมแต่ขอให้คนตรงหน้ายังคงไม่ผลักไสและยังคงปกป้องตนแค่นั้นก็พอแล้ว
“แล้วมาทำไมน่ะ” หลังจากที่ร้องไห้ซบกับแผ่นอกอุ่นๆอยู่นานจนน้ำตาเหือดแห้ง คนตัวเล็กก็ค่อยๆผละออกจากอ้อมกอด ฝ่ามือใหญ่เปลี่ยนจากลูบแผ่นหลังเล็กเปลี่ยนมาลูบกลุ่มผมนิ่ม
“ก็มาทำรายงานน่ะสิ ก็นัดไว้ไม่ใช่หรือไง”
“เออจริงด้วย” แล้วคนขี้ลืมก็โดนเขกหัวไปหนึ่งที
“โอ๊ย!! ไอ้เทาบ้า เจ็บนะ” เทายิ้มแล้วลุกขึ้นนั่งก่อนจะฉุดคนที่ยังนอนกลิ้งให้ลุกขึ้นนั่งตาม อ้อมแขนยาวตวัดกอดร่างเล็กๆเข้ามากอด
“ไปอาบน้ำได้แล้ว เหม็น!” แล้วคนขี้แกล้งก็วิ่งลงจากเตียงออกไปนอกห้องพร้อมกับเสียงหัวเราะ แบคฮยอนที่คว้าหมอนได้แต่ก็ไม่ทันเพราะบานประตูนั้นปิดไปเสียแล้ว
“ไอ้บ้า..” ด่าตามหลังแต่รอยยิ้มก็ประดับอยู่บนใบหน้า แค่นี้ก็รับรู้ได้แล้วว่า ทุกวินาทีของแต่ละวันนั้นอยู่เพื่อใคร ถ้าไม่ใช่คนที่เพิ่งแกล้งตัวเองเมื่อครู่ ถ้ายังไม่หมดเวลาพยอนแบคฮยอนก็ไม่หยุดรักหรอก ต่อให้หมดลมหายใจความรักนี้ก็จะไม่มีวันสิ้นสุด
แบคฮยอนที่อาบน้ำและแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เดินลงมาจากบันได ร่างสูงที่นั่งอยู่บนพื้นเล่นโน้ตบุคของตัวเอง แค่มองริมฝีปากเล็กก็วาดรอยยิ้มด้วยความสุขแล้ว เมื่อครู่คนตัวสูงแกล้งเขาแต่รอบนี้เป็นการเอาคืนโดนพยอนแบคฮยอน!!
คนตัวเล็กที่ค่อยๆย่องเข้าไปด้านหลังหมายว่าจะหลอกให้อีกคนสะดุ้งตกใจ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆแผ่นหลังกว้างนั้นก็เห็นว่าในหน้าโน๊ตบุคนั้นเป็นรูปภาพของคนที่ร่างสูงนี้รักหมดหัวใจ เพียงแค่นี้แบคฮยอนก็รู้สึกเหมือนว่าลมหายใจของตัวเองถูกลิดรอนอีกครั้ง อยากจะฆ่าฉันให้ตายเลยใช่ไหม ฉันต้องทำยังไง ต้องทำอะไรอีกนายถึงจะหันมารักฉันเสียที
“เทา ไปกินข้าวกันเถอะ” เอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงสั่น เทาสะดุ้งแล้วหันมาหาก็เจอเข้ากับเพื่อนตัวเล็กที่ส่งยิ้มแปลกๆมาให้ เทายิ้มรับแล้วพับหน้าจอลง
“ไปดิ หิวจะแย่อยู่แล้วอาบน้ำนานเชียวนะ” เทาเดินมาคว้าข้อมือเล็กแล้วพาจูงไปทานข้าวเช้าด้วยกัน ดวงตาเล็กมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าแล้วก็ก้มหน้ายิ้มเยาะตัวเอง สมเพชตัวเองชะมัดเลย
“มาจ๊ะเด็กๆมาทานข้าวกัน เดี๋ยวคุณแม่ต้องเอาแฟ้มเอกสารไปให้คุณพ่อนะทานกันไปเลยนะ” มารดาของแบคฮยอนหันมายิ้มเมื่อเห็นลูกชายและเพื่อนลูกชายเดินเข้ามาในห้องทานอาหาร เธอเดินเข้ามาหอมแก้มบุตรชายแล้วลูบหัวกลมๆของบุตรในอุธรณ์เบาๆ
“ทานข้าวกันเถอะ” พอได้ชาร์ตพลังแล้วแบคฮยอนก็กลับมายิ้มร่าเริงอีกครั้ง หลังจากที่มารดาออกจากบ้านไปทั้งสองก็มานั่งทานข้าวเช้ากัน
เทากับแบคฮยอนช่วยกันหาข้อมูลและทำรายงานกันอยู่นานกว่าที่จะเสร็จ แบคฮยอนเอนหลังไปพิงกับโซฟาก่อนที่จะเอนหัวลงนอนบนที่นั่งของโซฟา ร่างสูงข้างกายเองก็ทำเช่นเดียวกัน ดวงตาดุหันมองใบหน้าด้านข้างของคนข้างกายที่หลับตาพริ้มแล้วก็ยิ้มออกมา นิ้วยาวเอื้อมไปทัดปอยผมข้างแก้มขึ้นทัดใบหูขาวก่อนที่จะจิ้มแก้มคนที่ยังนอนหลับตาอยู่ในลืมขึ้น แบคฮยอนหันหน้าไปมองใบหน้าคมที่ส่งรอยยิ้มมาให้ในระยะประชิด หัวใจก็เต้นรัวเสียจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
“พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ ไปเที่ยวกันไหม? เดี๋ยวเลี้ยงหนัง” เทายักคิ้วให้คนที่ชอบดูหนังฟรีและรู้ว่าเพื่อนตัวเล็กต้องตอบตกลงแน่ๆ
“ฟรีเหรอ? ไปดิๆๆ” แบคฮยอนยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายตอบรับ จริงๆแล้วแบคฮยอนแล้วไม่ได้ชอบดูหนังฟรี แต่แบคฮยอนชอบดูหนังกับเทา
“พรุ่งนี้เที่ยงไปเจอกันที่หน้าเซ็นเตอร์นะ แต่งตัวน่ารักๆด้วยล่ะ” แบคฮยอนย่นจมูกใส่
“ถึงจะแต่งธรรมดาฉันก็น่ารัก!!!” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะประสานเสียงไปด้วยกัน แบคฮยอนแอบลอบมองใบหน้าด้านข้างของร่างสูงที่ดูมีความสุขและผ่อนคลาย อยากให้เวลาหยุดไว้แค่ตรงนี้จัง อยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป คนตัวเล็กค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้แล้วเอนหัวพิงไหล่กว้างไว้ เทาลืมตาขึ้นมาเห็นว่าแบคฮยอนหลับก็ไม่ได้ว่าอะไรค่อยๆเลื่อนตัวของคนหลับให้เข้ามาซบดีๆแล้ววาดแขนโอบเอวเล็กไว้ นายผอมลงหรือเปล่านะแบคฮยอน
แบคฮยอนหมุนรอบตัวเองเป็นรอบที่ร้อยกว่าๆแล้วในกระจก วันนี้เป็นวันที่เทาบอกว่าจะเลี้ยงหนัง ถ้าจะติ๊ต่างว่าเราไปเดทกันจะได้ไหมนะ คิดเองก็หน้าแดงเอง สองมือเล็กยกขึ้นปิดแก้มตัวเองไว้ก่อนที่จะยกมาพัดๆให้แก้มของตัวเองหายร้อน ดวงตาเล็กมองเงาสะท้อนของตัวเองแล้วก็วาดรอยยิ้ม วันนี้แบคฮยอนควานหาชุดน่ารักที่สุดในตู้มาเลยนะ
“แบคฮยอนไฟท์ติ้งนะ! วันนี้จะต้องบอกให้เทารู้ให้ได้เลย!!” พอให้กำลังใจตัวเองเรียบร้อยแล้วแบคฮยอนก็เดินไปคว้ากระเป๋าสะพายข้างแล้วเตรียมตัวไปเจอเทาที่หน้าเซ็นเตอร์ทันที
แบคฮยอนนั่งเท้าคางกับขอบกระจกของรถโดยสาร เรียวปากบางยิ้มกว้างกับทัศนียภาพด้านนอก เห็นอะไรคนตัวเล็กก็อารมณ์ดีไปหมดเสียทุกอย่างนั้นล่ะ ยกข้อมือดูเวลาก็พบว่าอีก20นาทีจะถึงเวลานัดหมาย ยังไงแบคฮยอนก็ถึงทันแน่นอน เทาน่ะชอบมาสาย20นาทีประจำ เพราะฉะนั้นแบคฮยอนมีเวลา40นาที
คนตัวเล็กนั่งรอที่น้ำพุใหญ่ตรงลานหน้าเซ็นเตอร์เพื่อรอคนนัด แรกๆใบหน้าน่ารักก็ยังคงประดับรอยยิ้มแต่ทว่าเวลาที่เดินผ่านไปจนล่วงเลยเวลานัดไปหนึ่งชั่วโมงแล้วคนนัดก็ยังไม่มาสักที แบคฮยอนคิดว่าคนตัวสูงนั้นอาจจะมีเหตุจำเป็นให้ออกจากบ้านสายก็ได้ แต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็น แบคฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วหยิบมือถือขึ้นมาหมายว่าจะโทรตามตัวคนนัดเสียหน่อย แต่คนสองคนที่เดินผ่านไปอีกด้านนั้นช่างคุ้นตาเสียจริง
มือถือสุดรักของแบคฮยอนตกกระทบพื้นอย่างจังเมื่อเจ้าของมันมืออ่อนเมื่อมองเห็นชัดๆแล้วว่าคนที่เดินผ่านไปอีกด้านนั้นคือใคร สองร่างที่เดินมาเคียงข้างกันทั้งยิ้มให้กัน หัวเราะให้กัน ภาพตรงหน้าคล้ายดั่งภาพสโลว์ที่เคลื่อนไหวช้าๆทีละสเต็ป ช้ามากจนเสียไปทั้งใจ แบคฮยอนก้มลงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดส่งข้อความหาใครอีกคน
นายอยู่ไหนน่ะเทา
ขอโทษนะพอดีมีธุระด่วน ไว้วันหลังเราไปดูหนังกันใหม่นะ ฉันจะเลี้ยงนาย2เรื่องเลย! ฉันสัญญา
ธุระของนายคือเขาอีกแล้วใช่ไหม.. นายจะทำร้ายฉันไปถึงไหน ฉันเป็นอะไรสำหรับ ฉันเคยมีความหมายสำหรับนายบ้างไหมฮวางจือเทา พยอนแบคฮยอนเป็นอะไรกันแน่สำหรับฮวางจื่อเทา
แบคฮยอนยกหลังมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ออกไปให้ไกล ไกล.. จนกว่าจะมองไม่เห็นภาพนั้นอีก
...อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย…
“เฮ้อ……” แบคฮยอนนั่งกอดเข่าแล้วถอนหายใจยาวๆ วันนี้คนตัวเล็กมาโรงเรียนแต่เช้าเพื่อเอากล่องข้าวมาให้ใครอีกคน ว่าจะไม่เอามาให้แต่ตัวเองก็ตื่นเวลาเดิมแล้วลงมาจัดเตรียมเมนูอาหารให้เสียอย่างนั้น จะด้วยความเคยชินหรือด้วยความรักที่ทำให้ก็แล้วแต่ ตอนนี้แบคฮยอนเหนื่อยมาก ดวงหน้าขาวซบลงกับเข่าเพื่อปิดกลั้นทุกสิ่งอย่าง
วันนี้ทั้งวันแบคฮยอนโดดเรียนไม่เข้าสักคาบเดียว ช่วงพักกลางวันก็ไม่ลงไปกินข้าว เอาแต่นั่งซบหน้าหลบอยู่ในห้องชมรมดนตรีด้านใน ห้องเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักถ้าไม่ใช่พวกรุ่นพี่ที่เคยแอบเข้ามา และแบคฮยอนก็เป็นหนึ่งในนั้นที่พบเจอโดยบังเอิญ แต่สถานที่แห่งนี้เทาไม่รู้และถ้าตามหาก็คงจะตามหาไม่เจอ
“บ้าน่า.. จะมาตามหาทำไม” พูดไปก็นึกคิดน้อยใจ ที่ทำทุกอย่าง ทำให้ไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยมองเห็นค่ากันเลย
“ฉันเหนื่อยแล้วนะ เมื่อไหร่มันจะจบสักที” เส้นทางของเราคงยาวจนไม่มีที่สิ้นสุดสินะ จะให้ทำตัวแบบที่นายชอบ ทำทุกอย่างที่นายชอบให้ แต่ก็ไม่เคยหันมาสนใจกันเลย บางทีมันก็เหนื่อยนะ เหนื่อยเกินไปที่จะยืนอยู่ที่ตรงนั้น เหนื่อยเกินกว่าที่จะก้าวขาเดินต่อได้อีก
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมาหลังจากที่ตัวเองนั่งท่านี้อยู่นาน มือเล็กหยิบมืถือที่เปิดสั่นและมันก็สั่นแทบจะตลอดเวลาขึ้นมาดู มิสคอลและข้อความเป็นร้อยๆสายที่ใครอีกคนโทรหา ริมฝีปากเล็กค่อยๆวาดรอยยิ้ม เทาไม่เคยมีความอดทนอะไรได้นานๆ เทาไม่ชอบรออะไรนานๆ แต่แบคฮยอนยอมที่จะรอเทาได้นานๆ นานมากกว่าที่เทาคิดเสียอีก แค่เพียงเห็นว่าอีกคนเพียรพยายามโทรหามากขนาดนี้หัวใจก็เต้นรัวอีกครั้ง
ก็ยังคงรัก ยังคงอยากทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมแต่แบคฮยอนไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นหน้ากันในเร็ววันนี้ ภาพเหตุการณ์นั้นมันยังคงติดตาและฝังลึกลงไปในสมอง ต่อให้ลบยังไงก็คงทำไม่ได้ ปลายนิ้วเลื่อนอ่านข้อความแต่ละข้อความด้วยรอยยิ้มแค่สิ่งเล็กน้อยนี้ก็เมือนเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจและเป็นสิ่งที่ผลักดันให้แบคฮยอนลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง
“ต่อให้ต้องรอนายไปทั้งชีวิต.. ฉันก็ยอมรอ รอไปจนกว่าโลกนี้จะดับสูญ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ฉันก็จะรอนายแค่คนเดียว” รอยยิ้มถูกวาดส่งให้กับรายชื่อของคนที่โทรเข้ามา หยดน้ำตากลิ้งไหลผ่านแก้มไป
“ไม่ว่าฉันจะเป็นผู้ชนะหรือไม่ แต่ฉันจะต้องคว้าเหรียญรางวัลอย่างนายให้ได้”
เมื่อมองเวลาแล้วว่าตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียนแล้วแบคฮยอนก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องซ้อมดนตรีไป วันนี้ไม่มีเด็กเข้าชมรมเลยรอดตัวไป เมื่อเดินลงมาจากตึกก็เห็นเทาที่รีบวิ่งเข้ามาหา พอเข้ามาถึงตัวแขนยาวก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดรัดไว้แนบอก
“นายหายไปไหนมา ฉันโทรไปทำไมไม่รับ” แบคฮยอนหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นเอาไว้แล้วจึงวาดรอยยิ้มกับแผ่นอกอุ่นนั้น
“ไม่สบายน่ะก็เลยไปนอนที่ห้องพยาบาลมา ฉันตั้งเสียงสั่นไว้น่ะก็เลยไม่ได้ยิน” แบคฮยอนยกมือขึ้นตบแผ่นหลังกว้างเบาๆ
“ฉันไปตามที่ห้องพยาบาลทำไมถึงไม่เจอ” เทาจับสองแขนของแบคฮยอนแล้วละตัวเพื่อนให้ออกห่าง
“เอ่อ... สงสัยฉันคงไปเข้าห้องน้ำมั้ง เรากลับบ้านกันเหอะนะ” เทาขมวดคิ้วมองแต่ก็ไม่ได้ต่อตวามยาวสาวความยืดอะไรอีก มือใหญ่สอดจับเข้ากับมือเล็กแล้วพากันเดินกลับบ้านด้วยกัน
แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าด้านข้างของคนที่เดินจับมืออยู่เคียงข้าง ถ้าวันใดที่ใบหน้านั้นหันกลับมามองกันฉันคงจะเข้าใกล้นายมากจนสัมผัสหัวใจของนายได้สินะ แบคฮยอนกระชับมือที่จับกันอยู่แล้วก้มหน้าลงยิ้มกว้างๆกับตัวเอง มีความสุขก็ขอเก็บเกี่ยวความสุขเอาไว้ให้ได้ทั้งหมด เก็บไว้ใช้ในวันที่ทุกข์ใจ ถ้าฉันยอมถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว ระยะทางของเราจะห่างกันแค่หนึ่งก้าวหรือเปล่า หรือมันจะห่างออกไปจนมองไม่เห็นอะไรอีกเลย
แบคฮยอนก็ยังคงตื่นเช้าเหมือนเดิมและลงมาทำอาหารให้จื่อเทาอีกแล้ว วันนี้ว่าจะทำไข่ม้วนเพราะเมื่อวานตอนเย็นเทาก็มาทานข้าวเย็นด้วยแล้วบอกว่าอร่อยอยากกินอีก แน่นอนว่าแบคฮยอนก็ไม่ยอมให้มันปล่อยผ่านไปหรอก เพียงไม่นานไข่ม้วนสีเหลืองหอมน่ากินก็เสร็จเรียบร้อย คนตัวเล็กยิ้มกว้างกับผลงานแล้วค่อยๆใช้มีดตัดเป็นชิ้นพอดีคำแล้วจัดเรียงใส่กล่องข้าวอันเดิม พร้อมกับเหลือช่องสุดท้ายไว้ใส่ข้าวที่อัดไว้แน่น
หลังจากทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วแบคฮยอนก็เตรียมตัวเดินไปโรงเรียนแต่วันนี้ที่หน้าบ้านกลับมีคนมายืนพิงกำแพงบ้านหลับเสียอย่างนั้น แบคฮยอนเดินเข้าไปด้วยความสงสัยว่าเพราะอะไรคนนี้ถึงมายืนหลับอยู่หน้าบ้าน ฝ่ามือเล็กจับเข้าที่แขนของคนหลับแล้วเขย่าเบาๆ
“มายืนหลับอะไรตรงนี้เนี่ยเทา ทำไมไม่เข้าบ้าน” เทาหาวหวอดๆก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“แล้วมายืนทำอะไรตรงนี้” ดวงตาดุก้มลงมองคนที่ยืนทำหน้าคิ้วขมวดก่อนจะใช้ปลายนิ้วชี้จิ้มเข้าที่ระหว่างคิ้วนั้นเบาๆ
“ก็มารอนายนั่นแหละไปกันได้แล้ว ง่วงมากว่าจะไปนอนต่ออีกสักหน่อย” เทาจับมือเล็กแล้วพาจูงให้ออกเดินไปด้วยกัน แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นมองคนข้างตัวแล้วก็ยิ่งสงสัยหนัก
“มารอทำไมล่ะ ก็ไปเองได้ทุกวันนิ” เทาหันมาทำหน้าดุใส่อีกคนที่วันนี้ช่างสงสัยเสียเหลือเกิน
“ก็มารับน่ะสิ ถ้าเกิดวันนี้นายหายไปอีกฉันจะทำยังไงห๊ะ!” แบคฮยอนแอบลอบยิ้มกับตัวเอง ไอ้คำพูดแบบนี้คือ...
“นายเป็นห่วงฉันเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ!” คุณคิดว่าคนเราจะยิ้มกว้างได้แค่ไหนกันนะ วันนี้แบคฮยอนรู้แล้วว่ากว้างได้แค่ไหน แทบจะกว้างได้เท่าโลกเลยล่ะ
ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาเป็นห่วงกัน ทำไมถึงทำเหมือนแคร์กันมากขนาดนั้น ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ช่างเถอะก็ขอเข้าข้างตัวเองต่อไป ถ้าไม่ผลักไสกันก็จะคอยอยู่ข้างๆแบบนี้ไปเรื่อยๆ อยู่ข้างหลังคอยลอบมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้านี้ไปตลอด แม้จะอยากรู้ว่าที่ทำมาทั้งหมด ที่มาทำห่วงกันนี่เพราะอะไร แต่ก็ช่างเถอะ ขอแค่ได้อยู่ข้างๆก็พอ ได้อยู่ด้วยกัน
ถ้าบอกว่าพยอนแบคฮยอนกลัวความจริงล่ะ? ทุกคนจะเชื่อไหม? ถ้าคำตอบนั้นบอกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน ถึงจะบอกแต่ก็คงตัดใจไมได้ ก็คนมันรักไปแล้ว
แต่ในส่วนลึกๆของใจก็ยังอยากที่จะรับรู้ความรู้สึกจริงๆ ว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันในฐานะอะไร ถ้านายไม่พูดฉันก็ไม่รับรู้หรอก ขอยืดเวลาความสุขของฉันไปอีกเถอะนะ
…ยังไม่คิดยอมแพ้ฉันเพียงแต่อ้อนล้าก็เท่านั้น ภายในใจยังคงรักเธอเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอบอกให้ฉันได้รับรู้ ความในใจของเธอเหตุผลต่างต่างที่ยังซ่อนไว้…
“เทานายเป็นอะไร!!” แบคฮยอนที่วิ่งวุ่นตามหาเทาทั่วโรงเรียนก็แทบจะถลาเข้ามาเมื่อเห็นคนที่ตัวเองตามหานั่งอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ริมสระน้ำด้านหลังโรงเรียน เทานั่งนิ่งแต่หยดน้ำตาของเขาก็ไหลเป็นสาย แบคฮยอนตกใจมากที่อยู่ๆเขาคนนั้นก็เดินเข้ามาหาแล้วบอกให้หาตัวเทา ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหตุการณ์อะไรมากนักหรอกแต่ข้างในมันร้อนรุ่มและกระวนกระวาย
“นายร้องไห้ทำไม เป็นอะไร ใครทำอะไรนาย” เทาหันไปคว้าคนตัวเล็กมากอดแล้วปล่อยความรู้สึกทั้งหมดลงกับไหล่เล็ก หยดน้ำตาของผู้ชายร่างสูงนี้ก็ทำให้แบคฮยอนเศร้าใจไปด้วย สองแขนโอบรอบแผ่นหลังกว้างที่สั่นสะท้าน มือเล็กลูบแผ่นหลังปลอบ
“บอกฉันมาเถอะว่าใครทำอะไรนาย”
“ฉันไปบอกรักเขา .... แต่เขาก็ปฏิเสธ” นานมากกว่าที่เทาจะเริ่มต้นเอ่ยบอก แบคฮยอนรู้ว่าเขาที่คนที่กอดตัวเองไม่ปล่อยนั้นคือใคร
“นายก็รู้ว่าเป็นเป็นแฟนกับ...”
“ฉันรู้! ฉันรู้แล้ว!!” ยังพูดไม่ทันจบประโยคเทาก็ขึ้นเสียงตัดประโยคนั้นทิ้ง “ฉันก็แค่อยากให้เขารู้ แค่อยากบอก ก็ว่าทำใจได้แล้วนะแต่พอได้ยินจริงๆมันก็....” ม่านน้ำที่รอบหน่วยตาของแบคฮยอนทำให้คนตัวเล็กมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน แล้วคิดถึงตอนที่ตัวเองบอกกับคนๆนี้บ้าง ก็คงจะไม่ต่างกัน
“นายก็มองคนอื่นบ้างสิ บางทีนายก็อาจจะมีคนที่รักนายเหมือนกันนะ” เทาส่ายหน้ากับลาดไหล่เล็กของแบคฮยอนแล้วเอ่ยพูดประโยคที่ทำให้แบคฮยอนอยากปล่อยโฮเหมือนกัน
“ฉันรักใครไม่ได้แล้ว ทั้งหัวใจของฉันเป็นของเขา” แล้วฉันล่ะ!! ฉันก็รักนายเหมือนกัน ทำไมถึงมองไม่เห็น ทำไมถึงไม่สนใจกัน ทำไมถึงไม่เคยรู้ตัวนะฮวางจื่อเทา!!
“อึก... อีกไม่นาน นายจะลืมเขาเอง นายจะต้องเจอคนที่รักนายมากๆและนายก็จะรักเขามากเช่นกัน ...สักวัน” ก็แล้วมันเป็นวันไหนกันนะ หรือวันนั้นจะไม่มีอยู่จริง?
“อืม...” แล้วทั้งคู่ก็ร้องไห้ด้วยหัวใจที่ปวดร้าวอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน การที่รักคนที่ไม่รักเรานี่มันก็เจ็บปวดเหมือนกันนะ แต่คงจะเจ็บกว่าที่เห็นคนที่เรารักเจ็บปวดเพราะรักคนอื่นที่ไม่ใช่เรา เจ็บมากแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี รอให้นายเปลี่ยนใจจากเขาใช่ไหม? ฉันคงทำได้แค่นี้สินะ
นานแค่ไหน? ไกลแค่ไหน? กว่าที่เราจะใกล้ และ นายจะรักฉัน บอกฉันทีว่าต้องทำอย่างไร
“ไม่เป็นไรนะ ถึงนายจะไม่มีเขาแต่นายก็มีฉันนะ ฉันจะอยู่กับนาย อยู่ใกล้ๆนาย อยู่กับนายแบบนี้” ตลอดไป และจะรอจนกว่านายจะเห็นความหมายของฉัน
“ขอบใจนะ นายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลยแบคฮยอน”
ฉันไมได้อยากเป็นเพื่อนนาย ... เดินมาไกลขนาดนี้ก็ยังไม่ถึงใจนายสักทีสินะจื่อเทา อีกไกลไหม? ปลายทางของนายน่ะ
...ว่าทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร…
ใต้ต้นใหม่ใหญ่ริมทะเลสาบในสวนสาธารณะใหญ่ สถานที่ที่ทั้งสองชอบมานั่งด้วยกัน เทานั่งพิงลำต้นใหม่แล้วหลับตาไว้ ขาข้างหนึ่งชันขึ้นและพาดแขนวางไว้ส่วนอีกมือก็วางไว้สบายๆที่ตัก รับเอาอากาศเย็นๆและสายลมบริสุทธิ์ให้เต็มปอด แบคฮยอนนั่งข้างเคียงลอบมองด้านข้างของคนที่นั่งพักผ่อนแล้วก็วาดรอยยิ้ม
ไม่ต้องไกลกันมากไป ไม่ต้องใกล้กันจนรู้สึก แต่แค่ความพอดีที่เรายังคงยืนอยู่เคียงข้างกันได้ แม้หัวใจของเราจะไม่ใช่ของกันและกัน แต่ตอนนี้ขอแค่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันไปก่อนก็แล้วกัน .. ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนินา หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลคงมีสักวันที่ฉันจะเดินทันนายนะ สักวันที่ฉันจะเฝ้ารอ
“มีอะไรจะพูดก็พูดมา มองหน้าอยู่ได้ ... เขินเป็นเหมือนกันนะ” นัยน์ตาสีรัตติกาลหลังเปลือกตาหันมองคนตัวเล็กที่นั่งมองอยู่เคียงข้าง แบคฮยอนส่งยิ้มให้อย่างเขินอายที่โดนจับได้
“หนาๆอย่างนายเขินเป็นเหรอเทา? เพิ่งรู้นะเนี่ย!!” แล้วแบคฮยอนก็หัวเราะเสียงใส เทาเองก็ทำหน้าเหม็นเบื่อก่อนที่จะเขกหัวกลมๆนั้นไปเสียหนึ่งที
“เจ็บนะไอ้เทาบ้า!!” สองมือยกขึ้นกุมหัว จริงๆก็ไม่เจ็บอะไรมากนักหรอกนะ
“ช่วยไมได้ มาด่าฉันก่อนทำไม” แล้วเจ้าตัวก็ยักไหล่อย่างไม่แยแส แบคฮยอนเลยยู่ปากแล้วฟาดมือลงที่ต้นขาของคนแกล้งแรงๆจนเทาสะดุ้ง
“ไอ้หมากระเป๋าเจ็บนะ!!” แบคฮยอนก็เชิดหน้าแล้วยักไหล่
“ทำไมต้องสนด้วยล่ะไอ้แพนด้าตาดำ!!” เทาล็อคคอแบคฮยอนแล้วใช้อีกมือเคาะหัวแบคฮยอน
“แล้วแพนด้าที่ไหนตาขาววะห๊ะ?” แบคฮยอนดิ้นๆหนีมือนั้นแต่ก็หนีไปไหนไม่ได้ก็เล่นล็อคคอกันแบบนี้น่ะ
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!!” แต่เทาก็ไม่ยอมปล่อย กลับดึงให้แบคฮยอนลงมานอนซบที่อกของตัวเอง ทั้งสองเงียบกันอยู่นานปล่อยให้ธรรมชาติร้องเพรียกหากัน ก่อนที่แบคฮยอนจะสูดลมหายใจแล้วเอ่ยถามสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจมานานแสนนาน
“เทา... ฉันมีความหมายกับนายมากแค่ไหน” ดวงหน้าน่ารักเงยขึ้นมองเจ้าของอกอุ่นนี้ ดวงตาเรียวสั่นไหวคล้ายกลัวคำตอบ แต่ก็ยังอยากที่จะรับฟัง
“นายมีความหมายกับฉันมากนะแบคฮยอน นายเป็นเพื่อนรักของฉัน นายเป็นคนแรกที่เข้าหาฉัน นายเป็นคนแรกที่ไม่กลัวฉันและฉันก็มีความสุขที่ได้อยู่กับนายนะ” แบคฮยอนยิ้มกับคำตอบแบบนั้นก่อนที่จะค่อยๆดันตัวออกจากอ้อมกอดนั้น
“ฉันรักนายนะเทา .... นายรู้ใช่ไหม?” แบคฮยอนหันไปมองคนข้างตัวที่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้
“อืม รู้และฉันก็รักนายมากเหมือนกันนะ” หัวใจของแบคฮยอนเต้นรัวเร็วจนเจ็บหน้าอกไปหมด คนตัวเล็กส่งยิ้มกลับคืน
“นายรักฉันแบบไหน” ฝ่ามือใหญ่ที่อบอุ่นวางลงบนกลุ่มผมนิ่มพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้
“นายเป็นเพื่อนรักที่ฉันรักมากที่สุด” หัวใจที่เคยเต้นรัวนั้นค่อยๆเต้นช้าลงและก็ไม่รู้ว่ามันจะหยุดเต้นเมื่อไหร่ คนตัวเล็กก้มหน้าลงซ่อนความเสียใจไว้ เทาละมือออกแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดอยู่ที่ริมทะเลสาป
“แล้วอีกไกลไหมที่ฉันจะไปอยู่ในหัวใจของนายน่ะ” แบคฮยอนพูดกับตัวเองไม่หวังให้ใครอีกคนตอบคำถามนี้
...อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้บอกที อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉันเสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย…
เทาไม่ตอบแต่แค่หันไปมองด้านหลังที่มีร่างของคนตัวเล็กนั่งก้มหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ ริมฝีปากได้รูปวาดรอยยิ้มก่อนที่จะหันกลับมามองตรงไปยังด้านหน้า สองมือล้วงลงในกระเป๋าแล้วยืนมองเหม่อไปด้านหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไกล.. จนไม่รู้ว่าสุดปลายสายตานั้นคือที่ตรงไหน ... และจะพบเจอสิ่งใด
ไกลแค่ไหนคือใกล้... กันนะ
…FIN…
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น